น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

รักละไมเพื่อนพี่ชาย - 11 ตอนที่ ๑๑ โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักละไมเพื่อนพี่ชาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติด

รายละเอียด

น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

รักละไมเพื่อนพี่ชาย-บทนำ บทนำ,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-1 ตอนที่ ๑,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-2 ตอนที่ ๒,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-3 ตอนที่ ๓,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-4 ตอนที่ ๔,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-5 ตอนที่ ๕,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-6 ตอนที่ ๖,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-7 ตอนที่ ๗,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-8 ตอนที่ ๘,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-9 ตอนที่ ๙,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-10 ตอนที่ ๑๐,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-11 ตอนที่ ๑๑,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-12 ตอนที่ ๑๒,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ

เนื้อหา

11 ตอนที่ ๑๑

ตอนที่ ๑๑





พรลภัสยังเป็นเหมือนหนามเล็กๆ ที่ค่อนข้างทิ่มแทงหัวใจของพาณินี ดูเหมือนว่าหญิงสาวจะกินพื้นที่ในอินสตาแกรมของภุมเรศมากกว่าใคร ดูเหมือนจะเป็นเพื่อนต่างเพศที่สนิทที่สุดของแฟนเธอเลยทีเดียว

ดังนั้นตั้งแต่คบกันมาเดือนหนึ่ง ภุมเรศจึงพามาร้านสเต๊กของพรลภัสถึงสามครั้งแล้ว เพราะอยากสนับสนุนเพื่อนของตัวเอง แถมยังชอบลงรูปอาหารมื้อที่มากินในอินสตาแกรมอีกด้วย แต่ไม่มีรูปถ่ายของเธอสักรูป

หญิงสาวมองชายหนุ่มที่กำลังหั่นเนื้อสเต๊กแบบช้าๆ พลางเอ่ยถาม “จริงๆ แล้วสเต๊กเป็นของโปรดใช่ไหมคะ”

ภุมเรศเงยหน้าขึ้นมามองเธอ “ค่อนข้างชอบนะ ยิ่งทำอร่อยแบบนี้พี่ก็อยากกินบ่อยๆ แต่ถ้ากินบ่อยเกินน่าจะกระเป๋าฉีกได้อยู่” เขาหัวเราะ

“งั้นมากินคนเดียวก็ได้นะคะ ไม่ต้องพาแพร์มาหรอก”

“กลัวพี่กระเป๋าฉีกเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ถามด้วยน้ำเสียงยิ้มแย้ม ไม่ทันได้สังเกตว่าถูกประชดเบาๆ จากคนตรงหน้า

“ค่ะ พี่ภู่จะได้มากินบ่อยกว่านี้ ถ้าแพร์อยากกินสเต๊ก แพร์ทำกินเองที่บ้านก็ได้ค่ะ”

“อ้าว ถ้าน้องแพร์ทำก็ต้องให้พี่กินด้วยสิ”

“แต่แพรทำไม่อร่อยเท่าพี่ภัสทำหรอกนะคะ”

“มันอร่อยกันคนละแบบนะ” ภุมเรศยิ้มบาง

พาณินีมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกอ่อนใจ ภุมเรศไม่สังเกตถึงอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ของเธอเลยสักนิด ถ้าอยู่ๆ วีนใส่ คงนั่งงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนี้แน่ๆ

“งั้นคราวหน้าถ้าไปคอนโดของแพร์ เดี๋ยวทำสเต๊กให้กินนะคะ”

“รอเลยครับ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง

“งั้นขออนุญาตพี่โพธิ์ไว้เลยแล้วกัน” ในเมื่อเธอยังอยู่กับพี่ชาย ทุกครั้งที่ภุมเรศไปหาที่คอนโดจึงจะบอกกับพฤทธิ์ก่อนเสมอ

และเมื่ออิ่มหนำสำราญกับมื้อค่ำเรียบร้อยแล้ว ภุมเรศก็พาเธอไปเดินย่อยอาหารที่ห้างสรรพสินค้าอยู่พักใหญ่ ก่อนพากลับไปส่งที่คอนโด

