น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

รักละไมเพื่อนพี่ชาย - 10 ตอนที่ ๑๐ โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักละไมเพื่อนพี่ชาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติด

รายละเอียด

รักละไมเพื่อนพี่ชาย โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

รักละไมเพื่อนพี่ชาย-บทนำ บทนำ,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-1 ตอนที่ ๑,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-2 ตอนที่ ๒,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-3 ตอนที่ ๓,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-4 ตอนที่ ๔,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-5 ตอนที่ ๕,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-6 ตอนที่ ๖,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-7 ตอนที่ ๗,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-8 ตอนที่ ๘,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-9 ตอนที่ ๙,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-10 ตอนที่ ๑๐,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-11 ตอนที่ ๑๑,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-12 ตอนที่ ๑๒,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ

เนื้อหา

10 ตอนที่ ๑๐

ตอนที่ ๑๐





ทางด้านภุมเรศเอง พี่สาวก็จับสังเกตได้ทันทีว่าน้องชายดูอารมณ์ดีเหมือนโลกนี้เป็นสีชมพูแบบสุดๆ ดังนั้นจึงเอ่ยทัก

“ไอ้ภู่แกมีแฟน”

แค่ก! แค่ก!

“บ้าว่ะพี่ผึ้ง อยู่ๆ ก็ทัก”

“แล้วทำไมจะทักไม่ได้” ภุมรินหัวเราะสภาพน่าตลกของน้องชาย ส่วนคนเป็นพี่เขยอย่างธีรเดชได้แต่ยิ้มๆ และนั่งฟังสองพี่น้องคุยกันอย่างเงียบๆ เหมือนเคย

“ทักตอนที่ไม่ได้กินข้าวได้เปล่าล่ะ”

“นอกจากตอนกินข้าว พี่ก็ไม่ค่อยมีเวลาอื่นคุยกับแกเลยนะคุณน้องชาย”

ภุมเรศถอนหายใจ เพราะมันก็จริง ถึงอยู่บ้านพวกเขาก็ใช้เวลาส่วนตัวในพื้นที่ของตัวเอง เจอหน้ากันบ่อยก็แค่ตอนกินข้าวนี่แหละ

“อืม มีแฟนแล้ว”

“คนไหน คนที่พี่คิดไหม”

“คนนั้นแหละครับ”

“เพื่อนซี้รู้เรื่องหรือยัง” ภุมรินเลิกคิ้วขึ้นสูง

“ยังครับ เพราะงั้นพรุ่งนี้ที่มันมาดูบอลกับผมที่นี่ พี่ผึ้งห้ามลั่นล่ะ”

“จะไปลั่นยังไง ปกติก็ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันอยู่แล้ว” ภุมรินค้อนน้องชาย แล้วก็หัวเราะ “แต่ตอนแรกนี่ยังไงก็ไม่จีบเนอะ”

ภุมเรศไม่รู้ว่าจะเถียงยังไงจึงต้องปล่อยให้ภุมรินแซวไปเรื่อยๆ ระหว่างมื้ออาหาร และเมื่อเขาเก็บกวาดล้างจานชามเรียบร้อยแล้วจึงขึ้นมาบนห้องนอนของตัวเอง

ชายหนุ่มมองดูเวลา เห็นว่าหญิงสาวไม่โทรมา เขาจึงเป็นฝ่ายโทรไป ตั้งแต่ยอมเปิดใจลองคบหากันก็เป็นแบบนี้ทุกวัน

“พรุ่งนี้พี่ว่าจะคุยกับไอ้โพธิ์แล้วนะ”

“เป็นกำลังใจค่ะ” พาณินีตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง หญิงสาวเลือกให้เขาบอกพฤทธิ์ที่นี่ เพราะถ้าคนเป็นพี่ชายโวยวายแล้วกลับไป เธอจะขอเคลียร์กับพี่ชายแค่สองคน

“จริงๆ ก็คิดว่าน่าจะเคลียร์กันได้ แต่แอบตื่นเต้นนิดหน่อย”

