ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันผมรู้ว่าเขามักนอนละเมอ จนวันหนึ่งเขาเริ่มละเมอเรียกชื่อคน ที่น่าแปลกคือคนที่เขาละเมอถึงจะเสียชีวิตในไม่กี่วันต่อมา จนกระทั่งเมื่อคืน...เขาละเมอชื่อผม

IN HIS SLEEP - Chapter 4 One took a nap in a cactus pile โดย NIBBLE @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,ตลก,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

IN HIS SLEEP

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย

รายละเอียด

ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันผมรู้ว่าเขามักนอนละเมอ จนวันหนึ่งเขาเริ่มละเมอเรียกชื่อคน ที่น่าแปลกคือคนที่เขาละเมอถึงจะเสียชีวิตในไม่กี่วันต่อมา จนกระทั่งเมื่อคืน...เขาละเมอชื่อผม

ผู้แต่ง

NIBBLE

เรื่องย่อ

สารบัญ

IN HIS SLEEP-Chapter 1 .,IN HIS SLEEP-Chapter 2 Secret Smile,IN HIS SLEEP-Chapter 3 Live In Peace,IN HIS SLEEP-Chapter 4 One took a nap in a cactus pile,IN HIS SLEEP-Chapter 5 Good to see you again

เนื้อหา

Chapter 4 One took a nap in a cactus pile

"พ่อครับแม่ครับมินฟื้นแล้ว"

สิ่งแรกที่ผมได้ยินคือเสียงของพี่เต ตามมาด้วยแสงไฟที่สาดเข้าตาทันทีที่ผมลืมตาขึ้นมา ผมกระพริบตาถี่เพื่อปรับสภาพการมองเห็นของตัวเอง แล้วผมก็จะไม่ถามว่าที่นี่ที่ไหนเหมือนในละครแน่ ๆ สายน้ำเกลือจิ้มมืออยู่ขนาดนี้แน่นอนว่าผมตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลหลังจากเกิดอุบัติเหตุรถชน ตอนนี้รอบเตียงผมห้อมล้อมไปด้วยพ่อแม่แล้วก็พี่เต พวกเขามีสีหน้าโล่งใจ ไม่เว้นแม้แต่พี่เตที่แทบไม่เคยยิ้มให้ผม ตอนนี้ผมแอบเห็นมุมปากเขายกขึ้นเล็กน้อยแม้จะต้องตั้งใจมองมาก ๆ ถึงจะเห็นก็เถอะ

"เจ็บมากไหมลูก ค่อย ๆ นะ ไม่ต้องขยับเยอะ" แม่ช่วยมาพยุงผมให้ลุกขึ้นนั่ง ส่วนพี่เตก็กุลีกุจอปรับเตียงเพื่อให้ผมพิงได้ถนัดขึ้น

"มินเจ็บแขนแล้วก็ปวดหัวนิดหน่อย" ผมมองแขนตัวเองที่ใส่เฝือกอยู่ ตรงหัวก็มีผ้าพันแผล รวมถึงตามข้อศอกก็มีผ้าพันแผลพันไว้เต็มไปหมด

"หมอบอกว่ากระดูกร้าวแต่ดีที่ไม่มาก มึงต้องพักประมาณสองเดือนอย่าเพิ่งไปทำอะไรหนัก"

"โห แบบนี้มินไม่โดนไล่ออกหรอ" เด็ก ๆ ที่เรียนกับผมตั้งหลายคนคงต้องให้ไปเรียนกับครูคนอื่นก่อน

"พ่อคุยกับวีระให้แล้ว มันเข้าใจบอกให้มินพักไปก่อนหายดีแล้วค่อยกลับไปสอน" คุณวีระคือเจ้าของโรงเรียนสอนว่ายน้ำซึ่งแกเป็นเพื่อนกับพ่อผม ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยใช้อภิสิทธิ์ในความเป็นลูกของเพื่อนมาทำให้ชีวิตตัวเองง่ายขึ้นหรอกนะ

