น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

รักละไมเพื่อนพี่ชาย - 12 ตอนที่ ๑๒ โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,รักโรแมนติด,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

รักละไมเพื่อนพี่ชาย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติด

รายละเอียด

รักละไมเพื่อนพี่ชาย โดย ที่รักของพระจันทร์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

น้องสาวเพื่อนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ใจมันไม่รักดีเอาเสียเลย

ผู้แต่ง

ที่รักของพระจันทร์

เรื่องย่อ

สารบัญ

รักละไมเพื่อนพี่ชาย-บทนำ บทนำ,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-1 ตอนที่ ๑,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-2 ตอนที่ ๒,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-3 ตอนที่ ๓,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-4 ตอนที่ ๔,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-5 ตอนที่ ๕,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-6 ตอนที่ ๖,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-7 ตอนที่ ๗,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-8 ตอนที่ ๘,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-9 ตอนที่ ๙,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-10 ตอนที่ ๑๐,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-11 ตอนที่ ๑๑,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-12 ตอนที่ ๑๒,รักละไมเพื่อนพี่ชาย-ตอนพิเศษ ตอนพิเศษ

เนื้อหา

12 ตอนที่ ๑๒

ตอนที่ ๑๒





ตั้งแต่วันนั้นมา พาณินีก็ไม่ติดใจกับการลงรูปเธอหรือไม่ลงของแฟนหนุ่มอีก เพราะเธอรู้ว่าตอนนี้พื้นที่ความจำในโทรศัพท์ของภุมเรศมีเธออยู่เกือบครึ่ง นอกจากนั้นส่วนใหญ่คือภาพถ่ายอาหารทั้งนั้น

ส่วนเรื่องของพรลภัสดีแล้วที่ยังไม่ได้ไปเซ้าซี้ถาม เพราะตอนนี้การ์ดแต่งงานของหญิงสาวระบุชื่อแขกเป็นเธอกับภุมเรศ

“แฟนภัสเป็นคนฝรั่งเศส แต่เจอกันที่อเมริกา พอตกลงกันได้ว่าจะมาใช้ชีวิตแล้วก็แต่งงานที่ไทย ภัสก็เลยกลับมาก่อน พอแฟนพร้อมถึงได้ย้ายตามมา”

“แล้วทำไมไม่เคยเห็นพี่ภัสลงรูปคู่กับแฟนเลย”

“ปกติภัสก็ไม่ค่อยอัปอะไรอยู่แล้วนี่” ภุมเรศเหล่แฟนสาว “ไปแอบส่องเขาด้วยเหรอ”

“ส่องตั้งแต่เรายังไม่ได้เป็นแฟนกันค่ะ เพราะเขาดูเหมือนคู่แข่งนี่คะ”

“ภัสน่ะนะ ถ้าชอบกันก็คงแต่งงานมีลูกโตไปแล้วมั้ง สมัยเรียนมหา’ ลัยพี่อยู่ด้วยกันแทบทุกวัน วันหยุดเบื่อๆ ว่างๆ ไม่รู้จะไปไหนก็ออกไปดูหนังฟังเพลงกัน มาห่างๆ ก็ตอนเรียนจบนี่แหละ ยิ่งพอเขามีแฟนก็เลยต้องเว้นระยะห่างมากกว่าเดิม แต่ก็ยังสนิทกันอยู่ดี”

พาณินีได้แต่คิดในใจ ดีนะที่พรลภัสกำลังจะแต่งงานแล้ว นี่ถ้ายังโสดเธอก็คงคิดว่าจะเป็นกรณีเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อกันหรือเปล่า ส่วนคนตรงหน้าอาจจะไม่ทันคิดอะไรเลย

“แล้วธีมงานคืออะไรคะ”

“สีขาว ส่วนเจ้าสาวกับเจ้าบ่าวเขาจะใส่สีแดง พวกเราก็จะไปเป็นหิมะให้เขาน่ะ”

“อุ๊ย! เก๋ดีนะคะ”

“ภัสบอกขอขาวสุดๆ เท่าที่จะทำได้”