“พี่โพธิ์หวงแพร์ก็จริง แต่พี่โพธิ์เขาก็รักแพร์ที่สุด เขาไม่อยากเห็นแพร์เสียใจหรอกค่ะ” น้ำเสียงของหญิงสาวเต็มไปด้วยความรัก “อีกอย่างจะปิดไม่ไหวแล้วด้วย แถมคนอื่นจะได้รู้กันให้ทั่วด้วยว่าพี่ภู่มีแฟนแล้ว”

“ได้ครับ พี่จะรีบบอก” ชายหนุ่มอมยิ้มพลางนึกเอ็นดูพาณินีเป็นที่สุด

*****

พฤทธิ์ดูนิ่งกว่าปกติจนภุมเรศสังเกตได้ ใจเขาก็นึกระแวงขึ้นมาทันที หรือว่าเจ้าตัวรู้เรื่องเขากับน้องสาวแล้ว ตอนนี้เลยกำลังหาจังหวะดีๆ ในการบีบคอเขาอยู่

“มึงเป็นอะไรวะ ดูซึมๆ”

“เมื่อวานเพิ่งเลิกกับแฟน”

“...” สิ่งที่เขากลัวกับสิ่งที่ได้ยินกลับเป็นคนละเรื่องคนละราวกันเลย “ทริปญี่ปุ่นของมึงยังหวานกันดีอยู่เลยนะ”

“อ๋อ เขาอยากให้เป็นความทรงจำดีๆ ก่อนเลิกกัน”

“น้องแพร์รู้ไหมเนี่ย”

“ยังไม่รู้” พฤทธิ์เหลือบมองเขา “ช่วงนี้น้องแพร์มองอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด”

ภุมเรศสะดุ้งเบาๆ “มึงรู้”

“รู้สิไอ้ห่า! น้องกูนี่”

คนที่ถูกด่าแทบยกมือขึ้นกุมขมับ “แล้วจะเอายังไงวะ”

“กูเคยห้ามน้องกูได้ด้วยเหรือไง ส่วนมึงกูจะจำไว้เลยว่ามึงกลืนน้ำลายตัวเอง”

“ก็ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรกับน้องแพร์จริงๆ” ภุมเรศเสียงเบาลง “แต่พอคิดแล้วก็หยุดคิดถึงไม่ได้เลย”

“มึงพอเลย เพ้อไรของมึง กูฟังแล้วขนลุก”

“ตอนมึงมีแฟน มึงก็พูดอะไรแบบนี้เหมือนกันแหละวะ”

“กูไม่เคยพูด”

“มึงพูด แต่ทำมาเป็นจำไม่ได้” ภุมเรศเห็นเพื่อนไม่เถียงต่อแล้วจึงเอ่ยปากถึงเรื่องที่ตั้งใจจะพูดตั้งแต่แรก ทว่ามีรายการเถียงกันคั่นขึ้นมาก่อน “ถ้ามึงรู้เรื่องกูคบกับน้องแพร์แล้วกูจะได้ขอพูดตรงๆ”

“มีอะไรก็มาว่า”

“ความจริงกูไม่อยากเป็นน้องเขยมึงเลย”

“ไอ้เวรภู่ แล้วคิดว่ากูอยากได้มึงเป็นน้องเขยเหรอ”

ภุมเรศหัวเราะเสียงดัง “เพราะงั้นมึงก็เริ่มทำใจตั้งแต่วันนี้เลยว่ามึงได้กูเป็นน้องเขยแน่”

“เอาอะไรมามั่นใจวะ”

“น้องแพร์ชอบกูมาก” ภุมเรศยิ้มอย่างผู้ชนะ “แล้วกูก็ชอบน้องแพร์มากเหมือนกัน มึงทำใจเหอะ”

“มึงก็พูดไป ถ้าพูดแล้วทำไม่ได้เหมือนที่พูดอีก คราวนี้มึงก็หมาจริง”

“กูจริงจังนะ”

“มึงก็ลองไม่จริงจังดูสิวะ”

“กูเคยคิดว่าอยู่แบบไม่มีใครก็สบายดี แต่ตอนนี้ไม่ได้คิดแบบนั้นแล้วเพราะน้องแพร์”

พฤทธิ์นิ่งไป เขาไม่เคยกล้าจินตนาการถึงวันที่น้องสาวมีครอบครัวเป็นของตัวเองเลย เพราะเขากลัว

“มึงไม่เคยรู้ใช่ไหมว่าทำไมแม่กูถึงเสีย”

