ดอมดมเพียงหนึ่งครั้ง จดจำตลอดไป

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse) - ซ่อนกลิ่นรัญจวน 3 โดย อมยิ้มรสเชอรี่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ดราม่า,รัก,ดราม่า,omegaverse,yaoi,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,omegaverse,yaoi,วาย

รายละเอียด

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse) โดย อมยิ้มรสเชอรี่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอมดมเพียงหนึ่งครั้ง จดจำตลอดไป

ผู้แต่ง

อมยิ้มรสเชอรี่

เรื่องย่อ




เขาตามหาโอเมก้ากลิ่นดอกพุดซ้อนคนนั้นมา 3 ปีเต็มก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

พอมาวันนี้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยกลับมาปรากฎพร้อมคนตรงหน้าที่เขาเคยบอกกับเพื่อนว่าให้ตายก็ไม่มีวันเอามาเชยชม

เป็นไปได้อย่างไร ที่ผ่านมา.. เธอซ่อนกลิ่นของเธอไว้ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร



ชาหอม!







"มาทิ้งระเบิดเวลาไว้แล้วหนีหายไปตั้งสามปี เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน!"

"ค...คุณพฤกษ์ ช่วยชา อึก ช่วยชานะครับ"







คำเตือน

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาหมายถึงหรือพาดพิงบุคคลใดใดทั้งสิ้น

บางอย่างอาจดูไม่สมเหตุสมผลหรือขัดแย้งกับความคิดเห็นหรือความเป็นจริง

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 

ทั้งนี้ ทางผู้แต่งยินดีรับฟังความคิดเห็นและคำติชมจากผู้อ่านเพื่อนำมาพัฒนางานเขียนต่อๆไป 

สารบัญ

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน อารัมภบท,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 1,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 2,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 3,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 4,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 5,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 6,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 7,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 8,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 9,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 10

เนื้อหา

ซ่อนกลิ่นรัญจวน 3


กระเป๋าสะพายข้างสีดำถูกโยนลงบนโซฟาก่อนที่เจ้าของมันจะทิ้งตัวล้มลงบนเตียงหลังกว้าง งานในวันนี้ไม่ได้เหนื่อยเท่าที่คิด เพียงแต่ชาหอมคิดว่าการที่ได้พบกับพี่ธนาในวันนี้นั้นมันเหมือนเป็นลางบอกเหตุอะไรสักอย่าง ตัวชาหอมเองก็ไม่เจอพี่ชายคนนี้มานานหลายปีแล้วตั้งแต่เขายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย



“เฮ้อ..”



ชาหอมถอนหายใจด้วยความอ่อนล้า วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการทำงานอย่างจริงจัง ในช่วงรอผ่านงาน 4 เดือนนี้ไม่แน่ใจว่าจะต้องพบเจอกับธนากรอีกไหม เพราะเจ้าตัวบอกเองว่ามาหาเพื่อน ดังนั้นเพื่อนของอัลฟ่าผู้พี่คนนี้ต้องอยู่ในบริษัทที่เขาทำงานอยู่แน่

 ถ้าเจอก็แค่เดินหนีแล้วกัน.. ชาหอมคิดแบบนั้น

ความจริงแล้วชาหอมไม่อยากจะติดต่อหรือรับรู้ถึงความเป็นไปของคนจากตระกูลคันธนทรัพย์อีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แม้กระทั่งธนากรที่เป็นบุตรบุญธรรมของพี่ชายบิดาของชาหอมก็ตาม





ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโชคไม่เข้าข้าง หรือเป็นคนดวงซวยมาตั้งแต่เกิดกันแน่ เพราะเดือนนี้ชาหอมเจอธนากรมาที่บริษัทนี้ 4 ครั้งแล้ว แทบจะเรียกได้ว่า มาทุกครั้งที่เจ้าตัวมีโอกาสเลยก็ว่าได้

ให้ตาย พี่ธนาเขาไม่ทำงานทำการหรือไงกันนะ พวกคนในกรมตำรวจส่วนใหญ่เขาว่างกันนักหรือไง มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์ให้ไปเจอกันแท้ๆทำไมถึงไม่ไปนัดเจอกันวันนั้นล่ะ



“น้องชา เพิ่งเลิกงานเหรอ”

"ใช่ครับ พี่ธนาเพิ่งมาเหรอครับ?” โอเมก้าตัวคนน้องเอียงคอมองเล็กน้อย นึกแปลกใจว่าทำไมธนากรถึงเรียกเขาอย่างสนิทสนมเหมือนอย่างเคยเช่นนี้ แถมอีกฝ่ายยังตรงดิ่งเข้ามาหาที่หน้าประตูบริษัทราวกับรู้ว่าเขาจะออกจากงานเวลาไหน

“เปล่าครับ พี่เสร็จธุระแล้ว.. เย็นนี้รีบกลับไหมเรา?”

