ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันผมรู้ว่าเขามักนอนละเมอ จนวันหนึ่งเขาเริ่มละเมอเรียกชื่อคน ที่น่าแปลกคือคนที่เขาละเมอถึงจะเสียชีวิตในไม่กี่วันต่อมา จนกระทั่งเมื่อคืน...เขาละเมอชื่อผม

IN HIS SLEEP - Chapter 5 Good to see you again โดย NIBBLE @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ลึกลับ,ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,ตลก,พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

IN HIS SLEEP

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ลึกลับ,ชาย-ชาย,ไทย,ดราม่า,ตลก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

พล็อตหาเรื่องครั้งที่1,พล็อตหาเรื่อง,สืบสวนสอบสวน,นิยายวาย

รายละเอียด

ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันผมรู้ว่าเขามักนอนละเมอ จนวันหนึ่งเขาเริ่มละเมอเรียกชื่อคน ที่น่าแปลกคือคนที่เขาละเมอถึงจะเสียชีวิตในไม่กี่วันต่อมา จนกระทั่งเมื่อคืน...เขาละเมอชื่อผม

ผู้แต่ง

NIBBLE

เรื่องย่อ

สารบัญ

IN HIS SLEEP-Chapter 1 .,IN HIS SLEEP-Chapter 2 Secret Smile,IN HIS SLEEP-Chapter 3 Live In Peace,IN HIS SLEEP-Chapter 4 One took a nap in a cactus pile,IN HIS SLEEP-Chapter 5 Good to see you again

เนื้อหา

Chapter 5 Good to see you again

วันจันทร์ที่ไม่ต้องไปทำงาน ช่างเป็นวันจันทร์ที่ว่างเปล่า ผมตื่นแต่เช้าด้วยความเคยชินแล้วก็ต้องมานอนนิ่ง ๆ อยู่บนเตียงเหมือนเดิมเนื่องจากไม่มีอะไรที่ต้องทำ ไม่ใช่ไม่มีหรอกแต่ไม่มีใครให้ผมทำอะไรต่างหาก ผมยกแขนข้างที่ใส่เฝือกลองขยับมันขึ้นลงช้า ๆ ก็ยังเจ็บอยู่ เมื่อคืนผมตื่นเพราะว่าตะแคงไปทับแขนข้างนี้ก็หลายที มันน่าจะดีกว่านี้ถ้ามีไนล์คอยกอดผมไว้ทั้งคืนแบบนั้นผมคงจะไม่ดิ้นจนทำให้ตัวเองเจ็บ

ผมมองโทรศัพท์เลื่อนห้องแชทประจำไปมาซ้ำ ๆ ไนล์ส่งข้อความมาก่อนผมจะตื่นได้ไม่นานเขาส่งรูปถ้วยโจ๊กมารายงานให้ผมทราบว่าเขากินมื้อเช้าก่อนออกไปทำงานเรียบร้อยแล้ว ตบท้ายด้วยสติ๊กเกอร์หมีสีน้ำตาลโบสีชมพูเอาแก้มถูกหัวใจดวงใหญ่ ๆ สติ๊กเกอร์ประจำตัวเขาเลยล่ะอันนี้ มีใครเคยเฉาตายเพราะความคิดถึงไหมวะ

ผมเด้งตัวลุกออกจากที่นอนเพราะได้ยินเสียงอะไรบางอย่างขูดประตูห้อง พอเดินเข้าไปใกล้ประตูก็ได้ยินเสียงร้องหงิง ๆ เจ้าลูกชายตัวดีของผมมาตะกุยประตูเรียกสินะ พอผมเปิดประตูออกเท่านั้นแหละเจ้าก้อนฟูสีขาวก็วิ่งเข้ามากระโดดขึ้นยืนสองขาใส่ผม