"ไนล์ล่ะครับ" ผมถามถึงคนที่ควรจะอยู่ตรงนี้กับผมแต่ตอนนี้กลับไร้วี่แวว

"หลับอยู่นั่นน่ะ เมื่อคืนเฝ้ามินทั้งคืนเลย แม่เพิ่งไล่ไปนอนบอกว่าเดี๋ยวแม่ดูให้นี่แหละถึงได้ยอม" ผมชะเง้อมองผ่านพี่เตไปตรงโซฟาถึงได้เห็นว่าไนล์หลับอยู่ เลยปล่อยมันนอนอย่างที่แม่ว่า ไม่รู้ได้กินอะไรบ้างหรือยังตั้งแต่เมื่อวาน

"ก่อนหน้าเราจะฟื้นปอก็มาเยี่ยมด้วยนะ แต่เห็นบอกว่ามีธุระเลยไปก่อนแล้ว" ไนล์น่าจะโทรไปบอกมัน ไม่ก็โทรไปบอกว่าจะลางาน ไม่งั้นเขาคงไม่ได้มานอนเฝ้าผมอยู่นี่แทนที่จะไปอยู่บริษัท

"มันเกิดอะไรขึ้นไหนลองเล่าให้พ่อฟังหน่อย ต้องไปแจ้งตำรวจไว้นะ" พ่อผมมีสีหน้าเครียดแล้วก็ดูจริงจังอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

"มินเดินอยู่บนทางเท้าแล้วทีนี้ก็มีรถมอเตอร์ไซค์ขับขึ้นมาบนนั้นเลย มินไม่ทันได้หลบเลยโดนชน"

"แบบนี้มันต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุดนะครับพ่อแม่ แล้วมึงจำทะเบียนรถหรือว่าหน้าตามันได้ไหม" พี่เตดูโกรธไอ้รถคันที่ชนผมเอามาก ๆ ผมเองก็โกรธทางมีให้ขับมันมาขับบนทางคนเดินได้ยังไง

"ตรงนั้นมันมืดมากเลยพี่เต อีกอย่างพอมินตั้งตัวได้ก็เห็นแค่ท้ายรถมันแล้ว แถมรถไม่มีป้ายทะเบียนอีก"

"พ่อไปถามหาภาพในกล้องวงจรปิดตรงนั้นก็ไม่ได้อะไรเพราะว่าไฟมันดับ"

"ถือว่าฟาดเคราะห์ไปนะลูก ไม่เป็นอะไรไปมากกว่านี้แม่ก็ดีใจแล้ว ทีหน้าทีหลังต้องระวังตัวให้มาก ๆ "

"ครับแม่" แต่ให้ผมระวังฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก คนเรามันต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมสิ ต่อให้ผมระวังตัวเองไม่ให้เปื้อนฝุ่น ใครจะรับประกันล่ะว่าฝุ่นจะไม่มาเปื้อนผม

"มาอยู่ที่บ้านก่อนไหมล่ะ" พ่อเหมือนคิดอะไรอยู่สักพักก่อนจะเสนอว่าให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้าน

"ทำไมล่ะครับ"

"แล้วอยู่คนเดียวใครจะดูแล ท็อปมันก็ไปเรียน ไนล์ก็ทำงาน มึงจะอยู่คนเดียวยังไงมือก็พิการ" พี่เตที่ดูจะเห็นด้วยกับพ่อก็ยกเหตุผลมาให้ผมได้คิดตาม แต่ประโยคหลังเขาแช่งผมรึไงกัน

"ไม่ได้พิการโว้ย"

"แม่ก็อยากให้เรามาอยู่ที่บ้านก่อนนะ"

"แต่" ผมมองไปยังคนที่นอนหลับอยู่ แม้ว่าเสียงพี่เตจะดังขนาดไหนก็ไม่สามารถรบกวนการนอนของไนล์ได้ อย่างมันน่ะต้องใช้ระบบเขย่าตัวถึงจะตื่น

"คิดถึงแฟน" พี่เตถามขึ้นมาตรง ๆ เขาไม่คิดว่าผมจะเขินพ่อกับแม่เลยสักนิดสินะ

"มันก็ต้องมีบ้าง" ผมตอบเสียงแผ่ว

"เดี๋ยวถ้าไนล์ตื่นแล้วค่อยคุยกันก็ได้"

"ครับพ่อ"

"แล้วหิวมั้ย เดี๋ยวให้พี่เตปลอกผลไม้ให้ เพื่อนเราเอามาให้เยอะเลย มีนมด้วยไม่ชอบก็ต้องกินนะบำรุงกระดูก"

