วันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา

Wishing for the star - # 2 Chapter 2 โดย Emiyuu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,มัธยมปลาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Wishing for the star

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มัธยมปลาย,วาย

รายละเอียด

วันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา

ผู้แต่ง

Emiyuu

เรื่องย่อ

           





             คุณเคยเป็นไหม? เวลาที่ชอบใครบางคนแล้วอยากที่จะเข้าหาเหรืออยู่ใกล้เขาที่สุดเท่าที่จะทำได้

   

      แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง "หลิว" เด็กสาวธรรมดาที่ได้แอบชอบ “น่านฟ้า” คนจากต่างโรงเรียน แต่คนๆ นั้นเป็นผู้หญิงแถมยังเย็นชาและมีข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่


      แต่แค่ข่าวลือหรือจะทำให้หลิวถอดใจง่าย ๆ เธอพยายามที่จะทักไปหาน่านฟ้าจากหลายช่องทางแต่ก็ไม่เป็นผล

      จนกระทั่งในคืนหนึ่งฝนดาวตกประหลาดก็ได้ตกลงมา เมื่อหลิวได้ลองอธิฐานไปกับฝนดาวตกความวุ่นวายต่อจากนี้จึงเริ่มขึ้น

สารบัญ

Wishing for the star -# 0 Intro,Wishing for the star -# 1 Chapter 1,Wishing for the star -# 2 Chapter 2,Wishing for the star -# 3 Chapter 3,Wishing for the star -# 4 Chapter 4,Wishing for the star -# 5 Chapter 5

เนื้อหา

# 2 Chapter 2


.

.

.

หลายสัปดาห์ต่อมาหลังจากเหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้น ทั้งหลิวและน่านก็เริ่มที่จะชินกับการที่ต้องใช้ชีวิตแบบที่เห็นหน้ากันทุกวันจนความเกร็งของหลิวได้ลดลงไปมากแต่ก็ยังคงมีความตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ได้มองหรือคุยกับคนที่ตนชอบ


ท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องของเด็กคนเก่งที่กำลังตั้งใจคิดคำนวณโจทย์เลขอยู่นั้นก็มักจะมีเสียงจากอีกฝากของกระจกที่ดังเป็นระยะจนทำให้คิ้วของน่านฟ้าได้ขมวดกันจนเกิดปม


น่านฟ้าทนไม่ไหวเลยได้ลุกและเดินไปที่กระจกที่เป็นต้นเสียง


“มึงเบา ๆ หน่อยดิ“


เรียวแขนได้อยู่ไขว้กันบริเวณด้านล่างของอกของญิงสาวตัวสูง เธอดันแว่นที่กำลังจะตกลงและแสดงออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจจและรำคาญเป็นอย่างมาก


”ขอโทษนะน่าน เราเสียงดังไปใช่มั้ย“

”เออดิ อีกอย่างใครให้มึงเรียกชื่อกูก่อน“

”ฮือ... แล้วทำไมน่านไม่เรียกชื่อเราบ้างล่ะ“

”หึ ไม่มีวัน“

”ที่น่านฟ้าไม่เรียกเพราะมันไม่จำเป็นหรือจำไม่ได้กันแน่“


พวงแก้มสีขาวอมชมพูประดุจไข่มุกไม่พองออกมาแสดงถึงความไม่พอใจของหลิน นั่นได้ทำให้น่านฟ้ารู้สึกหงุดหงิดได้น้อยลงและใบหน้าของหญิงที่สวมแว่นเริ่มที่จะเหยเกกับการกระทำเป็นเด็กของอีกฝ่าย


”อะไร มึงจะพองแก้มทำไมวะ“

”มันน่ารักใช่มั้ยล่ะ“

”ไม่อะ อย่ามั่น“


หลิวได้ทำหน้าลู่ลงเหมือนมีคนใส่ฟิลเตอร์ลูกหมาให้เธอ ลมหายใจของน่านฟ้าได้ถูกระบายออกมา


”สรุปคือมึงเสียงดังทำไมวะ“

”คือเราทำข้อนึงไม่ได้อะ น่านฟ้าช่วยเราทำได้ไหม”

“ก็ได้วะ แต่แค่ข้อเดียว”

“แค่ข้อเดียวก็พอแล้ว”


คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาน่านฟ้าเริ่มแปลกใจ 'แค่ข้อเดียวก็พอ คงไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดใช่มั้ยเนี่ย บางทีอาจจะคิดมากไป'


เวลาผ่านไป สิ่งที่น่านฟ้าคิดก็เกิดขึ้น


“น่านฟ้า เราไม่เข้าใจตรงนี้อะ คือกลไกการทำงานของอันนี้คืออะไรหรอแล้วมันไปต่อยังไง“

