เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!
แฟนตาซี,รัก,slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!
ผู้แต่ง
Meyanee173
เรื่องย่อ
สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม
.
.
นั่งป้อนข้าวแมวจรบนฟุตบาทอยู่ดีๆ จู่ๆก็โดนมอเตอร์ไซค์เสยจนตุยคาที่ ไอบ้าเอ๊ย ชีวิตดีๆในประเทศT ถ้าได้เกิดใหม่ขอให้อยู่ในที่ที่เจริญๆหน่อยเถอะ
"นั่นคือสิ่งที่เธอคิดก่อนตายไม่ใช่หรือไง ถ้าตามแต้มบุญก็ทำให้ได้อยู่หรอกนะ แต่พรข้ออื่นที่ขอมาตามหลังน่ะคงไม่ได้หรอก"
พอได้ฟังคำพูดของพระเจ้าแล้วหญิงสาวก็ได้แต่ทำท่าหมดอาลัยตายอยาก นี่แต้มบุญของเธอมันมีเท่าไหร่กันแน่เนี่ย พระเจ้าก็ขี้งกไม่แถมพรให้หน่อยเลย เศร้าน้ำตาจิไหล
ตัดพ้อไม่ทันไรก็โดนพระเจ้าดีดนิ้วให้ไปเกิดใหม่ซะแล้ว… เอวัง
.
.
.
สวัสดีค่าทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายฟีลกู๊ดสุดคิ้วทึค่ะ! ครั้งนี้ไรท์มาแปลกกว่าทุกครั้งเลยเพราะตัวเอกของเรื่องนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือเหล่าน้องเหมียวสุดน่ารักยังไงล่ะคะะ เรื่องราวของสตรีมเมอร์สาวสวยที่มีแมวในครอบครองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมแต่ละตัวก็น่ารักน่าชังจนตกผู้ชมเป็นทาสได้ไปตามๆกันจะดำเนินไปอย่างไร กดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือกันไว้ได้เลยค่ะ!
เรื่องนี้มีพระเอกนะคะ แต่พระเอกค่าตัวแพงมาก(ฮา) แต่ถ้าผู้ชมสมทบทุนค่าตัวพระเอกเยอะก็อาจจะคิดอีกที--แค่กๆ
พูดคุยกันได้ที่
#หม่าวเมี๊ยวแมวประเสริฐ หรือแท็กที่
Twitter ของไรท์ ก็ได้ค่า(จิ้มที่คำได้เลยมันจะลิ้งไปที่ทวิตค่ะ)😸🫶🏻
"ก่อนหน้านี้คุณเชอร์เบลไม่รู้จักพี่วิลเลียมจริงๆ เหรอครับเนี่ย"
ความกังขาของชายหนุ่มผมสีไข่ไก่เผยออกมาในเสียงอย่างไม่ปิดบังในห้องอาหารส่วนตัวแห่งนี้ ที่เธอได้มานั่งกับเขาสองคนก็เพราะว่าวิลเลียมติดถ่ายภาพยนตร์เลทกว่าตาราง เขาจึงให้น้องชายผู้จัดการมาหาก่อนที่ตัวเองจะตามมาทีหลัง แต่คุยไปคุยมาความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะความประหม่าไปซะอย่างนั้น โดยเฉพาะกับเรื่องไอดอลที่เคฟนับถือสุดใจคนนี้
"ถึงฉันจะบอกไปแล้วหลายรอบว่าไม่รู้จักก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะคะว่าไม่เคยรู้จักจริงๆ น่ะ"
"เอ๋??"
เมื่อได้ยินหญิงสาวเอ่ยด้วยท่าทางหนักใจ ชายหนุ่มจึงร้องออกมาด้วยความงงงวย
"ทำไมเหรอครับ?"
เคฟยื่นหน้าเข้ามานิดๆ และถามด้วยความอยากรู้อย่างบริสุทธิ์ใจ เมื่อมองแววตาใสๆ ของอีกฝ่ายแล้วเชอร์เบลจึงจะบอกเรื่องจริงแบบอ้อมๆ ออกไป เพราะจะให้บอกตรงๆ ว่าตายแล้วเกิดใหม่มาเลยไม่รู้จักก็ไม่ได้หรอกนะ ถึงจะค้นหาในความทรงจำเลือนรางของเชอร์เบลคนเก่าแล้วจะไม่มีภาพคุณวิลเลียมโผล่ขึ้นมาก็เถอะ บางทีเธออาจจะแค่เห็นผ่านๆ ไม่ได้ติ่งก็ได้มั้ง
แต่ก่อนจะพูดอะไรก็มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับเขกหัวชายหนุ่มดังโป๊ก เคฟหันขวับไปตัดพ้อกับคนคนนั้นทันที ก็คือวิลเลียมนั่นเอง
"ไม่ต้องมาทำหน้าเหยเก ใครใช้ให้เสียมารยาทถามเรื่องส่วนตัวคนอื่น"
"ผมต้องขอโทษแทนเคฟที่เซ้าซี้คุณด้วยนะครับ"
วิลเลียมก้มหัวนิดๆ พร้อมกับกดหัวน้องชายตัวเองให้ก้มตามไปด้วย ทำเอาเชอร์เบลต้องรีบโบกมือไปมาและเชิญเขาให้นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม
"ไม่เป็นไรเลยค่ะ เป็นฉันที่ต้องขอโทษมากกว่า ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำชวนเซเลบริตี้มาทานข้าวซะแล้ว"
เธอพูดติดตลก ทำให้ชายหนุ่มยกยิ้มนิดๆ แต่ก่อนที่เขาจะได้เปลี่ยนเรื่อง เชอร์เบลก็พูดออกมาก่อน เพื่อที่จะได้จบกับเรื่องนี้ไปไม่ต้องให้ใครแอบสงสัยในใจอีก
"ส่วนเรื่องที่พูดเมื่อกี๊นี้ พอดีก่อนหน้านี้มีเหตุให้ฉันความจำเสื่อมน่ะค่ะ ไปเจออะไรคุ้นๆ ถึงจะจำได้บ้าง ก็เลยบอกว่าอาจจะไม่ได้ไม่รู้จักคุณจริงๆ น่ะค่ะ"
เชอร์เบลพูดเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงสบายๆ เหมือนแค่บอกเล่าเรื่องของคนอื่น แต่ก็เป็นความจริงนั่นแหล่ะที่ความทรงจำของร่างเก่านี่เลือนรางเหลือเกิน ต้องจับต้องทำถึงจะนึกขึ้นมาได้ ทางด้านเคฟที่เป็นคนเริ่มเรื่องก็หน้าเสียดูซีดลงนิดๆ ส่วนวิลเลียมก็ดูเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย เธอจึงยิ้มให้อย่างสว่างไสว ในใจก็รู้สึกนุ่มฟูนิดๆ 'คุณเขาอ่อนโยนจังเลยนะ อินง่ายและใจดีแบบนี้ถึงได้มีแฟนคลับติดตรึมสิน้า~'
"ไม่ต้องคิดมากนะคะ มาๆ หิวแล้ว ทานข้าวกันค่ะ ฉันเลี้ยงพวกคุณทั้งสองคนเลยนะคะ"
มือเล็กหยิบสมุดเมนูอาหารส่งให้ทั้งสองคนและตบอกตัวเองเบาๆ เป็นการยืนยันว่าจะจ่าย รบกวนเขาพาไปโรงพยาบาลสัตว์แถมยังขอนัดตามเวลาตัวเองทำให้เขาไม่ได้พักผ่อนอีก ไม่จ่ายเองนี่ก็จะเป็นคนไร้สำนึกเกินไปหน่อย
