ดอมดมเพียงหนึ่งครั้ง จดจำตลอดไป

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse) - ซ่อนกลิ่นรัญจวน 4 โดย อมยิ้มรสเชอรี่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ดราม่า,รัก,ดราม่า,omegaverse,yaoi,วาย,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,โอเมกาเวิร์ส,ดราม่า,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ดราม่า,omegaverse,yaoi,วาย

รายละเอียด

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse) โดย อมยิ้มรสเชอรี่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ดอมดมเพียงหนึ่งครั้ง จดจำตลอดไป

ผู้แต่ง

อมยิ้มรสเชอรี่

เรื่องย่อ




เขาตามหาโอเมก้ากลิ่นดอกพุดซ้อนคนนั้นมา 3 ปีเต็มก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา

พอมาวันนี้กลิ่นหอมที่คุ้นเคยกลับมาปรากฎพร้อมคนตรงหน้าที่เขาเคยบอกกับเพื่อนว่าให้ตายก็ไม่มีวันเอามาเชยชม

เป็นไปได้อย่างไร ที่ผ่านมา.. เธอซ่อนกลิ่นของเธอไว้ได้นานขนาดนี้ได้อย่างไร



ชาหอม!







"มาทิ้งระเบิดเวลาไว้แล้วหนีหายไปตั้งสามปี เธอรู้ไหมว่าฉันต้องทรมานแค่ไหน!"

"ค...คุณพฤกษ์ ช่วยชา อึก ช่วยชานะครับ"







คำเตือน

นิยายเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่ง มิได้เจตนาหมายถึงหรือพาดพิงบุคคลใดใดทั้งสิ้น

บางอย่างอาจดูไม่สมเหตุสมผลหรือขัดแย้งกับความคิดเห็นหรือความเป็นจริง

โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน 

ทั้งนี้ ทางผู้แต่งยินดีรับฟังความคิดเห็นและคำติชมจากผู้อ่านเพื่อนำมาพัฒนางานเขียนต่อๆไป 

สารบัญ

ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน อารัมภบท,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 1,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 2,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 3,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 4,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 5,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 6,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 7,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 8,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 9,ซ่อนกลิ่นรัญจวน (omegaverse)-ซ่อนกลิ่นรัญจวน 10

เนื้อหา

ซ่อนกลิ่นรัญจวน 4

หลังจากออกมาจากห้องของรองประธานบริหารอย่างพฤกษ์ได้เพียงไม่นาน หัวใจของชาหอมยังคงเต้นระส่ำไม่หยุดเมื่อได้เจอกับคนที่คุ้นเคยในความทรงจำอย่างไม่คาดคิด กลิ่นหอมของไม่สนยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกจนเหม่อโดยไม่รู้ตัว ขนาดพี่แว๋วหัวหน้าทีมร่ายรายละเอียดมาเขาต้องพยายามตั้งสติถึงจะจับใจความสำคัญได้

ให้ตายเถอะ ทำไมคุณพฤกษ์กับคุณอัลฟ่ากลิ่นไม้สนคนนั้นถึงเป็นคนคนเดียวกัน แม้ความทรงจำของชาหอมอาจเลือนราง แต่กลิ่นฟีโรโมนของอีกฝ่ายยังคงชัดเจนในความทรงจำ

ตั้งแต่คืนนั้นเวลาก็ล่วงผ่านมาถึงสามปี ชาหอมจำได้เพียงแค่ว่าคนที่เขาได้มีสัมพันธ์ด้วยนั้นมีกลิ่นอย่างไรและส่วนสูงที่แตกต่างกันเท่านั้น ทว่ากลับจำใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักเสี้ยวเดียว แม้ในยามที่ชาหอมฝันถึงก็ตาม ทุกสัมผัสและกลิ่นกายหอมเย้ายวน เสียงทุ้มสุดเร่าร้อนที่กระซิบข้างหูก็ยังชัดเจนมากในขณะที่ใบหน้าของอีกฝ่ายนั้นมืดสนิท

จวบจนกลับมาถึงห้องพักของตัวเอง ชาหอมก็ยังคงคิดถึงเรื่องของคุณพฤกษ์อยู่ไม่ตก ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว หรือดูทีวี หน้าคุณพฤกษ์ก็ลอยมาราวกับเขานั้นต้องมนต์ มาจนถึงตอนนี้ชาหอมเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าคุณพฤกษ์เจ้านายของตนเป็นคนเดียวกันกับอัลฟ่าในคืนสามปีก่อนนั้น