“น้องแพร์”

มือที่กำลังจะเปิดประตูรถชะงัก หญิงสาวหันกลับไปทางชายหนุ่มซึ่งกำลังมองมาที่เธอด้วยความเอ็นดูแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาจิ้มที่แก้มของตัวเองเบาๆ

“ขอโทษค่ะ แพร์ลืม” หญิงสาวอมยิ้ม ก่อนจะหันกลับไปหอมแก้มภุมเรศแล้วจึงลงจากรถ ส่วนเขารอจนเธอเข้ามาด้านในอาคารเรียบร้อยแล้วจึงวนรถกลับออกไป

พาณินีเปิดประตูเข้ามาในห้องก็พบว่าพี่ชายกลับมาแล้วและกำลังนอนเอกเขนกอยู่บนโซฟา ตอนแรกก็ตั้งใจจะทักทายแล้วเดินกลับเข้าห้องตัวเองทันที ทว่ากลับเปลี่ยนใจไปยืนจ้องอีกฝ่ายแทน

“พี่โพธิ์ ตอนที่ยังมีแฟนอยู่ ทำไมถึงไม่ค่อยลงรูปแฟนในไอจีล่ะ”

พฤทธิ์ละความสนใจจากหน้าจอทีวี แล้วหันมามองทางน้องสาวก่อนจะเอ่ย “เคยลงรูปแล้วทะเลาะกันน่ะ เพราะเขาบอกว่ารูปที่พี่ลงมันไม่สวย แต่มันเป็นรูปที่พี่เห็นว่าน่ารักแล้วก็ชอบมากแถมยังเป็นคนถ่ายเอง ส่วนรูปที่ส่งมาให้พี่ลงก็เป็นภาพที่เพื่อนผู้ชายในแก๊งที่ไปเที่ยวด้วยกันถ่ายให้ แต่พี่ไม่อยากลงรูปแฟนตัวเองที่ผู้ชายคนอื่นถ่ายให้ ก็จบตรงที่ไม่ลงรูปแฟนเลย”

“เข้าใจได้ค่ะ แล้วทำไมพี่ภู่ถึงไม่ลงรูปแพร์บ้างเลยล่ะ ลงรูปไหนก็ได้แพร์ไม่ว่าหรอก”

“อ้าว! อยากให้มันลงภาพตัวเอง ก็ไปบอกมันสิ มาบอกพี่ทำไม”

“ไม่เอาหรอกค่ะ ถ้าไปบังคับแล้วมันจะมีความหมายอะไรล่ะ แถมยังดูจู้จี้จุกจิกไม่เข้าเรื่องอีก”

“งั้นก็เริ่มจากไปถามมันว่าทำไมไม่ลงรูปแฟนบ้าง”

“ถ้าแพร์ถาม พี่ภู่ก็รู้สิว่าแพร์อยากให้เขาลงรูปแพร์ในไอจีบ้างน่ะ”

“แล้วจะเอายังไงล่ะคุณน้องสาว”

“พี่โพธิ์หลอกถามให้หน่อย”

“เรื่องอะไร ไม่ใช่หน้าที่พี่ครับ” พฤทธิ์ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปสนใจซีรี่ส์ที่ดูอยู่ต่อ

“พี่โพธิ์ ช่วยแพร์หน่อยไม่ได้หรือไง”

“ไม่ได้ ก็บอกแล้วไม่ใช่หน้าที่ เป็นแฟนกันแล้วก็จัดการปัญหากันเองสิ พี่ไม่เกี่ยว”

พาณินีหน้างอ สุดท้ายคำอ้อนวอนก็ไม่เป็นผล เธอจึงกลับเข้าห้องนอนของตัวเองและอยู่เงียบๆ ไม่ออกจากห้องไปเจอหน้าพี่ชายอีกจนกระทั่งถึงตอนเช้าที่เลี่ยงการเจอหน้ากันไม่ได้ เพราะพฤทธิ์จะเป็นคนไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัย

*****

“งอนแฟนแล้วมาพาลงอนพี่ไปด้วยไม่ได้นะ” พฤทธิ์เอ่ยกับน้องสาวที่เงียบทั้งเช้า จนกระทั่งนั่งอยู่บนรถแล้วก็ยังไม่พูดกับเขาสักคำ

เงียบ...