“โอเคค่ะ จัดไป” หญิงสาวยิ้มอย่างสดใส “งั้นเราแวะซื้อเลยไหมคะ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า เธอจึงจูงมือชายหนุ่มเข้าไปที่ร้านเสื้อผ้า

พาณินีใช้เวลาในการเลือกเสื้อผ้าอยู่นานพอดู เพราะเข้าออกอยู่หลายร้านกว่าจะเจอชุดที่เป็นสีขาวและได้แบบที่เธอถูกใจ ส่วนเขานั้นได้กางเกงสีขาวมาหนึ่งตัวก็เพียงพอ เพราะเสื้อสีขาวมีอยู่แล้ว

“เบื่อหรือเปล่าคะ”

“ไม่เบื่อหรอก นานๆ ทีน้องแพร์ถึงจะชวนกันช็อปแบบนี้ แต่ถ้าทุกสามสี่วันก็น่าจะไม่ไหวไหนนะ”

ภุมเรศก็ยังคงเป็นคนที่ตรงไปตรงมาเสมอ เธอจึงเริ่มเรียนรู้ว่ามีอะไรก็พูดบอกไปเลยดีกว่า เบื่อต้องมานั่งงอนเองหายเองแล้ว

“วันนี้พี่ภู่อยากกินอะไรคะ เดี๋ยวแพร์ทำให้กิน”

“เมนูอะไรก็ได้ที่ทำจากกุ้งครับ รู้สึกวันนี้อยากกินกุ้งตัวโตๆ”

“ไปร้านกุ้งเผากันเลยดีไหมคะ”

“แบบนั้นก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มกว้าง “งั้นก็ต้องชวนไอ้โพธิ์ด้วยสิเนอะ กินกุ้งเผากันสองคนไม่สนุก”

“ต้องชวนเลยค่ะ คนสำคัญ ใช้ส้อมแกะกุ้งเก่งที่สุดในโลกแล้ว แล้วก็แพร์ว่าชวนหมี่ไปด้วยดีกว่า คนเยอะๆ จะได้สนุกดี”

ตอนนี้ภุมเรศเองก็รู้จักมักคุ้นกับเพื่อนสนิทของภาณินีแล้ว เขาจึงพยักหน้าด้วยความเต็มใจที่จะมีสมาชิกบนโต๊ะอาหารมื้อนี้เพิ่ม

*****

งานแต่งงานของพรลภัสทำให้เพื่อนๆ ของภุมเรศได้ทำความรู้จักกับพาณินีอย่างเป็นทางการ และชายหนุ่มก็ถูกแซวตั้งแต่เริ่มงานจนกระทั่งจบงานเลยทีเดียว

“เอาอีกแก้วหนึ่งสิวะ นานๆ จะได้เจอกันสักที” เพื่อนๆ ของภุมเรศคะยั้นคะยอให้ดื่มมาหลายแก้วแล้ว เพราะยิ่งดื่มก็ยิ่งรู้สึกคึกคักกันเต็มที่จนไม่ยอมให้คนอื่นดื่มน้อยกว่า

“ไม่อยากเมาว่ะ” ปากบอกแบบนั้น แต่พาณินีกลับเห็นว่าตาของภุมเรศนั้นฉ่ำเยิ้มมาก แถมมือกลับทำสิ่งตรงข้ามกับปากว่าอย่างสิ้นเชิง

“เต็มที่เลยค่ะ เดี๋ยวแพร์ลากพี่ภู่กลับเอง” พาณินีไม่คิดจะห้าม เพราะดูเหมือนห้ามไม่อยู่แล้ว

“เดี๋ยวเมาแล้วภาพตัดอีก” ภุมเรศหันมายิ้มหวาน แล้วทำท่าว่าจะก้มหน้าลงมาหอมแก้วเธอ แต่หญิงสาวดันไหล่ของชายหนุ่มออกห่างได้ทัน ก่อนจะส่ายหัวด้วยความระอาใจพลางหัวเราะเบาๆ

