วันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา
หญิง-หญิง,วัยว้าวุ่น,ไทย,เรื่องสั้น,รัก,มัธยมปลาย,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
Wishing for the starวันนั้นในคืนที่ดาวตก คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวของเรา
คุณเคยเป็นไหม? เวลาที่ชอบใครบางคนแล้วอยากที่จะเข้าหาเหรืออยู่ใกล้เขาที่สุดเท่าที่จะทำได้
แน่นอนว่าเรากำลังพูดถึง "หลิว" เด็กสาวธรรมดาที่ได้แอบชอบ “น่านฟ้า” คนจากต่างโรงเรียน แต่คนๆ นั้นเป็นผู้หญิงแถมยังเย็นชาและมีข่าวที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่
แต่แค่ข่าวลือหรือจะทำให้หลิวถอดใจง่าย ๆ เธอพยายามที่จะทักไปหาน่านฟ้าจากหลายช่องทางแต่ก็ไม่เป็นผล
จนกระทั่งในคืนหนึ่งฝนดาวตกประหลาดก็ได้ตกลงมา เมื่อหลิวได้ลองอธิฐานไปกับฝนดาวตกความวุ่นวายต่อจากนี้จึงเริ่มขึ้น
.
.
.
หลังจากการแข่งขันวิชาการได้จบลง วันหยุดที่น่าเบื่อสำหรับหลิวก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ใจจริงตัวเธอนั้นก็อยากที่จะจีบน่านฟ้าต่อหรอกแต่เด็กคนเก่งนั้นก็เอาแต่อ่านหนังสือทั้งวัน
“น่านน“
”กูทำโจทย์เลขอยู่“
”งืออ เค้าเหงาอะ“
”หาไรทำดิ ที่ไม่กวนกู“
“ก็เราอยากคุยกับน่านอะ”
“นี่คือมึงไม่คุย?”
”ก็อยากคุยมากกว่านี้อ่าา“
เสียงถอนหายใจของเด็กสาวสวมแว่นได้ดังขึ้น แต่แล้วจู่ ๆ เสียงโทรศัพท์จากอีกฝากของกระจกก็ได้ดังขึ้น ซึ่งเจ้าของสายที่โทรมาหาน่านฟ้าคือภูผา เพื่อนสนิทของน่านฟ้านั่นเอง
”ว่าไง“
[มึงงง กูอกหักอีกแล้วว ฮือ]
”สมน้ำหน้า“
[ฮืออ ปลอบกูหน่อยเน้]
”ไม่อะ เสียเวลา“
[น้องน่านรุนแรงอะ]
”เรื่องของมึง“
[กูขอไปเล่นบ้านมึงหน่อยดิ]
“เดี๋ยว ๆ ”
[กูอยู่หน้าบ้านมึงละ]
“ห๊ะ แปปนะ-“
ไม่ทันที่น่านฟ้าจะได้ตอบอะไรเสียงจากการโทรก็ได้ตัดถูกตัดออกไปอย่างกระทันหัน
ในใจของเด็กคนเก่งได้มีแต่คำว่า‘ฉิบหายแล้ว เอาไงดีวะ กระจกกูก็ไม่ปกติ‘ เมื่อคิดแบบนั้นก็พลางมองไปที่หลิวจากอีกฟากของกระจก
”น่าน...“
”...“
”เรารู้ว่าน่านไม่อยากให้ใครรู้เรื่องของเรา-”
“อย่าพูดอะไรแปลก ๆ ดิ กูไม่ได้เป็นอะไรกับมึง”
“เกือบดีละ น่านช็อตฟิลอะ”
“แล้วคือกูจะซ่อนมึงไงก่อน”
“เปิดตัวเลยไง”
หลิวได้ยิ้มอย่างสดใสให้กับสาวที่เธอชอบแต่สาวร่างสูงได้แต่ทำหน้าเหยเกใส่เธอ
“เปิดตัวในฐานะไรก่อนเถอะ เพื่อนก็ไม่ใช่ มากกว่านั้นอย่าหวัง”
รอยยิ้มของเด็กสาวจากที่สดใสกลายเป็นยิ้มแห้งอย่าบอกไม่ถูก ‘แม่จ๋า หนูเก็บเศษหน้าแทบไม่ทัน‘ แต่สิ่งที่น่านฟ้าพูดมันก็คือความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เธอกับน่านฟ้านั้นก็เป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาติดพันกันแบบนี้
คิดแล้วก็แอบน้อยใจ ตอนอยู่ม.3 เธอน่าจะตั้งใจเรียนมากกว่านี้เพื่อไปสอบที่โรงเรียนเดียวกับเด็กคนเก่งแต่ในเมื่อมันย้อนกลับไปไม่ได้เเล้วหลิวก็ต้องทำใจและทำให้ปัจจุบันมันดีขึ้นโดยไม่ต้องมาเสียดายในภายหลัง
“มึงจะเอ๋อแดกอีกนานปะ”
เสียงของน่านฟ้าได้ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งและหลุดจากภวังความคิดของตนเอง ในขณะที่น่านฟ้ากำลังหาผ้ามาคลุมกระจก
ก็อก ๆ
เสียงเคาะประตูได้ดังขึ้นเป็นจังหวะ
“ไอน่านน เปิดประตูพลีสส”
