รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๔
พอบังเอิญเจอกันหนึ่งครั้งที่ตลาดมือสอง เมื่อมาเดินเล่นอีก พาณินีก็เจอกับชายหนุ่มอีกแล้ว แต่คราวนี้มิลินหายตัวไปไม่ทัน หญิงสาวจึงแนะนำเพื่อนสนิทของเธอให้ภุมเรศได้รู้จัก เขาจึงชวนพวกเธอไปเลี้ยงขนมที่คาเฟ่ของหวาน
“เราเจอกันบ่อยขึ้นนะคะเนี่ย” ในระหว่างรอของหวานที่สั่งไป พาณินีก็เอ่ยขึ้นมา
“ปกติเดือนหนึ่งมีประมาณสิบงานครับ พี่เลยมีเวลามาเดินซื้อนั่นซื้อนี่บ่อยๆ น่ะ”
“สิบงานเองเหรอคะ งั้นแปลว่างานหนึ่งที่จ้างพี่ภู่ไปทำก็ต้องแพงมากใช่ไหมคะ” มิลินเอ่ยถามด้วยความสงใสใคร่รู้
“ค่าตัวพี่ตอนนี้ราคาเป็นหมื่นขึ้นต่องานครับ”
“ว้าวมากค่ะ เงินดีขนาดนี้เลยเหรอคะ ถ้าอยากเป็นฟู้ดสไตลิสต์บ้างนี่ต้องทำยังไงคะเนี่ย” มิลินตาโต
“ทำงานอะไรก็ได้เก็บเงินก้อนก่อนครับ เพราะช่วงสร้างเนื้อสร้างตัวเก็บพอร์ตไว้เป็นตัวอย่างงานให้ลูกค้า ต้องเอาเงินไปซื้อพร็อพมาใช้ประกอบการถ่ายรูปอาหารเยอะมาก ช่วงนั้นพี่ไม่มีรายได้อะไรเลยอยู่ตั้งปีกว่าแน่ะ กว่าจะเริ่มมีลูกค้ามาจ้าง งานจากหลักร้อยหลักพันก็ค่อยๆ กลายเป็นหลักหมื่นครับ แต่พี่โชคดีหน่อยที่ได้มาจับคู่กับเพื่อนที่เป็นช่างภาพคอยช่วยกันขายงาน ก็เลยยิ่งโตเร็ว”
พาณินีฟังภุมเรศเล่าเรื่องของตัวเองด้วยความเพลิดเพลิน แม้พอจะเคยได้ยินเรื่องความลำบากในช่วงแรกที่ลองมาทำงานสายนี้อยู่บ้างแล้วก็เถอะ สำหรับเธอถ้าเขาเป็นคนเล่าเธอไม่เบื่อหรอก
“งั้นขออนุญาตถามอีกอย่างด้วยความสงสัย เรื่องงานเนื้อหอมขนาดนี้ แล้วสาวเยอะด้วยหรือเปล่าคะ”
คำถามของมิลินทำให้พาณินีต้องแอบเตะขาเพื่อนใต้โต๊ะ อีกฝ่ายจึงเตะกลับมาเหมือนกับจะสื่อว่า “แกก็อยากรู้เหมือนกันใช่ไหมล่ะ ฉันหน้าด้านถามแทนให้แล้วนะ”
แหม! ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆ
“ไม่มีครับ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงไม่มีคนมาจีบ” ภุมเรศเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงขำขันและสีหน้ายิ้มแย้ม
“โอ้! ว้าว! ไม่น่าเชื่อ” มิลินส่งเสียงโอเว่อร์แอคติ้งจนคนถูกถามยังต้องหัวเราะออกมาเบาๆ
“ไอ้หมี่ให้มันน้อยๆ หน่อย” พาณินีดุเพื่อน
“เป็นโสดมันดีนะครับ แล้วพี่ก็ติดอยู่กับความโสดมานานจนชิน ถ้าต้องมีแฟนขึ้นมาจริงๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงบ้าง”
“ของแบบนี้มันต้องลองนะคะ แถวนี้คนโสดเยอะแยะ” มิลินยุทันที
เผียะ!