“สภาพอย่างไอ้ภู่ งอนแล้วไม่บอกมันไม่รู้ตัวหรอก ขนาดตอนนั้นเธอไม่พูดกับมันไปพักใหญ่ มันยังไม่รู้ตัวเลยว่าสาเหตุว่าจากตัวเอง”

“...” พาณินีได้แต่คิดว่าก็จริง

“งอนเองหายเองได้เนอะ”

“แล้วถ้าพูดกับพี่ภู่ให้ลงรูปแพร์บ้าง เขาก็ยังไม่ลงอีกล่ะคะ ทีนี้จะให้แพร์ทำหน้ายังไงล่ะ”

“แล้วบอกมันหรือยังล่ะ” พฤทธิ์ถอนหายใจ “นี่เธออย่าให้พี่ต้องมาทำหน้าที่กาวใจได้เปล่า มีอะไรก็คุยกันเองสิ”

พอเห็นพฤทธิ์เริ่มรำคาญ พาณินีก็กลับมาเงียบเหมือนเดิม คราวนี้บอกเลยว่าเธองอนพี่ชายจริงๆ แล้วนะ งอนทั้งหมดเลย

แต่พอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน

“อ้าว! แล้วแกไม่บอกพี่เขาละว่าอยากมีรูปตัวเองอยู่ในไอจีพี่เขาบ้าง เราว่าผู้ชายบางคนเขาก็ไม่ค่อยลงรูปแฟนนะ แต่ถ้ารู้ว่าแฟนคิดมาก พี่เขาก็น่าจะลงรูปแกแน่ๆ พี่ภู่น่ารักกับแกจะตายไปนี่”

“สรุปเราผิดเหรอหมี่” พาณินีทำเสียงน้อยใจ “แล้วเราเป็นผู้หญิงงี่เง่าด้วย พี่โพธิ์ยังรำคาญเราเลย”

“ไม่ผิดหรอกแก แล้วก็อย่าคิดมากสิ แค่อยากให้แฟนลงรูปตัวเองบ้างมันไม่งี่เง่าหรอก จะงี่เง่าก็ต่อเมื่อแกไม่พูดไม่บอกอะไรพี่ภู่ เอาแต่งอนแล้วชวนทะเลาะกันนั่นแหละ”

“ก็ไม่ได้เอาแต่งอนนะ แถมตั้งแต่คบมายังไม่เคยทะเลาะกันเลย”

“คือเราก็ยังไม่เคยมีแฟน ถ้าเกิดมีแฟนแล้วมีเรื่องแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าจะกล้าพูดหรือเปล่านะ แต่ถ้ามีแฟนน่ารักแบบพี่ภู่ เราว่าเรากล้าพูดว่ะ แกลองพูดเถอะ”

“เฮ้อ! เดี๋ยวจะลองคุยดู” พาณินีพยักหน้า ก่อนจะเริ่มกินก๋วยเตี๋ยวต่อ แต่เพราะมัวแต่คุยกันตอนนี้เส้นจึงค่อนข้างอืดแล้ว

*****

เนื่องจากวันนี้อาจารย์ยกเลิกคลาสกะทันหัน ส่วนภุมเรศมีงานช่วงบ่าย ในขณะที่พฤทธิ์ส่งข้อความมาบอกว่าต้องทำงานล่วงเวลา

ดังนั้นเธอจึงแวะซื้อของและกลับมาที่คอนโดก่อน เพื่อทำอาหารสำหรับตัวเองและแฟนหนุ่ม ส่วนพี่ชายเธอจะทำแซนด์วิชสำหรับมื้อดึกใส่ตู้เย็นเอาไว้ให้

