รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๓
ปกติวันหยุดพาณินีจะไม่ค่อยออกไปเที่ยวที่ไหน พี่ชายของเธอเองก็ใช้เวลาไปกับการนอนมากกว่าจะลุกขึ้นมาหากิจกรรมใดทำในยามว่าง วันนี้หญิงสาวจึงจับพี่ชายมานั่งคุยกัน เธอเริ่มด้วยการเกริ่นถึงเรื่องไม่กี่วันก่อนที่เจอกับภุมเรศยังตลาดของมือสองและเรื่องที่เขาพูด
“แพร์เลยจะมาขอความช่วยเหลือค่ะ”
คิ้วเข้มๆ ของผู้เป็นพี่ชายกระตุกเล็กน้อย “พี่บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ช่วย” พฤทธิ์ย้ำด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง
“แพร์ใช้คำพูดผิดค่ะ จริงๆ แค่มีอะไรอยากจะถามนิดหน่อย”
“เรื่องไอ้ภู่เหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถามน้องสาวอย่างรู้ทันพลางใช้มือขยับแว่นเล็กน้อย
พาณินีพยักหน้าเบาๆ “อยากรู้ว่าพี่ภู่ชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ”
พฤทธิ์ถอนหายใจ “ก็ชอบแบบพี่นางรำคนนั้นไง”
“พี่นางรำทุกวันนี้เขาไม่ใช่ผู้หญิงแล้วนะคะ แต่เป็นผู้ชายคนหนึ่ง จะบอกว่าเพื่อนของตัวเองชอบผู้ชายเหรอคะ”
“หา!” พฤทธิ์ทำหน้างง
“แพร์คิดว่าพี่ภู่อาจจะฝังใจกับแฟนเก่า ทุกวันนี้ถึงยังไม่มีแฟน ก็เลยพยายามจะหาเฟซบุ๊กของเขาแล้วแอบส่องดูนิดหน่อยว่าทุกวันนี้เป็นยังไงบ้าง สรุปเขาแปลงเพศเป็นผู้ชายไปแล้วค่ะ”
“ถ้าสืบเองเก่งขนาดนี้ยังต้องมาหาข้อมูลจากพี่อีกเหรอ”
“ก็นี่ไงคะ แพร์ไม่สามารถเอาแฟนคนแรกมาอ้างอิงได้แล้ว ถึงได้อยากรู้ว่าพี่ภู่ชอบผู้หญิงแบบไหนกันแน่”
“ถ้าพี่บอกว่าไอ้ภู่มันชอบผู้หญิงลุยๆ เท่ๆ ผมสั้น ผิวแทน หุ่นเซ็กซี่ๆ จะพยายามเปลี่ยนตัวเองหรือไง”
“ที่พูดมานั่นมีอันไหนบ้างล่ะคะที่พี่ภู่ชอบจริงๆ ไม่ใช่ประชดแพร์”
“ถ้ามันจะชอบ อยู่เฉยๆ มันก็รัก เธอไม่ต้องพยายามทำอะไรหรอก”
“ขอรู้ไว้หน่อยไม่ได้หรือไง”
พฤทธิ์ถอนหายใจยืดยาว “จริงๆ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันชอบแบบไหน รู้แค่ว่ามันชอบดูหนังโป๊ญี่ปุ่น ก็คงชอบขาวๆ นมยะ...”