ผมมองไปบนโต๊ะที่มีกระเช้าผลไม้ตั้งอยู่แล้วไหนจะนมอีกห้าขวดที่วางกองกันอยู่ เห็นแค่นั้นผมก็ทำหน้าเหยเกละ ปกติเป็นคนไม่กินนมแม้ว่าจะโดนแม่บังคับให้กินตอนเด็ก ๆ แต่ผมก็แอบเอาไปให้พี่เตช่วยกินเสมอเขาถึงได้สูงเอา ๆ ส่วนผมก็ตัวกระเปี๊ยก

"อ้าวแม่ ทำไมต้องให้เตทำ" เขาโวยวายขึ้นเมื่อต้องทำหน้าที่เป็นคนปลอกผลไม้ให้คนป่วยอย่างผม

" ดูแลน้องหน่อย ตอนเด็ก ๆ ที่เตป่วยน้องก็วนมาเล่นด้วยทั้งวันจำได้ไหม" แม่พูดหว่านล้อมจนพี่เตต้องถอนหายใจแล้วเดินไปหยิบผลไม้ไปล้าง


"มินฟื้นแล้วหรอ" ไนล์เดินมาที่เตียง มันดูยังตื่นไม่ค่อยเต็มที่แต่ก็ต้องรับจานแอปเปิลที่พี่เตยัดใส่มือแบบกระทันหัน

“เอาไปป้อนมันด้วย คนไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” พูดจบพี่แกก็ไปนั่งไขว่ห้างตามสไตล์อยู่ที่โซฟา ปล่อยให้ไนล์มันงง ๆ แป๊บหนึ่งก่อนที่จะนั่งลงตรงเก้าอี้ข้างเตียง ตอนนี้ทั้งห้องมีแค่ผม ไนล์ แล้วก็พี่เต พ่อกับแม่ลงไปร้านกาแฟ เห็นบอกว่าจะซื้อของกินมาให้ไนล์ด้วย

“ตื่นนานยังคะ” ไนล์ถามผม ส่วนมือเขาก็หยิบส้อมจิ้มแอปเปิลในจานที่รูปทรงแปลก ๆ มาพิจารณา

“ตื่นหลังไนล์หลับไปสักพัก”

“อันนี้ใครทำให้อะ” ไนล์มันขยับหน้ามาให้ผมแล้วถามเบา ๆ

“พี่เต” ผมกระซิบตอบ

“พวกมึงกระซิบอะไรกัน” คนที่ปลอกแอปเปิลสภาพคล้ายหนูแทะเหมือนจะรู้ตัวว่าโดนพูดถึง

“เปล่าพี่ แค่ถามมินว่าใครปลอกแอปเปิลให้สวยดี” โธ่ คิดว่าพี่เตเขาจะเชื่อไหมน่ะ

“มันก็ดูดีเหมือนหน้าตาคนปลอกนั่นแหละ” พี่เตตอบอย่างอารมณ์ดี เอาสิไนล์นี่มันพลิกเกมเก่งชะมัด


พ่อกับแม่กลับขึ้นมาพร้อมกับแก้วกาแฟแล้วก็ขนมอีกหลายอย่างหลังจากออกไปเป็นชั่วโมง ผมดุไนล์ให้เขาไปกินอะไรได้แล้ว พี่เตบอกว่าเมื่อคืนหลังจากที่ไนล์พาผมมาส่งโรงพยาบาลมันก็โทรบอกที่บ้านผม ทุกคนก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที พอพี่เตบอกไนล์ว่าจะเฝ้าผมให้ อยากให้มันกลับไปพักก่อนมันก็ไม่ยอมแถมยังไม่ไปหาอะไรกินอีก มันน่าดุไหมล่ะ

เราคุยกันเรื่องที่จะให้ผมกลับไปอยู่ที่บ้านก่อน ไนล์มันก็เห็นด้วย เพราะกลัวว่าถ้าไม่มีใครอยู่บ้านผมจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เฮ้ย นี่เป็นแค่แขนข้างเดียวนะทุกคน ผมแค่กระดูกร้าวนะ

