วันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา
หญิง-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,มัธยมปลาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Wishing for the starวันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา
คุณเคยเป็นไหม? เวลาที่ชอบใครบางคนแล้วอยากที่จะเข้าหาเหรืออยู่ใกล้เขาที่สุดเท่าที่จะทำได้
แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง "หลิว" เด็กสาวธรรมดาที่ได้แอบชอบ “น่านฟ้า” คนจากต่างโรงเรียน แต่คนๆ นั้นเป็นผู้หญิงแถมยังเย็นชาและมีข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่แค่ข่าวลือหรือจะทำให้หลิวถอดใจง่าย ๆ เธอพยายามที่จะทักไปหาน่านฟ้าจากหลายช่องทางแต่ก็ไม่เป็นผล
จนกระทั่งในคืนหนึ่งฝนดาวตกประหลาดก็ได้ตกลงมา เมื่อหลิวได้ลองอธิฐานไปกับฝนดาวตกความวุ่นวายต่อจากนี้จึงเริ่มขึ้น
.
.
.
หลายสัปดาห์ต่อมาหลังจากเหตุการณ์ประหลาดได้เกิดขึ้น ทั้งหลิวและน่านก็เริ่มที่จะชินกับการที่ต้องใช้ชีวิตแบบที่เห็นหน้ากันทุกวันจนความเกร็งของหลิวได้ลดลงไปมากแต่ก็ยังคงมีความตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ได้มองหรือคุยกับคนที่ตนชอบ
ท่ามกลางความเงียบงันภายในห้องของเด็กคนเก่งที่กำลังตั้งใจคิดคำนวณโจทย์เลขอยู่นั้นก็มักจะมีเสียงจากอีกฝากของกระจกที่ดังเป็นระยะจนทำให้คิ้วของน่านฟ้าได้ขมวดกันจนเกิดปม
น่านฟ้าทนไม่ไหวเลยได้ลุกและเดินไปที่กระจกที่เป็นต้นเสียง
“มึงเบา ๆ หน่อยดิ“
เรียวแขนได้อยู่ไขว้กันบริเวณด้านล่างของอกของญิงสาวตัวสูง เธอดันแว่นที่กำลังจะตกลงและแสดงออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจจและรำคาญเป็นอย่างมาก
”ขอโทษนะน่าน เราเสียงดังไปใช่มั้ย“
”เออดิ อีกอย่างใครให้มึงเรียกชื่อกูก่อน“
”ฮือ... แล้วทำไมน่านไม่เรียกชื่อเราบ้างล่ะ“
”หึ ไม่มีวัน“
”ที่น่านฟ้าไม่เรียกเพราะมันไม่จำเป็นหรือจำไม่ได้กันแน่“
พวงแก้มสีขาวอมชมพูประดุจไข่มุกไม่พองออกมาแสดงถึงความไม่พอใจของหลิน นั่นได้ทำให้น่านฟ้ารู้สึกหงุดหงิดได้น้อยลงและใบหน้าของหญิงที่สวมแว่นเริ่มที่จะเหยเกกับการกระทำเป็นเด็กของอีกฝ่าย
”อะไร มึงจะพองแก้มทำไมวะ“
”มันน่ารักใช่มั้ยล่ะ“
”ไม่อะ อย่ามั่น“
หลิวได้ทำหน้าลู่ลงเหมือนมีคนใส่ฟิลเตอร์ลูกหมาให้เธอ ลมหายใจของน่านฟ้าได้ถูกระบายออกมา
”สรุปคือมึงเสียงดังทำไมวะ“
”คือเราทำข้อนึงไม่ได้อะ น่านฟ้าช่วยเราทำได้ไหม”
“ก็ได้วะ แต่แค่ข้อเดียว”
“แค่ข้อเดียวก็พอแล้ว”
คำพูดของอีกฝ่ายทำเอาน่านฟ้าเริ่มแปลกใจ 'แค่ข้อเดียวก็พอ คงไม่ได้มีอะไรแปลกประหลาดใช่มั้ยเนี่ย บางทีอาจจะคิดมากไป'
เวลาผ่านไป สิ่งที่น่านฟ้าคิดก็เกิดขึ้น
“น่านฟ้า เราไม่เข้าใจตรงนี้อะ คือกลไกการทำงานของอันนี้คืออะไรหรอแล้วมันไปต่อยังไง“
