น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย
รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
รักละไมเพื่อนพี่ชายตอนที่ ๘
ปวดหัว!
นานแล้วเหมือนกันที่เขาไม่ได้เมาจนกระทั่งภาพตัดแบบนี้ จำได้ว่าครั้งสุดท้ายคือเพื่อนไปส่งที่บ้านแล้วพี่สาวปล่อยให้นอนอยู่ตรงระเบียงบ้านเพราะกลัวว่าจะอ้วกในบ้านแล้วเหม็น แต่รู้สึกว่าครั้งนี้จะดีกว่า มันนุ่มแล้วก็หอม
เอ๊ะ!
ภุมเรศเริ่มได้สติ มันต้องไม่ใช่ห้องนอนของเขาแน่ๆ แล้วห้องใครวะ ชายหนุ่มพยายามรื้อฟื้นความทรงจำ ทว่าเขาก็จำไม่ได้จริงๆ
แต่เมาจนภาพตัด เขาก็ไม่น่าจะหิ้วใครมานอนด้วยได้ ไม่งั้นเขาก็เป็นคนถูกหิ้วมาที่ห้องของอีกฝ่ายใช่ไหม เมื่อสายตาเริ่มชินกับความมืดจึงเห็นหญิงสาวผมยาวที่กำลังนอนหันหลังให้
“ขอบคุณครับ” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเบาเพราะยังไงอีกฝ่ายก็ให้ที่นอนกับเขาทั้งคืน แต่เขาตั้งใจจะกลับไปก่อนที่อีกฝ่ายจะตื่นจึงมองหากระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ เมื่อพบว่ามันถูกวางอยู่บนหัวเตียงจึงคว้ามันมาและลุกขึ้นจากเตียง เตรียมจะก้าวขาเดินจากไป แต่...
“พี่ภู่”
ภุมเรศตัวชาวาบตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาจำเสียงที่กำลังเรียกด้วยความงัวเงียได้ทันทีที่เสียงกระทบโสตประสาท
เมื่อวานเพราะเพื่อนคนอื่นไม่มีใครว่างมาเลย สุดท้ายคนที่ไปนั่งก๊งเหล้าด้วยกันจึงมีแต่สมาชิกของสตูดิโอทั้งสี่หน่อ แต่เขาก็บอกไปแล้วว่าถ้าเมามากก็ให้หิ้วเขากลับไปทิ้งไว้ที่สตูดิโอ แล้วไอ้พวกเวรมันทำอะไรลงไป!
“พี่ภู่” หญิงสาวคิดว่าเขาไม่ได้ยินจึงเรียกซ้ำพลางเอื้อมมือไปเปิดโคมไฟบนหัวเตียง
ชายหนุ่มสะดุ้งเพราะความสว่างที่เกิดขึ้น แม้จะเป็นแสงไฟสีส้มอ่อนของโคมไฟก็เถอะ แต่มันก็ทำให้เห็นความผิดของเขาอย่างชัดเจน อยู่ๆ เขาก็เริ่มสำรวจตัวเองด้วยการจับไปที่เนื้อตัว เสื้อผ้ายังอยู่ดี ไม่ได้มีการกระชากฉีกขาดแต่อย่างได้ แสดงว่าเขาไม่ได้ทำอะไรพาณินี! ใช่ไหม! ใครก็ได้บอกเขาที!
“ยังแค่ตีสี่เองนะคะ ตอนนี้น่าจะหารถกลับยาก แล้วพี่โพธิ์ก็ไม่อยู่ด้วย ไม่มีรถให้ยืม”
ในที่สุดเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับพาณินี เขารีบมองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า เธออยู่ในชุดนอนแขนยาวขายาวที่ดูเรียบร้อยดี แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก
“พี่ได้ทำอะไรไม่ดีกับน้องแพร์หรือเปล่า”
หญิงสาวมองเขาแล้วเงียบ...
ภุมเรศอยากจะตะโกนถามว่า เงียบทำไมครับ! อย่าเงียบแบบนี้พี่ใจไม่ดี!
“ก็ทำอยู่ค่ะ แต่แพร์คิดว่ามันไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาท่าทางเขินอาย “เพียงแต่ว่าคงให้พี่โพธิ์รู้ไม่ได้”
“แล้วสรุปมันเรื่องดีหรือไม่ดีกันแน่ครับ” ตอนนี้ใจเขานี่แหละไม่ดีแล้ว
“สำหรับแพร์เป็นเรื่องดีค่ะ” พาณินียิ้มพลางยกมือขึ้นทัดผมขึ้นแก้เขิน ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบหันหลังให้เขา “ตอนนี้เพิ่งตื่นหน้าตาแพร์คงดูไม่ได้ หัวก็ยุ่งด้วย”
“น้องแพร์ตอนนี้เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกครับ” ถึงภุมเรศจะคิดว่าก็ยังน่ารักเหมือนเดิมก็เถอะ “พี่อยากรู้ว่าพี่มานอนอยู่ที่ห้องน้องแพร์ได้ยังไง แล้วพวกเราไม่ได้...” ภุมเรศกลั้นใจ “ไม่ได้มีอะไรเกินเลยใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาเบาลงจนตัวเองแทบไม่ได้ยิน
“ถ้าแพร์บอกความจริง พี่ภู่จะรับผิดชอบไหมคะ”
*****
เมื่อหลายชั่วโมงก่อน...
วันนี้พาณินีอยู่เพียงลำพังคนเดียวเพราะพี่ชายไปเที่ยวญี่ปุ่นกับแฟน แต่ในระหว่างที่กำลังเข้านอนก็มีใครบางคนโทรมาหา พอเห็นหน้าจอหัวใจก็พองโตขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
หลายวันมานี้เธอหงอยเหงาซึมเซา เพราะนอยด์ที่ได้ค้นพบความจริงว่าสำหรับภุมเรศตัวเองก็ไม่ได้พิเศษกว่าใครในใจเขาเลย ทว่าตอนที่ได้เห็นเขาติดต่อมา ความน้อยอกน้อยใจก็พลันดูเหมือนจะหายไปเสียอย่างนั้นหลังจากที่ไม่ได้เจอหน้าพูดคุยกันเลยมาพักหนึ่งแล้ว
อนึ่งเป็นเพราะเธอพยายามหลบหน้าชายหนุ่มด้วยนั่นเอง
“คะ พี่ภะ...”
“ผมไม่ใช่ไอ้ภู่นะครับ”
เสียงที่เธอได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงของภุมเรศจริงๆ ด้วย แล้วทำไมโทรศัพท์ถึงไปอยู่กับเขาได้ แต่ก่อนที่หญิงสาวจะคิดว่าเป็นเรื่องไม่ดี อีกฝ่ายก็พูดขึ้นเร็วรัว
“มันเมามาก เอาแต่บอกจะมาหาน้องแพร์ ผมเลยพามันมาที่คอนโดของคุณ ตอนนี้อยู่ที่ล็อบบี้ครับ คุณช่วยลงมารับมันหน่อยได้ไหม”
“คะ อะไรนะคะ” พาณินีมึนงง ภุมเรศเมา แต่เขาอยากมาหาเธอเหรอ
“แฟนคุณเมามากครับ มันเลยเอาแต่ร้องจะมาหาคุณ จับใจความได้ว่างอนกันอยู่ใช่ไหม เรื่องงอนเอาไว้ก่อนเถอะครับ ตอนนี้ต้องหาที่นอนให้มันก่อน พวกผมจะได้ไปพักผ่อนบ้าง”
หญิงสาวยิ่งงงไปกันใหญ่ เธอไปเป็นแฟนกับภุมเรศตอนไหนกัน แต่ถึงจะยังงงก็แอบรู้สึกดีนะ ทว่าเรื่องสำคัญสุดคือต้องลงไปรับภุมเรศก่อน พาณินีจึงคว้าเสื้อแขนยาวมาสวมทับชุดนอนก่อนจะรีบลงไปยังล็อบบี้
เมื่อลงไปถึงโซนต้อนรับแขกก็พบว่าภุมเรศนั่งฟุบอยู่บนโซฟากับผู้ชายที่เธอจำหน้าได้ว่าเป็นเพื่อนของอีกฝ่าย ซึ่งลงทุนเปิดสตูดิโอรับงานร่วมกัน
“สวัสดีครับ ผมชื่อวัต ไอ้ภู่มันไม่ยอมกลับบ้าน บอกว่าจะมาหาน้องแพร์ พวกเด็กๆ เลยบอกว่าคงน่าจะอยากหาแฟน” ชายหนุ่มคงหมายถึงลูกน้องอีกสองคนของภุมเรศที่เธอเคยเจอ “คุณเป็นแฟนมันใช่ไหม”
“จริงๆ ไม่ใช่ค่ะ”
“อ้าว!” สหัสวัตทำหน้าตกใจที่เข้าใจผิด “แต่พอเมาไม่รู้เรื่องมันก็เอาแต่บอกว่าอยากมาหาคุณนะ ไอ้พวกเด็กๆ ก็เข้าใจว่าคุณเป็นแฟนมัน ผมก็เลยคิดว่าแฟนกันไปด้วย แล้วแบบนี้ผมคงฝากมันไว้กับคุณไม่ได้ ต้องหิ้วไปทิ้งไว้ที่สตูดิโอ”
“แต่ให้พี่ภู่อยู่กับแพร์ก็ได้ค่ะ ไม่เป็นไร เดี๋ยวแพร์ดูแลเอง” เธอไม่เคยเห็นภุมเรศเมาขนาดนี้มาก่อนจึงนึกสงสารถ้าต้องถูกเพื่อนหิ้วไปทิ้งไว้ที่สตูดิโออย่างที่พูดจริงๆ
“ถึงตอนนี้ยังไม่ใช่แฟน แต่ก็คุยๆ กันอยู่ใช่ไหม งั้นผมฝากมันไว้กับคุณนะครับ” สหัสวัตมองพาณินีแล้วยิ้ม “แต่มันพูดถึงคุณเป็นร้อยกว่ารอบได้ คงอยากมาหาคุณจริงๆ พอล้วงข้อมูลได้ว่าคอนโดคุณอยู่ที่ไหน ผมเลยรีบพามา”
“ขอบคุณนะคะ” พาณินีเอ่ยปากขอบคุณสหัสวัต
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“ค่ะ” เมื่อสหัสวัตจากไปแล้ว พาณินีจึงเดินไปประคองภุมเรศให้ลุกขึ้น คนเมาก็ลุกขึ้นแต่โดยดีและยอมเดินตามเธอกลับขึ้นห้อง ถึงจะเดินตุปัดตุเป๋ไปหน่อยและพร้อมจะร่วงลงไปนอนกับพื้นได้ตลอดเวลา ทว่าในที่สุดเธอก็พาเขากลับขึ้นมาบนห้องได้สำเร็จ
พาณินีทิ้งเขาให้นอนบนโซฟาแล้วเดินไปนำน้ำมาให้ดื่ม อีกทั้งยังนำผ้าขนหนูผืนเล็กชุบน้ำเย็นมาเช็ดตัวให้ชายหนุ่มด้วย เผื่อจะสร่างเมาขึ้นมาบ้าง
“ทำไมถึงดื่มเยอะจนเมาขนาดนี้ค่ะ” หญิงสาวเช็ดแขนของชายหนุ่มพลางบ่นไปเรื่อยเปื่อย แต่เมื่อเช็ดไปที่ลำคอเขาก็สะดุ้งและลืมตาขึ้นมองเธอ
ภุมเรศจ้องเธอนิ่ง ภาณินีพอถูกจ้องมากเข้าก็ชะงักแล้วเริ่มจะเขินๆ จนมือไม้งุ่มง่ามไปหมด แถมยังไม่กล้ายื่นมือไปเช็ดหน้าให้เขาแล้วด้วย
“บนหน้าแพร์มีอะไรเหรอคะ หรือว่าไม่ชินกับหน้าสด” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม
“พี่แค่มองเพราะน้องแพร์น่ารัก” ชายหนุ่มที่พูดจาเสียงยานคางยิ้มละไม ส่วนคนถูกชมว่าน่ารักทั้งเขินและขำ แต่คนเมากลับคิดว่าเธอไม่เชื่อที่เขาพูดจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร้อนรน “น่ารักจริงๆ พี่ยังเก็บรูปน้องแพร์ในไร่ส้มเอาไว้อยู่เลย ไม่ลบ ไม่ได้โกหก”
“เชื่อค่ะ แพร์เชื่อที่พี่ภู่พูด”
“ดีใจ” ภุมเรศที่ยังคงนอนอยู่ชูมือขึ้นเหนือหัวทำท่าดีใจเหมือนเด็กๆ พาณินีจึงอดหัวเราะด้วยความเอ็นดูไม่ได้
“แพร์ก็ดีใจค่ะที่ได้รู้ว่าพี่ภู่คิดยังไงเวลาเห็นหน้าแพร์” เธออมยิ้มจนแก้มแทบปริ “ไหนๆ พี่ภู่ก็ตื่นแล้ว ลุกไปนอนในห้องพี่โพธิ์ดีกว่าค่ะ”
“ไม่เอา” ชายหนุ่มปัดมือที่เธอยื่นไปจับแขนเขาเพื่อประคองให้ลุกขึ้นทิ้ง
พาณินีมองชายหนุ่มวัยสามสิบขวบด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ “งั้นนอนโซฟาก็ได้ค่ะ เดี๋ยวแพร์ไปเอาผ้าห่มมาให้” ปกติเวลาชายหนุ่มมาค้างก็นอนแถวๆ โซฟาตลอด คงจะชิน
หมับ! อยู่ๆ เขาก็ยื่นมือมาจับข้อมือของเธอเอาไว้
“ไม่ไปได้ไหมครับ พี่ยังอยากอยู่กับน้องแพร์ต่อ”
“แพร์แค่จะไปเอาผ้าห่มมาให้พี่ภู่ค่ะ ไม่ได้จะไปไหน”
“พี่ไม่เชื่อหรอก เดี๋ยวน้องแพร์ก็ไม่ยอมมาเจอหน้าพี่อีกแน่ๆ” ภุมเรศยังกำข้อมือของเธอเอาไว้แน่นจนเธอเริ่มรู้สึกเจ็บและน่าจะทิ้งรอยไว้แน่ๆ
“พี่ภู่ แพร์เจ็บ”
เมื่อเธอร้องบอกแบบนั้น เขาจึงรีบปล่อยมือทันทีแล้วลุกขึ้นมากอดเธอเอาไว้แทนเสียอย่างนั้น “พี่ขอโทษ แบบนี้น่าจะไม่เจ็บ”
พาณินีหวีดร้องในใจ ใช่ค่ะ มันไม่เจ็บ แต่หัวใจจะวายตายแทน!
“พี่ภู่เดี๋ยวก่อนค่ะ จะทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ ตรงนี้มันมีกล้องวงจรปิด เกิดพี่โพธิ์นึกอยากดูกล้องวงจรปิดขึ้นมาแล้วเห็นเข้าจะทำยังไงคะ”
“ไม่รู้”
หญิงสาวทั้งแกะทั้งสลัดอย่างไร ชายหนุ่มก็กอดไม่ปล่อย งั้นก็ช่างมันแล้วกัน ปล่อยให้เขากอดไปทั้งที่เธอเดินถอยหลังเข้าห้องนอนของตัวเองนี่แหละ อย่างน้อยก็ขอให้รอดพ้นจากสายตาของพฤทธิ์ไปก่อน
เมื่อเข้ามาหลบในห้องนอนและพ้นจากรัศมีของกล้องวงจรปิดแล้ว พาณินีจึงพยายามแกะตุ๊กแกที่ชื่อภุมเรศออกพลางคิดไปด้วยว่าพี่ชายคงไม่มานั่งดูกล้องวงจรปิดหรือดูย้อนหลังหรอกมั้ง
“พี่ภู่เหม็นเหล้า” ในเมื่อแกะไม่ออกก็ลองว่าดูสักที
“แต่น้องแพร์หอม” ชายหนุ่มก้มหน้าลงซุกศีรษะของเธอ ทำเอาหญิงสาวนิ่งไป ใจสั่นจนขยับตัวไม่ไหวจึงปล่อยให้เขากอดอยู่อย่างนั้นนานสองนานกว่าจะเรียกสติกลับมาได้
“พี่ภู่เมาหนักมากเลยนะคะเนี่ย”
“ไม่ได้เมา”
หญิงสาวทิ้งศีรษะลงพิงไหล่ของชายหนุ่ม ไม่เมาอะไรเล่า เมาจนจำทางกลับบ้านไม่ได้แล้วมากกว่ามั้ง
“ไม่เมาก็ไม่เมาค่ะ ว่าแต่เราจะยืนกอดกันอย่างนี้ทั้งคืนไม่ได้นะคะ” พาณินีเงยหน้าขึ้นพูดกับภุมเรศที่ตอนนี้กำลังก้มมองเธออยู่เหมือนกัน
จังหวะที่สบตากันมันยากจะอธิบาย หญิงสาวนิ่งงันไม่สามารถขยับใบหน้าหนีไปไหนได้ ดังนั้นริมฝีปากของภุมเรศจึงประทับลงมาอย่างแม่นยำ ไม่ผิดเป้าหมายเลยแม้แต่มิลเดียว
ภายในหัวของพาณินีตอนนี้มีแต่ความรู้สึกเลื่อนลอย นึกถึงจินตนาการของตัวเองที่เกี่ยวกับจูบไม่ออกอีกแล้ว เพราะของจริงมันเป็นอะไรที่เหนือกว่าที่จินตนาการไว้ทั้งหมด
แต่ก่อนที่หัวใจของพาณินีจะระเบิดออกมานอกอก ภุมเรศก็ผละออก ทว่าก็ยังมิวายทิ้งท้ายด้วยการจุมพิตหนักๆ ลงบนหน้าผากของคนที่ยังตกอยู่ในสภาวะแทบลืมหายใจ
หญิงสาวครุ่นคิดอย่างหนัก พรุ่งนี้ถ้าภุมเรศจำเรื่องพวกนี้ได้ขึ้นมาแล้วจะเป็นยังไง เขาจะรับผิดชอบสิ่งทีทำลงไปหรือจะหนีหายไปไม่กล้าเข้าใกล้เธออีก
ถ้าเขารับผิดชอบก็ดี
แต่ถ้าไม่ล่ะ
“พี่ภู่ จูบแพร์อีกได้ไหม” แน่นอนว่าเธอต้องคาดการไปในทางร้ายๆ ก่อนอยู่แล้ว ถ้านี่จะเป็นจูบครั้งเดียวของพวกเขา ก็ขอให้เป็นจูบที่ยาวนานให้ได้มากที่สุดก็พอ
ภุมเรศยิ้มละมุนละไมและมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนปนเอ็นดู ก่อนจะก้มลงมาจูบเธออีกครั้งอย่างนุ่มนวล
พาณินีเผยอริมฝีปากขึ้นรับทุกสิ่งทุกอย่างจากชายหนุ่ม สัมผัสนั้นหวานล้ำและขมติดปลายลิ้น เป็นรสชาติที่ยากจะห้ามใจ เธอจึงเรียกร้องจากเขาจนกระทั่งพอใจ หากมันคือครั้งเดียวในชีวิต ก็เป็นความทรงจำที่ตราตรึงอยู่ในใจเธอไปอีกนานแสนนานอย่างแน่นอน
แล้วหลังจากนั้นภุมเรศก็คงไม่ไหวแล้วจริงๆ เธอจึงพาเขามานอนลงบนเตียงของเธอ ทว่าในตอนแรกทำอย่างไรเขาก็กอดแน่นไม่ยอมปล่อย จนกระทั่งเริ่มหลับสนิท อ้อมกอดจึงค่อยๆ คลายออก
แต่เธอก็ไม่อยากจะหนีไปนอนที่ห้องพี่ชาย ดังนั้นจึงนอนหลับไปแทบจะพร้อมๆ กับชายหนุ่ม ก่อนที่เขาจะตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้างุนงง ทั้งน่าสงสารและน่าเอ็นดู
“เราจูบกันหลายรอบมากค่ะ ไม่ใช่แค่ปากแตะปากนะคะ แต่พี่ภู่ใช้ลิ้นด้วย”
เขาไม่มีประวัติชอบจูบใครตอนเมา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ใช่พฤติกรรมที่เป็นไปไม่ได้ ภุมเรศค่อยๆ รวบรวมสติแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แค่จูบใช่ไหมน้องแพร์”
ในที่สุดเธอก็หันกลับมาและเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยดวงตากลมโต ดวงหน้าใสๆ กับหัวยุ่งๆ เพราะเพิ่งตื่นนอนทำให้ลมหายใจของเขาสะดุดเล็กน้อย
น่ารัก
ภุมเรศอยากชกตัวเอง เวลาแบบนี้ก็ยังจะคิดไปเรื่อยอีก
“ค่ะ แค่จูบ แต่พี่ภู่รู้ไหมคะว่ามันเป็นจูบแรกของแพร์นะ”
ไอร้อนพุ่งเข้าใส่หน้าของภุมเรศ ทำไมเขาจะเดาไม่ได้ว่านั่นเป็นจูบแรกของพาณินี ดังนั้นเขาจึงควรจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างที่เธอบอกก่อนหน้านี้