พาณินีหยิบเนื้อสำหรับทำสเต๊กออกมาพักเอาไว้ก่อนแล้วหันไปทำมันบด ตั้งใจจะทำเตรียมไว้เยอะๆ เพราะภุมเรศชอบกินพอๆ กับสเต๊กนั่นแหละ

หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำทุกอย่างจนถึงขั้นตอนที่จะเอาเนื้อลงไปทอด ภุมเรศก็มาถึงพอดี เธอจึงเดินไปเปิดประตูให้กับชายหนุ่ม ซึ่งไม่ได้มามือเปล่า แต่มาพร้อมขนมเค้กจากร้านโปรดของเธอด้วย

“พี่ซื้อมาฝาก”

“ขอบคุณค่ะ” พาณินีรับมาด้วยรอยยิ้ม

“น้องแพร์ปิดกล้องจงจรปิดหรือยัง” ภุมเรศเอ่ยถามพลางเหล่มองไปที่กล้อง

“ปิดแล้วค่ะ ปิดตั้งแต่ก่อนเดินไปเปิดประตูอีกค่ะ แพร์ไม่ยอมให้พี่โพธิ์ส่องหรอกว่าแพร์ชวนพี่ภู่มาทำอะไรบ้าง”

ชายหนุ่มได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะชอบใจ ก่อนจะประทับริมฝีปากของเขาลงมาบนริมฝีปากของเธออย่างนุ่มนวลอ่อนหวานและเนิ่นนานจนพอใจแล้วจึงผละออกอย่างช้าๆ

“พี่ภู่นั่งรอก่อนนะคะ ทอดอีกแป๊บหนึ่งก็เสร็จแล้ว” คนได้รับจูบเป็นการทักทายยกมือขึ้นทัดผมแก้เขิน ทั้งที่ไม่มีปอยผมใดหลุดออกจากการที่เธอรวบไว้อย่างเรียบร้อยแล้วแม้แต่ปอยเดียว

“พี่ไปยืนดูได้ไหม อยากให้กำลังใจ”

ในเมื่อเขาอยากดู พาณินีก็ไม่ขัด ดังนั้นจึงมีเขามาช่วยลุ้นว่าเธอจะทอดสุกได้ในระดับที่เขาชอบหรือเปล่าและเมื่อหั่นออกมาก็พบว่าด้านในยังคงมีสีแดงๆ ไม่สุกจนเกินไปตามที่ชายหนุ่มชอบเป๊ะ

“น้องแพร์เก่งจัง” ภุมเรศชื่นชมด้วยความจริงใจ

“ก็หัดทำบ่อยแล้วนี่คะ”

“มันบดก็อร่อย”

“อันนี้เว่อร์แล้วหรือเปล่าคะ แค่มันบดเอง”

“แต่ที่น้องแพร์ทำมันข้นกำลังดีนะ พี่ชอบมากกว่าที่ร้านเพื่อนพี่ทำอีก” ภุมเรศก็ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงจริงใจ ไม่ใช่ว่าแกล้งชมไปอย่างนั้นให้เธอดีใจ

สุดท้ายเธอก็ยิ้มรับคำชมนั้นด้วยความเต็มใจ

และหลังจากกินอิ่มกันได้สักพัก เธอที่กำลังนอนอิงไหล่ของชายหนุ่มซึ่งกำลังสนละครเรื่องใหม่ เธอก็เห็นภาพอาหารที่เธอทำไปในวันนี้บนอินสตาแกรมของของภุมเรศ เป็นการลงรูปเฉยๆ โดยไม่มีแคปชั่นใดๆ เลยแม้แต่นิดเดียว

พาณินีดูเหมือนเพิ่งจะคิดได้ว่ามีแค่ฝั่งเธอที่เปิดตัวว่าคบกับภุมเรศ แต่ดูเหมือนเขาจะทำตัวเหมือนยังโสดอยู่เลย พรลภัสเองจะรู้ไหมนะว่าเธอเป็นแฟนกับภุมเรศแล้ว ถึงจะไปกินสเต๊กที่ร้านด้วยกันหลายครั้งแล้วก็เหอะ แต่ก็บอกได้นี่ว่าแค่พาน้องมาเลี้ยงเฉยๆ

