เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good] - บทที่ 11 งานเกม โดย Meyanee173 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี

รายละเอียด

เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!

ผู้แต่ง

Meyanee173

เรื่องย่อ

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม

.

.

นั่งป้อนข้าวแมวจรบนฟุตบาทอยู่ดีๆ จู่ๆก็โดนมอเตอร์ไซค์เสยจนตุยคาที่ ไอบ้าเอ๊ย ชีวิตดีๆในประเทศT ถ้าได้เกิดใหม่ขอให้อยู่ในที่ที่เจริญๆหน่อยเถอะ

"นั่นคือสิ่งที่เธอคิดก่อนตายไม่ใช่หรือไง ถ้าตามแต้มบุญก็ทำให้ได้อยู่หรอกนะ แต่พรข้ออื่นที่ขอมาตามหลังน่ะคงไม่ได้หรอก"

พอได้ฟังคำพูดของพระเจ้าแล้วหญิงสาวก็ได้แต่ทำท่าหมดอาลัยตายอยาก นี่แต้มบุญของเธอมันมีเท่าไหร่กันแน่เนี่ย พระเจ้าก็ขี้งกไม่แถมพรให้หน่อยเลย เศร้าน้ำตาจิไหล

ตัดพ้อไม่ทันไรก็โดนพระเจ้าดีดนิ้วให้ไปเกิดใหม่ซะแล้ว… เอวัง

.

.

.

สวัสดีค่าทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายฟีลกู๊ดสุดคิ้วทึค่ะ! ครั้งนี้ไรท์มาแปลกกว่าทุกครั้งเลยเพราะตัวเอกของเรื่องนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือเหล่าน้องเหมียวสุดน่ารักยังไงล่ะคะะ เรื่องราวของสตรีมเมอร์สาวสวยที่มีแมวในครอบครองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมแต่ละตัวก็น่ารักน่าชังจนตกผู้ชมเป็นทาสได้ไปตามๆกันจะดำเนินไปอย่างไร กดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือกันไว้ได้เลยค่ะ!

เรื่องนี้มีพระเอกนะคะ แต่พระเอกค่าตัวแพงมาก(ฮา) แต่ถ้าผู้ชมสมทบทุนค่าตัวพระเอกเยอะก็อาจจะคิดอีกที--แค่กๆ



พูดคุยกันได้ที่ #หม่าวเมี๊ยวแมวประเสริฐ หรือแท็กที่ Twitter ของไรท์ ก็ได้ค่า(จิ้มที่คำได้เลยมันจะลิ้งไปที่ทวิตค่ะ)😸🫶🏻

สารบัญ

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 1 เกิดใหม่,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 2 สตรีมครั้งแรก,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 3 พลังวิญญาณสายพิเศษ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 4 เรื่องราวของผ้าขี้ริ้วห่อทอง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 5 ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 6 แมวที่ดี(?),สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 7 ที่ร้านงานฝีมือ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 8 เลี้ยง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 9 กดบัตรอีเว้นท์ใหญ่,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 10 โรงแรม,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 11 งานเกม,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 12 หลง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 13 รุ่นนี้ไม่แถมขามาด้วย,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 14 เจ้าหญิงน้อยของบ้าน,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-แจ้ง การติดเหรียญล่วงหน้า,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 15 เปลี่ยนคอนเทนต์สตรีม,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 16 คริสต์มาส,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 17 สิ้นปี,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 18 งานรับรางวัล,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 19 สำนักงานกลางกองกำลัง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 20 สู่กองทัพ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 21 ช่วย,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 22 คนของเขา,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 23 โอกาส,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 24 ฤดูฝน,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 25 ชอบ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 26 เรื่องในใจ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 27 หัวใจของหุ่นยนต์,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 28 ธีโอดอร์ วินเทอร์

เนื้อหา

บทที่ 11 งานเกม

เช้าวันต่อมาเชอร์เบลก็สะลึมสะลือลุกขึ้นมานั่งด้วยความงัวเงียในขณะที่เสียงปิ๊บๆ แจ้งเตือนฟังก์ชันนาฬิกาปลุกยังดังจากสตาร์ชิปไม่หยุด หญิงสาวหาวออกมาเล็กน้อยขณะที่กดปิดนาฬิกาปลุก จากนั้นก็ลุกออกจากเตียงแสนสบายนั้นอย่างไม่เต็มใจ

'ไม่ว่าจะโลกนี้หรือโลกนู้น เตียงโรงแรมห้าดาวคือเดอะเบสจริงๆ'

เธอบิดขี้เกียจจนกระดูกลั่นกร๊อบ จากนั้นจึงพ่นลมหายใจออกมาทางปากอย่างรู้สึกดี

"ฮ่า~ เหมือนเกิดใหม่อีกรอบเลย"

