รัก,วัยว้าวุ่น,ไทย,อื่นๆ,ผู้ใหญ่,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
“ถ้ายังพอมีความคิดอยู่บ้างก็ควรจะรู้นะว่าต้องทำยังไง” ปักษาทิ้งท้ายประโยคแสนเจ็บแสบเอาไว้แล้วหมุนตัวเดินออกไป
“คุณหนูอย่าคิดมากเลยนะคะป้าไม่เหนื่อยจริง ๆ ยังอยู่ดูแลคุณหนูได้อีกนาน” ป้ารำพาหันมาบอกเสียงนุ่ม
พอได้มาสังเกตดี ๆ ถึงได้เห็นว่าใบหน้าที่เคยเต่งตึงของป้ารำพาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยริ้วรอย นิ้วมือที่เคยอุ้มชูฉันมาตั้งแต่เด็กก็เริ่มเหี่ยวย่นไปตามกาลเวลา เพราะต้องตื่นมาทำอาหารให้ฉันตั้งแต่เช้ามืดทุกวันเลยทำให้พักผ่อนได้ไม่เพียงพอทำให้ตาบวมคล้ำกว่าปกติ
ทั้งที่ป้ารำพาก็อยู่ใกล้ตัวฉันมากที่สุดแต่ทำไมฉันถึงได้ไม่เคยมองเห็นถึงจุดนี้เลยนะ
“มินทร์ขอโทษนะคะป้ารำพา” ฉันเข้าไปสวมกอดป้ารำพาอย่างนึกรู้สึกผิด ราวกับมีก้อนแข็ง ๆ มาจุกที่ลำคอจนพูดอะไรไม่ออกอีก
“โถ่คุณหนูของป้า ไม่ต้องขอโทษป้าหรอกค่ะคุณหนูไม่ได้ผิดอะไรเลย” ฝ่ามืออบอุ่นที่คุ้นเคยยกขึ้นมาลูบหลังฉันแผ่วเบา
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกจนเต็มปอดก่อนจะผละตัวออกแล้วหันไปมองหญิงสาวสองคนที่ปักษาจ้างมา
“ต่อไปนี้ดูแลป้ารำพาให้เหมือนกับที่ดูแลฉัน ให้ถือว่าป้ารำพาคือเจ้านายอีกคนของพวกเธอนะ”
“ค่ะคุณหนู” สองสาวที่อยู่ในชุดแม่บ้านค้อมหัวลงเล็กน้อยหลังจากที่ได้รับคำสั่ง
“ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยค่ะคุณหนู”
“ป้ารำพาเปรียบเสมือนแม่คนที่สองของมินทร์ ให้มินทร์ได้ตอบแทนอะไรป้ารำพาบ้างเถอะนะคะ” ฉันรู้ว่าป้ารำพาคงเกรงใจแต่ฉันไม่เคยมองว่าป้ารำพาเป็นคนนอกเลย เขาเปรียบเสมือนคนในครอบครัวเพราะแบบนั้นเลยทำให้บางทีฉันอาจจะมองข้ามไปบ้างเพราะเคยชินกับการที่มีป้ารำพาคอยทำอะไรให้ทุกอย่าง จนลืมนึกไปว่าขณะที่ฉันกำลังเติบโตขึ้น ป้ารำพาเองก็แก่ตัวลงทุกวันเช่นกัน
ปฏิเสธไม่ได้เลยจริง ๆ ว่าครั้งนี้ต้องขอบคุณคำพูดของปักษาที่ทำให้ฉันฉุกคิดขึ้นมาได้
หลายอย่างภายในบ้านดูเปลี่ยนแปลงไปหลังจากที่ปักษาเข้ามาปกครองที่นี่ เขาจัดวางระบอบใหม่ ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าอะไรสามารถทำได้และอะไรที่ห้ามทำเด็ดขาด เขาดูเข้มเป็นพิเศษเรื่องคนที่จะเข้าออกบ้าน ทุกอย่างมันดูใหญ่โตจนฉันกักเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้อีกต่อไป นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันมาเคาะประตูห้องของเขาในกลางดึกแบบนี้