"รู้ได้ไงเนี่ยว่าอยู่ห้องนี้" ผมไม่รู้ว่าความสามารถในการดมกลิ่นของหมามันมีมากขนาดไหน แต่ลูกชายผมจำกลิ่นเก่งมาก เคยให้ไนล์จับมันไว้แล้วผมก็วิ่งไปซ่อนใช้เวลาแค่แป๊บเดียวฉลามมันก็หาผมเจอแล้ว แสนรู้ขนาดนี้เห็นทีจะต้องส่งลูกผมเข้าประกวดสักเวทีเผื่อจะได้รางวัลมาประดับบ้านกับเขาบ้าง


หลังจากให้อาหารเจ้าฉลามเรียบร้อยแล้วก็พามันออกมาวิ่งเล่นตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน ส่วนผมก็นั่งรอบนเก้าอี้ชิงช้ามองไอ้ตัวเล็กที่วิ่งไปวิ่งมาอย่างสนุกสนานอยู่ตัวเดียว อยากจะไปวิ่งเล่นด้วยอยู่หรอกแต่สภาพไม่เอื้ออำนวย

"มิน"

เสียงเรียกที่ผมไม่ได้ยินมานานแต่ก็ยังจำได้ดีดังขึ้น ผมมองไปทางต้นเสียงสายตาหยุดอยู่กับใบหน้าที่แสนคุ้นเคย ภาพเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนมัธยมปลายในความทรงจำถูกแทนที่ด้วยรูปลักษณ์ปัจจุบันที่โตขึ้นตามกาลเวลา ผมมองผู้ชายในเสื้อเชิ้ตนักศึกษากางเกงยีนข้างหลังสะพายกระเป๋ากีตาร์ เขาดูโตขึ้น หลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่สายตาที่เขามองมาที่ผมยังเหมือนเดิม

"แซม"

"ทำไมมาอยู่นี่ล่ะ แม่บอกว่าเธอย้ายไปบ้านแฟนแล้ว แล้วนั่น...ไปฟัดกับหมาที่ไหน" แถมอีกข้อ ปากแจ๋วเหมือนเดิมด้วย

"ไม่ได้ฟัดกับหมา อุบัติเหตุนิดหน่อยที่บ้านเลยให้มาอยู่นี่ก่อน"

"ไม่เจอนาน น่ารักเหมือนเดิม"

"เอ่อ แซม ค.."

"เราไปแล้ว ถ้าเธอยังอยู่นี่เดี๋ยวก็เจอกันอีก เรามาวิ่งทุกเช้า"

"อะไรของเขาวะ"

ไม่ทันที่จะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านี้เขาก็เดินผ่านหน้าบ้านผมไปเสียแล้ว บ้านของแซมอยู่ถัดจากบ้านผมไปอีกสามหลัง ทั้งที่อยู่ใกล้กันแค่นี้แต่ผมก็ไม่ค่อยได้เจอเขาตอนมาที่นี่อาจจะเพราะเขาไปอยู่คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยอย่างที่แม่เขาเคยบอกนั่นแหละ ตอนนี้แซมน่าจะปีสี่แล้วมั้ง

"ในบรรดาผีร้ายทั้งหมด รักครั้งเก่าคือตัวที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด"

น้อยครั้งที่ผมจ้องหน้าพี่เตเขม็ง ทั้งที่เขาควรจะเป็นคนเดียวบนโลกที่ไม่น่าพูดเรื่องนี้กับผมแท้ ๆ

"ไม่ต้องมามองกูแบบนั้น แค่อ่านข้อความในเน็ตที่เขาแชร์กันมาเฉย ๆ ช่วงนี้ใกล้ฮาโลวีน"

"พี่เตไม่ต้องพูดเรื่องเก่าขึ้นมาแล้วได้ไหม"

"มึงกับมันก็ไม่ได้อะไรกันอยู่แล้วหนิ"

"มินก็ไม่อะไรแล้วแต่ไม่รู้ว่าแซมมันมูฟออนได้หรือยัง"

"มันก็ตั้งหลายปีมาแล้วไหม ป่านนี้มันคงเจอคนใหม่ ๆ ไปแล้วล่ะ งั้นมันจะกล้าเข้ามาทักหรอ"

ก็จริง บางครั้งผมก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตัวเองทำไมจู่ ๆ ถึงจะอยากพาลใส่พี่เตเอาเสียอย่างนั้น