“อุบัติเหตุจมน้ำไม่ใช่เหรอ”

“เปล่าหรอก แม่กระโดดน้ำตาย ตอนนั้นเขาคงป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่ไม่มีใครรู้ พอยิ่งเครียดที่ป๊ามีกิ๊กก็เลยยิ่งไปกระตุ้นโรคที่เขาเป็น”

“ป๊ามึงที่ไม่เคยมีเมียใหม่เลยตั้งแต่เมียตายน่ะนะ”

“ก็รู้สึกผิดไง ยังดีที่สำนึกได้ ถ้ามีเมียใหม่กูคงเกลียดเขาเหมือนที่ยายกูเกลียดจนสั่งไว้ก่อนเสียว่าไม่ต้องไปเหยียบงานศพเขา”

“น้องแพร์รู้เรื่องนี้ไหม”

“ไม่เคยรู้ น้องแพร์ถูกบอกว่าแม่หน้ามืดเลยตกน้ำ มันเป็นอุบัติเหตุ คนอื่นก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องแม่ฆ่าตัวตายให้น้องแพร์ฟัง” พฤทธิ์ไหวไหล่ “มึงคิดดูแล้วกัน ขนาดพ่อกูที่มึงเห็นแสนดีขนาดนั้น ก็ยังทำให้เมียเสียใจได้ขนาดนี้ กูคงทนไม่ได้ถ้าต้องเห็นน้องแพร์เสียใจเพราะผู้ชายแบบแม่”

ภุมเรศเข้าใจเพื่อน พอมารดาเสียเขาคงเคว้งคว้างมาก กับบิดาก็เกิดช่องว่างขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงมีแค่น้องสาวเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ยิ่งรักมากก็ยิ่งทั้งหวงและห่วงเป็นเท่าทวี

“กูเข้าใจมึงนะ เพราะงั้นเลยอยากให้มึงช่วยเชื่อใจกูหน่อย”

พฤทธิ์เงียบไป ไม่พูดไม่จาอะไรอีก แต่สำหรับภุมเรศถือว่าคือคำตอบที่เพื่อนกำลังให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเองแล้ว

*****

เนื่องจากพฤทธิ์ไม่ได้กลับมาอาบน้ำที่คอนโดของตัวเองในตอนเช้า แต่จัดการอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานจากบ้านของภุมเรศเลย พาณินีจึงยังไม่ได้เจอพี่ชาย แต่ก็ไม่มีอะไรหนักใจเพราะแฟนหนุ่มส่งข้อความมาบอกแล้วว่าทุกอย่างโอเค

หลังเลิกเรียนชายหนุ่มจึงอาสามารับและพาเธอไปจ่ายตลาด เพื่อทำอาหารสำหรับมื้อเย็นในวันนี้ที่ตั้งใจว่าจะกินด้วยกันสามคน

“วันนี้แพร์จะทำผัดปูม้าของโปรดที่พี่โพธิ์ชอบกินค่ะ พี่โพธิ์จะได้กินข้าวเยอะๆ เหมือนเมื่อวานจะเศร้าจนกินอะไรไม่ค่อยลง”

ภุมเรศเลิกคิ้ว “น้องแพร์รู้แล้วใช่ไหม”

“รู้แล้วค่ะ ก็แพร์เป็นเพื่อนกับเฟซบุ๊กแฟนพี่โพธิ์ด้วยนี่คะ เขาลงทั้งสตอรี่ ทั้งสเตตัสเป็นสิบๆ ตัดพ้อว่าเลิกทั้งที่รักกัน แต่เห็นพี่โพธิ์เขาพยายามฮึบอยู่ก็เลยไม่ได้ทักค่ะ”

“สงสารมันนะ”

“เท่าที่เห็นก็น่าจะไปกันยากจริงๆ ค่ะ อีกคนชอบเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ ชีพจรลงเท้า แต่พี่โพธิ์ไม่ชอบไปไหน แล้วก็จะคอยทั้งห่วงแล้วก็หวงเวลาทริปนั้นมีเพื่อนผู้ชายไปด้วย จนบางครั้งก็คงจู้จี้จนแฟนพี่เขาอึดอัดนั่นแหละ”