“หยุดเลยค่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว” หญิงสาวค้อนใส่พี่ชาย “แพร์ไม่เชื่อหรอก”
ชายหนุ่มยิ้มมุมปากพลางมองน้องสาวด้วยสายตาขบขัน จึงได้รับค้อนวงโตๆ มาอีกหนึ่งวง และเมื่อคนเป็นน้องสาวไม่อยากคุยด้วยแล้ว ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปอยู่ในห้องส่วนตัวของแต่ละคน ก่อนที่ตอนเย็นพฤทธิ์จะมาเคาะประตูน้องสาวแล้วบอกว่าวันนี้จะไปดูบอลที่บ้านของภุมเรศ
*****
แขกผู้มาเยือนเดินตามเจ้าบ้านขึ้นมายังชั้นสอง ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัวของพฤทธิ์เพียงคนเดียว ด้านบนนั้นกั้นห้องไว้เพียงห้องนอน ส่วนที่เหลือนั้นเป็นที่วางของมากมายซึ่งใช้เป็นพร็อพประกอบการทำงานของภุมเรศ ทว่าก็ยังมีเหลือพื้นที่ริมหน้าต่างไว้สำหรับโซฟาและทีวีจอยักษ์
“ช่วงก่อนเห็นมึงมีข่าวกับดาราคนนั้นมันคือยังไงวะ” อยู่ๆ พฤทธิ์ก็เอ่ยถามขึ้นมาดื้อๆ ในระหว่างรอเวลาเริ่มเกมของฟุตบอลคู่ที่พวกเขารอดู แต่ภุมเรศก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดแค่ว่าเพื่อนคงสงสัย
“เป็นเพื่อนของเพื่อนกันมาก่อน รู้จักกันอยู่แล้ว พอต้องเจอกันในกองถ่ายละครบ่อยๆ ก็เลยสนิทกันเฉยๆ ไม่ได้มีอะไร”
“ทำไมอะ มึงไม่ชอบเขาเหรอ”
“ชอบอะไรล่ะ เพื่อนของเพื่อนที่ว่าก็พี่กิ๊กที่เป็นนางรำแฟนเก่ากูไง แต่เขาไม่ได้เปิดตัวว่าเป็นแฟนกัน”
“กูเพิ่งรู้ว่าพี่เขากลายเป็นผู้ชายไปแล้ว”
“ตอนเจอกันอีกทีก็จำไม่ได้เลย จนเขามาทักแล้วก็ขอโทษเรื่องเมื่อตอนนั้น เพราะเป็นช่วงสับสนค้นหาตัวเอง เลยอยากลองคบทุกเพศดู ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน เวลามีงานโฆษณาจากบริษัทที่เขาทำงานอยู่เขาก็จ้างกู กูเลยไม่โกรธพี่เขาแล้ว” อีกอย่างมันก็เรื่องเมื่อนานมาแล้ว ภุมเรศจึงไม่ติดใจอะไรอีก
“ถ้างั้นอีกคนล่ะ เพื่อนสนิทมึงที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ กูเห็นลงรูปคู่กับมึงตั้งหลายรูป”
“เพื่อนกันเฉยๆ ถ้าชอบก็จีบไปแล้วสิ” คราวนี้ภุมเรศเริ่มรู้สึกแปลกๆ เหมือนถูกพฤทธิ์สืบสวนอยู่ “มึงเป็นอะไรวะ ปกติไม่ใช่คนชอบสอดขนาดนี้นี่หว่า”
“ก็แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าทำไมมึงถึงไม่มีแฟนสักที กูเป็นห่วงน้องกู”
“ไอ้บ้านี่” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนพื้นด้วยกันแทนที่จะนั่งโซฟา ยกขาขึ้นถีบเพื่อนไปทีหนึ่ง “ไม่มีคือไม่มี ส่วนน้องแพร์กูก็เห็นเป็นน้องคนหนึ่ง ไม่ได้อยากจะจีบเหมือนกัน”