"มึงหงอยทำไมเนี่ย วันนี้อากาศดีอย่ามาทำให้เสียอารมณ์ มาเข้าบ้านไปกินข้าว" เขากอดคอผมเดินเข้าบ้าน

พี่เตก็ยังเป็นพี่เต คนที่ไม่เคยโกรธผมจริงจังแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดในสถานการณ์นี้เขายังรู้ว่าผมคิดมากอะไรอยู่ในใจ เขามักจะบอกว่าตัวเองไม่ใช่คนอ่อนโยน แต่เขาไม่รู้หรอกว่าความอ่อนโยนในตัวผมที่มีให้คนอื่นทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะผมได้รับมันจากเขานี่แหละ


"ขอโทษนะที่วันนี้ไม่ได้แวะไปหา"

ผมมองสีหน้ารู้สึกผิดของคนที่ผมคิดถึงตั้งแต่เช้า มองโทรศัพท์เพื่อรอข้อความเขาทุกชั่วโมง รอเจอหน้าเขาในตอนเย็นแต่กลับต้องผิดหวังเพราะสภาพการจราจรประเทศไทยมันแย่มากจนผมบอกเขาว่าไม่ต้องมาแล้วล่ะ กลับไปกลับมาแบบนี้แถมรถติดเสียสุขภาพจิตเปล่า ๆ อยากให้เขารีบกลับบ้านไปพักมากกว่า เราเลยเปลี่ยนแผนมาคุยกันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมนี่แทน

"ไม่เป็นไร ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้"

"คนไหนบอกว่ากลัวจะคิดถึง ทำไมเลิกงอแงเร็วแบบนี้คะ"

"ก็กลัวไนล์เหนื่อย วันไหนเลิกเย็นมากก็ไม่ต้องแวะมา มินเข้าใจว่ารถมันติด"

"วันนี้กินยาครบรึเปล่า"

"ครบสิ ไม่ใช่เด็กที่จะได้กินยายาก"

"เก่งมากเลยค่ะ" เขายกนิ้วโป้งสองข้างให้ผม

"คิดถึงจังเลยพี่มิน" ต้นเหตุที่ทำให้ภาพฝั่งไนล์สั่นก็เพราะท็อปที่จู่ ๆ กระโดดมาจากไหนไม่รู้ลงมาบนเตียงของไนล์

"เวอร์แล้ว" ผมยิ้มให้น้อง

"เข้ามาทำอะไรเนี่ย" เสียงสองพี่น้องหันไปเถียงกันเป็นภาพชินตาของผมไปเสียแล้ว นี่คิดถูกแล้วใช่ไหมที่ให้เขาอยู่บ้านด้วยกันแค่สองคน

"มาหาเมาส์"

"แล้วเมาส์ของมึงจะมาอยู่ในห้องกูได้ไง"

หาของไม่เจอกันอีกแล้วล่ะสิ ผมไม่อยากจะคิดสภาพบ้านตอนนี้เลยว่าจะเละขนาดไหน

"เมาส์ท็อปอยู่ตรงลิ้นชักโต๊ะข้างเตียง" ผมรู้เพราะว่าตัวเองยืมของน้องมาเล่นเกมเมื่อไม่กี่วันก่อน

"เจอแล้ว ขอบคุณครับ หายไว ๆ พี่มิน ผมคิดถึง" ท็อปโผล่มาบ๊ายบายผมในกล้องแป๊บนึงแล้วก็หายออกไปจากเฟรม

"ไปแล้วหรอ"

"มันไปแล้ว"

"นอนคนเดียวเหงาไหมครับ"

"เหงา คิดถึงจะตายแล้ว เมื่อไรจะได้นอนกอด" ผมขำกับท่าทางเหมือนหมาหงอยแบบนั้นของไนล์

"คืนเดียวอยู่เลย อย่างอแงนะ ไนล์เป็นคนให้มินมาอยู่นี่เอง บอกว่าดูแลตัวเองได้ก็ไม่เชื่อ"

"ก็เป็นห่วง อยู่บ้านมีคนดูแลตลอดไนล์จะได้สบายใจ แล้ววันนี้กินนมยังคะ"

"กินแล้วเมื่อเช้า แม่บังคับ" พูดถึงนมแล้วผมอยากจะอาเจียน เบื่อมาก กินเช้ากลางวันเย็นเลย

"ไปเอามากินก่อนนอนอีก"

"ไม่เอา ง่วงแล้ว" ผมแกล้งฟุบหน้าลงไปกับหมอน

"ไม่ต้องมาแกล้งหลับเลยค่ะมิน หนึ่ง สอง ส.."