พาณินีเห็นสภาพเพื่อนของภุมเรศที่เมาแล้วเดินเต้นไปทั่ว ไม่ก็ลงไปนอนดิ้นๆ กับพื้น ในขณะที่ชายหนุ่มซึ่งดื่มไม่หยุด แต่นั่งเรียบร้อยอยู่ข้างๆ เธอ นับว่าดีกว่ากันมาก

และในที่สุดงานเลี้ยงก็ต้องเลิกรา พรลภัสผู้เป็นเจ้าสาวเมาเล็กน้อยยังคงดูแลเพื่อนๆ ที่เมาแล้วร่วงทุกคนเป็นอย่างดี รวมถึงช่วยเรียกรถให้กับพาณินีที่ต้องลากภุมเรศกลับอีกด้วย

“ขอบคุณนะน้องแพร์”

“งานสนุกมากเลยค่ะ”

“รองานน้องแพร์กับไอ้ภู่เหมือนกันน้า อย่าลืมชวนพี่นะ”

“ไม่ลืมแน่นอนค่ะ” พาณินีโบกมือลาพรลภัสที่ช่วยมาส่งถึงรถด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้วันนี้เจ้าตัวจะเหนื่อยหนักในฐานะเจ้าสาว จึงนึกรู้สึกผิดขึ้นมานิดหน่อยที่เคยระแวงอีกฝ่าย

ระยะทางจากโรงแรมจนกระทั่งถึงคอนโดของเธอนั้นไม่นานนัก ทั้งสองก็กลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัย พฤทธิ์ที่ยังไม่นอนก็ออกมาดูสภาพของเพื่อน

“จะให้นอนไหน” พฤทธิ์เลิกคิ้ว

“กับแพร์ได้ไหมล่ะ” คนเป็นน้องสาวแหย่พี่ชายเล่น

“อุ๊บ!” เสียงที่ดังมาจากคนเมาซึ่งกำลังยิ้มทำให้สองพี่น้องหันไปมองตาโต และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อภุมเรศได้อ้วกออกมาแล้ว

“ไอ้ห่าภู่ ใครใช้ให้มึงแดกเหล้าเข้าไปเยอะขนาดนี้วะ” พฤทธิ์ทำหน้ายี้ “แฟนใคร คนนั้นจัดการเอง”

“ถ้าพี่โพธิ์ไม่ช่วยแพร์ แพร์พาพี่ภู่เข้าไปนอนด้วยกันในห้องนะ”

พฤทธิ์หันกลับมามองน้องสาว “ตามใจ”

“ก็ได้ แพร์ทำเองคนเดียวก็ได้” พาณินีถอนหายใจพลางยกมือขึ้นถูจมูกเพราะเหม็น “พี่ภู่นะพี่ภู่ ตื่นขึ้นมาเมื่อไร ต้องมาตั้งกฎห้ามดื่มเหล้าเกินขนาดกันสักหน่อยแล้วนะคะ”

เนื่องจากอ้วกเปื้อนเสื้อ พาณินีจึงค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออกและนำมันไปโยนใส่เครื่องซักผ้า ก่อนกลับมาพาเขาไปบ้วนปากในห้องน้ำ แล้วเช็ดตัวให้ภุมเรศ ระหว่างนั้นก็ถูกเขาจ้องไม่พักจนนึกว่าจะสิงกันเสียแล้ว

“ไม่ต้องมามองตาหวานเลยค่ะ รู้ตัวไหมเนี่ยว่าทำให้แพร์ลำบาก”

“อยากกอดน้องแพร์” พูดจบคำคนตัวโตก็โผมากอดเธอไว้ ท่าทางไม่รู้สึกรู้สาใดๆ

และเพราะภุมเรศไม่ยอมปล่อย เธอจึงต้องพาชายหนุ่มเข้าไปนอนที่ห้องของตัวเองด้วยความจำใจ (จำใจจริงๆ นะพี่โพธิ์)

*****

ภุมเรศปวดหัว ถ้าภาพตัดแบบนี้เขาคงเมาหนักอีกแล้ว ถึงคิดว่าจะเมา แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะเมาขนาดนี้ สงสัยว่าตัวเองคงเป็นภาระของพาณินีแน่ๆ

เมื่อสายตาเริ่มชินกับแสงสลัวๆ แล้วเขาก็พบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องของแฟนสาว ในสภาพ...