“พูดแล้วนะมึง อย่ามาหวั่นไหวเพราะน้องกูล่ะ”
“ก็กูบอกไปแล้วไงว่ากูไม่จีบน้องมึงหรอก เพราะรู้ว่ามึงหวงน้องฉิบหายเลย”
“กูมีน้องคนเดียวก็ต้องหวงอยู่แล้วหรือเปล่าวะ”
“เข้าใจๆ” ภุมเรศพยักหน้าหงึกหงักเบาๆ “มาแล้ว”
บทสนทนาเรื่องผู้หญิงจึงเงียบหายไป แล้วเปลี่ยนเป็นบ่นเกี่ยวกับเกมกีฬาตรงหน้าพวกเขาทั้งสองคนแทน
*****
ภุมเรศซึ่งตอนนี้กำลังนั่งมองโทรศัพท์ในมืออยู่ที่โต๊ะทำงาน กำลังชั่งใจว่าจะชวนพาณินีไปด้วยกันดีหรือไม่ดี เขาบอกเพื่อนไปแล้วว่าอยากชวนคนอื่นไปวันเปิดร้านวันแรกของเจ้าตัวด้วย พรลภัสก็ตอบกลับมาด้วยความยินดี เพราะอยากให้ร้านคึกคัก ดังนั้นนอกจากคนในสตูดิโอที่ตั้งใจว่าจะไปด้วยกันทั้งหมด เขาก็อยากชวนพาณินีไปด้วยนี่แหละ
แต่คิดอีกที...หรือจะชวนไปวันอื่นดี
เพราะเพื่อนของเขาที่เป็นช่างภาพอย่างสหัสวัตนั้นค่อนข้างเจ้าชู้ไก่แจ้ ถ้าเกิดมาถูกตาต้องใจพาณินีเข้า เดี๋ยวพฤทธิ์จะมาโกรธเขาเอาได้ว่าชักจูน้องสาวให้รู้จักกับผู้ชายนิสัยไม่ดีเรื่องผู้หญิง อีกทั้งเขาเองก็เป็นห่วง
“เฮ้ย! วันเปิดร้านสเต๊กของคุณภัส กูไม่ไปแล้วนะ พอดีมีงานด่วนว่ะ พี่ที่รู้จักขอร้องมาว่าอยากได้ตากล้องด่วน” นอกจากงานที่ต้องทำร่วมกับเขาแล้ว สหัสวัตก็ยังมีงานจ้างอื่นๆ ที่ต้องไปทำแยกกับเขาอีก
“อืม” ภุมเรศยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
“ยิ้มทำห่าอะไรวะ” สหัสวัตเลิกคิ้วสูง
“ยิ้มดีใจไงมึงมีงาน”
“แปลกๆ” อีกฝ่ายทำท่าหรี่ตามองเขา
“ไม่มีอะไรแปลกหรอกโว้ย ก็แค่ดูคลิปน้องแมวอยู่”
เมื่อสหัสวัตยอมพยักหน้าเออออแล้วปล่อยเขาไว้เพียงลำพังตามเดิม ภุมเรศจึงส่งข้อความไปถามพาณินีว่าอยากไปกินสเต๊กกับเขาหรือเปล่า แต่หลังจากส่งข้อความไปพักหนึ่งก็นึกขึ้นได้ว่าควรจะชวนหญิงสาวผ่านเพื่อนอย่างพฤทธิ์มากกว่า ทว่าอีกฝ่ายกลับส่งข้อความว่าอยากไปกลับมาพอดี
PU : งั้นฝากชวนไอ้โพธิ์ด้วยนะครับ
Paninee ❤ : okค่ะ
“ไอ้โพธิ์คงไม่โมโหหรอกมั้ง” ภุมเรศครุ่นคิด แล้วก็ทำงานต่อด้วยความสบายใจ ทว่าเมื่อวันนัดมาถึงกลับได้เจอแค่เพียงพาณินี
เนื่องจากร้านเปิดตอนสิบเอ็ดโมง เขาจึงนัดว่าจะมารับเธอตอนสิบโมงครึ่งที่คอนโดของเจ้าตัว หญิงสาวในชุดเดรสภาพพิมพ์ลายส้มสดใสขึ้นมานั่งบนรถของเขาเพียงลำพัง
“ไอ้โพธิ์ล่ะ”
“เมื่อคืนตัดต่อวิดีโอของลูกค้าจนเช้าค่ะ ตอนนี้เลยยังนอนอยู่” เขาพยักหน้าด้วยความเข้าใจ บางครั้งงานของเพื่อนก็ยุ่งมากจนต้องนอนดึกโต้รุ่งอยู่บ่อยครั้ง “ตอนนี้ร่างกายก็ยังแข็งแรงดีอยู่หรอกนะคะ แต่ต่อไปร่างกายจะทรุดเอาหรือเปล่าเนี่ย”