"โอเค ๆ ไปเอาเดี๋ยวนี้แหละ" ผมไม่ปล่อยให้เขานับถึงสามก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นแล้วลุกจากที่นอนทันที

"เด็กดี"


ผมกระดกนมจนหมดขวดอยู่ตรงเคาน์เตอร์ครัวแถมชูขวดขึ้นให้ไนล์ดูด้วยว่าหมดจริงไม่ได้โกงแล้วทิ้งขวดเปล่านั่นลงถังขยะ ผมหยิบโทรศัพท์ที่พิงอยู่กับขวดซอสขึ้นมา ทำอะไรได้ทีละมือนี่มันลำบากจริง ๆ

"เก่งมากค่ะ"

"ต้องแปรงฟันให้ดูไหม" ผมถามประชดเขา

"ได้นะ"

"พอแล้ว ไปนอนเลยไป"

"หลับไม่ต้องฝันนะคะ"

"มินก็อยากให้ไนล์หลับไม่ฝันบ้าง"


ผมเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วไล่ปิดไฟชั้นล่างของบ้าน เวลานี้พ่อกับแม่เข้าห้องนอนเรียบร้อยแล้ว ส่วนพี่เตก็คงทำงานอยู่บนห้อง ก่อนที่จะกดปิดไฟผมเหมือนเห็นเงาเคลื่อนไหวผ่านประตูด้วยหางตา ตามมาด้วยเสียงคล้าย ๆ อะไรแตก ผมค่อย ๆ เดินไปทางประตูเพื่อจะดูให้แน่ใจว่าคืออะไร

"ทำอะไรอยู่ไม่ไปนอน"

ผมสะดุ้งตกใจเสียงพี่เต เขาเล่นมาเงียบ ๆ ไม่ให้สุ้มให้เสียงจากทางด้านหลัง

"กำลังจะไปแล้ว แต่เหมือนมีอะไรตรงประตูเลยพี่เต" ผมเดินเข้าไปใกล้เขาแล้วพูดเสียงเบา

"ไม่มีอะไรหรอก ลมมันแรงเมื่อกี้กูก็เพิ่งปิดหน้าต่างบนห้อง" พี่เตเดินไปปิดไฟแล้วดันหลังผมให้เดินขึ้นบันไดไปชั้นบน

"นอนไว ๆ ได้แล้วมึงอะ จะได้หายรีบกลับบ้านไปสักที"

"ฝันดีครับ"

"เออ มีอะไรก็มาเคาะห้องกูแล้วกัน"

"รอแป๊บนึง"

ผมชั่งใจอยู่สักครู่แล้ววิ่งเข้าไปเอาหมอนกับผ้าห่มในห้องตัวเอง แต่ว่ามันถือไม่หมด

"พี่เต" ผมเรียกคนที่รออยู่หน้าประตูให้เข้ามาช่วยทันที

"อะไร แล้วนี่มึงจะถือหมอนไปไหน"

"นอนด้วย ถือผ้าห่มไปให้ก่อน"

"ไม่เอากูไม่ชอบนอนกับคนอื่น"

"คนอื่นอะไรกันนี่น้องไง นะพี่เต น๊า" ผมงัดลูกอ้อนทั้งหมดออกมาใช้ ผมนอนคนเดียวไม่ได้หรอกเพราะว่าเพิ่งเจอสิ่งที่ผิดปกติแล้วยังไม่ได้รู้ให้กระจ่าง