โป๊!

ชายหนุ่มสัมผัสได้ทันทีว่าใต้ผ้าห่มไม่มีเสื้อผ้า!

อยู่ๆ ก็รู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมา ทั้งๆ ที่ห่มผ้าห่มผืนหนา พอมองไปยังแฟนสาวเขาก็เห็นว่าเธอใส่เพียงชุดนอนบางๆ

ไม่หรอก เพราะถ้าเมาขนาดนั้นก็ไม่น่าจะทำอะไรใครได้สักหน่อย แต่ถ้าแฟนของเขาเป็นคนทำล่ะ นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้ไปกันใหญ่ไม่ใช่เหรอ

ว่าแต่เสื้อผ้าของเขาหายไปไหนกัน ภุมเรศลุกขึ้นนั่งเพื่อมองหาเสื้อผ้า ทว่ากลับไม่เจอสักชิ้น หรือจะถูกถอดทิ้งไว้ข้างนอก ดังนั้นชายหนุ่มจึงค่อยๆ ลุกออกจากเตียงเพราะไม่อยากรบกวนพาณินี ซึ่งเมื่อคืนกว่าจะได้นอนคงจะดึกอยู่เหมือนกัน เนื่องจากต้องดูแลเขาที่เมาด้วยอย่างแน่นอน

“พี่ภู่”

“ค...ครับ!” ชายหนุ่มหันขวับกลับไปมองแฟนสาวของตัวเองที่ตื่นแล้วเหมือนกัน

“จะไปไหนคะ”

“พี่ไม่ได้จะไปไหน แค่กำลังมองหาเสื้อผ้า”

“แพร์เอาไปซักตากให้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วค่ะ”

ชายหนุ่มพยายามจะไม่มองแล้ว แต่ตาเจ้ากรรมก็ไม่เชื่อฟัง เพราะส่วนที่นูนขึ้นมานั้นดูอวบอิ่มชัดเจนกว่าชุดธรรมดามาก เขาจึงค่อยๆ ย้อนกลับขึ้นมานั่งบนเตียง

“น้องแพร์มีชุดนอนแบบนี้ด้วยเหรอ พี่นึกว่ามีแต่ชุดน่ารักๆ” ชุดนอนของหญิงสาวตอนนี้เป็นแบบสายเดี่ยวกระโปรงบางๆ

“ก็มีอยู่ตัวสองตัวค่ะ เห็นว่าน่ารักดีเลยซื้อมาใส่”

แล้วอยู่ๆ ความเงียบก็เข้าครอบงำคนทั้งคู่ ภุมเรศเริ่มคิดได้ว่าเมื่อคืนเขาคงเมามาก แล้วก็ต้องสร้างความเดือดร้อนให้กับแฟนสาวของตัวเองแน่ๆ

“เมื่อคืนพี่เมามากเลยใช่ไหมครับ”

“ค่ะ” พาณินีถอนหายใจ “เมาหนักมาก” เสียงตอนท้ายนั้นลากยาวจนภุมเรศหวั่นใจ

“แล้วพี่ทำอะไรแย่ๆ กับน้องแพร์หรือเปล่า” ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความกังวล

“ทำค่ะ”

“พี่จะรับผิดชอบทุกอย่างเลย” ภุมเรศเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ดีค่ะ งั้นก็จ่ายมาประมาณพันหนึ่ง เหมือนจะราคานี้นะ”

“อะ...อะไรพันหนึ่งนะ” สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมึนงง “ตกลงว่าพี่ต้องรับผิดชอบอะไร ไม่ใช่น้องแพร์เหรอ”

หญิงสาวเอียงคอมองเขาแล้วหัวเราะ “แล้วพี่ภู่คิดว่าต้องรับผิดชอบเรื่องอะไรคะ”

“ก็พี่โป๊อยู่”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นจริงก็ต้องเป็นฝั่งแพร์ที่ต้องรับผิดชอบละมั้งคะ เพราะแพร์ทั้งดูทั้งจับไปเยอะเชียว” พาณินีมองไปทั่วเนื้อตัวขาวเนียนของภุมเรศแล้วยิ้ม

ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดหน้าอก “พี่ก็เขินเป็นนะ”

เธอหัวเราะ “นอกจากพี่ภู่จะอ้วกใส่เสื้อผ้าตัวเอง อ้วกก็เปื้อนพรมที่ปูอยู่หน้าโซฟาด้วยค่ะ ไหนๆ ก็เก่าแล้วด้วย ซื้อใหม่ไปเลยดีกว่า”

“ได้ครับ” เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“แต่เรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” น้ำเสียงจริงจังของหญิงสาวและสายตาที่จ้องมาทำให้ภุมเรศสะดุ้งเบาๆ

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“คราวหน้าเมาแบบนี้ไม่เอาแล้วนะคะ”

“พี่ขอโทษครับที่สร้างความลำบากให้น้องแพร์”

“ลำบากไม่ใช่ประเด็นหรอกค่ะ” น้ำเสียงของพาณินีอ่อนโยนลง “แต่เห็นสภาพตอนเมาแต่ละที แพร์อดเป็นห่วงไม่ได้”

“...” ภุมเรศเองก็พอรู้ตัวว่าเวลาเมาหนักๆ เขาจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย

“เรามาตั้งเกณฑ์เอาไว้ดีไหมคะว่าดื่มได้ไม่เกินกี่แก้ว”

แต่ภุมเรศกลับส่ายหัวเบาๆ “ใช้จำนวนแก้วมาเป็นเกณฑ์ไม่ได้หรอก บางทีมันก็ชงอ่อนชงเข้มไม่เท่ากันนะ เอาเป็นว่าต่อไปพี่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองเมามากจนภาพตัดแบบวันนี้อีกดีไหม”

“ถ้าทำได้มันก็ดีค่ะ แล้วพี่ภู่คิดว่าจะทำได้ไหมล่ะคะ”

“ทำได้ครับ เพราะส่วนใหญ่พี่ก็เมาเพราะตอนเศร้ามากกับมีความสุขมากแค่นั้นแหละครับ”

“แล้วเพื่อนแต่งงาน ทำไมต้องมีความสุขขนาดนั้นค่ะ” พาณินีเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ทว่าภุมเรศกลับส่ายหน้าเบาๆ “เปล่า แต่มีความสุขเพราะได้เป็นแฟนกับน้องแพร์ต่างหากครับ”

จากที่เคยคิดว่าการดื่มของภุมเรศเป็นเรื่องน่าหนักใจ ตอนนี้พาณินีกลับได้แต่อมยิ้มแล้วตีอีกฝ่ายแก้เขิน “ยังไงก็เถอะค่ะ คราวหน้าไม่เมาแบบนี้อีกแล้วนะคะ”

“ถ้าน้องแพร์ไม่ชอบ พี่ก็สัญญาครับว่าจะไม่เมาแบบนี้อีกแล้ว”

“คำสัญญามันสำคัญนะคะ ถ้าพูดแล้วผิดสัญญาบ่อยๆ มันไม่ดี”

“พี่มั่นใจว่าพี่ทำได้”

ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่พาณินีจะโผเข้ากอดภุมเรศ ชายหนุ่มชะงักเล็กน้อยก่อนจะกอดตอบอีกฝ่าย เพราะร่างกายนุ่มนิ่มที่อยู่ในอ้อมแขนของเขามันชวนให้ผิดสัญญาเหลือเกิน แต่ก็เป็นอย่างที่เขาพูด เมื่อตั้งใจจะสัญญา เขาก็มั่นใจว่าจะทำได้ จึงปล่อยให้พาณินีกอดตัวเองจนพอใจแล้วเป็นฝ่ายผละตัวออกก่อน

“ว่าแต่ทำไมไอ้โพธิ์ปล่อยให้พี่มานอนห้องน้องแพร์ล่ะ”

