วันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา

Wishing for the star - # 4 Chapter 4 โดย Emiyuu @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

หญิง-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,มัธยมปลาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

Wishing for the star

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

หญิง-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มัธยมปลาย,วาย

รายละเอียด

วันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา

ผู้แต่ง

Emiyuu

เรื่องย่อ

           





             คุณเคยเป็นไหม? เวลาที่ชอบใครบางคนแล้วอยากที่จะเข้าหาเหรืออยู่ใกล้เขาที่สุดเท่าที่จะทำได้

   

      แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง "หลิว" เด็กสาวธรรมดาที่ได้แอบชอบ “น่านฟ้า” คนจากต่างโรงเรียน แต่คนๆ นั้นเป็นผู้หญิงแถมยังเย็นชาและมีข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่


      แต่แค่ข่าวลือหรือจะทำให้หลิวถอดใจง่าย ๆ เธอพยายามที่จะทักไปหาน่านฟ้าจากหลายช่องทางแต่ก็ไม่เป็นผล

      จนกระทั่งในคืนหนึ่งฝนดาวตกประหลาดก็ได้ตกลงมา เมื่อหลิวได้ลองอธิฐานไปกับฝนดาวตกความวุ่นวายต่อจากนี้จึงเริ่มขึ้น

สารบัญ

Wishing for the star -# 0 Intro,Wishing for the star -# 1 Chapter 1,Wishing for the star -# 2 Chapter 2,Wishing for the star -# 3 Chapter 3,Wishing for the star -# 4 Chapter 4,Wishing for the star -# 5 Chapter 5

เนื้อหา

# 4 Chapter 4


.

.

.

หลังจากการแข่งขันวิชาการได้จบลง วันหยุดที่น่าเบื่อสำหรับหลิวก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ใจจริงตัวเธอนั้นก็อยากที่จะจีบน่านฟ้าต่อหรอกแต่เด็กคนเก่งนั้นก็เอาแต่อ่านหนังสือทั้งวัน


“น่านน“

”กูทำโจทย์เลขอยู่“

”งืออ เค้าเหงาอะ“

”หาไรทำดิ ที่ไม่กวนกู“

“ก็เราอยากคุยกับน่านอะ”

“นี่คือมึงไม่คุย?”

”ก็อยากคุยมากกว่านี้อ่าา“


เสียงถอนหายใจของเด็กสาวสวมแว่นได้ดังขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์จากอีกฝากของกระจกก็ได้ดังขึ้น ซึ่งเจ้าของสายที่โทรมาหาน่านฟ้าคือภูผา เพื่อนสนิทของน่านฟ้านั่นเอง


”ว่าไง“

[มึงงง กูอกหักอีกแล้วว ฮือ]

”สมน้ำหน้า“

[ฮืออ ปลอบกูหน่อยเน้]

”ไม่อะ เสียเวลา“

[น้องน่านรุนแรงอะ]

”เรื่องของมึง“

[กูขอไปเล่นบ้านมึงหน่อยดิ]

“เดี๋ยว ๆ ”

[กูอยู่หน้าบ้านมึงละ]

“ห๊ะ แปปนะ-“


ไม่ทันที่น่านฟ้าจะได้ตอบอะไรเสียงจากการโทรก็ได้ตัดถูกตัดออกไปอย่างกระทันหัน 


ในใจของเด็กคนเก่งได้มีแต่คำว่า‘ฉิบหายแล้ว เอาไงดีวะ กระจกกูก็ไม่ปกติ‘ เมื่อคิดแบบนั้นก็พลางมองไปที่หลิวจากอีกฟากของกระจก


”น่าน...“

”...“

”เรารู้ว่าน่านไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา-”

“อย่าพูดอะไรแปลก ๆ ดิ กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึง”

“เกือบดีละ น่านช็อตฟิลอะ”

“แล้วคือกูจะซ่อนมึงไงก่อน”

“เปิดตัวเลยไง”


หลิวได้ยิ้มอย่างสดใสให้กับสาวที่เธอชอบแต่สาวร่างสูงได้แต่ทำหน้าเหยเกใส่เธอ


“เปิดตัวในฐานะไรก่อนเถอะ เพื่อนก็ไม่ใช่ มากกว่านั้นอย่าหวัง”


รอยยิ้มของเด็กสาวจากที่สดใสกลายเป็นยิ้มแห้งอย่าบอกไม่ถูก ‘แม่จ๋า หนูเก็บเศษหน้าแทบไม่ทัน‘ แต่สิ่งที่น่านฟ้าพูดมันก็คือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอกับน่านฟ้านั้นก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาติดพันกันแบบนี้