“น้องแพร์ก็คงต้องคอยบำรุงด้วยของกินเยอะๆ แล้วล่ะ”
“ก็อยากบำรุงหรอกนะคะ แต่ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้ กินน้อยกว่าแพร์อีก”
“มันคงกลัวน้องแพร์ไม่อิ่มมั้ง เลยไม่แย่งกิน แต่ก่อนพี่จำได้ว่าซื้อลูกชิ้นหน้าโรงเรียนสามไม้ มันกินไปไม้เดียว อีกสองไม้เก็บไว้ให้น้องตลอด”
“กินขนมตอนกลางวันหมดจนเหลือเงินพอแค่ซื้อลูกชิ้นสามไม้น่ะสิคะ”
ภุมเรศหัวเราะเบาๆ “เล่าให้ฟังนี่พี่นึกว่าจะซาบซึ้งบุญคุณของพี่ชายซะอีก”
“สองไม้มันไม่พอกินนี่คะ” พาณินีหัวเราะเสียงใส รอยยิ้มของหญิงสาวพาให้เขายิ้มตามไปด้วย
“กินเก่ง” ภุมเรศเอ่ยแซว
เมื่อถึงร้านของพรลภัส ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ เพียงหนึ่งคูหา ทว่าบรรยากาศร้านจัดได้อารมณ์แบบบาร์เหล้าในภาพยนตร์แนวคาวบอยอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลยทีเดียว
ชายหนุ่มผลักประตูเปิดให้กับหญิงสาวเดินเข้าไปก่อน พรลภัสที่เห็นภุมเรศเดินเข้ามาจึงรีบมาต้อนรับทันที
“ภู่มาแล้ว” หญิงสาวเจ้าของร้านยิ้มกว้าง
เขายิ้มให้เพื่อนก่อนจะหันมาแนะนำภาณินี “นอกจากพวกน้องๆ ที่สตูดิโอแล้ว เราก็พาน้องของเพื่อนสนิทมาด้วยน่ะชื่อน้องแพร์”
พรลภัสหันมาส่งยิ้มให้กับพาณินีด้วยความเป็นมิตร เธอจึงส่งยิ้มตอบกลับไป แต่ในใจกังวลเล็กน้อย เพราะเพิ่งรู้ว่าเพื่อนที่ภุมเรศพูดถึงมาตลอดนั้นเป็นผู้หญิง
“วันนี้ลงรูปแล้วเช็กอินที่ร้าน ได้ส่วนลดด้วยนะคะ แล้วก็ยังได้คูปองส่วนลดถ้ามาครั้งหน้าด้วยค่ะ ถ้ามาภายในเดือนนี้” เจ้าของร้านแจกแจงโปรโมชันให้กับลูกค้าฟังด้วยน้ำเสียงสดใส
“อย่างนั้นเหรอ” ภุมเรศหันไปทางหญิงสาวทันที “งั้นเดี๋ยวเรามาด้วยกันอีกนะ”
ได้ยินคำชวนแบบนั้นพาณินีก็ลืมความกังวลเกี่ยวกับผู้หญิงตรงหน้าทันที ทั้งสองคงเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ นั่นแหละ ไม่อย่างนั้นภุมเรศคงไม่กล้าชวนเธอต่อหน้าต่อตาแบบนี้หรอก (มั้ง)
“ด้วยความยินดีค่ะ” พาณินียิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ
ภุมเรศกับพาณินีเดินไปเลือกที่นั่งด้วยกัน ผ่านไปครู่หนึ่ง พนักงานจากสตูดิโอของภุมเรศก็ตามมาสมทบ ดังนั้นจึงได้รู้จักกับหญิงสาวที่ลูกพี่ของพวกเขาพามา ทั้งสองจึงได้มองตากันและแอบเตะขาเพื่อนใต้โต๊ะ
“คนนี้พี่นัช อีกคนพี่กัปตัน” ภุมเรศแนะนำลูกน้องของตัวเองให้กับพาณินีได้รู้จัก “น้องแพร์เขาเป็นน้องสาวของเพื่อนพี่น่ะ พอดีมันทำงานดึกเลยไม่ตื่น น้องแพร์เลยต้องมาคนเดียว”