พาณินีตีแขนเพื่อน “ทำเป็นพูดดีนะแกว่าของมันต้องลอง แกเองก็ไม่ยอมมีแฟนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง”
“ก็ยังมีมีใครหล่อถูกใจมาจีบนี่” มิลินลูบตรงแขนที่ถูกตีป้อยๆ จังหวะนั้นพนักงานก็มีเสิร์ฟทั้งแพนเค้กและฮันนี่โทสต์ที่พวกเธอสั่งไปพอดี เรื่องมีแฟน ไม่มีแฟนจึงหยุดลงแค่นั้น ก่อนบทสนทนาจะเปลี่ยนในแนวทางอื่น
*****
“วันนี้อยากแวะตลาดซื้อของไว้ทำกับข้าวก่อนกลับคอนโดหรือเปล่า แวะได้นะ พี่ไม่รีบ”
หลังจากอิ่มของหวานแล้ว มิลินก็ขอแยกตัวไปก่อนแล้วปล่อยให้พาณินีอยู่กับภุมเรศตามลำพัง ชายหนุ่มจึงอาสามาส่งเธอที่คอนโดเหมือนเคย
“แวะก็ดีค่ะ ตอนนี้ตู้เย็นโล่งมาก” พาณินีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไร้ความกระตือรือร้นเหมือนทุกที
ภุมเรศซึ่งจับความผิดปกติของหญิงสาวได้ทันทีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนกินขนมยังร่าเริงดีอยู่เลย ทว่าตอนนี้กลับดูห่อเหี่ยวชอบกล ครั้นจะถามก็ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ชายหนุ่มจึงทำเพียงเดินเป็นเพื่อนเธอซื้อของเงียบๆ และไปส่งเธอจนถึงคอนโด
ชายหนุ่มเห็นของเยอะแยะเต็มไปหมดราวกับจะกักตุนเป็นเดือนๆ จึงอาสาว่าจะช่วยถือไปส่งถึงห้อง
“ขอบคุณนะคะ”
“ครับ” ภุมเรศหมุนตัวกลับหลังจากที่หญิงสาวเอ่ยคำขอบคุณเขาเรียบร้อยแล้ว ทว่าสีหน้าซึมเซาของพาณินีมันทำให้ขาของเขาขยับไม่ออกและเดินจากมาไม่ได้
พาณินีที่ตั้งใจว่าจะมองแผ่นหลังของภุมเรศจนกว่าเขาจะลับหายไปจากสายตาก็ต้องฉงน เพราะเขาหยุดยืนอยู่กับที่ไม่ขยับไปไหน ก่อนจะค่อยๆ หันมาทางเธอ
“ถ้าพี่กลับเฉยๆ วันนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ”
หญิงสาวมองหน้าชายหนุ่มแล้วเลิกคิ้วเล็กน้อย “มีอะไรไม่สบายใจเหรอคะ”
“นั่นเป็นคำถามของพี่มากกว่า น้องแพร์เป็นอะไรครับ อยู่ๆ ก็เงียบขึ้นมาเฉยๆ” ภุมเรศไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมตังเองถึงได้ติดใจกับท่าทางของหญิงสาวนัก แล้วเขาสมควรก้าวก่ายความรู้สึกของหญิงสาวหรือเปล่า เรื่องนี้เขาก็ไม่แน่ใจ
“เออ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ อยู่ๆ แพร์ก็มีเรื่องให้ต้องคิด” พาณินีขยับรอยยิ้มบางๆ ภายในใจที่กำลังสับสนวุ่นวายค่อยๆ สงบลง ทั้งที่ภุมเรศไม่ต้องมาสนใจกันก็ได้
เขาก็ยัง...