“ไม่ต้องทำหน้าจ๋อย เดี๋ยวเลิกงานแล้วจะไปหาทุกวัน วันไหนว่างเดี๋ยวไปอยู่ด้วย” ไนล์เกาคางผมเบา ๆ อยากจะบอกมันเหลือเกิน นี่คนไม่ใช่แมวโว้ย

สุดท้ายผมก็ต้องยอมแต่โดยดีก็ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าจะให้ผมกลับไปอยู่บ้าน ผมก็ต้องยอมตามที่พวกเขาตกลงกันนั่นล่ะนะ

หลังจากครอบครัวผมกลับไป ท็อปก็แวะมาหาตอนบ่ายสามหลังจากที่เจ้าตัวเลิกเรียน ไม่ลืมที่จะเตรียมเสื้อผ้ามาให้ไนล์ด้วย รายนั้นเขายืนหยัดจะเฝ้าผมไม่ยอมให้ใครมาผลัดทั้งนั้น

“ท็อปอย่าลืมให้อาหารฉลามนะ มันคิดถึงพี่แย่แล้วมั้ง” ผมก็คิดถึงลูกผมเหมือนกัน ผมไม่อยู่สองวันไม่รู้เจ้าอ้วนของผมผอมไปขนาดไหน น้ำหนักลงกี่ขีดแล้วนะ

“ไม่ลืมครับ”

“แล้วเราอยู่คนเดียวเหงารึเปล่า” บ้านตั้งกว้างอยู่คนเดียวผมกลัวน้องมันจะเหงา

“ไม่เหงาเลยพี่ เพื่อนผมมันมานอนด้วย”

“เพื่อนคนไหน”

“เปโซไงเฮีย”

“คนที่มาส่งมึงบ่อย ๆ น่ะหรอ”

“ใช่ คนนั้นแหละ” ไนล์มันไม่ค่อยได้เจอเปโซหรอก แต่ผมน่ะเจอบ่อย เจอตอนมาส่งท็อปบ้างตอนมาทำงานกลุ่มกันบ้าง แต่งานกลุ่มอะไรเห็นมันมาทำกันอยู่สองคนจนผมอยากเชียร์ให้ตัดชื่อไอ้พวกที่เหลือออกแล้วไปบอกอาจารย์เลย

หลังจากท็อปกลับไปได้สักพักใหญ่น้องก็ส่งรูปเจ้าฉลามลูกชายผมที่กำลังกินอาหารเม็ดมาให้ดู แล้วก็มีคลิปที่มันวิ่งเล่นในบ้าน ตามมาด้วยภาพเด็กผู้ชายผิวขาวหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังอุ้มฉลามเล่นเหมือนว่าคนในภาพจะไม่รู้ว่าโดนแอบถ่ายด้วยซ้ำ คนนี้แหละน้องเปโซของเจ้าท็อปมัน ผมดูภาพนั้นได้ไม่กี่วิมันก็ถูกลบไปเพราะอีกฝ่ายกดยกเลิกข้อความ ไม่ทันหรอกผมเห็นหมดละ

“ไนล์ครับ”

“ครับผม”

“อ่านอะไรอยู่” ผมมองคนรักของผมที่ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออะไรไม่รู้ ปล่อยให้ผมเหงาคนเดียวได้ไงกัน

“อ่านเล่มนี้ครับ พอดีว่าปอให้ยืมมาอ่าน”

จะเรียกสองคนนี้ว่าหนอนหนังสือก็ไม่ผิด สมัยเรียนไนล์มันยังเคยนัดผมเดทที่ห้องสมุดมาแล้วเลย แถมไอ้ปอก็อยู่ด้วยเพราะมันก็ชอบสิงห้องสมุดเหมือนกัน ผมไปก็หลับเท่านั้นเอง

“อ่านให้ฟังหน่อย”

“อยากฟังแน่หรอ เดี๋ยวสักพักก็หลับใส่ไนล์”

“ไม่หลับ”

Eight balloons no one was buyin' All broke loose one afternoon” ผมนอนมองหน้าไนล์แล้วตั้งใจฟังเรื่องที่เขาอ่าน ผมชอบเวลาที่ไนล์พูดภาษาอังกฤษมันดูมีเสน่ห์แล้วก็เท่ดี