ส่วนทางด้านพาณินีที่รู้อยู่แล้วว่าวันนี้ไม่ได้มากับภุมเรศแค่สองคนก็ยังรู้สึกดีใจมากที่ชายหนุ่มชวนเธอมาด้วย แม้ครั้งหน้าที่เขาพูดออกมาอาจจะไม่ได้สัญญาอย่างเป็นทางการ ทว่าก็ทำให้เธอคาดหวังอย่างมีความสุขและกินสเต๊กชิ้นโตด้วยความเอร็ดอร่อย
“อิ่มไหม อยากกินอะไรอีกเหรือเปล่า” ภุมเรศเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเนื้อชิ้นโตหายไปจากจานของพาณินีแล้ว
“อิ่มมากเลยค่ะ กินอย่างอื่นไม่ไหวแล้ว”
“แล้วพวกนายล่ะ อิ่มหรือยัง”
“อิ่มแล้วครับพี่ ชิ้นหนึ่งใหญ่จุกๆ สมกับที่โฆษณาไว้เลย”
พรลภัสนั้นอยากให้ภาพสำหรับการโฆษณาไม่ดูเกินจริงมากไปนัก ดังนั้นลูกค้าจะไม่ผิดหวังกับทั้งรสชาติและขนาดของชิ้นสเต๊กอย่างที่เจ้าตัวตั้งใจไว้อย่างแน่นอน
และเมื่อทุกคนอิ่มแล้ว ชายหนุ่มจึงเรียกพนักงานมาคิดเงินและบอกลาเพื่อน พร้อมทั้งสัญญาว่าจะมาอุดหนุนอีกแน่นอน ก่อนภุมเรศจะไปส่งพาณินีที่คอนโดแล้วกลับไปทำงานที่สตูดิโอของตัวเองในช่วงบ่าย
*****
“ตื่นแล้วเหรอคะ” พาณินีเอ่ยทักพี่ชายที่อยู่ในสภาพหัวยุ่งเหยิงเหมือนรังนก ตาบวมเล็กน้อย ทั้งน่าขำและน่าสงสารไปพร้อมๆ กัน “แพร์ซื้อสเต๊กมาฝากด้วยค่ะ ถ้าแปลกฟันแล้วก็มากินได้เลยค่ะ ยังอุ่นๆ”
“สเต๊กอร่อยมากขนาดนั้นเชียว หน้าถึงได้บานเป็นกระด้งแล้ว”
“ถึงไม่ได้กินกับพี่ภู่ก็รับรองว่าอร่อยค่ะ”
พฤทธิ์ยกมือขึ้นกอดอก ไหนปากบอกว่ายังไงก็ไม่จีบ แต่เผลอนิดเดียวก็มาชวนน้องสาวของเขาออกไปกินข้าวด้วยกันซะแล้ว แทนที่จะเอ่ยปากชวนเพื่อน แล้วค่อยให้เพื่อนเป็นคนชวนน้องสาวของตัวเองไปด้วยสิถึงจะถูก
เพื่อนของเขาชักจะไม่น่าไว้ใจขึ้นทุกวัน
“ป๊าโทรมาบอกว่าเดี๋ยวจะมาหา”
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแพร์เก็บห้องให้”
“ขอบคุณครับน้องสาว” ชายหนุ่มยื่นมือไปเขย่าหัวน้องเบาๆ ด้วยความรักและเอ็นดู
โดยปกติห้องของพฤทธิ์จะค่อนข้างรกรุงรังเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยมีเวลาทำ ดังนั้นพาณินีจึงต้องเข้าช่วยเหลือพี่ชายในยามที่ผู้เป็นพ่อผู้รักความสะอาดกำลังจะมานอนค้างด้วย
พาณินีหยิบอุปกรณ์ทำความเดินเข้าไปที่ห้องของพี่ชายทันทีโดยไม่เกี่ยงงอน และถึงแม้พฤทธิ์จะใช้เธอทำฟรีๆ เธอก็ทำให้ ทว่าทุกครั้งพี่ชายจะมีทิปให้ตลอด ดังนั้นคราวนี้เธอตั้งใจว่าจะเอาไปซื้อชุดสวยๆ สักชุดเอาไว้ใส่ไปกับภุมเรศในคราวหน้า
แม้จะเป็นคราวหน้าที่ยังไม่คอนเฟิร์ม แต่เธอก็จะขอเตรียมตัวให้พร้อมไว้ก่อน