“แปปดิ”
เสียงจิ๊ปากของเด็กคนเก่งได้ดังขึ้นเล็กน้อย สายตาอันเฉียบคมได้มองมาที่กระจก
“น่านไม่ต้องห่วงนะ เราจะไม่พูดอะไรและรูดซิปปากอย่างดีเลย“
”เออ ก็ไม่ได้โง่หนิ“
หน้าของหลิวถึงกับชาขึ้น'เราไม่เคยชินกับตอนโดนด่าเลยอะ TT' แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็จำเป็นต้องให้ความร่วมมือกับน่านฟ้า
เสียงประตูจากอีกฝากของกระจกได้ดังขึ้น
“ฮืออ มึงกว่าจะเปิดประตูคือนานเว่อร์” ชายยร่างสูงได้เดินเข้ามาตามความเคยชิน
“เออ ว่าแต่มึงมาทำไมวะ”
“เหงาอะ”
สาวคนเก่งได้ทำหน้าเหยเกใส่เพื่อนสนิทของตน
”หาไรเป็นประโยชน์ทำดิ“
“ก็เค้าไม่ได้อยากจะมาทำข้อสอบอะไรแบบเตงนิ”
“เตง?”
“ก็ตัวเองไง โห ไม่อินเทรนเลย”
ใบหน้าเหยเกได้ปรากฏอีกครั้ง
”คือกูต้องตามทุกเทรนเลยรืไง“
”เยส“
”เสียเวลา“ นิ้วเรียวยาวได้ดันแว่นขึ้น
เมื่อคุยกันได้ไม่นานนักสายตาของภูผาก็ได้เหลือบไปเห็นกระจกบานใหญ่ ณ มุมห้องที่ถูกผ้าคลุมอยู่
”มึง นั่นผ้าไรอะ ปกติมึงไม่เอาอะไรคลุมดิ“
”เออ... เรื่องของกู“
เด็กสาวคนเก่งได้รู้สึกถึงเม็ดเหงื่อที่เริ่มผุดออกมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
”แน่ใจนะ มึงดูล่กแปลก ๆ ”
“บ้า อย่ามามั่ว”
สายตาของเพื่อนคนสนิทได้หรี่ลง
”โกหกตกนรก“
”กูนับถือคริสต์“
”แต่แม่มึงเป็นพุทธนะ“
”นั่นคือแม่กูไม่ใช่กู“
”แต่นั่นก็แม่มึงนะ“
”เออ ๆ “
เสียงถอนหายใจของน่านฟ้าได้ดังขึ้น
“จริง ๆ กูเริ่มหิวละ ไปหยิบขนมให้หน่อยดิ”
“มึงก็ทำเป็นเหมือนไม่เคยมาบ้านกูเนอะ”
“ก็กูขี้เกียจไปหยิบเองอะ”
“ใช้นภาไม่ก็แม่ดิ”
“ไม่เอาน่า นภาดูการ์ตูนอยู่ปล่อยน้องไปเถอะ แล้วแม่อะคือมึงไม่ควรใช้ป่าว”
“ก็ได้วะเซ้าซี้อยู่ได้”
เด็กสาวสวมแว่นได้เดินออกจากห้องไปอย่างไม่ได้ใส่ใจนั่นทำให้ภูผาได้จังหวะในการสำรวจในจุดที่ตนรู้สึกแปลกตา
ด้วยความที่ว่าภูผานั้นรู้จักกับน่านฟ้ามาตั้งแต่เด็ก ๆ เดิมทีนั้นแม่ของภูผาและน่านฟ้าเป็นเพื่อนสนิทกันและด้วยความบังเอิญที่มากขึ้นทั้งคู่ก็ได้ไปเรียนในที่เดียวกัน ในเวลาที่ว่าง ๆ ก็มักจะมาเล่นด้วยกันถึงแม้คนที่ชวนเล่นชวนคุยจะเป็นภูผาฝ่ายเดียว
น่านฟ้านั้นเป้นเด็กสาวที่รักการอ่านและหัวดีตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่แล้ว แน่นอนว่ารุ้จักกันตั้งแต่เด็กและสนิทกัน คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้เลยหรือว่าเพื่อนสาวกำลังปิดบังอะไรบางอย่าง
เมื่อได้คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งภูผาก็ได้เดินไปที่กระจกตรงมุมห้องใหญ่ มือของเขาได้ดึงผ้าที่คลุมลง
“มึงทำอะไรอะ”
ไม่ทันไรน่านฟ้าก็ได้กลับเข้ามาพร้อมกับสีหน้าที่ค่อนข้างจะกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“มึงซ่อนไรวะ คิดว่ากูไม่รู้จริง ๆ ดิ”
“กูบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร”
“เราเป็นเพื่อนกันตั้งนาน มีไรก็บอกดิ“
”ก็กูเป็นปจด.อะ “
เมื่อพูดจบก็ชี้ไปที่ผ้าที่เปื้อนสีแดงในมือของเพื่อนสนิท ทำให้สายตาของชายร่างสูงได้มองลงที่ผ้าในมือ
“เอ่อ...กูขอโทษ”
“แล้วกูก็วางไว้ตรงนี้แล้วมึงเสือกมาไม่บอกแล้วยังจะมาดึงลงอีก”
เมื่อพูดจบก็ได้หยิบผ้ามาคลุมกระจกอีกครั้ง 'เกือบไปแล้วแม่ง'
ฮัดชิ่ว...