"เออ ๆ ภาระจริงเลยมึงเนี่ย" พี่เตถือผ้าห่มของผมกลับห้องเขาไป ผมก็เดินตามเขาไปติด ๆ

"มึงยังนอนดิ้นเหมือนสมัยเด็กอยู่รึเปล่า"

ผมพยักหน้าให้เขาแล้วยิ้มแห้ง พี่เตกลอกตามองบนแล้วเอามือนวดตรงหัวตัวเอง

"งั้นก็เอาแบบนี้"

เขาดึงหมอนที่อยู่ในมือผมไปวางแหมะลงบนพื้นข้าง ๆ เตียง แล้วโยนผ้าห่มของผมลงไปกองด้วยกัน

"พี่เตจะนอนข้างล่างหรอ"

"มึง ไม่ใช่กู นี่ห้องกูทำไมกูต้องนอนพื้นด้วย"

"ไม่เอา"

"มึงจะนอนข้างล่างนี่หรือจะกลับไปนอนห้องตัวเองเลือกเอา" ผมก็เลยจำใจนอนตรงที่พี่เตบอกอย่างช่วยไม่ได้ พี่เตเดินไปปิดไฟแล้วเดินไปขึ้นเตียงอีกฝั่ง

"กูก็ไม่ได้นอนนิ่งขนาดนั้น เดี๋ยวจะโดนมึงเจ็บเอา" ที่แท้เขาก็ไม่ได้กลัวผมดิ้นจนกวนเขานอนแต่เพราะกลัวผมเจ็บนี่เอง


"ตายแล้ว ใครมาทำกระถางดอกไม้แม่แตกเนี่ย"

ผมเพิ่งตื่นเดินลงมาจากชั้นบน ความง่วงยังไม่ทันออกไปจากตัวผมดีก็ต้องตื่นเต็มตาเพราะเสียงเอะอะของแม่จากด้านนอก ผมรีบเดินไปหาแม่ทันที

"กระถางแตกหรอแม่ ไม่ต้องเก็บนะเดี๋ยวมันบาด" ผมมองที่พื้นแล้วพบว่าไอ้เสียงที่ได้ยินเมื่อคืนน่าจะเป็นเสียงกระถางของแม่แตก

"แม่ระวังอยู่ลูก มินนั่นแหละอย่ามาใกล้เดี๋ยวเหยียบ" ผมเดินถอยหลังไปนิดหน่อยไม่ให้เกะกะแม่

แม่ผมเก็บเศษเซรามิกชิ้นใหญ่ใส่ถังขยะแล้วเดินไปเอาที่ตักขยะกับไม้กวาดมากวาดพวกเศษเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ตามพื้น

"ลมพัดได้ไหมแม่"

"มันจะพัดได้ยังไง กระถางเปล่าก็หนักแล้ว นี่มีทั้งดินอยู่เต็มกระถางลมพัดไม่ล้มหรอก"

"แมวมั้งแม่" พี่เตเดินออกมาดูต้นไม้แล้วตรวจสอบว่ารากมันยังโอเคดีหรือเปล่า

"เตเอาไปใส่กระถางใหม่ให้แม่หน่อย รากมันยังดีอยู่นะเนี่ย"

"ครับผม"

ผมกำลังมองแม่กับพี่เตจัดการของที่เสียหายอยู่ กริ่งหน้าบ้านก็ดังขึ้นดึงความสนใจของผมไปอยู่ที่คนตรงหน้าประตูรั้ว

"ใครมาแต่เช้า"

"เดี๋ยวมินไปดูให้ครับ"


"มีอะไรรึเปล่า" แซมอีกแล้ว ช่วงนี้ผมเจอเขาบ่อยเกินไปไหม

"แม่เราทำเกี๊ยวน้ำเลยให้แบ่งมาฝากบ้านเธอด้วย" มือสองข้างของเขาถือถุงหิ้วข้างในเป็นกล่องพลาสติกหลายกล่องมา

"เอามาเยอะจังล่ะ เกรงใจ"