“มีอะไร” นี่คือประโยคแรกที่ปักษาเอ่ยถามหลังจากเปิดประตูเขาทิ้งตัวพิงไปกับขอบประตูแล้วยกมือขึ้นกอดอก ผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนบ่าบวกกับกลุ่มผมที่ชุ่มไปด้วยหยดน้ำทำให้รู้ว่าเขาพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ
“นายมีเหตุจำเป็นอะไรที่ต้องจ้างคนมาเฝ้าบ้านมากมายขนาดนั้น” ฉันถามเปิดประเด็น คนที่ตัวสูงกว่าฉันหลายเท่าเลิกคิ้วขึ้นสูง “คิดจะก่อกบฏมายึดบ้านแล้วก็สมบัติของฉันใช่มั้ย”
“…” ปักษาส่ายหัวราวกับเอือมระอากับฉันเต็มทนก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าห้องไป ฉันใช้จังหวะที่บานประตูปิดลงยังไม่สนิทผลักเข้าไปแล้วเดินตามหลังเขาไปติด ๆ
“ถ้าการที่ดูซีรี่ส์แล้วมันทำให้เวิ่นเว้อได้ขนาดนี้ก็เลิกดูมันไปซะเถอะ” พอรู้ว่าฉันเดินตามเข้ามาเลยหันกลับมาทำหน้ารำคาญใส่
เมื่อกี้ฉันคงใช้คำพูดเว่อร์ไป ติดมาจากซีรี่ส์ที่ดูอย่างที่ปักษาว่าจริง ๆ
“นายคิดจะทำอะไรกันแน่” ประโยคนี้แหละที่ฉันต้องการจะสื่อ
“คิดจะนอน แต่ดันมียัยตัวน่ารำคาญมาวุ่นวายไม่หยุด” ปักษาแสดงออกมาว่ารำคาญฉันมากจริง ๆ ผ่านน้ำเสียงและนัยน์ตาสีอำพันคู่นั้น
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องตอนนี้ หมายถึงเรื่องที่นายจ้างคนมาเฝ้าบ้านเยอะแยะมากมายตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงพวกนั้นต่างหาก”
“รู้จักความปลอดภัยมั้ย? ไม่รู้จักระวังตัวแบบเธอคงถูกฆ่าปิดปากตายคาห้องนอนวันไหน”
“ปากเสีย! นายนี่มันปากหมาสมชื่อจริง ๆ เลย” อยู่ ๆ มาแช่งให้ฉันโดนฆ่าตายคนปกติที่ไหนเขาพูดเรื่องแบบนี้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลยแบบเขาได้
“หัดคิดเผื่อไว้บ้างก็ดีนะ คนที่มีมรดกเป็นสิบ ๆ ล้านแบบของโปรดพวกโจรมันเลยล่ะ” ปักษาโน้มหน้าเขามาใกล้ ทำเสียงแหบพร่าเหมือนพวกโรคจิตที่เคยดูในหนังเขย่าขวัญ
“บนโลกนี้มันจะมีใครน่ากลัวไปกว่านายอีก” ฉันรีบดันอกเขาออก ก้าวถอยหลังออกมาสองสามก้าวเพื่อรักษาระยะห่าง
“คนที่อ่อนต่อโลกแบบเธอจะไปรู้อะไร บางทีฉันอาจจะน่ากลัวกว่าที่เธอคิดก็ได้นะมินทร์” ปักษาสาวเท้าเข้ามาใกล้ขณะเดียวกันนั้นฉันก็ถอยหลังกรูเพื่อหนีเขา
ปึก!
จนแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงที่เย็นเฉียบทำให้ไร้ซึ่งหนทางที่จะหนีได้อีกต่อไป ครั้นจะเบี่ยงตัวหลบออกมาด้านข้างปักษาก็เท้าแขนลงมากักขังร่างฉันไว้ในอาณาเขตแขนทั้งสองข้างของเขา
เป็นครั้งแรกที่เราหายใจใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ กลิ่นเฉพาะตัวของเพศชายลอยเข้าเตะจมูก มันมอมเมาคล้ายฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ทำให้สมองเริ่มตื้อตันไปหมด
“ถอยออกไปนะ” มีเพียงประโยคสั้น ๆ ที่คิดได้ทันในตอนนี้
“ลืมรึเปล่าว่าเธอเป็นคนตามฉันเข้ามาเอง” ปักษาเตือนความจำ ใช่ ฉันเดินเข้ามาเองเพราะไม่คิดว่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ชวนให้ลืมหายใจแบบนี้
“ไม่ลืม แต่นายไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้นะ” ฉันยกมือขึ้นมาเป็นฐานที่ตั้งดันแผงอกแข็ง ๆ ของปักษาเอาไว้ ลมหายใจอุ่นร้อนถูกเป่ากระทบลงมาบนกลางหัวอย่างตั้งใจ
“แบบนี้ แบบไหน?”
จงใจแกล้งกันชัด ๆ ทั้งคำพูด ทั้งการกระทำ
“ฉันจะบอกอะไรให้อย่างหนึ่งนะชญามินทร์”
“…” ฉันหยุดชะงักทุกการกระทำลง ไม่บ่อยนักที่ปักษาจะเรียกชื่อเต็มฉันแบบนี้ มันแสดงให้เห็นว่าเรื่องที่เขากำลังจะพูดมันคือเรื่องสำคัญและจริงจังมาก
“อย่าเดินตามหลังใครมาง่าย ๆ แบบนี้อีก ไม่ว่าเธอจะไว้คนคนนั้นมากแค่ไหนก็ตาม” เสียงของปักษาดังก้องอยู่ข้างหูก่อนที่เขาจะผละตัวออกไป เขาก้าวถอยหลังออกไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็ทำให้เราอยู่ห่างกันหลายคืบแล้ว
ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่มันมีความนัยน์แฝงอยู่ในประโยคนั้นแน่ ๆ
“นายต้องการจะบอกอะไรฉันกันแน่”
ฉันไม่ได้ฉลาดพอที่จะมานั่งเดารหัสลับที่เขาต้องการจะสื่อหรอกนะ เริ่มคิดแล้วว่าฉันอาจจะสมองน้อยอย่างที่เขาเคยด่าเอาไว้จริง ๆ
“ออกไปได้แล้วฉันจะนอน” ปักษาไม่เพียงไม่ตอบแต่ยังไล่ฉันด้วย
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ” ฉันเดินไล่ตามหลังปักษาอีกครั้งหลังจากที่เขาหันหลังให้ ทั้งที่เขาพึ่งจะบอกอยู่หยก ๆ ว่าอย่าเดินตามหลังใครไปง่าย ๆ แบบนั้นอีก
“ถ้ายังพูดไม่รู้เรื่องฉันจะจับเธอโยนลงหน้าต่างนั่นซะ” เขาหันกลับมา ตวัดสายตาที่ดุดันมองฉันสลับกับหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกเปิดทิ้งเอาไว้ “อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะมินทร์ มากกว่านั้นฉันก็เคยทำมาแล้ว”
รู้สึกขนลุกกับคำพูดของปักษาอย่างบอกไม่ถูก ไหนจะสายตาดุดันคู่นั้นอีก แล้วไอ้ที่มากกว่านั้นก็เคยทำมาแล้วมันหมายถึงอะไร เขาเคยทำอะไร...
การไปเค้นหาความจริงจากปักษาในวันนี้ล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะนอกจากจะไม่ได้รับคำตอบอะไรกลับมาแล้วยังได้ข้อสงสัยเพิ่มให้กลับมานอนคิดมากอีก
ฉันนอนขยับพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ พยายามข่มตานอนให้หลับตั้งแต่สองชั่วโมงก่อนแต่กลับไม่เป็นผล
‘อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะมินทร์ มากกว่านั้นฉันก็เคยทำมาแล้ว’
ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องยึดติดกับคำพูดประโยคนี้ของปักษา แต่ก็เป็นเพราะประโยคนี้แหละที่ทำให้ฉันนอนไม่หลับสักที ไม่รู้ว่าทำไมยิ่งได้รู้สึกกับเขามันถึงได้มีแต่เรื่องให้ยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม