รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ตอนที่ ๙
ภุมเรศเลือกกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สตูดิโอ เพราะตั้งใจว่าจะด่าสหัสวัตสักหลายๆ คำที่หิ้วเขาไปทิ้งไว้กับพาณินี แต่ฟังจากที่เธอเล่า ความผิดทั้งหมดมันก็เป็นของเขาเองเพราะดันไปเพ้อเจ้อเรื่องหญิงสาวกับเพื่อน
ชายหนุ่มทรุดลงกับพื้นห้องน้ำในขณะที่น้ำจากฝักบัวยังคงรินรดลงมาบนหัวของเขา แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ความร้อนหายไปจากใบหน้า เมื่อเขาเผลอนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำไว้กับพาณินี ได้แต่คิดว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเขินมากๆ เพราะผู้หญิงคือเมื่อไรกันนะ
“บ้าบอจริง” ภุมเรศด่าตัวเอง เพื่อเรียกสติที่หลุดลอยไปไกลให้กลับมา ปิดฝักบัวและคว้าผ้าเช็ดมาพันกายก่อนจะออกจากห้องน้ำ
สตูดิโอมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่างสุดเป็นที่รับแขก ชั้นสองเป็นที่ถ่ายภาพสำหรับงานที่ไม่ต้องออกนอกพื้นที่ ส่วนชั้นบนเป็นที่เก็บของ แต่มีพื้นที่เล็กๆ ไว้สำหรับใครก็ตามที่อาจจะมาค้างยามจำเป็น
ภุมเรศเช็ดผมของตัวเองพลางกดดูข้อความ เมื่อเห็นว่าพฤทธิ์ไม่ได้ส่งข้อความอะไรมา ก็แปลว่าเจ้าตัวไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคงไม่ได้นึกเอะใจอะไรจนต้องมานั่งเช็กกล้องวงจรปิด
เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่คิดอีกที มันจะไปโล่งได้ยังไงในเมื่อเขาล้ำเส้นที่เคยขีดเอาไว้เข้าเสียแล้ว
เสียงของตัวเองที่เคยปฏิเสธกับพฤทธิ์อย่างหนักแน่นว่าจะไม่จีบน้องสาวของเพื่อนแน่ๆ ดังเข้ามาในหัว แต่ตอนนี้เขาดันล้ำเส้นยิ่งกว่าจีบเสียอีก แล้วแบบนี้จะมีหน้าไปเจอเพื่อนของตัวเองได้ยังไง
หลังแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ภุมเรศจึงเดินลงมายังชั้นล่าง ก่อนตรงไปยังโต๊ะทำงานของตัวเองพลางเปิดดูตารางงานว่าวันนี้ต้องทำอะไรบ้าง
เมื่อถึงเวลาเก้าโมง คนอื่นๆ ก็เริ่มมาทำงานตามปกติ ส่วนสหัสวัตนั้นมาตอนสิบโมงซึ่งเป็นช่วงเวลาที่จัดวางของประกอบฉากเรียบร้อยพร้อมสำหรับการถ่ายภาพแหนมทอดน่ากินแล้ว
“คืนดีกับแฟนแล้วสินะมึง งานกลับมาดี”
“แฟนห่าอะไร น้องแพร์ยังไม่ใช่แฟนกูสักหน่อย”
“อ๋อ ลืมไปเขาก็บอกอยู่ว่าไม่ใช่แฟนมึง แต่มึงบอกยังไม่ใช่ก็แปลว่ากูจีบได้งั้นสิ” สหัสวัตแกล้งแหย่ ทำให้โดนมองแรงใส่ทันที
“ถ้ามึงยุ่งกับน้องเขา สตูดิโอแตกแน่มึง”
สหัสวัตหัวเราะเสียงดัง “หวงอะไรของมึง ไหนว่ายังไม่ใช่แฟน”
“หุบปากแล้วรีบถ่ายๆ ให้เสร็จเหอะมึง อีกไม่กี่วันก็เดทไลน์ของงานนี้แล้ว” แต่ยิ่งภุมเรศมีท่าทางหงุดหงิด อีกฝ่ายก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ
ทว่าทั้งๆ ที่ทำงานไป ทำท่าจะกินหัวกันไป แต่งานก็ออกมาดีตามมาตรฐานของพวกเขาเหมือนเดิมแล้ว ภุมเรศกับสหัสวัตจึงปิด
จ็อบนี้ด้วยความพึงพอใจ
*****
จอดรถรอได้ไม่ถึงสิบนาที พาณินีก็เดินมากับเพื่อนๆ ก่อนเอ่ยปากร่ำลากันแล้วเดินตรงมายังรถของเขาที่จอดรออยู่ เพราะวันนี้เขาตั้งใจว่าจะพาเธอไปร้านอาหาร ทั้งตอบแทนเรื่องที่ไปช่วยกันตอนงานวันเด็กและคุยเรื่องของพวกเขาทั้งคู่อย่างจริงจัง
“รอนานหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ เพิ่งมาได้แป๊บเดียวเอง”
พาณินียิ้มกว้างพลางดึงสายเข็มขัดนิรภัยมาคาด ดังนั้นภุมเรศจึงพยายามดึงสายตาหนีไปจากใบหน้าสดใสยิ้มแย้มที่เขาไม่ได้เห็นมาหลายวัน เพื่อมุ่งสมาธิไปกับการมองถนน
“พี่ภู่จะพาแพร์ไปร้านไหนเหรอคะ”
“ร้านที่เพื่อนพี่แนะนำมาน่ะ บรรยากาศดี มีอาหารจากหลายภาคให้สั่ง แล้วก็รับรองว่าอร่อยสมราคา”
“ดีเลยค่ะ กำลังอยากกินอาหารใต้อยู่พอดี”
ภุมเรศเผลอยิ้มกับตัวเอง เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูอารมณ์ดี ไม่ได้มีอาการหงอยเหลาเศร้าซึมให้เห็น เขาจึงอารมณ์ดีตามไปด้วย
เมื่อมาถึงร้านอาหาร พวกเขาก็ถูกพาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้แล้ว พาณินีมองดูร้านที่ค่อนข้างหรูหราด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ร้านนี้มันร้านดังที่ดาราชอบมาถ่ายรายการชิมอาหารกันนี่คะ”
“ไม่แน่ใจนะ พี่ไม่ค่อยได้ดูรายการของดารา”
“แล้วกระเป๋าตังค์จะไม่ฉีกเอาเหรอคะ”
“น้องแพร์ตัวนิดเดียว จะกินจนพี่กระเป๋าฉีกเลยเหรอ” ภุมเรศหัวเราะเบาๆ “ไม่ต้องเกรงใจล่ะ พี่เลี้ยงเต็มที่”
“ขอบคุณค่ะ” พาณินียิ้มกว้างและสั่งอาหารที่อยากกินด้วยความสบายใจ
หลังจากสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ความเงียบก็เข้ามาครอบคลุมคนทั้งคู่ เป็นความเขินอายเล็กๆ ไม่ใช่ความอึดอัดใจแต่อย่างใด แล้วใครคนหนึ่งก็ทำลายความเงียบขึ้นก่อน
“เรื่องเมื่อคืน” ภุมเรศคิดว่าไม่ควรปล่อยให้ทุกอย่างคลุมเครือ ทั้งความรู้สึกของเขาและความรู้สึกของพาณินี
“...” พาณินีเม้มปากเข้าหากันเบาๆ และจ้องมองมาที่เขา
“พี่...”
“คะ” หญิงสาวยังคงไม่ละสายตาไปจากเขา
“พี่คิดกับน้องแพร์แค่น้องมาตลอด”
ถ้อยคำของภุมเรศทำให้รอยยิ้มของหญิงสาวจางหายไปทันที แววตาของพาณินีเต็มไปด้วยความผิดหวัง สีหน้าบอกว่าเสียใจ
“แต่มันเป็นแค่สิ่งที่พี่คิดไปเองนะน้องแพร์ เพราะพี่ว่าความจริงพี่รู้สึกกับน้องแพร์มากกว่านั้น”
หญิงสาวที่ก่อนหน้านี้ใจเสียขวัญหาย ตอนนี้กลับมาตาเป็นประกาย รอคอยฟังสิ่งที่ภุมเรศค่อยๆ พูดออกมาใจจดใจจ่อ
เขาอาจจะรู้สึกตัวช้าไปสักหน่อย แต่พอรู้แล้วก็ไม่ได้คิดจะหนีความรู้สึกของตัวเอง ทั้งไม่กลัวว่าพฤทธิ์จะโกรธเอาด้วย เพราะรู้ดีว่าเพื่อนสนิทก็ไม่ใช่คนไร้เหตุผลจนไม่สนความรู้สึกของคนอื่น
“ตอนที่น้องแพร์หายไป พี่ว้าวุ่นไปหมดจนต้องไปลงกับเหล้าแล้วสภาพก็เป็นอย่างที่เห็น” ภุมเรศตัดสินใจสารภาพออกไปตรงๆ
รอยยิ้มของพาณินีค่อยๆ กว้างขึ้น ความจริงเธอก็สัมผัสถึงความรู้สึกที่ชัดเจนมากของภุมเรศได้แล้ว แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากของอีกฝ่ายให้ชัดเจน
“แล้วเราจะเป็นพี่ชายน้องสาวกันไปอีกนานไหมคะ”
“มันก็...ขึ้นอยู่กับน้องแพร์”
ตอนนี้หญิงสาวแทบควบคุมริมฝีปากของตัวเองไม่ได้เลย มันคอยแต่จะโค้งเป็นรอยยิ้มทั้งที่พยายามจะเม้มปากเข้าหากันแล้วแท้ๆ
“ถ้าถามแพร์ที่แอบชอบพี่ภู่มาตั้งนานแล้ว แพร์ก็อยากเริ่มคบกันตั้งแต่วันนี้ตอนนี้เลยค่ะ” พาณินีบอกความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาจนภุมเรศนึกชื่นชมอยู่ในใจ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กล้าหาญชาญชัยมากกว่าเขาเสียอีก “ช่วยรับผิดชอบที่มาทำให้แพร์ชอบพี่ภู่ด้วยนะคะ”
ภุมเรศทนสบตากับแววตาหวานซึ้งของหญิงสาวต่อไปไม่ไหว ชายหนุ่มจึงเบือนสายตาไปทางอื่น ในขณะที่ริมฝีปากขยับยิ้มกว้างอย่างควบคุมไม่ได้
“ไอ้โพธิ์คงอยากบีบคอพี่แน่ งั้นเราปิดมันไว้สักพักดีกว่า”
“ได้ค่ะ” เมื่อนึกถึงพี่ชาย เธอก็อยากจะลองแอบคบดูก่อนสักพักแล้วค่อยเซอ์ไพรส์ “แต่ไม่รับปากนะคะว่าจะปิดได้นานแค่ไหน เพราะแพร์คงทำตัวมีพิรุธแน่ๆ”
ชายหนุ่มหันกลับมาหัวเราะเบาๆ “ปิดเท่าที่ไหวก็พอครับ ถ้ามันจับได้เมื่อไร เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง”
พาณินีพยักหน้าพลางหันไปมองอาหารหน้าตาน่ากินที่กำลังถูกนำมาเสิร์ฟลงบนโต๊ะอาหาร รับรองว่ามื้อนี้จะเป็นมื้ออาหารแห่งความทรงจำสำคัญอย่างแน่นอน
และแม้จะกินมื้อเย็นอิ่มแล้ว แต่ภุมเรศก็ยังไม่ได้พาพาณินีกลับคอนโดทันที ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาเดินเล่นซื้อของกินและชอปปิ้งยังงานอีเวนท์หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ซึ่งมีคนมาออกบูธกันหนาตา ร้านของดาราดังหลายคนก็มีให้เห็น
“น้องแพร์อยากหยุดเลือกซื้อของที่ร้านไหนก็บอก พี่รอได้” ภุมเรศเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าพาณินีดูเหมือนจะยังเกร็งๆ เลยไม่กล้าหยุดที่ร้านไหนเลยสักร้าน
“แพร์มัวแต่คิดเรื่องพี่ภู่ค่ะก็เลยไม่ค่อยได้สนใจอะไร” พาณินีช้อนสายตาขึ้นมองคนที่เดินอยู่ข้างกาย
ส่วนชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็ต้องหันหน้าหนีไปอมยิ้ม “พี่มีเรื่องอะไรให้น้องแพร์ต้องคิดเยอะแยะด้วยเหรอครับ”
“เยอะแยะค่ะ” หญิงสาวยิ้มอย่างมีความสุข “ตอนนี้แพร์กำลังคิดว่าพี่ภู่ชอบอะไรไม่ชอบอะไรบ้างแล้วพบว่าแพร์ก็ไม่ได้รู้เยอะสักเท่าไร”
“ไม่ต้องรีบหรอกครับ เรายังมีเวลาให้เรียนรู้กันอีกเยอะ” ภุมเรศหันกลับมายิ้มให้หญิงสาว พลางเอื้อมมือไปกุมมือเล็ก “ถ้าน้องแพร์ไม่เบื่อพี่ไปซะก่อนนะ”
พาณินีส่ายหน้ารัว “ไม่เบื่อค่ะ ยังไงก็ไม่เบื่อพี่ภู่แน่ๆ”
“ครับ” ชายหนุ่มยิ้มละไม ส่วนหญิงสาวที่ได้รับรอยยิ้มนั้นก็รู้สึกเหมือนตัวลอยๆ เท้าไม่ติดพื้นกันเลยทีเดียว
พาณินีมีความสุขจนตัวจะลอยแล้วจริงๆ
*****
เมื่อหมดวันลา พฤทธิ์ก็เดินทางกลับจากญี่ปุ่นพร้อมขนมและเครื่องสำอางที่แฟนสาวช่วยเลือกมาให้สำหรับเป็นของฝากน้องสาว
“หายซึมแล้วเหรอ” คนเป็นพี่ชายเอ่ยทัก เพราะรับรู้ได้ตั้งแต่เจอหน้าตอนกลับมาแล้วว่าน้องสาวอารมณ์เปลี่ยนไปจากก่อนเขาไปญี่ปุ่น
พาณินีเงยหน้าขึ้นจากมือที่กำลังหั่นผักแล้วมองพฤทธิ์ซึ่งมายืนอยู่ใกล้ๆ และกำลังจ้องเธอด้วยสายตาสงสัยปนแปลกใจ
“ตัดใจจากไอ้ภู่ได้แล้วหรือไง” เขาเดาได้นานแล้วว่าที่เศร้าซึมคงเพราะเพื่อนของเขาอย่างแน่นอน แต่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดปากบอกเลยสักคำจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนสองคน
คนเป็นน้องสาวยิ้มหวาน แต่กลับหัวเราะเหมือนแม่มดในการ์ตูนที่เขาเคยดูสมัยเด็กๆ “ฮิฮิ”
“หัวเราะอะไรแบบนั้น ขนลุก”
“ทำไมต้องตัดใจด้วยล่ะคะ”
“ก็ที่ซึมมาตั้งหลายวัน ไม่ใช่เพราะอกหักหรือไง”
“ฮิฮิ”
“อย่าหัวเราะแบบนั้นได้ไหม” พฤทธิ์แทบยกมือขึ้นกุมขมับ เพราะไม่ชอบเสียงของแม่มดในการ์ตูนมาตั้งแต่เด็กๆ
พาณินีเลิกแกล้งพี่ชายก่อนจะหัวเราะเสียงใสๆ ออกมา “แพร์ไม่รู้จะบอกยังไงดีค่ะ เอาเป็นว่าไม่ได้อกหักก็แล้วกันค่ะ”
“ยังไง” คิ้วของพฤทธิ์ขมวดเข้าหากันและจ้องมองน้องสาวด้วยสายตาจับผิด “แล้วทำไมถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้”
“อย่าถามเซ้าซี้ได้ไหมคะ”
“ถามได้สิ เพราะพี่อยากรู้”
“ถ้าแพร์ไม่อยากบอกล่ะ แล้วก็ไม่ต้องไปหลอกให้ป๊ามาถามแทนด้วยนะ ขอบอกไว้ก่อนเลยค่ะ”
“อย่าบอกนะว่า...”
พาณินีมองพี่ชายตาโต ในใจของหญิงสาวได้แต่ร้องว่าแย่แล้ว พฤทธิ์รู้แล้วแน่ๆ ทั้งที่ภุมเรศอยากให้ปิดเอาไว้ก่อน
“ไอ้ภู่มันกำลังจีบเธออยู่เหรอ”
หญิงสาวถอนหายใจแล้วส่ายหัว คำตอบของเธอไม่ถือว่าเป็นการโกหก เพราะพี่ชายถามไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เอง
“แพร์ก็แค่อารมณ์ดีค่ะ พี่โพธิ์จะสงสัยอะไรหนักหนา”
“มันมีพิรุธนี่”
หญิงสาวไม่พูดอะไรอีก แต่ทำเป็นเนียนก้มหน้าก้มตาทำกับข้าวต่อ ซึ่งวันนี้เธอเลือกแต่เมนูที่เป็นของชอบของพี่ชายทั้งหมด เอาใจอีกฝ่ายเสียหน่อยที่ไปเที่ยวได้ถูกจังหวะพอดิบพอดี
เมื่อสองพี่น้องกินมื้อเย็นอิ่มแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าห้องส่วนตัวของใครของมัน พาณินีคิดถึงภุมเรศและเขาก็บอกว่าโทรหาได้ตลอด ไม่ว่าจะเวลาไหนก็ได้ทั้งนั้น
“พี่โพธิ์กลับมาแล้วนะคะ กลับมาก็สงสัยเลยว่าทำไมแพร์อารมณ์ดี” หญิงสาวนอนคว่ำหน้าบนหมอนพลางตีขาสลับไปมาในระหว่างคุยกับชายหนุ่มด้วยความรู้สึกเขินอายเบาๆ
“ไม่รู้ว่าครั้งหน้าที่เจอจะทำหน้ายังไงดี”
“อย่ากลัวสิคะ พี่โพธิ์จะมาทำอะไรพี่ภู่ได้”
อีกฝ่ายหัวเราะตอบกลับมา “ก่อนหน้านั้นพี่บอกกับมันไปว่ายังไงก็ไม่จีบน้องแพร์แน่ๆ แต่ตอนนี้ดันเป็นแฟนกันไปแล้ว แถมยังเกิดตอนมันไปญี่ปุ่นแค่ไม่กี่วันด้วย”
“ไม่เคยคิดจะจีบจริงๆ เหรอคะเนี่ย”
“เพราะเป็นน้องสาวของเพื่อนสนิทไง แถมเพื่อนก็หวงด้วย”
“ลับหลังแพร์พี่โพธิ์ก็แอบกั๊กสิคะเนี่ย เพิ่งรู้” พาณินีนึกย้อนกลับไปตอนตัวเองบอกว่าชอบภุมเรศให้อีกฝ่ายฟัง มิน่าถึงไม่ห้ามถ้าเธอจะจีบเพื่อนสนิทของตัวเอง เพราะมั่นใจว่ายังไงภุมเรศก็ไม่สนใจเธอแน่ๆ แถมตัวเองก็พูดกันไว้แล้ว
พาณินีจึงรอเลยว่า พี่ชายตอนรู้ว่าเธอคบกับภุมเรศแล้วจะทำหน้าแบบไหน!