“Eight balloons with strings a-flyin' free to do what they wanted to” เขาเงยขึ้นมามองผมเป็นระยะ กลัวผมหลับใส่อะไรขนาดนั้นล่ะ

“One flew up to touch the sun , One thought highways might be fun , One to.. ไหนว่าไม่หลับไงคะ” 

ผมได้ยินเสียงเขาพูดอะไรกับผมสักอย่าง แล้วก็รู้สึกถึงสัมผัสอุ่น ๆ ที่ริมฝีปากแต่เปลือกตาผมมันหนักเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาบอกให้เขาอ่านต่อผมยังไม่หลับสักหน่อยแค่พักสายตา แต่ว่าขี้เกียจบอกเอาไว้วันหลังผมจะให้เขาอ่านให้ฟังใหม่แล้วกัน


"บอม"

ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ ทุกสิ่งรอบตัวเงียบสงัดเหลือเพียงเสียงเครื่องปรับอากาศที่กำลังทำงานอยู่ ผมมองกวาดไปทั่วห้องพบว่าไนล์นอนหลับอยู่ตรงโซฟา เมื่อกี้เขาพูดชื่อใครคนหนึ่งขึ้นมา มันทำให้ผมสังหรณ์ใจไปในทางร้ายถ้าบอมที่ไนล์พูดถึงคือเพื่อสนิทผมสมัยเรียนมหาวิทยาลัย

"ไนล์" ผมเรียกเขาให้ตื่น สักพักก็ได้ยินเสียงเขาขยับตัวแล้วลุกมาเปิดไฟ ทันที่ที่ห้องสว่างขึ้นผมก็รู้สึกอุ่นใจเมื่อเห็นหน้าเขา

"มีอะไรรึเปล่า มินจะเข้าห้องน้ำหรอ" คนที่เพิ่งถูกปลุกให้ตื่นเดินสะลึมสะลือมานั่งตรงเก้าอี้ข้างเตียงผม

"เมื่อกี้ไนล์ฝันอะไร"

"ฝันหรอ ไม่รู้เหมือนกันจำไม่ได้เลย ไนล์ละเมอทำมินตื่นใช่ไหมเนี่ย" ผมพยักหน้า

"ขอโทษนะ นอนต่อเถอะ" ไนล์ยืนขึ้นแล้วเข้ามาจูบตรงหน้าผากผมเบา ๆ เขาดันตัวผมให้นอนลงตามเดิมพร้อมทั้งดึงผ้าห่มมาห่มให้

"ขึ้นมานอนบนเตียงกับมินได้ไหม" ผมจับข้อมือเขาเอาไว้ในจังหวะที่เขากำลังจะหันหลังเดินกลับไปนอนที่โซฟา

"เป็นอะไรคะคนดี ถ้าไนล์ขึ้นไปนอนด้วยพี่พยายาบาลจะไม่ว่าเอาหรอ"

"มินนอนไม่หลับ หรือจะให้ไปนอนโซฟาด้วยกัน"

"มินคนดื้อกลับมาอีกแล้ว" เขายีหัวผมจนมั่นยุ่งไปหมด

ผมขยับตัวให้เขามานอนฝั่งซ้ายจะได้ไม่โดนแขนข้างที่เจ็บ ไนล์ไม่ใช่คนนอนดิ้นหรอกแต่เป็นผมเองนี่แหละที่ชอบไปนอนซุกเขา

"กอดหน่อย ห้ามปล่อยจนกว่าจะเช้าเลยนะ" คืนนี้ผมขอใช้โควตาความเอาแต่ใจที่ไม่ได้ใช้มานานให้เต็มที่หน่อยเถอะ

ไนล์ขยับตัวมาชิดกับผม เขากอดเข้าที่เอวเพราะกลัวจะโดนแขนที่ใส่เฝือกอยู่ ผมซุกหน้าเข้ากับอกเขาราวกับว่ามันเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไนล์ทำให้ผมรู้สึกว่าไม่มีอะไรจะมาทำร้ายผมได้ตราบใดที่ยังอยู่ในอ้อมกอดนี้

“ฝันดีนะคะ “ไนล์หอมแก้มผมซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้น จนผมต้องบอกให้หยุด เขาถึงยอมปล่อยให้ผมนอน เห็นแก่คนป่วยเถอะนะ ขอร้องล่ะไนล์