“เลิกคิดอะไรแปลกๆ สักทีชาหอม คุณพฤกษ์เขาจำเราไม่ได้ด้วยซ้ำ” ถ้าจำได้เขาก็แย่น่ะสิ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะโกรธหรือไม่ เล่นทั้งขโมยเสื้อทั้งไปกัดหูอีกฝ่ายจนสลบแบบนั้น แต่ชาหอมก็ได้แต่หวังว่าพฤกษ์จะจำเขาไม่ได้หรือภาวนาให้อีกฝ่ายลืมทักสิ่งที่เกิดในค่ำคืนนั้นจนหมดสิ้น ชาหอมสะบัดหัวกับความคิดเรื่อยเปื่อยของตัวเอง ก่อนจะล้มตัวลงนอน แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นราวกับรู้จังหวะเสียเหลือเกิน



“ฮัลโหลว่าไงตฤณ”

(ฮัลโหลชา คือเรามีเรื่องจะถามน่ะ)

“อื้ม ว่ายังไง”

(ค..คือ.. โอเมก้าตอนฮีตเค้าต้องกินยาอะไรกัน)

“…อะไรนะ”

(คือคนที่เรารู้จัก... เออน่าบอกมาเถอะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง)

“อืม.. ไม่รู้สิ มันนานมากแล้วเราไม่รู้หรอก อีกอย่างตอนนั้นหมอก็เป็นคนเอายาให้ ตฤณก็รู้นี่ว่าเรา..”

(...)

“ทำไมไม่ลองถามร้านขายยาดูล่ะ ถามเภสัชกรดีกว่าไหม มาถามเราจะได้เรื่องอะไรเล่า” ชาหอมทำได้แค่ส่ายหัวอย่างระอาให้กับเพื่อนรักของตน ทำไมถึงได้ซื่อบื้อแบบนี้เนี่ย

“แล้วจะซื้อไปให้ใครกัน ตฤณเป็นเบต้าไม่ใช่เหรอ?” น้ำเสียงของชาหอมติดสงสัยอย่างเห็นได้ชัดทำเอาคนปลายสายเหงื่อตก

(ม..ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะชา เจอกันพรุ่งนี้) ปลายสายเงียบไปแล้ว ชาหอมได้แต่เกาหัวตัวเองด้วยความงุนงง อะไรของเขานะ ลุกลี้ลุกลนแปลก ๆ ชาหอมไหวไหล่ก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะเล็กๆข้างหัวเตียงอีกครั้งแล้วชาหอมก็เอนตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่เขาอยากกลับมานอนตั้งแต่หัววันแล้ว

พอจะหลับก็ดันนึกถึงเรื่องที่ตฤณชาติพูดไว้ก่อนหน้านี้ เรื่องอาการฮีตของเขา จริง ๆ ชาหอมเองก็ไม่ได้มีอาการฮีตเลยตั้งแต่คืนนั้นเมื่อสามปีก่อนและตฤณชาติเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีหลังจากที่ช่วยเขาออกมาจากโรงแรมในครั้งนั้นชาหอมก็ถูกส่งเข้าโรงพยาบาลได้ทันท่วงทีด้วยความเป็นมืออาชีพของหมอและยาระงับฮีตออกใหม่สำหรับโอเมก้าที่ทันสมัยมากขึ้น ช่วยให้อาการของชาหอมคงที่แต่กลิ่นแอลกอฮอล์ในห้องฉุกเฉินนั้นฉุนจมูกเกินกว่าจะรับไหวทำให้ชาหอมที่กำลังฮีตนั้นสลบไป กว่าจะตื่นมาอีกทีก็เป็นในอีกสองวันถัดมาเสียแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้ต้องตกใจหลังจากที่ตื่นขึ้นมาได้ไม่นานก็คือ หมอได้แจ้งว่าเขานั้นเป็นโอเมก้าที่ผิดปกติ เพราะด้วยสาเหตุจากปัญหาทางจิตทำให้ระบบการหลั่งสารฟีโรโมนนั่นผิดปกติ ต่อมฟีโรโมนหลังคอตัน ไม่สามารถปล่อยหลั่งฟีโรโมนออกมาได้