“…”

“ไปกินข้าวเย็นด้วยกันไหม พี่เลี้ยงเอง” ไม่รอให้คนตัวเล็กได้สงสัย ธนากรก็รีบเอ่ยความต้องการของตนขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่าน้องคนนี้จะออกจากบ้านของลุงเขาแล้วก็ตาม แต่ธนากรยังมีความทรงจำในวัยเด็กที่เคยเล่นด้วยกันกับน้องคนนี้อยู่ และมันเป็นความทรงจำที่ดีมากของเขาเสียด้วย



“เอ่อ...”

“ไปเถอะน่า นะครับ” เมื่อคนตัวเล็กกว่ามีท่าทีลังเล ธนากรก็ไม่รอช้าเขาจัดการคว้าแขนเรียวของคนน้องให้เดินตามตนมาโดยไม่รอให้อีกคนเอ่ยคำปฏิเสธ







ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นสุดหรูทำเอาคนที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรกอย่าชาหอมรู้สึกประหม่า ภายในร้านประดับด้วยบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นแบบโบราณ ทั้งยังมีต้นซากุระเสมือนจริงตั้งเด่นสง่าอยู่กลางร้าน ไฟสีนวลอมส้มค่อนข้างสว่างเหมาะแก่การมาเดตสำหรับคู่รัก ดวงตากลมมองซ้ายขวาอย่างไม่ชินที่ทางแต่ก็ยังคงเดินตามแผ่นหลังของลูกพี่ลูกน้องอย่างธนากรเข้าไปจนถึงโห้องอาหารส่วนตัวที่อีกคนได้รีเควสไว้



“พี่จำได้ว่าเราชอบกินอาหารญี่ปุ่น”

“ชอบครับ แต่ชา.. ชาไม่เคยมาร้านแบบนี้สักครั้ง” ไม่ผิดไปจากความจริง ชาหอมชอบอาหารญี่ปุ่นเพราะจำได้ว่าครั้งหนึ่งในวัยเด็ก ธนากรเอาซูชิที่ไปแวะซื้อจากร้านประจำและขนมจากญี่ปุ่นมาฝากให้ทั้งชาหอมและน้องชายอัลฟ่าต่างมารดาอีกสองคนหลังจากที่เจ้าตัวเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศมา

เด็กน้อยอัลฟ่าทั้งสองนั้นหยิบกินเพียงพอรู้ว่ารสชาติเป็นอย่างไรเท่านั้นไม่ได้มีอาการที่บ่งบอกว่าชอบหรือไม่ชอบ ยกเว้นแต่ชาหอมที่เมื่อได้กินเข้าไปหนึ่งคำแล้วดวงตากลมโตทอแสงประกายวิบวับเรียกความเอ็นดูจากธนากรได้เป็นอย่างดี



‘พี่ธนา อันนี้เรียกว่าอะไรครับ’



แก้มกลมทั้งสองข้างบวมตุ่ยขึ้นเพราะเจ้าตัวเล็กเอาแต่ยัดซูชิเข้าปากราวกับกระรอกน้อย



‘เรียกว่าซูชิครับน้องชา เอาไว้น้องชาโตขึ้นพี่จะพาไปกินที่ญี่ปุ่นเลย ดีไหม?’

‘ไป ๆ ชาอยากไปญี่ปุ่นกับพี่ธนา’



ชาหอมในวัยเด็กยิ้มสดใสด้วยความตื่นเต้นจนธนากรอดที่จะยกมือขึ้นลูบหัวคนน้องด้วยความเอ็นดูไม่ได้





“ดีเลย งั้นก็มากับพี่ครั้งแรกเลยสิเรา น้องชากินอะไรดี ซูชิดีไหมพี่จำได้ว่าน้องชาชอบ”