“ก็เมื่อคืนพี่โพธิ์ไม่ยอมช่วยจัดการกับพี่ภู่ที่อ้วก ขนาดขู่ว่างั้นให้นอนห้องแพร์นะก็ยังไม่ยอมช่วย แพร์เลยประชดพาพี่ภู่เข้ามานอนด้วยกัน”

“แล้วนี่มันจะตื่นหรือยังเนี่ย” ตอนนี้พฤทธิ์ลาออกจากบริษัทเก่าและเข้าทำงานที่บริษัทใหม่แล้ว ซึ่งที่ทำงานใหม่ เจ้าตัวจะทำงานอยู่ที่คอนโดเป็นหลัก ถูกเรียกไปประชุมถึงจะเข้าไปที่บริษัท ดังนั้นเวลาตื่นนอนจึงยืดหยุ่นกว่าเดิมมาก

“น่าจะยังนะคะ” พาณินีลุกขึ้นจากเตียง “งั้นเดี๋ยวแพร์ไปเอาเสื้อผ้าพี่ภู่มาให้ก่อนนะคะ จะได้กลับออกไปก่อนพี่โพธิ์จะตื่น”

แต่ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะก้าวพ้นจากประตูห้อง คนเป็นพี่ชายก็เดินสวนเข้ามาอย่างกับรู้จังหวะที่จะเปิดออก

“เฮ้ย! สภาพนี้คืออะไรวะไอ้ภู่ แล้วน้องแพร์ใส่ชุดนอนอะไรเนี่ย”

“โตแล้ว จะใส่ชุดนอนเซ็กซี่นิดหน่อยมันจะเป็นอะไรไปคะ” พาณินีหันกลับมาเท้าเอวคุยกับพี่ชาย “แล้วเมื่อคืนพี่โพธิ์พูดเองนะว่า จะพาพี่ภู่เข้ามานอนด้วยก็ไม่เป็นไร”

“ก็ใช่ แต่ก็ไม่คิดว่าจะทำจริงนี่” พฤทธิ์หน้าตาเหวอจนภุมเรศหลุดขำ “ไม่ต้องมาขำเลยไอ้ภู่ มึงทำไรน้องกูเปล่าเนี่ย”

“เมาขนาดนั้น มึงก็รู้ว่าทำไม่ไหวหรอก แต่ถึงไม่เมากูก็ต้องรักษาสัญญากับมึงไง จนกว่าน้องแพร์จะเรียนจบ จะไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละ”

“อ๋อ นี่เพราะพี่โพธิ์เหรอ พี่ภู่ถึงไม่ชวนแพร์ทำเรื่องอย่างว่าสักที”

ชายหนุ่มทั้งสองต่างหันไปมองคนพูดเป็นตาเดียวกัน แต่ส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงคนละโทน คนหนึ่งโทนเสียงเหมือนดุ ส่วนอีกคนหวานฉ่ำปนเอ็นดู

“น้องแพร์!/น้องแพร์”

พาณินีหัวเราะคิกคักและหายไปพร้อมกับน้ำเสียงสดใส ทิ้งให้เพื่อนสนิททั้งสองเคลียร์กันเอาเอง ซึ่งหลังจากนั้นก็จบลงด้วยสภาพภุมเรศที่ใบหน้าประดับรอยยิ้ม ส่วนพฤทธิ์ก็บึ้งตึงเหมือนทุกทีที่ถูกน้องสาวกับเพื่อนสนิทร่วมมือกันขัดใจ

ส่วนมื้อเช้าในช่วงสายมากนั้น ก็ยังคงเป็นมื้อที่มีความสุขมากมื้อหนึ่งเลยทีเดียว เพราะพาณินีอยู่ท่ามกลางคนที่รักเธอมากถึงสองคน

ทว่าในอนาคตคำสัญญาที่ภุมเรศให้ไว้กับคนเป็นพี่ชายนั้น ชายหนุ่มทำได้ดีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ส่วนสัญญาที่ให้ไว้กับคนรักถูกทำลายลงในวันแต่งงาน แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกโกรธเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะวันแต่งงานของพวกเขาเป็นวันที่มีความสุขที่สุดนั่นเอง จะเมาสักวันเธอก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ

:: จบ ::