เว้นเสียแต่ว่าในเวลาฮีต และอาการฮีตของเขาก็ค่อนข้างแปลกมาก เพราะตั้งแต่ฮีตจนเข้าโรงพยาบาลวันนั้นจนกระทั่งตอนนี้ เวลานี้ ชาหอมยังไม่ฮีตเลยสักครั้ง

แต่นั่นก็เป็นข้อดีสำหรับชาหอมเช่นกัน เขาใช้ชีวิตราวกับเป็นเบต้า แถมไม่ต้องกังวลเรื่องฟีโรโมนที่จะไปปล่อยล่อให้อัลฟ่าที่ตอบสนองต่อกลิ่นจนบ้าคลั่งเข้ามาใกล้

ถึงแม้ว่าชาหอมจะได้กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่า แต่เขากลับไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกไปหรือเกิดอาการลุ่มหลงดั่งเช่นโอเมก้าคนอื่นๆ และเขาเองก็ชอบที่จะใช้ชีวิตเบต้ามากกว่าจะเปิดเผยตัวตนว่าเป็นโอเมก้ายิ่งด้วยนิสัยขี้อาย ไม่ชอบสุงสิงกับใคร แถมไม่ค่อยกล้าแสดงออก และค่อนข้างที่จะประหม่าอย่สงเห็นได้ชัด นั่นทำให้ชาหอมแทบจะกลายเป็นตัวประกอบที่ไม่มีตัวในสายตาของใครๆ

เพื่อจะได้ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับใคร ใช้ชีวิตเป็นเบต้านี่แหละคือทางเลือกที่ดีที่สุดในความคิดของเขา









ถ้าเกิดว่าพรุ่งนี้โลกกำลังจะแตก หรือมีใครสักคนเอาไม้มาฟาดหัวของชาหอมให้สลบไปแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีปีหน้าชาหอมคงจะก้มลงไปกราบขอบคุณอย่างงาม

พระเจ้า สองสามสัปดาห์ที่ผ่านมากับงานที่ล้นหัว ยิ่งไปกว่านั้นข้อมูลรายละเอียดของเฟอร์นิเจอร์ก็อ่านจนตาแตก ขนาดทำงานกันเป็นทีมยังเกือบแทบจะลากไส้ เมฆที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ยื่นยาดมให้เขาอย่างปลอบใจเพื่อนร่วมชะตากรรม

ชาหอมฟุบหน้าลงกับโต๊ะทำงานที่เต็มไปด้วยกองเอกสารมากมายตรงหน้า ทำยังไงถึงจะอ่านหมดเนี่ย แล้วก็ต้องมานั่งเลือกอีกว่าอันไหนเหมาะสมกับคอนเซ็ปต์โรงแรมมากที่สุด งานนี้ทำเอาชาหอมหัวปวดจนแทบจะเป็นไมเกรนเสียให้ได้



“พรุ่งนี้วันเสาร์แล้ว เย็นนี้ไปแฮงค์เอาท์กันไหมทุกคน ปลดปล่อยกันบ้าง”

“นั่นสิ พี่ชาหอมไปด้วยกันนะ คราวก่อนชวนก็ไม่ยอมไป คราวนี้ห้ามปฏิเสธนะ”

“พี่ เอ่อ.. พี่ไม่ค่อยชอบที่คนเยอะๆ มืดๆ น่ะ” ชาหอมเอ่ยปฏิเสธอีกครั้ง เป็นความจริงที่เขาไม่ชอบที่มืดเพราะความทรงจำอันเลวร้ายในอดีต ยิ่งที่มืดๆ อับๆ และเสียงดังสนั่นหูแบบผับบาร์ร้านเหล้าเขายิ่งไม่ชอบ ทว่าสายตาของเพื่อนร่วมงานที่มองจ้องเขาอย่างคาดหวังทำเอาชาหอมทำตัวไม่ถูก



“เถอะน่า ครั้งนี้ไม่ได้ไปที่แบบนั้นสักหน่อยนะครับ เราไปรูฟท็อปกันดีไหม ที่โปร่งๆ”

“จริงด้วย ดิวเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน ไปด้วยกันนะพี่ชาหอม น้า” ทั้งเมฆและดิว เพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนเอ่ยปากชวนกันเสียขนาดนี้ ชาหอมค่อนข้างที่จะลังเล ถึงแม้จะไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่แต่เพื่อนร่วมทีมทั้งสองคนก็ดีต่อเขามาตลอด แถมช่วงหลังมานี้ยังสนิทกันเพราะเรื่องงานมากขึ้นเรื่อยๆชากิมก็เลยคิดว่าไปด้วยสักครั้งก็คงจะไม่เสียหายอะไร