“น้องแพร์โกรธแฟนไอ้โพธิ์ไหมที่ทำให้พี่ชายเสียใจ”

“ไม่โกรธหรอกค่ะ ออกจะเข้าใจเขาด้วย แฟนมีโพธิ์มีอะไรก็โพสต์หมด แพร์เลยเคยเห็นเขาบ่นในสเตตัสอยู่เหมือนกันค่ะว่าต้องคอยถ่ายรูปรายงานแฟนมันเหนื่อย บางทีเลิกกันไปแล้วหาคนที่เหมาะกับตัวเองกว่านี้ คงดีกับคนทั้งคู่”

“แล้วน้องแพร์คิดว่าผู้หญิงแบบไหนถึงเหมาะกับไอ้โพธิ์ล่ะ”

“คนที่ไม่ค่อยชอบเที่ยวเหมือนกันละมั้งคะ แพร์ก็ไม่กล้าฟันธง”

ทั้งสองคุยกันไปเรื่อยๆ ในระหว่างเลือกซื้อวัตถุดิบสำหรับทำอาหาร ก่อนจะกลับไปช่วยกันเตรียมมื้อเย็นรอพฤทธิ์กลับมากิน

พฤทธิ์ซึ่งกลับมาเห็นคู่รักสวีตกันอยู่โซนห้องครัวแคบๆ ที่ถูกกั้นด้วยผนังกระจก จึงรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เท้าทั้งสองข้างจึงพาเขาไปหยุดยืนอยู่ที่ประตูห้องครัว

ครืด!

เมื่อได้ยินเสียงเลื่อนบานประตู พาณินีกับภุมเรศจึงหันไปมองพฤทธิ์โดยพร้อมเพรียงกัน

“พี่โพธิ์วันนี้มีผัดปูม้าของชอบพี่โพธิ์ด้วยนะคะ” น้องสาวของเขามองมาและยิ้มให้จนแก้มแทบปริ “หรืออยากจะกินอะไรนอกเหนือจากนี้อีกไหมคะ ถ้ามีวัตถุดิบจะทำให้”

“เป็นค่าตอบแทนที่พี่ยอมให้เธอกับไอ้ภู่คบกันเหรอ” พฤทธิ์เลิกคิ้ว

“ด้วยค่ะ แต่เหตุผลหลักคือ ตั้งแต่เมื่อวานเห็นพี่โพธิ์ไม่ค่อยอยากกินข้าว แพร์เลยอยากให้พี่กินได้เยอะๆ”

พฤทธิ์หันไปสบตาเพื่อนสนิทของตัวเองโดยอัตโนมัติ ภุมเรศจึงไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะเอ่ย “น้องแพร์เขารู้เอง”

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวก็หายดี”

“งั้นไปนั่งรอก่อนได้เลยค่ะ อีกแป๊บหนึ่งถึงเสร็จค่ะ”

ดังนั้นพฤทธิ์จึงยอมถอยไปแต่โดยดี แล้วปล่อยให้คู่รักสวีตกันต่อได้ตามความสะดวก ส่วนเขาพอมานั่งเงียบคนเดียวก็คิดถึงแฟนเก่า เมื่อกี้แค่ปากดีไปเท่านั้นเอง

*****

หลังจากกินมื้อค่ำกันเรียบร้อย พฤทธิ์ซึ่งค่อนข้างเพลียจากการเคลียร์งานมากมายและเรื่องเลิกกับแฟนจึงเข้าห้องนอนเร็ว แล้วปล่อยให้คู่รักยังอยู่ด้วยกันตามลำพัง

“อยากดูหนังผีค่ะ”

“ผีปอบยายชื่นไหมล่ะ เหมือนจะมีให้ดูในแอปแล้วนะ”

“แต่เขาว่าน่ากลัวมากนี่คะ”

“หนังผีก็ต้องดูที่น่ากลัวๆ น่ะถูกแล้ว ถ้าไม่น่ากลัวแล้วเราจะดูหนังผีไปทำไม”

“แค่อยากรู้สึกตื่นเต้นค่ะ ถ้าถึงกับขนาจะช็อกตายก็ไม่เอานะคะ”