เฮ้อ! หญิงสาวลอบถอนหายใจ ก็เป็นซะอย่างนี้ ถึงเขาไม่สนใจอยากจะมีแฟนแล้วโสดไปเรื่อยๆ แต่จะให้เธอตัดใจยังไง
“ถ้ามีเรื่องอะไรไม่สบายใจแล้วคิดว่าพี่ช่วยได้ก็อย่าเกรงใจนะ ยังไงน้องแพร์ก็เหมือนน้องสาวคนหนึ่งของพี่”
อยู่ๆ เส้นประสาทที่ขมับก็กระตุกเบาๆ เธอมองเขาซึ่งกำลังสบตาเธอด้วยความจริงใจ นั่นแหละปัญหาใหญ่ของเธอเลย
“แพร์มีคนที่แอบชอบอยู่คนหนึ่งค่ะ ก็เลยกลุ้มใจเพราะเขา”
สิ่งที่ได้ยินจากปากของพาณินี ไม่ใช่สิ่งที่ภุมเรศคาดคิดมาก่อนเลย เขาคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องเพื่อน ไม่ก็อาจจะทะเลาะกับพี่ชายอย่างพฤทธิ์หรือเปล่า
“แล้วมีอะไรที่พี่ช่วยได้ไหม” ถึงจะเป็นเรื่องที่เหนือไปจากที่คาด แต่เขาก็อยากจะช่วยให้ความไม่สบายใจของหญิงสาวคลายลงหรือหายไปเลยก็ยิ่งดี
“ตอนนี้แพร์ยังคิดอะไรไม่ออกเลยค่ะ ถ้าคิดออกแล้วแพร์จะบอกนะคะ” หญิงสาวยิ้มให้เขาก่อนที่ภุมเรศจะยอมจากมาแต่โดยดี เพราะตอนนี้เขาช่วยเธอไม่ได้จริงๆ
ภุมเรศได้แต่ครุ่นคิด ไม่รู้ว่าเพื่อสนิทผู้ขี้หวง จะรู้หรือยังว่าน้องสาวของตัวเองนั้นกำลังกลุ้มเรื่องปัญหาหัวใจ
*****
ชายหนุ่มได้ยินเสียงพี่สาวตะโกนเรียก เขาจึงเดินลงมาที่ห้องครัวและนั่งลงยังโต๊ะกินข้าวซึ่งมีสมาชิกนั่งล้อมวงกันอยู่สามคน เขา ภุมรินและพี่เขยอย่างธีเรเดช
“วันเด็กปีนี้เลี้ยงขนมอะไรดี” ภุมรินทำงานเป็นครูพละในโรงเรียนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เด็กส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่มีฐานะยากจน ดังนั้นทุกปีผู้ปกครองหรือผู้ใจบุญจะนำขนมและอาหารมาเลี้ยงเด็กๆ ในวันแห่งความสุขของพวกเขา
“ไก่ทอดเหมือนปีก่อนดีไหมครับ เด็กๆ ดูชอบนะ”
“ปีนี้เพื่อนคุณเท็ดดี้เขาจองเลี้ยงไก่เคเอฟซีแล้วจ้า” ภุมรินหันไปยิ้มกับสามีที่ช่วยหาผู้สนับสนุนมาเพิ่มให้
ชายหนุ่มเองก็นึกถึงพาณินีขึ้นมา “เดี๋ยวผมขอคิดก่อนแล้วกัน เผื่อชวนคนอื่นไปด้วย”
“ใครอะ”
“น้องแพร์ น้องสาวไอ้โพธิ์ เขาน่าจะอยากมาเลี้ยงขนมเด็กๆ ด้วยกัน”
ภุมรินทำหน้าครุ่นคิด “จำได้ว่าตอนนั้นยังเป็นเด็กอนุบาลตัวจิ๋วเดียวเอง ตอนนี้โตเป็นสาวแล้วเหรอ”
“ก็ต้องโตแล้วสิ นี่มันสิบกว่าปีมาแล้วนะเจ๊ผึ้ง”
“แล้วแกชวนเขามาทำไมวะ สนิทกันมากเหรอ” ภุมรินหรี่ตามองน้องชายซึ่งไม่ได้คบสาวคนไหนเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนคนแรก
เธอยังจำได้อยู่เลยว่าเข้าห้องปกครองครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิตก็เพราะบุกไปตบอดีตแฟนของน้องชายที่กล้าคบซ้อนแล้วทำให้ภุมเรศเสียใจจนร้องไห้
“ก็สนิทนะ” ชายหนุ่มตอบไปตามตรงโดยไม่มีอะไรแอบแฝง
“เหรอ” ภุมรินลากเสียงยาว “จีบน้องเขาอยู่ล่ะสิ” แล้วตบท้ายด้วยการแซวไปหนึ่งที
“ไม่ได้จีบ ไอ้โพธิ์หวงน้องมันจะตาย”
“ถ้าเขาไม่หวงก็จะจีบงั้นสิ” คนเป็นพี่สาวยังไม่เลิกรา
“ไม่จีบหรอกน่า” พอถูกพี่สาวเซ้าซี้ ชายหนุ่มก็ตักกับข้าวใส่จานแล้วเดินหนีออกมาจากห้องครัว เพื่อขึ้นไปกินที่ชั้นบนโดยมีเสียงหัวเราะไล่หลังมา
เมื่อได้อยู่เงียบๆ คนเดียว สีหน้าหงอยเหงาของพาณินีก็หวนเข้ามาในห้วงความคิด มันติดอยู่ในใจของภุมเรศมาหลายวันแล้ว เผลอเมื่อไรก็คิดถึงทุกที ดังนั้นจึงอยากชวนหญิงสาวมาทำกิจกรรมอะไรสักอย่างด้วยกันจะได้รู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากกินข้าวอิ่มแล้วจึงคิดจะส่งข้อความไปหาพาณินี แต่คิดอีกทีโทรไปคุยเลยดีกว่าจะได้ยินเสียงของอีกฝ่าย อย่างน้อยเสียงก็บอกอารมณ์ได้มากกว่าข้อความอย่างแน่นอน
“ฮัลโหลค่ะ พี่ภู่”
ใจของภุมเรศจากที่หนักอึ้งตอนนี้ผ่อนคลายลงมาก เพราะเสียงของพาณินีที่เขาได้ยินนั้นเป็นน้ำเสียงสดใสร่าเริง
“ว่างคุยไหมครับ”
“ว่างค่ะ”
“พอดีว่าพี่อยากจะชวนน้องแพร์ไปเลี้ยงขนมเด็กๆ ที่งานวันเด็กโรงเรียนเจ๊ผึ้ง น้องแพร์อยากไปไหม”
“อยากค่ะ”
แล้วชายหนุ่มก็เพิ่งนึกขึ้นได้ “แต่มันเป็นช่วงเช้าของวันศุกร์นะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไปได้”
“ต้องโดดเรียนหรือเปล่าครับ ถ้าไอ้โพธิ์รู้ว่าพี่พาน้องมันโดดเรียนเดี๋ยวมันจะโกรธเอานะ”
“ไม่โกรธหรอกค่ะ แพร์เคลียร์ได้ ทั้งชีวิตพี่โพธิ์กับพี่ภู่ไม่เคยโดดเรียนกันเลยเหรอคะ”
“เคยครับ” ชายหนุ่มเผลอยิ้ม “แต่พี่ยังไม่ได้คิดเลยว่าปีนี้จะเอาอะไรไปเลี้ยงเด็กๆ ดี พวกไอติม ก๋วยเตี๋ยว โดนัท ไก่ทอดน่าจะมีคนจองเมนูพวกนี้ไปหมดแล้ว”
พาณินีเงียบไป ท่าทางคงกำลังใช้ความคิด “คนอื่นๆ คงมาเลี้ยงขนมนมเนยกันใช่ไหมคะ พวกเราเลี้ยงผลไม้ดีไหมคะ ซื้อมาหลายๆ อย่าง แล้วก็เอาทุกอย่างมารวมกันใส่ถ้วยเล็กให้เด็กๆ”
“แบบนั้นก็ดีนะ กินขนมเยอะแล้ว กินผลไม้ด้วยก็น่าจะดี งั้นตกลงตามนี้ครับ”