”กูขอร้องล่ะ มึงเรียนมายังไงเนี่ย แค่นี้มึงไม่รู้“

”ยังไงน่านฟ้าช่วยสอนเราด้วยนะพลีซ“


เด็กคนเก่งได้กุมขมับของตัวเองและถอนหายใจ'เอาไงดีวะ กูก็รับปากไปแล้วด้วย สอนก็สอน'


“ได้ แต่มึงต้องตั้งใจ”


หลายนาทีต่อมาในห้องของทั้งสองที่กำลังเชื่อมติดกันโดยกระจกที่สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงกันได้ เสียงของน่านฟ้ายังคงดำเนินต่อไปในขณะที่เธอกำลังจดจ่อกับการอธิบายเนื้อหาทางวิชาการให้เด็กสาวจากอีกฟากของกระจกได้ฟัง 


ฝ่ายหลิวนั้นก็ได้แต่มองหน้าของคนที่ตนชอบ เป็นใบหน้าที่เธอไม่ได้มีโอกาสให้ได้เห็นบ่อยนัก ทั้งดวงตากลมโตแพรขนตายาวจมูกเป็นสันกำลังดี ปากกระจับสีชมพูอ่อนที่ขยับไปมาระหว่างที่เธอพูด แม้แต่แว่นตากลมยังไม่สามารถบดบังความสวยของน่านฟ้าได้


“แล้วสิ่งที่ได้ออกมาจะเป็น ATP ”

“สวยอะ... ”

“มึงยังฟังกูอยู่ไหมเนี่ย”

“อ๋อ ฟังสิฟังอยู่ เราไม่ได้วอกแวกเลยนะ“

”ให้มันจริงเถอะ“


น่านฟ้าได้หันมามองเด็กสาวตรงหน้าเล็กน้อยพร้อมกับขมวดคิ้วและดันแว่นขึ้นซึ่งถ้าคนอื่นได้เห็นแบบนี้ก็คงเกร็งและรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายเริ่มมีอาการไม่พอใจแต่ใม่ใช่กับหลิวเลย เธอรู้สึกว่าน่านฟ้ามีเสน่ห์มากและเหมือนกับแมวที่กำลังขู่เธอฟ่อฟ่อ


ส่วนเรื่องที่หลิวได้ให้น่านฟ้าสอนนั้นก็ไม่ได้ยากอะไรมากสำหรับหลิวเลยแต่ด้วยความที่เธออยากจะใกล้ชิดกับคนที่ชอบมากขึ้นก็เลยได้ใช้มารยาหญิงของตน จริงที่หลิวไม่ใช่เด็กที่อ่อนแต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายถึงขั้นเทียบกับน่านฟ้าได้ อย่างน้อยการที่ให้น่านฟ้าสอนเธอก็ทำให้เธอได้ความรู้มากขึ้น


“เข้าใจไหม”

“อื้อ ๆ ขอบคุณนะ”

“มึงเล่นให้กูอธิบายแต่ต้นเลยนะ กูถามจริงมึงผ่านมาได้ไงอะ”

“คงไปไหว้พระภูมิอะ”


เสียงถอนลมหายใจได้ดังมาจากเด็กสาวคนเก่ง


“กูว่านะ มึงอ่านหนังสือเถอะจะได้ไม่เป็นภาระสิ่งศักดิ์สิทธิ์“

”แรงอะ“

”กูพูดความจริง กูไม่คิดว่ามันจะช่วยจริง ๆ ”


หลิวได้พยักหน้าเล็กน้อย 


”แล้วน่านฟ้ามีแพลนจะทำอะไรต่อมั้ยอะ“

”ก็ทำโจทย์กับอ่านหนังสือต่อ“

“ไม่เอาน่า เรามาทำความรู้จักกกันมากขึ้นดีกว่า”

“ไม่ เสียเวลาชีวิตกู”

“เอาน่า เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นไง”

“ไม่”

“ถ้างั้นเราจะเสียงดังและกริ๊ดด้วย”


น่านฟ้าทำหน้ารังเกียจและยอมแต่โดยดี


”น่านฟ้าไม่ชอบเสียงดังหรอ“

”อืม“

”แล้วน่านฟ้าไม่ชอบคนแบบไหนหรอ“

”แบบมึงแล้วก็พวกที่จีบกู“

”ทำไมอ่า“

“น่ารำคาญ ยุ่งกับกูอยู่ได้ แม่งมีหลายคนจัด กูไล่บล็อกก็ยังเสือกที่จะไปสมัครแอคใหม่มาจีบกู บางคนก็เลิกชอบกูไปเลยแต่กูก็ไม่ได้สนใจ“


เด็กสาวได้แต่พยักหน้าและยิ้มออกไปอย่างสดใส 'ยังจะมีคนหน้าด้านเหมือนกูอีกหรอวะ คู่แข่งเยอะจัดหรือน่านหมายถึงกู จะว่าไปกูก็สมัครแอคใหม่ไปทักนางบ่อย ๆ '