”กูขอร้องล่ะ มึงเรียนมายังไงเนี่ย แค่นี้มึงไม่รู้“
”ยังไงน่านฟ้าช่วยสอนเราด้วยนะพลีซ“
เด็กคนเก่งได้กุมขมับของตัวเองและถอนหายใจ'เอาไงดีวะ กูก็รับปากไปแล้วด้วย สอนก็สอน'
“ได้ แต่มึงต้องตั้งใจ”
หลายนาทีต่อมาในห้องของทั้งสองที่กำลังเชื่อมติดกันโดยกระจกที่สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงกันได้ เสียงของน่านฟ้ายังคงดำเนินต่อไปในขณะที่เธอกำลังจดจ่อกับการอธิบายเนื้อหาทางวิชาการให้เด็กสาวจากอีกฟากของกระจกได้ฟัง
ฝ่ายหลิวนั้นก็ได้แต่มองหน้าของคนที่ตนชอบ เป็นใบหน้าที่เธอไม่ได้มีโอกาสให้ได้เห็นบ่อยนัก ทั้งดวงตากลมโตแพรขนตายาวจมูกเป็นสันกำลังดี ปากกระจับสีชมพูอ่อนที่ขยับไปมาระหว่างที่เธอพูด แม้แต่แว่นตากลมยังไม่สามารถบดบังความสวยของน่านฟ้าได้
“แล้วสิ่งที่ได้ออกมาจะเป็น ATP ”
“สวยอะ... ”
“มึงยังฟังกูอยู่ไหมเนี่ย”
“อ๋อ ฟังสิฟังอยู่ เราไม่ได้วอกแวกเลยนะ“
”ให้มันจริงเถอะ“
น่านฟ้าได้หันมามองเด็กสาวตรงหน้าเล็กน้อยพร้อมกับขมวดคิ้วและดันแว่นขึ้นซึ่งถ้าคนอื่นได้เห็นแบบนี้ก็คงเกร็งและรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายเริ่มมีอาการไม่พอใจแต่ใม่ใช่กับหลิวเลย เธอรู้สึกว่าน่านฟ้ามีเสน่ห์มากและเหมือนกับแมวที่กำลังขู่เธอฟ่อฟ่อ
ส่วนเรื่องที่หลิวได้ให้น่านฟ้าสอนนั้นก็ไม่ได้ยากอะไรมากสำหรับหลิวเลยแต่ด้วยความที่เธออยากจะใกล้ชิดกับคนที่ชอบมากขึ้นก็เลยได้ใช้มารยาหญิงของตน จริงที่หลิวไม่ใช่เด็กที่อ่อนแต่ก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายถึงขั้นเทียบกับน่านฟ้าได้ อย่างน้อยการที่ให้น่านฟ้าสอนเธอก็ทำให้เธอได้ความรู้มากขึ้น
“เข้าใจไหม”
“อื้อ ๆ ขอบคุณนะ”
“มึงเล่นให้กูอธิบายแต่ต้นเลยนะ กูถามจริงมึงผ่านมาได้ไงอะ”
“คงไปไหว้พระภูมิอะ”
เสียงถอนลมหายใจได้ดังมาจากเด็กสาวคนเก่ง
“กูว่านะ มึงอ่านหนังสือเถอะจะได้ไม่เป็นภาระสิ่งศักดิ์สิทธิ์“
”แรงอะ“
”กูพูดความจริง กูไม่คิดว่ามันจะช่วยจริง ๆ ”
หลิวได้พยักหน้าเล็กน้อย
”แล้วน่านฟ้ามีแพลนจะทำอะไรต่อมั้ยอะ“
”ก็ทำโจทย์กับอ่านหนังสือต่อ“
“ไม่เอาน่า เรามาทำความรู้จักกกันมากขึ้นดีกว่า”
“ไม่ เสียเวลาชีวิตกู”
“เอาน่า เราจะได้รู้จักกันมากขึ้นไง”
“ไม่”
“ถ้างั้นเราจะเสียงดังและกริ๊ดด้วย”
น่านฟ้าทำหน้ารังเกียจและยอมแต่โดยดี
”น่านฟ้าไม่ชอบเสียงดังหรอ“
”อืม“
”แล้วน่านฟ้าไม่ชอบคนแบบไหนหรอ“
”แบบมึงแล้วก็พวกที่จีบกู“
”ทำไมอ่า“
“น่ารำคาญ ยุ่งกับกูอยู่ได้ แม่งมีหลายคนจัด กูไล่บล็อกก็ยังเสือกที่จะไปสมัครแอคใหม่มาจีบกู บางคนก็เลิกชอบกูไปเลยแต่กูก็ไม่ได้สนใจ“
เด็กสาวได้แต่พยักหน้าและยิ้มออกไปอย่างสดใส 'ยังจะมีคนหน้าด้านเหมือนกูอีกหรอวะ คู่แข่งเยอะจัดหรือน่านหมายถึงกู จะว่าไปกูก็สมัครแอคใหม่ไปทักนางบ่อย ๆ '