“อ..อะไรก็ได้ครับ ชากินได้หมด” ชาหอมไม่แน่ใจนักว่าสถานการณ์ตอนนี้คืออะไร เขาอยากหลบเลี่ยงธนากรเพราะไม่อยากกลับไปยุ่งกับบ้านนั้นอีกแล้ว แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่คิดแบบนั้น ธนากรในเวลานี้ดูอยากให้เขากลับไปเป็นน้องชาคนเดิมของเขาเหลือเกิน เพราะอีกฝ่ายเอาแต่เรียกเขาว่า น้องชา ไม่ขาดปาก

อาหารญี่ปุ่นมากมายมาวางอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่ชาหอมไม่กล้าแม้แต่จะหยิบตะเกียบขึ้นมาเลยสักนิด อาหารหน้าตาน่ากิน สีสันก็ดูสดใส แต่ความเกรงใจนั้นกดความอยากอาหารของตัวเองไว้เป็นอย่างดีจนกระทั่งธนากรคีบซูชิโรลมาวางไว้ให้บนจนรองของเขา



“กินสิครับน้องชา อันนี้อร่อยนะ”

“ชาไม่--”



โครกก..



ให้ตาย ไอ้ลำไส้ทรยศ!



“ข...ขอบคุณครับพี่ธนา”



ชาหอมเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะคีบซูชิโรลที่อีกฝ่ายคีบมาให้ขึ้นกินอย่างเสียไม่ได้ โอเมก้าคนน้องเคี้ยวจนแก้มตุ่ยราวกับกระรอกน้อยไม่มีผิด ทำเอาธนากรอดที่จะอมยิ้มไม่ได้

ธนากรไม่ได้เจอกับชาหอมตั้งนาน นับตั้งแต่ที่เขาเรียนจบมัธยมปลายแล้วไปเรียนต่อที่อังกฤษทันที คนตรงหน้าเขาเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เด็กน้อยในวันนั้นตัวสูงขึ้น ดูดีมากขึ้น และรอยยิ้มสดใสที่เคยมีได้จางหาย 

หลังจากกลับมาจากอังกฤษธนากรเองก็เคยไปหาชาหอมที่บ้านของลุงมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กลับได้ข่าวจากป้ารองว่าคนน้องได้หนีออกจากบ้านไปแล้ว ธนากรนึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่ไม่ได้พบกับคนที่เฝ้ารอ เสียดายที่ไม่มีคอนแท็กสำหรับติดต่อ เขาอยากเอาของฝากที่เตรียมมาเป็นอย่างดีให้ชาหอม ธนากรรู้ว่าน้องชาของเขาชอบเมืองหนาวมากขนาดไหน รู้ว่าชาหอมชอบกินช็อกโกแลตผสมผิวส้ม รู้ว่าซูชิโรลแบบไหนที่ชาหอมกินแล้วจะมีความสุขที่สุด แต่โอเมก้าคนน้องตรงหน้าไม่เคยรับรู้เลย



“ให้พี่ไปส่งไหมครับน้องชา”

“ไม่เป็นไรครับพี่ธนา เดี๋ยวชาเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าสะดวกกว่า อยู่ใกล้แค่นี้เอง”

“เอางั้นก็ได้ครับ ถ้าถึงแล้วก็ทักไลน์มาบอกพี่ด้วยนะว่าปลอดภัย พี่จะได้ไม่ห่วง”

“ครับพี่ธนา งั้นชาขอตัวนะครับ”



ชาหอมไม่ลืมมารยาทที่จะเอ่ยขอบคุณสำหรับมื้ออาหารก่อนจะเดินแยกออกมาจากธนากร ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า แต่เขาคิดว่าธนากรดูแปลกไป ตั้งแต่อีกฝ่ายชวนมากินข้าว ขอคอนแท็กของเขา แล้วยังเสนอที่ทำงานใหม่ให้เขาอีก

จะไม่แปลกได้อย่างไร ก็เขาเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้แค่เดือนเดียวเอง อีกอย่างชาหอมเองก็ชินกับเพื่อนร่วมงานแห่งนี้ไปแล้วด้วย และเขาก็ไม่อยากย้าย มันเหนื่อยที่จะเริ่มต้นใหม่เต็มทีจึงทำเพียงรับน้ำใจจากธนากรไว้เท่านั้น













“เดี๋ยวสักครู่ทีมออกแบบใหม่สามคนวันนี้เดี๋ยวขึ้นไปพบคุณพฤกษ์พร้อมพี่นะคะ” เสียงเรียกของหัวหน้าทีมออกแบบภายในทีมซีอย่างยุภาพรหรือแว๋วเอ่ยขึ้น ทำให้พนักงานใหม่ทั้งสามคนละจากงานที่ทำอยู่เงยหน้าขึ้นฟังทันที