“ดูด้วยกันนี่ไง พี่ว่าน่ากลัวแค่ไหนก็ไม่เป็นไรหรอก” ชายหนุ่มยิ้มด้วยความเอ็นดูคนอยากดูหนังผี แต่ก็กลัวไปก่อนแล้ว “มานั่งตรงนี้ไหมจะได้ไม่กลัว”

พาณินีมองภุมเรศซึ่งขยับตัวลงไปนั่งบนพื้นพลางเอนหลังพิงโซฟาและกำลังชวนให้เธอนั่งลงบนตักของเขา ถึงจะเขินแต่ก็ไม่ปฏิเสธคำชวน เมื่อเธอนั่งลงไปแล้วเขาก็หยิบเอาผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวเขาและเธอไว้อีกที

หญิงสาวซึ่งถูกห่อหุ้มไว้จนเหมือนมีเกราะคุ้มครองช่วยกันผีจึงเปิดตาดูภาพยนตร์ได้อย่างสบายใจ แม้จะตกใจเป็นพักๆ แต่ก็ไม่ได้กลัวมากอย่างที่คิดไว้ก่อนหน้านี้

แต่...

“กรี๊ด!”

เป็นจังหวะในภาพยนตร์ที่ตัวละครผีโผล่มาพร้อมกับซาวด์ที่ดังมาก พาณินีจึงหวีดร้องสุดเสียง ภุมเรศกอดออีกฝ่ายแน่น แล้วส่งเสียงโอ๋เอ๋เบาๆ ทว่าใครอีกคนที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียง รีบออกมาดู

“เฮ้ย! ไอ้ภู่ทำอะไรน้องแพร์”

ทั้งสองหันไปทางพฤทธิ์ที่กำลังมีสีหน้าตกใจ

“เปล่า” ภุมเรศส่ายหน้าหวือ

“พี่ภู่ไม่ได้ทำอะไรแพร์ค่ะ ตกใจผี” พาณินีชี้มือไปทางทีวีจอยักษ์ ซึ่งกำลังเป็นฉากหนีผีกันอยู่

ทว่าอย่างไรก็แล้วแต่ พฤทธิ์หันกลับมามองน้องสาวและเพื่อนสนิทพลางยกมือขึ้นกอดอก “สภาพนี้มันคืออะไร”

พาณินีขยับตัวหนีจากตักของภุมเรศทันที “กลัวผีไง ก็เลยมานั่งตรงนี้ค่ะ”

แต่พฤทธิ์กลับมองไปทางเพื่อนแบบจะเอาเรื่อง “ไอ้ภู่”

“แค่นั่งดูหนังด้วยกันเฉยๆ” ภุมเรศทำหน้าใสซื่อ

“มึงไม่ต้องมาทำตาใสเลยไอ้เวร” พฤทธิ์ยกเท้าขึ้นถีบไหล่เพื่อน

“พี่โพธิ์อย่าใช้เท้าสิ” น้องสาวเอ่ยปากว่าพี่ชายทันที ส่วนคนถูกถีบกลับหัวเราะร่วน ไม่ได้ถือสาเพื่อนสนิทเลยสักนิด เพราะถ้าเผลอเมื่อไร เขาถีบคืนแน่

“วันนี้กูขอค้างนะ”

“กูไม่ให้ค้าง”

“แต่ดึกแล้วนะคะพี่โพธิ์”

“ดึกแล้วมันก็ขับรถกลับบ้านมันได้ ไม่งั้นก็ไปนอนที่สตูดิโอมึงโน่น”

“ไม่เอา กูจะค้าง” ภุมเรศหันไปกอดพาณินีราวกับจะใช้หญิงสาวเป็นที่ยึดเหนี่ยว

หญิงสาวเริ่มส่งเสียงหัวเราะใสๆ เพราะพี่ชายพยายามจะแกะภุมเรศออกจากตัวเธอ ทว่าเขาเกาะแน่นเป็นตุ๊กแก พฤทธิ์จึงทำอะไรไม่ได้ ยิ่งพยายามก็ยิ่งเหนื่อย สุดท้ายก็ท้อแท้แล้วยอมให้เพื่อนสนิทนอนค้าง แต่ต้องเข้าไปนอนในห้องกับตัวเอง ส่วนหญิงสาวที่ได้แต่หัวเราะจนเหนื่อย พอหัวถึงหมอนก็หลับสนิททันที