“คือต้องไล่บล็อกขนาดไหนวะถึงจะเลิกยุ่งกับกู”
“ก็น่านฟ้าทั้งสวยแล้วก็น่ารักนิ”
“มึงชมหวังอะไรปะเนี่ย”
คิ้วของเด็กคนเก่งได้ขมวดกันอีกครั้ง
“ปล่าวนะ เราแค่พูดความจริง”
“เออ ๆ ”
“น่านฟ้าดูดีมากเลยแถมยังเก่งด้วย”
“มึงก็แปลกคนเนอะ ผู้หญิงปกติไม่ชอบกูด้วยซ้ำแต่มึงเสือกมาคุยกับกู”
“ฮ่ะ ๆ เรานี่แปลกจังเนอะ“
จู่ ๆ ผมยาวระดับเอวสีดำของเด็กสาวคนเก่งก็ได้หลุดลุ่ยลงมาประกออบกับการสวมแว่นและความสวยจากใบหน้าของเธอได้ทำให้เธอมีสเน่ห์ยิ่งขึ้นจนทำให้อีกฝ่ายถึงกับตะลึงในนความงามแม้จะรู้วว่าไม่ว่าน่านฟ้าจะทำผมหรือจะแต่งตัวอย่างไร ถ้าเป็นน่านฟ้าก็จะดูดีอยู่เสมอและจะไม่มีข้อแม้ใด ๆ ทั้งสิ้น
“เดี๋ยวกูไปมัดผมก่อน”
“เดี๋ยว... ”
สาวร่างสูงได้หยุดและหันกลับมามองที่อีกฝ่าย
“อะไร”
“ไม่ต้องมัดก็ได้นะ แบบนี้มันก็สวยเหมือนกัน”
“ห๊ะ พูดอะไรของมึงอะ น้ำเน่าจัด”
“ก็จะไปมัดใหม่ทำไมล่ะ แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วนะ”
“มึงเข้าใจว่ามันน่ารำคาญ เดี๋ยวตัดแม่ง”
“ใจเย็นสิน่าน เค้าล้อเล่น“
”เออ“
เสียงฝีเท้าได้กระทบกับกระเบื้องจนเกิดเสียงเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ดังมากจนเกินไป เด็กสาวร่างสูงได้เดินพลางคิดกับตัวเองในใจ 'ที่ยัยนั่นชมเราบ่อยขนาดนั้นหรือว่าจะชอบเราวะ ตั้งแต่ตอนแรกที่เจอกันมนก็เคยบอกชอบนิหว่าแต่คงไม่ใช่หรอก' เธอได้ผ่อนลมหายใจออกมา 'หวังว่าจะไม่ชอบกูนะ ถ้าชอบจริง ๆ คงน่ากลัวว่ะ น่ารำคาญด้วย'
นิ้วมือเรียวได้รวบเส้นผมที่จะมาเกะกะหรือปรกใบหน้าจนเกิดความยุ่งได้ถูกสางและมัดอย่างเรียบร้อย 'อย่างน้อยกูก็ขอให้กระจกกูกลับมาเป็นเหมือนเดิมเถอะ'
เมื่อเด็กสาวได้กลับมาที่หน้ากระจกอีกครั้งก็พบว่าสาวร่างเล็กกว่าตนได้หลับไปเสียดื้อ ๆ ตรงนั้น ทำเอาน่านฟ้าได้ถอนหายใจออกมาและดันแว่นกลมขึ้นเป็นปกติ เธอมองสาวตรงหน้าและมองอยู่ครู่หนึ่งจนดวงตาของหลินได้ขยับเล็กน้อย
“ถ้ามึงง่วงก็ไปนอนสิ”
“แต่เราอยากคุยกับน่านอยู่เลยนะ”
“อย่าให้กูพูดอีกรอบ”
“ก็ได้ ฝันดีนะ“
หลิวได้เผยรอยยิ้มสดใสให้อีกฝ่ายก่อนจะเดินไปที่เตียง ฝ่ายของน่านฟ้าก็ไม่ได้คิดอะไรมากและได้อ่านหนังสือต่อไปดังเดิมเหมือนกับว่าบทสนทนาที่ตนได้คุยกับคนต่างโรงเรียนนั้นไม่เคยเกิดขึ้น แต่ก็เป็นเวลานานพอสมควรที่น่านฟ้าได้คุยกับคนที่ไม่ได้รู้จักอะไรเยอะขนาดนี้ ถ้าโดยปกตินอกจากเรื่องงานแล้วไม่ว่าใครจะชวนเธอทำอะไรหรือคุยอะไรเธอก็มักจะขีดเส้นแบ่งกั้นตัวเธอกับคนรอบข้างไว้ นอกจากภูผาและครอบครัว การกระทำของคนแปลกหน้าคนนี้ทำให้น่านฟ้ารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ถึงไม่ใช่ความรู้สึกที่ชอบนักแต่ก็ไม่ได้รำคาญมากนัก เหมือนกับว่ากำแพงของเธอกำลังจะถูกผู้บุกรุกพังทะลายเข้ามา