“คุณพฤกษ์นี่ใช่ท่านรองประธานหรือเปล่าครับพี่แว๋ว” เมฆ หรือ เมฆินทร์ เบต้าหนุ่มหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมที่เด็กกว่าชาหอมถึงสองปีเข้ามาใหม่พร้อมกันกับเขาถามขึ้นด้วยความตกใจ



“ใช่ค่ะ ไปคุยเรื่องโปรเจคพัฒนาห้องพักน่ะ ไม่ต้องคิดมากกันหรอกนะเด็ก ๆ เอาแค่สมุดโน้ตไปก็พอนะคะ” แว๋วแจ้งตามคำสั่งให้พนักงานใหม่ทั้งสามเตรียมตัว 5 นาทีแล้วขึ้นไปที่ชั้นผู้บริหารพร้อมกันกับเธอเลย

ประตูห้องของรองประธานบริหารของบริษัท พี.พี.เอส กรุ๊ป (PPS) ถูกเปิดออกหลังจากเลขาหน้าห้องแจ้งว่าสามารถเข้าไปได้เลยทันที ดวงตากลมสอดส่องมองพิจารณาไปทั่วทั้งห้อง ดูๆไปแล้วก็ค่อนข้างเนียบและดูดีสมกับตำแหน่งของผู้บริหาร แต่ในตอนแรกชาหอมนึกว่ามันจะต้องมีโต๊ะไม้สักและอะไรสักอย่างที่ดูแก่ๆไม่ค่อยเข้ากันอยู่เพราะส่วนตัวชาหอมคิดว่ารองประธานบริหารอย่างคุณพฤกษ์ต้องเป็นคนที่มีอายุแน่ๆ กลับกลายเป็นว่าภายในห้องนี้กลับดูเรียบหรู ถึงของส่วนใหญ่ในห้องจะเป็นโทนเทา ดำ แต่กลับไม่ได้ดูมืดมนสักเท่าไหร่ 



..กลิ่นไม้สน..

ทำไมห้องของท่านรองถึงมีกลิ่นไม้สน 



ชาหอมในเวลานี้นั่งตัวเกร็งเป็นหิน ประหม่ายิ่งกว่าตอนเดินเข้าบ้านผีสิงที่เคยโดนตฤณชาติบังคับให้เข้าเสียอีก! ในหัวเล็ก ๆ นั่นเอาแต่หลอกสมองตัวเองว่าเป็นกลิ่นของเครื่องหอมปรับอากาศของห้องท่านรองก็เป็นไปได้ไม่ใช่กลิ่นที่คุ้นเคยในความทรงจำเมื่อนานมาแล้ว ปลายนิ้วเรียวดันแว่นขึ้นก่อนจะหย่อนก้นกลมนั่งลงกับโซฟาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานอีกสามคนจนกระทั่งเสียงทุ้มของคนที่เพิ่งเดินเข้ามาดังขึ้น



“คุณยุภาพรน่าจะแจ้งให้พวกคุณทราบแล้วใช่ไหมครับว่าผมกำลังจะปรับปรุงพัฒนาห้องพักของโรงแรมในเครือของบริษัทเรา”

“ดิฉันแจ้งให้ทุกคนทราบเรียบร้อยแล้วค่ะคุณพฤกษ์”

“งั้นดีเลยครับ โปรเจคนี้ผมอยากให้พวกคุณไปดูที่หน้างานว่าควรปรับปรุงส่วนไหนบ้าง ยกเฟอร์นิเจอร์อันเก่าออกให้หมด เปลี่ยนเป็นแบบใหม่แต่คงคอนเซ็ปเดิม พวกคุณทำได้ใช่ไหม?”