“คือต้องไล่บล็อกขนาดไหนวะถึงจะเลิกยุ่งกับกู”

“ก็น่านฟ้าทั้งสวยแล้วก็น่ารักนิ”

“มึงชมหวังอะไรปะเนี่ย”


คิ้วของเด็กคนเก่งได้ขมวดกันอีกครั้ง


“ปล่าวนะ เราแค่พูดความจริง”

“เออ ๆ ”

“น่านฟ้าดูดีมากเลยแถมยังเก่งด้วย”

“มึงก็แปลกคนเนอะ ผู้หญิงปกติไม่ชอบกูด้วยซ้ำแต่มึงเสือกมาคุยกับกู”

“ฮ่ะ ๆ เรานี่แปลกจังเนอะ“


จู่ ๆ ผมยาวระดับเอวสีดำของเด็กสาวคนเก่งก็ได้หลุดลุ่ยลงมาประกออบกับการสวมแว่นและความสวยจากใบหน้าของเธอได้ทำให้เธอมีสเน่ห์ยิ่งขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับตะลึงในนความงามแม้จะรู้วว่าไม่ว่าน่านฟ้าจะทำผมหรือจะแต่งตัวอย่างไร ถ้าเป็นน่านฟ้าก็จะดูดีอยู่เสมอและจะไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น


“เดี๋ยวกูไปมัดผมก่อน”

“เดี๋ยว... ”


สาวร่างสูงได้หยุดและหันกลับมามองที่อีกฝ่าย


“อะไร”

“ไม่ต้องมัดก็ได้นะ แบบนี้มันก็สวยเหมือนกัน”

“ห๊ะ พูดอะไรของมึงอะ น้ำเน่าจัด”

“ก็จะไปมัดใหม่ทำไมล่ะ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ”

“มึงเข้าใจว่ามันน่ารำคาญ เดี๋ยวตัดแม่ง”

“ใจเย็นสิน่าน เค้าล้อเล่น“

”เออ“


เสียงฝีเท้าได้กระทบกับกระเบื้องจนเกิดเสียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ดังมากจนเกินไป เด็กสาวร่างสูงได้เดินพลางคิดกับตัวเองในใจ 'ที่ยัยนั่นชมเราบ่อยขนาดนั้นหรือว่าจะชอบเราวะ ตั้งแต่ตอนแรกที่เจอกันมนก็เคยบอกชอบนิหว่าแต่คงไม่ใช่หรอก' เธอได้ผ่อนลมหายใจออกมา 'หวังว่าจะไม่ชอบกูนะ ถ้าชอบจริง ๆ คงน่ากลัวว่ะ น่ารำคาญด้วย'


นิ้วมือเรียวได้รวบเส้นผมที่จะมาเกะกะหรือปรกใบหน้าจนเกิดความยุ่งได้ถูกสางและมัดอย่างเรียบร้อย 'อย่างน้อยกูก็ขอให้กระจกกูกลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ' 


เมื่อเด็กสาวได้กลับมาที่หน้ากระจกอีกครั้งก็พบว่าสาวร่างเล็กกว่าตนได้หลับไปเสียดื้อ ๆ ตรงนั้น ทำเอาน่านฟ้าได้ถอนหายใจออกมาและดันแว่นกลมขึ้นเป็นปกติ เธอมองสาวตรงหน้าและมองอยู่ครู่หนึ่งจนดวงตาของหลินได้ขยับเล็กน้อย


“ถ้ามึงง่วงก็ไปนอนสิ”

“แต่เราอยากคุยกับน่านอยู่เลยนะ”

“อย่าให้กูพูดอีกรอบ”

“ก็ได้ ฝันดีนะ“


หลิวได้เผยรอยยิ้มสดใสให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปที่เตียง ฝ่ายของน่านฟ้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากและได้อ่านหนังสือต่อไปดังเดิมเหมือนกับว่าบทสนทนาที่ตนได้คุยกับคนต่างโรงเรียนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็เป็นเวลานานพอสมควรที่น่านฟ้าได้คุยกับคนที่ไม่ได้รู้จักอะไรเยอะขนาดนี้ ถ้าโดยปกตินอกจากเรื่องงานแล้วไม่ว่าใครจะชวนเธอทำอะไรหรือคุยอะไรเธอก็มักจะขีดเส้นแบ่งกั้นตัวเธอกับคนรอบข้างไว้ นอกจากภูผาและครอบครัว การกระทำของคนแปลกหน้าคนนี้ทำให้น่านฟ้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถึงไม่ใช่ความรู้สึกที่ชอบนักแต่ก็ไม่ได้รำคาญมากนัก เหมือนกับว่ากำแพงของเธอกำลังจะถูกผู้บุกรุกพังทะลายเข้ามา