“อื้ม พี่ไปก็ได้แต่ว่าขอกลับก่อนเที่ยงคืนได้ไหม” ทั้งสองหนุ่มแท็กมือกันด้วยความดีใจ ชาหอมก็ทำเพียงแค่ยิ้มขำกับน้องๆ ตรงหน้า เอาเถอะ ถึงงานจะหนัก แต่เพื่อนร่วมงานน่ารักแล้วดีกับเขามันก็เป็นเรื่องดีมากแล้วสำหรับคนที่ไม่ชอบเข้าสังคมแบบเขาใช่ไหมล่ะ ชาหอมคิดแบบนั้น













หลังจากเลิกงานชาหอมก็กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดตามที่เมฆบอก เขาไม่ค่อยได้ไปสถานที่แบบนั้นบ่อยสักเท่าไหร่ แต่ก็พอมีชุดที่พอจะใส่ให้เข้ากับสถานที่อยู่บ้าง อันที่จริงหลังจากคืนนั้นเขาก็ไม่ได้ไปปาร์ตี้แบบนั้นอีกเลย แม้แต่ตฤณชาติเองก็ไม่ชวนเขาไปอีกสักครั้ง อาจเป็นเพราะเหตุการณ์นั้นทำให้เพื่อนเขากังวลว่าจะเกิดเหตุซ้ำอีกก็เป็นได้

ชาหอมยกโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อบอกกับเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนที่อยู่ข้างในว่าตัวเองได้มาถึงแล้ว ดิวที่เดินออกมารับก็ไม่ได้คาดหวังกับการแต่งกายของชาหอมสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ได้เกินคาดนัก เพราะชาหอมแทบจะแต่งตัวคล้ายกับที่แต่งตัวไปทำงานเพียงแค่เปลี่ยนเสื้อเป็นเสื้อเชิ้นคอปกสีฟ้าอ่อนก็เท่านั้น

ดิวพาชาหอมเดินขึ้นมาชั้นบนสุดของสถานบันเทิง บนนี้ประดับด้วยไฟที่ไม่ได้สว่างมาก แต่ก็ไม่ได้มืดขนาดนั้น ยังสามารถมองเห็นอะไรได้ค่อนข้างชัด มีลมโกรกและโล่ง เสียงเพลงคลอเคล้าเบาๆต่างจากโซนด้านล่างที่เป็นพื้นที่สำหรับผับบาร์ มันค่อนข้างมืดและเสียงดังกระหึ่มซึ่งชาหอมไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ หากเมฆและดิวชวนเขาไปด้านล่างนั่นเขาคงจะปฏิเสธทันที 

พอเดินมาถึงที่โต๊ะริมระเบียงที่เมฆและเพื่อนของเขาอีกสองคนนั่งรออยู่ก็ยื่นแก้วให้กับชาหอม ถึงจะไม่ชอบกินแต่ก็รับไว้เป็นมารยาท ชายหนุ่มอีกสองที่ไม่คุ้นตานั้นก็เพียงแค่แนะนำตัวว่าชื่อคินน์และชื่อมาร์ค แต่ชาหอมรู้ได้ทันทีว่าทั้งสองคนนั้นเป็นอัลฟ่าด้วยว่าฟีโรโมนที่แผ่กำจายอยู่รอบตัวของอัลฟ่าทั้งสอง ถึงมันจะทำให้ชาหอมต้องเวียนหัวแต่เขาก็ยังคงปั้นหน้ายิ้มไว้ได้

นานนับชั่วโมงที่เขามานั่งอยู่กับเพื่อนร่วมงานและอัลฟ่าอีกสองคนแบบนี้ ชาหอมอยากกลับไปนอนชะมัด ถึงอากาศด้านบนจะปลอดโปร่ง แต่ด้วยบรรยากาศบนโต๊ะทำให้เขาเริ่มอึดอัดค่อนข้างมากเมื่ออัลฟ่าหนุ่มที่เด็กกว่าพยายามจะตีสนิทเขาเสียให้ได้



“พี่ชาหอมทำไมดูเงียบๆล่ะครับ ไม่สนุกเหรอ”

“นั่นสิ หรือว่าไม่ชอบวิสกี้ เปลี่ยนเป็นค็อกเทลดีไหม น้องครับ!”