“ทำได้ครับ” พนักงานใหม่ทั้งสามเอ่ยพร้อมกับ เพียงแต่ว่าเสียงของชาหอมมันตะกุกตะกักจนคนฟังสังเกตได้ พฤกษ์ทำเพียงแค่ปรายตามองเชิงตำหนิกับความไม่เป็นมืออาชีพของชาหอม พฤกษ์ยืดหลังขึ้นเล็กน้อยก่อนจะอธิบายข้อมูลตามเอกสารที่ยุภาพรได้แจกให้พนักงานใหม่แต่ละคนอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง



“ผมให้เวลาพวกคุณสามเดือนนะครับ พอสิ้นเดือนที่สามหลังจากนี้จะมีการประเมินงานของพวกคุณอยู่แล้ว เอาโปรเจคนี้ไปทำแค่โปรเจคเดียวก็น่าจะประเมินผลงานของพวกคุณได้ใช่ไหมว่าสมควรได้เป็นพนักงานประจำหรือไม่”



พนักงานใหม่ทั้งสามทำเพียงนั่งเงียบ ชาหอมแทบไม่กล้าจะเงยหน้าสบตากับท่านรองคนนี้เลยด้วยซ้ำ แววตาเขาคนนั้นน่ากลัวชะมัด ให้ตาย อึดอัดเป็นบ้า โชคดีที่ฟีโรโมนของเขามันไม่แผ่กำจายออกมาให้คนอื่นในที่นี้ประหม่าไปด้วย



เพราะต่อมหลังคอของเขามันตันอย่างไรล่ะ!



แถมต่อให้มีอัลฟ่านั่งอยู่ในห้องนี้ก็ไม่ได้กลิ่นจากตัวเขาอย่างแน่นอน 



“ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบเพียงเท่านี้ครับ หากมีอะไรสงสัย ส่งผ่านคุณสุปรียาเลขาของผมได้เลยนะครับ”

“ได้เลยค่ะคุณพฤกษ์ ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะดูแลโปรเจคของน้องพนักงานใหม่ควบคู่กับประเมินไปด้วยเลยนะคะ”

“ถ้าคุณยุภาพรประเมินเสร็จรบกวนส่งให้ผมตรวจอีกครั้งก่อนนะครับ”

“ได้เลยค่ะคุณพฤกษ์ ถ้าอย่างนั้นดิฉันขอตัวเลยนะคะ จะได้อธิบายรายละเอียดให้น้อง ๆ ฟัง” พฤกษ์ทำเพียงพยักหน้ารับทราบเท่านั้น ก่อนจะลุกกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานพร้อมกับทีมออกแบบที่ลุกขึ้นกำลังจะกลับเช่นเดียวกัน

“รบกวนคุณชัญศรอยู่ต่อสักครู่นะครับ”



ชาหอมยืนตัวเกร็งทันทีที่โดนเรียก เมฆหันมองเพื่อนร่วมทีมอย่างให้กำลังใจจนสุดสายตา หลังจากที่เพื่อนร่วมทีมออกจากห้องไปจนหมดแล้ว พฤกษ์เอ่ยเชิญให้ชาหอมนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของตน โดยที่ชาหอมก็ยอมนั่งลงอย่างว่าง่าย ถึงแม้ในใจจะร้อนรนแล้วก็ตาม



“…”

“…”



ร่างเล็งนั่งเหงื่อซึมมือด้วยความประหม่าและความงง จากที่อีกฝ่ายนิ่งอาจเป็นไปได้ที่อัลฟ่าตรงหน้าเขานี้จะไม่ได้กลิ่นฟีโรโมของเขาอย่างที่ได้กังวลในตอนแรก เรียกเขาไว้ทำไม

ไม่ใช่ว่าชาหอมเผลอไปทำอะไรผิดพลาดขึ้นมาแล้วจะไล่ออกหรือเปล่านะ! ไม่ได้ ๆ ต้องรีบขอโอกาส เขาไม่อยากกลับไปเป็นคนว่างงานอีกแล้ว



“ผมขอโอกา--”

“คุณรู้จักกับธนากรใช่ไหม”

“…ครับ?”

“…” พฤกษ์ไม่เอ่ยซ้ำ นัยน์ตาเย็นยะเยือกส่งกลับมาให้ชาหอมรับรู้ว่าจะไม่ถามซ้ำสอง

“เอ่อ.. กับพี่ธนาเป็นลูกพี่ลูกน้องกันครับ”



เหงื่อข้างขมับเริ่มผุดขึ้นทั้ง ๆ ที่แอร์ในห้องทำงานของท่านรองประธานคนนี้โคตรจะเย็นแทบจะเป็นห้องแช่อยู่แล้ว พฤกษ์นั่งนิ่ง สายตายังคงจับจ้องไปที่เด็กเบต้า (?) ตรงหน้าที่ดันแว่นกรอบเงินขึ้นด้วยความประหม่าของเจ้าตัว ผมหน้าม้าปิดคิ้วจนแทบมองไม่เห็น เสื้อเชิ้ตสีขาวธรรมดา น้ำหอมก็ไม่ใส่ เครื่องประดับก็ไม่มี มองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเรียกได้ว่า



จืดสนิท...