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก แม่เธอก็ทำขนมไปฝากบ้านเราบ่อย ๆ แม่ก็ใช้เราเอากับข้าวมาให้อยู่เรื่อย" ผมเปิดประตูรั้วให้แซมเข้ามา


ไม่คิดว่าจะต้องมาร่วมโต๊ะกินข้าวกับแฟนเก่าที่ไม่เจอกันประมาณห้าปีได้ ผมจะไม่เกร็งเลยถ้าแซมไม่จ้องผมอยู่อย่างนั้น

"มองอะไร กินสิ" เขายิ้มแล้วเลิกมองผม หันไปสนใจอาหารบนโต๊ะแทน

"เห็นเอาของกินมาให้ นึกว่าจะกินมาเรียบร้อยแล้วซะอีก"

พี่เตพูดแซะแขกที่มาร่วมโต๊ะอาหาร เขาดูไม่ค่อยชอบขี้หน้าแซม เอาจริง ๆ ผมก็ไม่เห็นเขาชอบขี้หน้าใครทั้งนั้นแหละ แซมไม่ตอบอะไรเขาแค่มองหน้าพี่เตแล้วยิ้ม แต่ผมสัมผัสได้ว่าเป็นยิ้มที่ตั้งใจยั่วโมโหพี่เต

กุ้งจากผัดผักถูกวางลงบนจานข้าวของผมทั้งที่ไม่ได้เอื้อมไปตักมันเอง แต่มีคนอัญเชิญมันมาวางให้

"จำได้ว่าเธอชอบ" ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมีความสัมพันธ์ที่ดีหรือไม่ดียังไงกับแฟนเก่า แต่ผมรู้สึกอึดอัดมากที่แซมมาทำอะไรแบบนี้ให้

"โอ๊ย ไอ้มินมันไม่ชอบหรอกมึงจำผิดละ เอามานี่กูกินเอง" พี่เตตักกุ้งจากจานผมไปกิน ผมแอบเห็นแซมกัดกรามแล้วถอนหายใจเบา ๆ

นี่มันบรรยากาศอะไรกันวะเนี่ย จะมีมวยกลางโต๊ะไหม

"สวัสดีครับทุกคน อยู่กันพร้อมหน้าเลย ผมแวะมาเยี่ยมไอ้มินมันเลยซื้อน้ำเต้าหู้มาฝากพ่อกับแม่ด้วย" เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าเสียงไอ้ปอเป็นเสียงสวรรค์

"บ้านกูหรือโรงทานวะเนี่ย คนเอาอะไรมาให้ทีเดียวพร้อมกันไปหมด" แม่ตีแขนพี่เตเบา ๆ ที่พูดกับแขกแบบนั้น

"กินอะไรมายังล่ะปอ มากินข้าวด้วยกันมาลูก" แม่ผมชวนไอ้ปอมาร่วมโต๊ะอีกคน ก็ดีจะได้มีคนมาคลายบรรยากาศอึดอัดตรงนี้

"ยังเลยครับแม่ กำลังหิวเลย งั้นเดี๋ยวผมเอาของไปเก็บในครัวให้ก่อนจะได้หยิบจานมาด้วย ไอ้มินนี่นมมึง"

"มาเป็นลังเลยทีนี้ มึงเป็นหุ้นส่วนเขารึไง" ผมมองไอ้ปอที่หนีบลังโฟมเล็ก ๆ ไว้ที่แขนข้างหนึ่ง นี่ผมจะต้องดื่มไอ้นมนี่อีกกี่เดือน

"เพื่อนแม่กูเขาเปิดร้าน ไม่ได้มีแค่นมสดของมึงนะ มีน้ำผักให้พ่อกับแม่ด้วยนะครับ" ไอ้ปอบอกผมก่อนจะหันไปบอกพ่อกับแม่

"ขอบใจนะ"


"พ่อแม่สบายดีไหมปอ" พ่อผมถามคนที่เพิ่งมาใหม่ ท่านก็ไม่ได้เจอหน้าไอ้ปอมาสักพักใหญ่

"สบายดีครับ แต่ก็มีป่วยออด ๆ แอด ๆ ตามประสาคนแก่"