"เฮีย พี่มินตื่นก่อน"

ผมถูกเสียงของท็อปปลุกให้ตื่น พอลืมตาขึ้นมาก็เห็นท็อปยืนอยู่ข้างเตียง อีกฝั่งเป็นพี่พยาบาลที่ยืนส่งยิ้มมาทางพวกผม

"ขอโทษครับ ไนล์ตื่น" ผมเอ่ยขอโทษพี่พยายาบาลที่พากันมานอนบนเตียงทั้งคู่แบบนี้แล้วรีบปลุกคนที่ยังหลับอยู่ให้ตื่น

"เช้าแล้วหรอ" ไนล์ลุกขึ้นนั่งแล้วนวด ๆ ตรงแขนข้างที่ใช้รองหัวผมไว้ทั้งคืนแทนหมอน พอเห็นพี่พยายาลยืนรอทำหน้าที่ไนล์มันก็รีบลงจากเตียงทันที

"เดี๋ยวสาย ๆ น้ำเกลือหมดก็ไปรับยาแล้วก็กลับบ้านได้แล้วนะคะ จากนั้นเดี๋ยวจะต้องเอาใบนัดจากคุณหมอเพื่อนัดมาเช็คอาการเรื่อย ๆ เนาะ"

หลังจากพี่พยาบาลออกไปไนล์ก็เข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วก็กินข้าวที่ท็อปซื้อมาให้ วันนี้ท็อปมีเรียนตอนบ่ายเลยแวะมาหาผมในตอนเช้า

"ให้อาหารฉลามยัง"

"ฉลามมันไปอยู่บ้านพี่แล้ว เมื่อเช้าพี่เตแวะมารับมันกลัวว่าถ้าผมไปเรียนจะไม่มีใครดู”

“โหใครซื้อนมมาให้เนี่ยสูตรบำรุงกระดูกด้วย" ท็อปเดินไปสำรวจของเยี่ยมไข้ผมที่มีคนแวะเวียนเอามาให้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของไอ้ปอนั่นแหละที่ขนอะไรมาให้ก็ไม่รู้มากมายไปหมด

"ไอ้ปอเจ้าเก่าเจ้าประจำ มาตั้งแต่เมื่อวานพี่ยังไม่ทันได้เจอเลย"

"กินเยอะ ๆ เลยพี่ จะได้หายไว ๆ ต้องกินอะไรที่มีแคลเซียมเยอะ ๆ" ท็อปหยิบนมมาขวดหนึ่งพร้อมกับเปิดฝาแล้วส่งมาให้ผม

"ไม่ชอบกินนม"

"ไม่ชอบก็ต้องกิน" ไนล์ที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงโซฟาพูดขึ้นเมื่อผมมีท่าทีอิดออดไม่ยอมกินนม

ผมเลยจำใจขวดนมมาจากท็อปก่อนจะกลั้นหายใจแล้วกระดกรวดเดียวจนหมด ไม่อยากใช้เวลาละเมียดละไมกับมันนานนัก ผมไม่ชอบกลิ่นนมเอามาก ๆ

“ผมเก็บเสื้อผ้าพี่มาให้แล้วนะ แต่ว่าไม่ได้เอามาเยอะเพราะพี่น่าจะมีเสื้อผ้าที่บ้านอยู่”

“น่าจะมีแหละ ถ้าพี่เตไม่เผาทิ้งไปแล้วอะนะ ฮ่า ๆ”


ผมกะว่าจะพักสายตาแป๊บเดียว สุดท้ายก็เผลอหลับไปอีกตื่นหนึ่งจนได้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กำลังโดนถอดน้ำเกลือแล้ว จังหวะที่หมอกำลังดึงเข็มออกมาจากมือผมรีบหลับตาปี๋ ได้ยินเสียงขำเบา ๆ ออกมาจากคุณหมอ ขำคนไข้ได้แบบนี้ได้ยังไงกัน ก็คนมันกลัวนี่นา

“อ้าว พี่หมิง”