คิดแล้วก็แอบน้อยใจ ตอนอยู่ม.3 เธอน่าจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้เพื่อไปสอบที่โรงเรียนเดียวกับเด็กคนเก่งแต่ในเมื่อมันย้อนกลับไปไม่ได้เเล้วหลิวก็ต้องทำใจและทำให้ปัจจุบันมันดีขึ้นโดยไม่ต้องมาเสียดายในภายหลัง


“มึงจะเอ๋อแดกอีกนานปะ”


เสียงของน่านฟ้าได้ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งและหลุดจากภวังความคิดของตนเอง ในขณะที่น่านฟ้ากำลังหาผ้ามาคลุมกระจก


ก็อก ๆ


เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นเป็นจังหวะ


“ไอน่านน เปิดประตูพลีสส”

“แปปดิ”


เสียงจิ๊ปากของเด็กคนเก่งได้ดังขึ้นเล็กน้อย สายตาอันเฉียบคมได้มองมาที่กระจก


“น่านไม่ต้องห่วงนะ เราจะไม่พูดอะไรและรูดซิปปากอย่างดีเลย“

”เออ ก็ไม่ได้โง่หนิ“


หน้าของหลิวถึงกับชาขึ้น'เราไม่เคยชินกับตอนโดนด่าเลยอะ TT' แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับน่านฟ้า


เสียงประตูจากอีกฝากของกระจกได้ดังขึ้น


“ฮืออ มึงกว่าจะเปิดประตูคือนานเว่อร์” ชายยร่างสูงได้เดินเข้ามาตามความเคยชิน

“เออ ว่าแต่มึงมาทำไมวะ”

“เหงาอะ”


 สาวคนเก่งได้ทำหน้าเหยเกใส่เพื่อนสนิทของตน


”หาไรเป็นประโยชน์ทำดิ“

“ก็เค้าไม่ได้อยากจะมาทำข้อสอบอะไรแบบเตงนิ”

“เตง?”

“ก็ตัวเองไง โห ไม่อินเทรนเลย”


ใบหน้าเหยเกได้ปรากฏอีกครั้ง


”คือกูต้องตามทุกเทรนเลยรืไง“

”เยส“

”เสียเวลา“ นิ้วเรียวยาวได้ดันแว่นขึ้น


เมื่อคุยกันได้ไม่นานนักสายตาของภูผาก็ได้เหลือบไปเห็นกระจกบานใหญ่ ณ มุมห้องที่ถูกผ้าคลุมอยู่


”มึง นั่นผ้าไรอะ ปกติมึงไม่เอาอะไรคลุมดิ“

”เออ... เรื่องของกู“


เด็กสาวคนเก่งได้รู้สึกถึงเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน


”แน่ใจนะ มึงดูล่กแปลก ๆ ”

“บ้า อย่ามามั่ว”


สายตาของเพื่อนคนสนิทได้หรี่ลง


”โกหกตกนรก“

”กูนับถือคริสต์“

”แต่แม่มึงเป็นพุทธนะ“

”นั่นคือแม่กูไม่ใช่กู“

”แต่นั่นก็แม่มึงนะ“

”เออ ๆ “


เสียงถอนหายใจของน่านฟ้าได้ดังขึ้น


“จริง ๆ กูเริ่มหิวละ ไปหยิบขนมให้หน่อยดิ”

“มึงก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยมาบ้านกูเนอะ”

“ก็กูขี้เกียจไปหยิบเองอะ”

“ใช้นภาไม่ก็แม่ดิ”

“ไม่เอาน่า นภาดูการ์ตูนอยู่ปล่อยน้องไปเถอะ แล้วแม่อะคือมึงไม่ควรใช้ป่าว”

“ก็ได้วะเซ้าซี้อยู่ได้”


เด็กสาวสวมแว่นได้เดินออกจากห้องไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนั่นทำให้ภูผาได้จังหวะในการสำรวจในจุดที่ตนรู้สึกแปลกตา


ด้วยความที่ว่าภูผานั้นรู้จักกับน่านฟ้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ  เดิมทีนั้นแม่ของภูผาและน่านฟ้าเป็นเพื่อนสนิทกันและด้วยความบังเอิญที่มากขึ้นทั้งคู่ก็ได้ไปเรียนในที่เดียวกัน ในเวลาที่ว่าง ๆ ก็มักจะมาเล่นด้วยกันถึงแม้คนที่ชวนเล่นชวนคุยจะเป็นภูผาฝ่ายเดียว


น่านฟ้านั้นเป้นเด็กสาวที่รักการอ่านและหัวดีตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว แน่นอนว่ารุ้จักกันตั้งแต่เด็กและสนิทกัน คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้เลยหรือว่าเพื่อนสาวกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง


เมื่อได้คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งภูผาก็ได้เดินไปที่กระจกตรงมุมห้องใหญ่ มือของเขาได้ดึงผ้าที่คลุมลง