เสียงจามจากอีกฝั่งของกระจกได้ดังขึ้น
”เสียงอะไรวะ“ ภูผาที่ได้ยินเสียงที่แปลกประหลาดถึงกับขมวดคิ้ว
'ฉิบหายแล้วแม่ง'
สายตาของภูผาได้มองเข้ามาในกระจกปรากฏเป็นหญิงสาวหน้าหมวยหน่อย ๆ
“...”
“แม่ง...” น่านฟ้าถึงกับสบถออกมา
“น่าน มึงซ่อนผู้หญิงหรอวะ”
คำพูดของภูผาที่ได้บังเอิญรู้ความลับของเพื่อนสนิททำเอาทั้งน่านฟ้าและหลิวที่อยู่ตรงข้ามของกระจกถึงกับงง
“กูถามจริง มึงไม่ตกใจที่กระจกกูเป็นงี้หรอวะ”
“ไม่จะมึง เรื่องแฟนตาซีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
“เออ”
“แต่มึงแอบซ่อนสาวว่ะ กูก็ว่าอยู่ว่าไม่เห็นจะสนใจผู้ชายคนอื่นเลย” ภูผาอดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนสาว
”มั่ว“
”ไม่ต้องมาเขินน่า แล้วผู้หญิงคนนี้ใครอะ“
หลิวได้หันไปสบตากับภูผา
”เราชื่อหลิว ยินดีที่ได้รู้จักนะ ชื่อภูผาใช่มั้ย“
”อื้อ เราเคยเจอกันใช่มั้ยอะ หน้าหลิวคุ้นมาก“
”ตอนไปแข่งวิทย์ไง “
”อ๋อ“
ใบหน้าที่สดใสและยิ้มแย้มของหลิวนั้นก็ทำเอาภูผาถึงกับใจเต้นไปชั่วขณะ 'เชี่ย น่ารักสัส' แน่นอนว่าน่านฟ้าย่อมสังเกตเห็นอาการของเพื่อนสนิท
“แล้วคือหลิวได้ยินพวกเราตอนคุยกันมั้ยอะ”
“ได้ยินสิ”
“โห ดีจังเนอะ”
“อื้อ ๆ ”
ทั้งสองคนสามารถเข้ากันได้ดีอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนทำให้น่านฟ้าถึงกับถอนหายใจ
จริง ๆ แล้วภูผาก็เป็นคนที่เข้ากับคนง่ายมากจนน่าประหลาดใจ ถ้าถามว่าน่านฟ้านั้นน้อยใจมั้ยก็ไม่เลย
ทั้งคู่คุยกันนานมากและไม่มีแววว่าจะคุยเสร็จเลย เด็กคนเก่งเริ่มหงุดหงิดก็ได้ไล่เพื่อนของตนกลับบ้านไปส่วนในเรื่องของหลิว น่านฟ้าก็ได้กอดอกและหลิวก็ได้นั่งพับเพียบหน้ากระจกอย่างเรียบร้อยเหมือนคนที่กำลังโดนดุอย่างไรอย่างนั้น
“น่าน...“
”ไม่ต้องมาเรียก“
”หายงอนเราน้าา“
”กูไม่ได้งอน“
”แล้วน่านเป็นปจด.จริง ๆ หรอ“
”บ้าปะ กูแค่เอาสีน้ำป้ายเฉย ๆ “
”เก่งจัง“
”...“
โดยเรื่องราวในวันนี้นั้นก็เป็นวันที่คนอื่นได้รับรู้ถึงความลับของพวกเธอ และความวุ่นวายของเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อไปก็ได้เริ่มต้นขึ้นถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะเป็นวันที่วุ่นวายสำหรับน่านฟ้าอยู่แล้วก็เถอะ