ที่บ้านมันเป็นหมอซึ่งตอนนี้พ่อกับแม่มันใกล้เกษียณแล้ว ทั้งบ้านมันก็ทำงานสายสุขภาพกันหมดมีไอ้ปอนี่แหละที่ฉีกสายมาเรียนอย่างอื่นคนเดียว

"ตรงนี้ก็มีคนแก่นะ" แม่รีบเล่นตัวเองก่อนจะได้ไม่เจ็บ

"พ่อกับแม่ดูไม่แก่เลยครับ" ไอ้ปอทำให้บรรยากาศดีขึ้นจากตอนแรกมาก ผมหันไปมองแซมเขาก็นั่งกอดอกฟังคนนู้นคนนี้บนโต๊ะคุยกันไปเรื่อย ๆ

"กินข้าวเสร็จแล้วก็กินนมด้วยลูก" แม่มองมาที่ผม เมื่อไรกันนะผมจะได้เลิกกินมันเสียที รู้สึกว่าตัวเองเป็นเบบี๋ยังไงก็ไม่รู้

"เดี๋ยวเราไปหยิบให้" ไม่ทันที่ผมจะได้ลุกแซมก็ชิงลุกไปก่อน เขาเข้าไปในครัวสักพักก่อนจะออกมาพร้อมขวดนมที่ผมรู้สึกเบื่อมันมากช่วงนี้

ไอ้ปอมองผมสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ผมรู้ว่ามันอยากจะถามว่าไอ้เด็กที่เดินไปไหนมาไหนได้ตามสบายในบ้านผมนี่มันเป็นใคร มันไม่รู้จักแซมเพราะผมไม่เคยเล่าเรื่องเก่า ๆ ให้มันฟัง ผมไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นตรงไหนที่ต้องบอกคนอื่นว่าใครเคยเป็นแฟนเก่าผมมาบ้าง

"กินเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ มึงอ่ะ" ปอเพื่อนรักเพื่อนร้ายแซวขึ้นตอนที่ผมจะเปิดขวดพลาสติกแล้วยกขึ้นดื่ม แบบผมนี่ก็ไม่ได้นับว่าตัวเล็กหรอกนะเอาจริง เตะก้านคอมันถึงก็แล้วกัน

"ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ" แซมที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผมลุกขึ้นไหว้พ่อกับแม่แล้วลากลับไป

"วันหลังมากินข้าวด้วยกันอีกนะแซม ฝากขอบคุณแม่ด้วย"

"ครับผม" เขาหันมามองผมก่อนจะเดินออกจากบ้านไป


"ไอ้คนเมื่อกี้ใครวะ" ว่าแล้วมันต้องถาม ตอนนี้ผมเดินออกมาส่งมันหน้าบ้าน

"แฟนเก่ากู" มันทำหน้างง

"แล้วมึงก็มานั่งกินข้าวโต๊ะเดียวกันเนี่ยนะ"

"แม่กูชวน"

"แล้วไอ้ไนล์รู้จักป้ะคนนี้"

"ก็รู้ว่ากูมีแฟนที่เคยคบก่อนหน้าจะมาคบมัน แต่ไม่เคยเจอกัน"

"แล้วมึงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแบบสนิทใจรึยัง"

"กูก็ไม่ได้รู้สึกรักแบบนั้นแล้วนะ ก็เอ็นดูแบบน้องคนหนึ่ง"

"แต่กูเห็นสายตามันเวลามองมึงมันดูลึกซึ้งกว่าจะมองคนรู้จักทั่วไป"

"ไม่หรอก" ถึงผมจะรู้สึกแบบที่ไอ้ปอว่าก็เถอะ

"ดี ๆ นะมึงน่ะ อย่าให้เพื่อนกูต้องไม่สบายใจ"

"เออ กูไม่อะไรอยู่แล้ว"

สำหรับแซมมันอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ และผมคิดว่ามันไม่ใช่ความรัก ผมหวังว่าเขาจะเข้าใจตัวเองและไม่หลงผิดคิดว่ายังชอบผมอยู่ ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงจะลำบากใจไม่น้อย