บังเอิญอะไรขนาดนี้ ลืมตาขึ้นมาพบว่าหมอเจ้าของไข้ผมคือพี่หมิงซึ่งเธอเป็นแฟนของเพื่อนสนิทผมเอง ผมนอนโรงพยาบาลมาหนึ่งคืนจนแทบจะออกอยู่แล้วเพิ่งได้เจอพี่เขานี่แหละ ช่วงที่พี่หมิงมาตรวจก็น่าจะมาตรงกับตอนที่ผมกำลังหลับอยู่

“ไงเรา ยังปวดหัวอยู่ไหม” พี่หมิงถามอากาศผมพร้อมกับตรวจเช็คร่างกายผมไปด้วย

“นิดหน่อยครับ ไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าพี่ทำงานอยู่นี่”

“บ้านเราไม่ได้มีใครมาโรงบาลบ่อย ๆ ไม่รู้ก็ไม่แปลก” ไนล์กำลังเก็บของใส่กระเป๋าให้ผมพูดขึ้น มันเองก็รู้จักพี่หมิง

“พอดีเพิ่งย้ายมา อยู่นี่ได้ยังไม่ถึงปีเลย เอ้อ พี่โทรไปบอกบอมตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เป็นห่วงมินใหญ่เลยนะบอกว่าจะมาหาวันนี้ ไม่รู้จะมาทันก่อนมินกลับบ้านรึเปล่า”

“ไอ้บอม” เรื่องเมื่อคืนที่ผมเกือบจะลืมไปแล้วแล่นเข้ามาในหัวอีกครั้ง ผมหันไปมองหน้าไนล์ มันเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ทันใดนั้นก็มีเสียงคนเปิดประตูเข้ามาทำลายความเงียบ

“อยู่กันครบเลย นึกว่าจะมาไม่ทันละ”

“โอ๊ย!ไอ้บอมปล่อยกูก่อน” ผมร้องลั่นด้วยความเจ็บไม่นึกว่าไอ้คนที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามามันจะดึงตัวผมไปกอดแน่นขนาดนี้ ทำอะไรเกรงใจเฝือกที่มือกูนิดนึง

“เออ โทษ ๆ ว่ะ กูดีใจไปหน่อย ไม่ได้เจอมึงนานเลย” มันยังคงจับตัวผมพลิกซ้ายพลิกขวาเหมือนมึงเลือกผลไม้ในตลาดอะไอ้บอม

“เฮ้ย อย่าจับแรงได้ไหม มินมันเจ็บอยู่” ต้องขอบคุณไนล์ที่ช่วยดึงไอ้ตัวนี้ออกไปห่างผม ขืนช้ากว่านี้อีกนิดผมได้ช้ำตายคามือมันพอดี

“กูเป็นห่วงแม่งนี่หว่า หนักกว่าที่กูคิดนะเนี่ย สภาพ” มันมองผมแล้วส่ายหัว สีหน้ามันบ่งบอกว่าสังเวชผมเต็มทน

“เพื่อนจะเจ็บเพราะเธอนี่แหละ” พี่หมิงส่งสายตาดุให้ไอ้บอม ผมเห็นมันหงอทันที กลัวเมียนี่หว่า

“เรียบร้อยหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ขอตัวไปดูเคสอื่นต่อก่อนนะ เราก็อย่าลืมดูใบนัดด้วยล่ะ”

“ขอบคุณครับพี่หมิง”


“เดี่ยวกูแวะไปเยี่ยมมึงที่บ้านนะ” ไอ้บอมแยกกับผมที่หน้าห้องรับยา มันบอกว่าต้องไปทำธุระต่อ ผมก็เพิ่งรู้ว่ามันเป็นเทรนเนอร์อยู่ที่ฟิตเนสในห้างใกล้ ๆ บ้านแม่ผมนี่เอง

“เจอกันมึง”

“เออ เจอกัน”

“เสร็จแล้ว ไปกัน” ไนล์ที่เพิ่งจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายเสร็จก็มาช่วยผมถือถุงยา ถามจริงเบาเท่านี้ก็ไม่ให้ถือเลยหรอ

ผมเดินไปรอข้างหน้าทางออกโดยมีท็อปคอยถือกระเป๋าเสื้อผ้าให้ ไม่นานไนล์ก็ขับรถมาจอดตรงหน้า เบาะหลังเต็มไปด้วยสัมภาระของผมที่จะต้องย้ายตัวเองไปอาศัยบ้านพ่อกับแม่ชั่วคราว คาดว่าน่าจะต้องอยู่นานจนกว่าเขาจะมั่นใจว่าผมหายดี