หญิงสาวดึงตัวออกมาจากวงแขนข้างที่เคยโอบตัวเองไว้ แล้วมองหน้าด้านของภุมเรศ เมื่อเขาเห็นว่าถูกเธอจ้องจึงหันมาเลิกคิ้วใส่

“ทำไมลงแต่รูปอาหารที่แพร์ทำล่ะคะ ไม่เห็นลงรูปแม่ครัวบ้างเลย เดี๋ยวแพร์น้อยใจนะ” พาณินีพยายามทำเสียงเหมือนล้อเล่นไม่จริงจัง

“พี่ไม่อยากลงรูปน้องแพร์น่ะ”

คำตอบภุมเรศทำให้เธอช็อกจนนิ่งไป อย่างไรก็ไม่เคยคิดว่าจะได้คำตอบที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้ จึงแทบรับไม่ไหว น้ำตาใสๆ ผุดขึ้นในดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่

“น้องแพร์ร้องไห้ทำไม” แม้จะพยายามช่วยเช็ดน้ำตาให้แล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะเอาชนะฝนที่พรมลงบนใบหน้าของหญิงสาวไม่ได้เลย

“แพร์ยังลงรูปพี่ภู่เลยนะเพราะอยากให้คนอื่นรู้ว่าเราเป็นแฟนกัน แต่พี่ภู่ไม่อยากให้คนอื่นรู้เหรอว่าแพร์เป็นแฟนพี่ภู่”

“เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น เดี๋ยวอย่าเพิ่งร้องฟังพี่ก่อน” ชายหนุ่มดึงอีกฝ่ายมากอดปลอบ ตกใจไม่น้อยที่พาณินีร้องไห้โฮออกมาภายในเวลาไม่เกินห้าวิ โดยที่ยังไม่ทันพูดขยายความใดๆ เลยแม้แต่คำเดียว

“จริงๆ แพร์ก็คิดอยู่นานแล้ว แต่ไม่ได้ถามสักที”

“ที่ไม่ลงเพราะพี่เขิน แล้วเพื่อนพี่บางคนมันก็เหี้ย พี่ขอใช้คำนี้เลยนะ”

“ยังไงคะ”

ภุมเรศทำหน้าเลิ่กลั่ก ใบหน้าก็เริ่มแดงอย่างเห็นได้ชัด “พี่มีรูปคู่รูปหนึ่งที่ชอบมาก ลองลงดีไหม” เขาเอาภาพถ่ายที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งถ่ายด้วยกันให้เธอดูก่อนกดโพสต์ “ลงแล้วก็รอสักหน่อยแล้วกันนะ”

บรรยากาศระหว่างพาณินีเป็นไปด้วยความเงียบ เขายกโทรศัพท์ของตัวเองให้เธอ สักพักหญิงสาวก็เริ่มเห็นคนมากดไลค์สองสามคน แต่ก็ยังไม่มีอะไร ทว่าเมื่อรออีกนิดคอมเมนต์ก็เริ่มขึ้นมา เหมือนเรียกกันมาช่วยรุมภุมเรศ

XXX : ซิงที่มึงเก็บไว้ได้ใช้แล้ว

XXX : กูซีเรียสอยากรู้ จริงปะเนี่ย???

XXX : กูต้องปิดร้านเหล้าฉลองให้แล้วมั้งวะ55555555

XXX : แฟนภู่น่ารักจัง

แต่อย่างน้อยก็มีคอมเมนต์น่ารักๆ จากเพื่อนผู้หญิงมาบ้าง ส่วนคอมเมนต์แตกตื่นของเพื่อนผู้ชาย ถ้าเป็นหลังไมค์กันจะขนาดไหน พาณินีเลยเริ่มเข้าใจเขาขึ้นมานิดหน่อย โสดมาชาติหนึ่งแล้วเพื่อนเลยตื่นเต้นกันใหญ่

“สรุปว่าหลักใหญ่ใจความสำคัญคือกลัวเพื่อนแซว”

“ก็เห็นหรือยังล่ะครับ”