นัยน์ตาคมปลาบสองสีเหลือบมาสบกับน้องชายที่ท่าทางหงอยลงอย่างดุๆ ในระหว่างที่หญิงสาวกำลังเปิดเลือกเมนูอาหารอย่างอารมณ์ดี
แต่หลังจากนั้นก็มีการคุยสัพเพเหระกันเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศเป็นกันเองและผ่อนคลายมากขึ้น ได้อัปเดตอาการว่าแม่แมวปลอดภัยดีแล้วและมีคนติดต่อรับเลี้ยงต่อเรียบร้อย ส่วนลูกๆ ของมันทั้งสามตัวยังอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลต่อไปจนกว่าจะมีคนมารับเลี้ยงเมื่อโตพอจะแยกบ้านได้ เรื่องนี้ทำให้วิลเลียมโล่งใจ เพราะถึงจะมีการจัดการที่ค่อนข้างดีและมีการฝังชิปขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง แต่บางทีก็มีหลุดไปผสมกันเองแล้วไม่ขึ้นทะเบียน ไม่รวมพวกทำผิดกฏหมายต่างๆ อีกที่ทำให้ยังมีสัตว์จรอยู่เรื่อยๆ และบางตัวก็ไม่ได้โชคดีที่มีคนช่วยไว้ได้ทันแบบนี้
และขั้นตอนการคิดเงินก็มาถึงในที่สุด ต่างฝ่ายต่างบอกว่าตนเองจะเป็นคนจ่ายค่าอาหาร ทำให้ตกลงกันไม่ได้เสียที
"แค่ผมคนเดียวก็เยอะแล้ว ยังมีเจ้าเคฟที่กินจุอีก ไม่กล้าเปลืองเงินคุณขนาดนั้นหรอกครับ"
"ได้ยังไงล่ะคะ ฉันบอกเองนะว่าจะเลี้ยงก็ต้องรักษาคำพูดสิคะ ฉันเองก็คะยั้นคะยอให้พวกคุณกินเองนี่นา"
"ผมโตกว่าคุณตั้งเยอะจะให้จ่ายเงินให้ได้ยังไงกันครับ"
"ฉันยี่สิบสองปีแล้วนะคะ บรรลุนิติภาวะแถมยังมีงานทำแล้วด้วย"
"ปีนี้ผมอายุหนึ่งร้อยนะครับคุณ แถมเคฟถึงจะดูเด็กแต่เจ้านี่ก็สามสิบห้าแล้วนะครับ"
แล้วการเถียงเล็กๆ นี้ก็ดำเนินต่อไปอีกพักหนึ่ง จนในที่สุดก็ได้ข้อตกลงว่าจะหารกัน แน่นอนว่าเชอร์เบลเป็นคนจ่ายก่อนเพราะดูออกว่าถ้าให้อีกฝ่ายจ่ายแล้วจะไม่ยอมให้เธอได้หารแน่ๆ หลังจากนั้นจึงแอดไอดีสตาร์ชิปกันไปเพื่อให้โอนเงินหากันได้ และเชอร์เบลก็รับปากกับผู้จัดการคนเก่งว่าจะไม่ปากพล่อยเล่าเรื่องนี้กับใครที่ไหน แล้วก็จะไม่ทักไปรบกวนแน่นอน
"เชิญครับ"
วิลเลียมเปิดประตูรถอีกคันที่ไม่ใช่คันเดิมกับเมื่อวาน ดูเหมือนจะเปลี่ยนรถเพื่อไม่ให้ถูกจำได้สินะเนี่ย เชอร์เบลคิด แต่เมื่อถูกสายตาคู่นั้นมองและเห็นมือที่ผายเข้ารถก็ชี้มือมาทางตัวเองอย่างงุนงง
"ฉันเหรอคะ?"