ไนล์แวะไปส่งท็อปที่คณะก่อนเพราะว่านี่ก็เกือบเที่ยงแล้วเดี๋ยวน้องจะไปไม่ทันเข้าเรียนบ่าย รถของพวกผมมาจอดข้างหน้าคณะจิตวิทยา มีน้อง ๆ ในชุดนิสิตเดินกันเต็มไปหมด ผมมองออกไปนอกกระจกก็เห็นเปโซกำลังวิ่งมาทางนี้พอดี แน่นอนว่าน้องจำรถเราได้เพราะไนล์มันมาส่งท็อปบ่อย ๆ

“หวานใจมาแล้ว” ผมแซวท็อป เจ้าตัวเหมือนจะรู้ว่าผมหมายถึงใคร เห็นหันซ้ายหันขวามองหาเขาอยู่นั่น พอเจอเป้าหมายแล้วก็หันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายตัวเองต่อ

“ไม่ใช่สักหน่อยพี่มิน หวานใจอะไรกันล่ะ เฮียเก็บแฟนด่วนเลย”

“มึงเขินหรอท็อป” พี่ชายก็ช่วยนะครับ ช่วยขยี้

“ไม่คุยด้วยแล้วทั้งคู่เลย” ไม่รอให้พวกผมแซวไปมากกว่านี้ ท็อปรีบลงจากรถทันที เปโซที่มาถึงพยายามจะมาเกาะตรงกระจกรถเพื่อทักทายพวกผมแต่ดูเจ้าท็อปจะกีดกันเป็นพิเศษ

“ไปเข้าเรียน”

“ให้กูไหว้พี่ ๆ มึงหน่อยสิ กูมาทันได้ทักทายทั้งที”

“สวัสดีครับน้องเปโซ” ผมลดกระจกลงแล้วทักทายว่าที่แฟนน้อง ผมมั่นใจว่าตัวเองมองไม่พลาด แล้วถ้าเป็นคนนี้ผมก็ไม่ติด

“สวัสดีครับพี่มิน สวัสดีพี่ไนล์ด้วยนะครับ” ไนล์ที่อยู่อีกฝั่งก็รับไหว้น้อง

“ฝากดูมันด้วยนะ อย่าให้แอบหลับ”

“ท็อปมันไม่หลับหรอกพี่ไนล์ มีแต่ผมน่ะที่หลับ”


พวกผมมองจนเด็กสองคนนั้นเดินเข้าไปในตึกเรียน นี่มันเหมือนพ่อกับแม่ที่มาส่งลูกเข้าโรงเรียนเลยนะ

“อยากเลี้ยงเด็กไหม”

“ห๊ะ” ผมเหวอเมื่อจู่ ๆ ไนล์มันก็ถามคำถามนี้ขึ้นมา อารมณ์ไหนของเขานะ

“เด็กจริง ๆ ไม่ใช่เด็กเปรตแบบไอ้ท็อปมัน”

“ทำไม”

“ก็ถ้าอยากมีเราก็ไปรับอุปการะเด็กมาก็ได้” ผมก็เคยคิดนะ แล้วก็อยากจะอุปการะเด็กสักคน ผมอยากให้โอกาสในชีวิตเขา เหมือนที่เคยได้รับโอกาสจากพ่อแม่

“ไว้ทุกอย่างลงตัวเราว่ากันอีกทีนะ”

“โอเคค่ะ”

ผมจับมือเขาไว้ ในอนาคตถ้าเราต้องมีสมาชิกในบ้านเพิ่มเข้ามาผมอยากให้เขารู้ไว้ว่าจะไม่มีอะไรมาทำให้ผมรักเขาน้อยลงเลย มันไม่ใช่การแบ่งความรักจากอีกคนไปให้อีกคน แต่เป็นการที่เราทั้งสองคนจะใช้ความรักดี ๆ หล่อหลอมให้เด็กคนนั้นเติบโตและมีชีวิตที่ดีงาม ผมเชื่อว่าพวกเราจะทำได้และต้องทำได้ดีไม่ต่างจากพ่อกับแม่ของผมหรือของไนล์เลย