“อืม รู้เลยเนี่ยว่าพี่ภู่ยังไม่เคย”

“แล้วมันแปลกเหรอ ถึงพี่จะสามสิบแล้วก็เถอะ”

พาณินีถอนหายใจแล้วก็หัวเราะเสียงใสออกมา เธอยื่นมือไปดึงแก้มชายหนุ่มด้วยความมันเขี้ยว “ไม่แปลกค่ะ แต่ก็คิดไม่ถึงเหมือนกัน”

“พวกนี้ปากไม่มีหูรูดกันทั้งนั้น นอกจากน้องแพร์จะรู้ คนอื่นก็รู้หมด ลงรูปที่ไหนมันก็จะตามไปหมดนั่นแหละ”

“ไม่เป็นไรนะคะเดี๋ยวแพร์สอนพี่ภู่เอง”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสูง ริมฝีปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ไปเอาประสบการณ์มากจากไหนฮึ”

“ซีรี่ส์ นิยาย การ์ตูนติดเรต มีให้เลือกเรียนรู้เยอะแยะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงทะเล้น

“ถ้าจากทฤษฎีพี่คงมีเยอะกว่ามั้ง”

“แปลว่าดูล่ะสิ หนังโป๊น่ะ” พาณินีจ้องหน้าภุมเรศ “พี่โพธิ์เคยบอกว่าพี่ภู่ชอบนมใหญ่ๆ”

“แล้วผู้ชายคนไหนไม่เคยดูบ้างล่ะ แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกนะ ไอ้โพธิ์เอาอะไรมาพูดให้น้องสาวตัวเองฟังเนี่ย”

“ตอนนั้นพยายามจะเค้นถามให้ได้เลยค่ะว่าพี่ภู่ชอบผู้หญิงแบบไหน”

“พี่ไม่มีสเปกสักหน่อย เพิ่งมามีสเปกเมื่อไม่นานมานี้เอง”

เธอถูกเขาจ้องจนเขิน เลยพยายามหาเรื่องคุยแก้เขิน แต่เรื่องที่หลุดปากออกไปกลับทำให้หน้ายิ่งร้อนกว่าเดิม “แต่พี่ภู่จูบเก่งตั้งแต่จูบกันครั้งแรกเลยนะคะ ฝึกมาจากที่ไหนล่ะ”

“มันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้นหรือเปล่า แถมเมาอีก คงทำให้ชำนาญตามทฤษฎีไปเอง” ใบหน้าของชายหนุ่มโน้มมาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอเองก็ไม่ได้ถอยหนี ริมปีปากของทั้งสองจึงแนบสนิทกันอย่างที่ใจถวิลหา ความสุขนั้นมีมากจนล้นไปทั่วสรรพางค์กาย

ปัง!

เสียงปิดประตูห้องทำให้ พาณินีกับภุมเรศขยับออกห่างจากกัน แล้วพากันหันไปมองพฤทธิ์ที่กำลังทำหน้านิ่ง

“เชิญๆ ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกนะ” พฤทธิ์ทำมือโบกไปมา

“ในตู้เย็นมีแซนด์วิชด้วยนะคะ เผื่อหิวตอนดึกๆ”

“ขอบคุณจ้าน้องรัก”

พาณินีมองตามพี่ชายที่เดินหนีเข้าห้องนอนของตัวเองไปด้วยสีหน้าเขินอาย ปกติถ้ารู้ว่าเธออยู่กับภุมเรศ พฤทธิ์จะเคาะประตูก่อนเปิดเข้ามา แสดงว่าพวกเขามัวแต่สนใจจะจูบกันจนไม่ทันได้ยิน

“พี่ไม่ได้ยินเลย”

“แพร์ก็ไม่ได้ยิน ถ้าได้ยินก็ต้องเตือนพี่ภู่แล้วสิ”

ทั้งสองมองหน้ากันแล้วก็อมยิ้ม รู้ดีว่าพฤทธิ์ไม่ได้โกรธจริงจัง อาจแค่หมั่นไส้พวกเขาก็เท่านั้นเอง