"ใช่ครับ ไปส่งคุณไง จะได้ไม่เสียค่าขนส่งดวงดาว"
วิลเลียมตอบพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยน แต่ก่อนที่เธอจะได้ปฏิเสธวิลเลียมก็เหมือนรู้แกว เอ่ยดักอย่างเกลี้ยกล่อมและกดดันอยู่ในที
"ให้ไปส่งเถอะครับ ถือว่าให้ผมตอบแทนที่คุณซักน้องมาซะหอมฉุยก็ได้"
เมื่อถูกกดดันด้วยรอยยิ้มขี้โกงเชอร์เบลก็ยอมเข้าไปในรถอย่างช่วยไม่ได้ ถึงรถจะเบาะนิ่มมากและหอมสุดๆ แต่เธอก็เกร็งระหว่างนั่งรถจนแทบจะเป็นตะคริว ใครจะรู้ว่ารถที่คล้ายกับขนส่งดวงดาวแถมเบาะยังนิ่มขนาดนี้จะราคาเท่าไหร่ เพราะแค่ราคาเสื้อกันหนาวที่เธอเสิร์จมาเมื่อวานยังทำให้ลมแทบจับกันเลยทีเดียว
'โดนสวมเสื้อกันหนาวให้ ได้นั่งกินข้าว คุย นั่งรถกับดาราอันดับหนึ่งในโลก คนรู้เข้าฉันคงโดนดักตบด้วยความอิจฉาจนตายแน่ๆ'
เชอร์เบลคิดในใจด้วยความสั่นกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ดูเหมือนเรื่องวันนี้จะถูกเก็บเข้ากรุไปตลอดกาลแน่นอน
เมื่อมาถึงบ้านของเธอที่ค่อนข้างอยู่ห่างไกลแล้วเชอร์เบลก็ลงจากรถอย่างเงอะงะ ได้กลับมายืนบนพื้นดินอีกครั้งทำให้หายเกร็งไปเยอะเลย เธอบอกลาด้วยความสดใสมีความสุข
"ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ เห็นคุณเคฟบอกว่าคุณจะมีอีเว้นท์เร็วๆ นี้ ไว้ฉันจะพยายามกดบัตรให้ได้นะคะ!"
เธอโบกมือลาขณะที่หน้าต่างรถค่อยๆ ถูกเลื่อนปิดขึ้นตามเดิมและรถก็ขับออกไปไกล
นี่สินะ การตกคนเป็นแฟนคลับได้ง่ายๆ ของดาราดัง เธอคิดขำๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปฟัดเล่นกับลูกๆ ของตัวเองอย่างคิดถึง จับเด็กแต่งชุดน่ารักฟรุ้งพริ้งแล้วถ่ายวิดีโอลงช่องที่ไม่ได้อัปเดตมาหลายวันอย่างรวดเร็ว
ติ๊ง!
แจ้งเตือนจากสตาร์ชิปดังขึ้นเมื่อเชอร์เบลอัปสตอรี่ของตัวเอง เป็นเพราะพึ่งเพิ่มเพื่อนวิลเลียมจึงยังไม่ได้จัดการการตั้งค่าอะไร ทั้งที่ปกติแล้วคนอื่นนอกจากคนที่สนิทระดับนึงจะถูกปิดเสียงทั้งหมด
ชายหนุ่มกดเข้าไปดูสตอรี่สั้นๆ ที่เต็มไปด้วยเสียงกรุ๊งกริ๊งกับแมวสามตัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เคฟจะเห็นผ่านกระจกมองหลังว่ามุมปากของพี่ชายตนกดลึกอย่างลึกลับและหายไปในเสี้ยววิ พร้อมกับมือที่กดเปลี่ยนแจ้งเตือนของหญิงสาวเป็นระบบสั่นที่เคฟไม่ได้รับรู้
______________________________________
ถ้าติ่งได้มีโมเม้นกับเมนแบบนี้คือตุยนะ แต่นางเอกชั้นก็คือ "นี่สินะวิถีดารา" //ลูบคาง