“มึงทำอะไรอะ”


ไม่ทันไรน่านฟ้าก็ได้กลับเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ค่อนข้างจะกังวลอย่างเห็นได้ชัด


“มึงซ่อนไรวะ คิดว่ากูไม่รู้จริง ๆ ดิ”

“กูบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร”

“เราเป็นเพื่อนกันตั้งนาน มีไรก็บอกดิ“

”ก็กูเป็นปจด.อะ “ 


เมื่อพูดจบก็ชี้ไปที่ผ้าที่เปื้อนสีแดงในมือของเพื่อนสนิท ทำให้สายตาของชายร่างสูงได้มองลงที่ผ้าในมือ


“เอ่อ...กูขอโทษ”

“แล้วกูก็วางไว้ตรงนี้แล้วมึงเสือกมาไม่บอกแล้วยังจะมาดึงลงอีก”


เมื่อพูดจบก็ได้หยิบผ้ามาคลุมกระจกอีกครั้ง 'เกือบไปแล้วแม่ง'


ฮัดชิ่ว...


เสียงจามจากอีกฝั่งของกระจกได้ดังขึ้น


”เสียงอะไรวะ“ ภูผาที่ได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดถึงกับขมวดคิ้ว

'ฉิบหายแล้วแม่ง'


สายตาของภูผาได้มองเข้ามาในกระจกปรากฏเป็นหญิงสาวหน้าหมวยหน่อย ๆ 


“...”

“แม่ง...” น่านฟ้าถึงกับสบถออกมา

“น่าน มึงซ่อนผู้หญิงหรอวะ”

 

คำพูดของภูผาที่ได้บังเอิญรู้ความลับของเพื่อนสนิททำเอาทั้งน่านฟ้าและหลิวที่อยู่ตรงข้ามของกระจกถึงกับงง


“กูถามจริง มึงไม่ตกใจที่กระจกกูเป็นงี้หรอวะ”

“ไม่จะมึง เรื่องแฟนตาซีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”

“เออ”

“แต่มึงแอบซ่อนสาวว่ะ กูก็ว่าอยู่ว่าไม่เห็นจะสนใจผู้ชายคนอื่นเลย” ภูผาอดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนสาว

”มั่ว“

”ไม่ต้องมาเขินน่า แล้วผู้หญิงคนนี้ใครอะ“


หลิวได้หันไปสบตากับภูผา


”เราชื่อหลิว ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชื่อภูผาใช่มั้ย“

”อื้อ เราเคยเจอกันใช่มั้ยอะ หน้าหลิวคุ้นมาก“

”ตอนไปแข่งวิทย์ไง “

”อ๋อ“


ใบหน้าที่สดใสและยิ้มแย้มของหลิวนั้นก็ทำเอาภูผาถึงกับใจเต้นไปชั่วขณะ 'เชี่ย น่ารักสัส' แน่นอนว่าน่านฟ้าย่อมสังเกตเห็นอาการของเพื่อนสนิท


“แล้วคือหลิวได้ยินพวกเราตอนคุยกันมั้ยอะ”

“ได้ยินสิ”

“โห ดีจังเนอะ”

“อื้อ ๆ ”


ทั้งสองคนสามารถเข้ากันได้ดีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทำให้น่านฟ้าถึงกับถอนหายใจ 


จริง  ๆ แล้วภูผาก็เป็นคนที่เข้ากับคนง่ายมากจนน่าประหลาดใจ ถ้าถามว่าน่านฟ้านั้นน้อยใจมั้ยก็ไม่เลย


ทั้งคู่คุยกันนานมากและไม่มีแววว่าจะคุยเสร็จเลย เด็กคนเก่งเริ่มหงุดหงิดก็ได้ไล่เพื่อนของตนกลับบ้านไปส่วนในเรื่องของหลิว น่านฟ้าก็ได้กอดอกและหลิวก็ได้นั่งพับเพียบหน้ากระจกอย่างเรียบร้อยเหมือนคนที่กำลังโดนดุอย่างไรอย่างนั้น


“น่าน...“

”ไม่ต้องมาเรียก“

”หายงอนเราน้าา“

”กูไม่ได้งอน“

”แล้วน่านเป็นปจด.จริง ๆ หรอ“

”บ้าปะ กูแค่เอาสีน้ำป้ายเฉย ๆ “

”เก่งจัง“

”...“


โดยเรื่องราวในวันนี้นั้นก็เป็นวันที่คนอื่นได้รับรู้ถึงความลับของพวกเธอ และความวุ่นวายของเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ได้เริ่มต้นขึ้นถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นวันที่วุ่นวายสำหรับน่านฟ้าอยู่แล้วก็เถอะ