“เดี๋ยวเราไปซื้อผลไม้แล้วก็มาเตรียมของด้วยกันนะคะ คงต้องปอกเปลือกแล้วก็หั่นเยอะอยู่”
“ครับ” ภุมเรศยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง “แต่ไหนๆ วันนั้นก็โดดเรียนแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปเลี้ยง น้องแพร์อยากไปร้านไหนก็เลือกเตรียมไว้ได้เลย”
“ค่ะ”
หลังจากตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ภุมเรศก็กดวางสายพร้อมกับที่หัวใจค่อยๆ เบิกบานมากขึ้นโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร รู้แค่ว่าตอนนี้สบายอกสบายใจกว่าหลายวันที่ผ่านมามาก
*****
พาณินียังคงมองหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง หลายวันมานี้หญิงสาวค่อยๆ ตกตะกอนความคิดของตัวเอง ถ้าภุมเรศยังคิดว่าเป็นโสดดีกว่ามีแฟน เธอก็ต้องทำให้เขานึกอยากจะมีแฟนให้ได้สิ พอคิดได้แบบนั้นโอกาสก็มาถึงที่แล้วนี่ไง
“ทำหน้าฟินแบบนั้นทำไมน่ะ” ชายหนุ่มที่รู้สึกหิวน้ำจึงเดินออกมาจากห้องเพื่อหยิบน้ำจากตู้เย็น บังเอิญหันมาเห็นน้องสาวนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนโซฟาพอดี
“ปีนี้หนูจะไปงานวันเด็กกับพี่ภู่นะคะ”
“โตจนป่านนี้แล้วยังจะให้มันพาไปงานวันเด็กอีกหรือไง อยากไปก็ไปเองสิ”
“ไม่ได้ไปงานวันเด็กแบบนั้นค่ะ ไปเลี้ยงขนมเด็กๆ ที่โรงเรียนของพี่สาวพี่ภู่ เนื่องในงานวันเด็กต่างหากล่ะคะ” คนเป็นน้องสาวอธิบายเพิ่มเติมอย่างละเอียด
“อ๋อ” พฤทธิ์พยักหน้ารับรู้เบาๆ “แล้วทำไมต้องมาชวนเธอด้วยล่ะ ปกติมันก็ไปเลี้ยงเองได้ทุกปีนี่”
“ก็คงอยากหาลูกมือมั้งคะ”
“เหรอ” พฤทธิ์กลอกตามองบนเบาๆ “แล้วนี่เตรียมตัวเสร็จหรือยัง พรุ่งนี้ไปแต่เช้าเลยนะ จะได้เลี่ยงรถติด”
“เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ” แน่นอนว่าช่วงวันปีใหม่ เธอกับพี่ชายก็ไม่พลาดที่จะกลับไปฉลองกับบิดาซึ่งตอนนี้อยู่บ้านเพียงลำพังกับน้องหมาหนึ่งตัว ใช้ชีวิตอย่างสงบหลังเกษียณอายุราชการเรียบร้อยแล้ว
พาณินีนึกถึงบิดา เธอเคยคิดว่าเดี๋ยวเรียนจบก็จะกลับไปหางานทำที่บ้านเกิดและอยู่กับผู้เป็นพ่ออย่างพิพัฒน์ การแอบรักจะสิ้นสุดลงอย่างไม่มีข้อแม้
เฮ้อ! เธอถอนหายใจด้วยความท้อแท้
ก่อนจะปลุกเร้าความหวังว่าตอนนี้เธออยู่แค่ปีสองเอง เหลือเวลาอีกตั้งสองปี ถ้าไม่มีอะไรคืบหน้าค่อยตัดใจก็แล้วกัน!