“อืม…”

“ค..ครับ?”

“...” แล้วต้องทำยังไงต่อเนี่ย ทำไมคุณพฤกษ์ไม่พูดอะไรล่ะ ไม่ใช่ว่าจะไล่ออกจริง ๆ ใช่ไหม สองมือของชาหอมเริ่มถูกับหน้าขาของตนด้วยท่าทีแปลก ๆ จนพฤกษ์อดที่จะขำในใจไม่ได้ก่อนที่เรื่องบางอย่างจะแล่นเข้ามาในหัวในจังหวะเวลาเดียวกัน แต่พฤกษ์ก็ยังคงประคองสีหน้าแน่นิ่งของตนไว้ได้เป็นอย่างดี



“ผมจะตั้งใจทำงานนะครับคุณพฤกษ์ ขอโอกาสผมเถอะนะครับ..” ปลายเสียงของชาหอมเริ่มหดหายไปเพราะความลังเลว่าควรพูดดีไหมถึงแม้จะพูดออกไปแล้วก็เถอะ

“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณเลยนะ”

“ผ...ผมนึกว่าคุณพฤกษ์เรียกผมไว้เพราะจะตำหนิผมเสียอีก”

“แล้วคุณทำอะไรผิดหรือเปล่าล่ะ” คิ้วหนาเลิกขึ้นเป็นเชิงถามคนตัวเล็กนิด ๆ หัวของคนตรงหน้าก็ส่ายรัวพร้อมกับมือที่ยกขึ้นโบกไม่มาเป็นพัลวัน

“ป..เปล่าครับ! ไม่ได้ทำอะไรผิดครับ แหะ ๆ” โชคดีนะที่คุณพฤกษ์จำเขาไม่ได้ แน่ล่ะ คืนนั้นทั้งหน้ากาก ทั้งการแต่งตัว ทรงผม หรืออะไรต่าง ๆ ก็ไม่เหมือนเข้าในตอนนี้สักนิด

“ผมเป็นเพื่อนกับธนา วันนั้นผมเห็นเขาไปกับคุณ ผมเลยถามดูเฉย ๆ”

“อ่า.. งั้นเหรอครับ” ชาหอมเผลอถอนหายใจออกมาไม่รู้ตัวโดยที่ไม่รู้เลยว่าตัวเองนั้นโดนจับสังเกตอยู่ตลอดเวลา

“ถ้างั้น ผมขอตัวไปทำงานเลยได้ไหมครับ”

“…” พฤกษ์นิ่งไปอยู่เพียงครู่ ก่อนจะพยักหน้าเป็นคำอนุญาตให้แก่ชาหอม ร่างเล็กลุกขึ้นพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้เข้าที่ ชาหอมโค้งหัวลาก่อนจะรีบสาวเท้าเดินออกจากห้องของรองประธานกลิ่นไม้สนคนนี้เร็ว ๆ หลังจากชาหอมออกไปได้ไม่นาน พฤกษ์ก็ยกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายหาใครบางคนทันที



“สืบเรื่องของคนที่ชื่อชัญศร คันธทรัพย์ ให้ฉันที”

(เร่งด่วนไหมครับคุณพฤกษ์)

“ไม่ด่วน แต่เร็วหน่อยก็ดี”

(ผมจะรีบจัดการให้ครับ)

“อืม” พฤกษ์ตัดสายเลขาส่วนตัวไป เก้าอี้ทำงานถูกเอนไปด้านหลังจนสุด เปลือกตาหลับนิ่ง ฟันกรามขบกัดสะกดอารมณ์ที่ไม่ควรเกิดไว้ อัลฟ่าหนุ่มคิดว่าตัวเองจะต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ เพราะในตอนนี้เป้ากางเกงนูนขึ้นแบบที่เจ้าตัวไม่เคยเป็นมาก่อน



ให้ตายเถอะ นี่เขามีอารมณ์เพียงแค่เห็นเด็กเบต้า (?) นั่นนั่งลูบขาตัวเองงั้นเหรอ ฉิบหาย!





















TBC

#ซ่อนกลิ่นรัญจวน

อิหยังอีกน้อบาดหนิ พระเอกข่อยคึเป็นจังซี่ล่ะ ตายแล้ววว