“พี่ไม่--” เสียงปฏิเสธนั้นช้ากว่ามาก คินน์เรียกพนักงานเพื่อสั่งค็อกเทลให้เขาเป็นที่เรียบร้อย แก้วน้ำที่มีสีสันสดใสมาวางอยู่ตรงหน้า แถมคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็คะยั้นคะยอให้ชาหอมกินมันเข้าไปเสียเหลือเกิน

เอาวะ รีบๆ กินให้มันจบๆ แล้วหาข้ออ้างกลับบ้านดีกว่า

มือนุ่มเอื้อมไปยกแก้วขึ้นก่อนคินน์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จะยกแก้วเหล้าสีอำพันมาชนกับแก้วของชาหอมอย่างตั้งใจ สายตาของอีกฝ่ายทำให้ชาหอมรู้สึกอึดอัด ชาหอมไม่อยากจะหันหน้าไปมองเลยด้วยซ้ำแต่ด้วยว่ากลัวจะเสียมารยาทเลยยิ้มให้เพียงนิดหน่อยเท่านั้น

ขณะที่คนอื่นในโต๊ะกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ชาหอมไม่แน่ใจว่าตัวเองคิดไปเองหรือเปล่าว่าคินน์นั้นมองเขาอยู่ตลอดเวลา ปลายนิ้วเรียวดันกรอบแว่นขึ้นด้วยความประหม่า แต่อีกฝ่ายเหมือนจะมองเป็นเรื่องขบขัน คินน์ขยับเข้ามาใกล้เขาอีกนิดพร้อมกับโน้มใบหน้ามากระซิบที่ข้างหูของชาหอมด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่



"โอเมก้านี่น่ารักแบบนี้ทุกคนหรือเปล่านะ"

"..."



ชาหอมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เป็นไปไม่ได้ที่คินน์จะรู้ว่าเขาเป็นโอเมก้า คนคนนี้รู้ได้อย่างไร ชาหอมมั่นใจมากว่าตัวเองไม่ได้ส่งกลิ่นฟีโรโมนออกไปแน่ๆ แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงแค่ยกยิ้มที่ล่วงรู้ความลับของเขาเข้า สองมือเรียวกำเขาหากันแน่นด้วยความประหม่าพร้มกับริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน คินน์มองภาพตรงหน้าอย่างขบขันในใจ

คนอะไร ดูออกง่ายชะมัด

“สงสัยเหรอว่าทำไมผมถึงรู้ทั้งๆ ที่ไอ้เมฆมันบอกว่าพี่เป็นเบต้า”

“พี่..พี่เป็นเบต้าครับ” ยิ่งพูดแก้ตัวยิ่งเหมือนเป็นการตอกย้ำข้อเท็จจริง เมื่ออีกฝ่ายขยับหน้าเข้าใกล้ชาหอมมากขึ้น แถมกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าที่ปล่อยออกมาราวกับตั้งใจนั่นทำให้เขากระสับกระส่าย



“แล้วกลิ่นหอมๆ ที่ลอยออกมาจากตัวพี่นี่กลิ่นอะไรล่ะครับ หื้ม?” ชาหอมเลิ่กลั่กกับคำพูดนั้น คินน์ใช้ปลายจมูกคลอเคลียเบาๆที่สันกรามของชาหอมอย่างจงใจ แม้จะส่งสายตาหาตัวช่วยอย่างเมฆและดิวก็ไม่เห็นเพื่อนร่วมงานของเขาอยู่ตรงนี้แล้ว เหลือเพียงแค่เขากับอัลฟ่าคนนี้เพียงสองคนเท่านั้น

“พี่ไม่แน่ใจว่านายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร”

“แต่เอ.. ตอนแรกผมก็ไม่แน่ใจ นึกว่าเป็นกลิ่นของน้ำหอมราคาแพงที่พวกเบต้าชอบใช้ที่ลอยมาตามลมเพียงเท่านั้น แต่พอได้นั่งใกล้พี่เมื่อกี้ผมถึงรู้ว่ากลิ่นมาจากไหนกั---”

“…ขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะ” ชาหอมลุกพรวดขึ้นเพราะตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกถึงบางอย่างที่มันผิดปกติ ขาเรียวรีบก้าวให้พ้นจากรัศมีของกลิ่นอัลฟ่าคนนั้น มันชวนอ้วกมากกว่าจะทำให้เขาเกิดอารมณ์

แต่ทว่าเดินมาได้เพียงครึ่งทาง กลิ่นที่คุ้นเคยกลับปะทะเข้ากับจมูกเข้าเต็มเปา



กลิ่นไม้สน ของคุณพฤกษ์..



ร่างบางเซถลาเข้าติดกับเคาน์เตอร์บาร์ด้านข้างด้วยอาการฮีตที่เกิดขึ้นกะทันหัน ชาหอมก่นด่าตัวเองในใจว่า ทำไมอาการบ้าๆ นี่ต้องเกิดขึ้นทุกครั้งที่เขาอยู่ในที่แบบนี้

คินน์ที่มองตามอยู่ตลอดรีบเดินปรี่เข้ามาใกล้ตัวชาหอมมากขึ้น แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อมีร่างของใครบางคนขับเข้าไปใกล้คนตัวเล็กนั่นก่อนตน แขนเรียวถูกกระชากออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ ใบหน้าหวานนิ่วด้วยความเจ็บแต่ด้วยกลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ชาหอมรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด

ดวงหน้าหวานซุกเข้ากับอกแกร่งของอัลฟ่ากลิ่นไม้สน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาหยาดเยิ้มที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่ปิดไม่มิด

กลิ่นฟีโรโมนดอกพุดซ้อนที่แผ่กำจายออกมามากขึ้นเรื่อยๆ นั้นตอกย้ำความมั่นใจของพฤกษ์ได้เป็นอย่างดีว่าโอเมก้าตรงหน้าเป็นคนเดียวกับคนที่ทำรอยพันธะกับเขาจริงๆ



แต่กลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าที่ซ้อนทับกลิ่นของชาหอมนี่มันคืออะไร?!



คินน์ที่มองภาพนั้นอยู่ก็นึกหงุดหงิดในใจ เขารีบเข้าไปดึงชาหอมให้มาอยู่ข้างๆแต่ก็โดนพฤกษ์รั้งแขนเรียวนั่นไว้แน่น

 ให้ตาย ไอ้อัลฟ่าเวรนี่ใคร กูเจอชาหอมก่อน ถ้าอยากได้ก็ไปหาโอเมก้าคนอื่นเองสิวะ



“ขอโทษนะครับ เขามากับผม--”



พฤกษ์ดึงร่างบางของชาหอมกลับเข้ามาหาตัวเองแล้วกระชับกอดไว้แน่น นัยน์ตาคมสีนิลวาวโรจน์ฉายแววน่ากลัวกว่า ทั้งฟีโรโมนที่แผ่กำจายออกมามากกว่าปกติจนทำให้คินน์รู้สึกได้ถึงความกดดันจนแทบหายใจไม่ออก



“เขาเป็นคู่พันธะของฉัน.. ไสหัวไป”

“หอม หอมจัง คุณพฤกษ์”



คินน์ได้ยินเช่นนั้นก็กำหมัดพร้อมกับมองดูชาหอมที่ดูเหมือนจะซุกไซ้เข้ากับซอกคอของคนตรงหน้าก่อนจะเดินหัวเสียออกไปทั้งอย่างนั้น



เวรเอ๊ย มีผัวแล้วจะมาอ่อยกูทำไมวะ



พฤกษ์ก้มมองคนตัวเล็กในอ้อมกอดที่ตอนนี้เรียกได้ว่าใกล้จะขาดสติโดยสมบูรณ์ ชาหอมทั้ฃซุกไซร้ซอกคอของเขาไหนมือนุ่มๆนั่นจะพยายามปลดเข็มขัดของเขาออกตรงนี้อีก พฤกษ์รับรู้ได้ทันทีว่าชาหอมในตอนนี้นอกจากจะมีอาการฮีทแล้วยังพ่วงด้วยอาการเมาจากสารบางอย่างอีก พฤกษ์ตัดสินใจจะพาโอเมก้าคู่พันธะของเขาคนนี้กลับบ้านทันทีโดยไม่คิด เพราะหากพาเข้าโรงแรมเหมือนคราวที่แล้ว จะไม่มีอะไรรับประกันได้เลยว่าชาหอมจะหายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นคืนนั้นเมื่อสามปีก่อนอีก



เขาไม่ยอมเป็นแน่

















TBC.

คอมเมนต์ให้กำลังใจได้นะครับบ