หลังจากอ้อยอิ่งอยู่สักพักก็ตัดใจลุกไปอาบน้ำแปรงฟันได้ในที่สุด วันนี้เธอสวมเสื้อคอเต่าแขนตุ๊กตายาวจรดข้อมือสีขาวเป็นตัวใน แล้วจึงสวมเดรสสายเดี่ยวสั้นสีดำคอเหลี่ยมเข้ารูปทับไว้ด้านนอก บวกด้วยถุงน่องเนื้อหนากันหนาวที่มีสองชั้น ข้างในเป็นสีเนื้อหนาเนียนกับผิว ส่วนข้างนอกเป็นสีดำบางเหมือนเวลาใส่ถุงน่องปกติ ที่ใส่แบบนี้เพราะที่ดาวอาทิสนี่หนาวกว่าที่ดาวของเธอ ยิ่งไปอยู่ในฮอลที่เปิดเครื่องปรับอากาศแรงๆ ด้วยแล้วคงรู้สึกหนาวโดยไม่ต้องสงสัย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเธอก็อยากแต่งตัวสวยโดยไม่ห่อตัวด้วยเสื้อกันหนาวหนาๆ แบบนั้นอยู่ดี ก็เลยได้ลุคออกมาประมาณนี้

"ไอ้หยา แต่งตัวแบบนี้มินิมอลมินิใจสุดๆ ไปเลย"

ใช่แล้ว สไตล์มินิมอลของประเทศเคที่เป็นนิยมสุดๆ ในโลกก่อนของเธอไงล่ะ แต่ตอนนั้นเธอใส่แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะประเทศทีน่ะร้อนตับแลบ ขืนใส่แบบนี้ออกนอกบ้านก็สุกพร้อมกินเป็นไก่ย่างพอดี

หลังสำรวจสภาพตัวเองจนพอใจก็นำรองเท้าผ้าใบสีขาวล้วนทรงเรียวมาใส่ก่อนจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องไป รู้สึกถึงสายตาที่คนมองมาเล็กน้อยแต่เธอก็ไม่ได้สนใจมาก แค่คิดในใจอย่างขำๆ ว่าเพราะแต่งตัวเป็นสีหมีแพนด้ารึเปล่าคนถึงมอง ไม่ได้รู้เลยว่านี่ไม่ใช่สไตล์ปกติที่คนยุคนี้เขาใส่กันทั่วไป

เมื่อถึงที่หมายเธอก็เดินเข้าไปในตึกสูงอันอลังการนั้น มองไปเห็นผู้คนมากมายกำลังเดินขวักไขว่ในชุดสีสันสดใสและสีผมสุดจี๊ดสมกับเป็นเมืองหลวงของดาวแห่งอิสระและศิลปะอย่างแท้จริง ทำเอาเชอร์เบลรู้สึกแต่งตัวเบาเกินไปมากเลยทีเดียว

แต่แล้วด้วยจำนวนคนที่มากทำให้เกิดการจราจรติดขัดขึ้นจนได้ เพราะจู่ๆ ขณะที่เธอกำลังเซลฟี่ตัวเองอย่างสนุกสนาน ก็มีคนชี้ไม้ชี้มือตะโกนว่าทีมESGเข้ามาในฮอลแล้ว จึงทำให้ทุกคนวุ่นวายหันไปมองตามว่าเป็นจริงหรือไม่

เมื่อเธอเขย่งดูก็เห็นชายหนุ่มจำนวนห้าคนในเสื้อแจ็กเก็ตแบบเดียวกันที่น่าจะเป็นเสื้อทีมกำลังเดินเรียงกันมา โดยที่ถูกล้อมรอบไปด้วยบอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งและผู้คนที่ถูกพวกเขากันเอาไว้อีกทีหนึ่ง เธอยกแผ่นใสขึ้นเพื่อถ่ายรูปเช่นเดียวกับคนอื่นๆ และก็ได้รูปมาสมใจ โดยเฉพาะรูปของกัปตันทีมที่เดินมาท้ายสุดอย่างเอสเทอร์ ที่มองตรงมายังกล้องของเธอเหมือนเวลาพวกบ้านเบสศิลปินถ่ายรูปในโลกเก่าของเธอเลยล่ะ

ไม่กี่อึดใจทั้งห้าคนก็เดินเข้าไปในทางเข้าเจ้าหน้าที่จนหมด กลุ่มคนที่เบียดเสียดกันจึงค่อยๆ คลายตัวลง แล้วจึงเริ่มต่อแถวเข้าฮอลกันเป็นแถวยาวพร้อมกับเสียงพูดคุยจ้อกแจ้กอย่างตื่นเต้น

เธอต่อแถวยาวเหยียดนั้นสักพักจนมาถึงคิวที่จะได้เข้าเสียที เธอนำบัตรออกมาให้พนักงานฉีกส่วนนึงออกแล้วให้เธอเก็บส่วนที่เหลือเอาไว้ จากนั้นจึงเดินลงไปตามทางที่เขาบอกทางเอาไว้ จนกระทั่งถึงหมายเลขที่นั่งของตน รู้สึกเหมือนตอนเดินเข้าโรงหนังที่โลกก่อนเลย เพียงแต่ใหญ่กว่ามากๆ และมีเวทีเหมือนเวทีคอนเสิร์ตที่อลังการสุดๆ ด้วย

ไม่นานนักงานก็เริ่มขึ้น จอแก้วขนาดใหญ่ฉายโฆษณาเปิดตัวเกมที่ดูแล้วโพรดักชันใหญ่มาก อีกทั้งได้เห็นว่าการเล่นเกมในยุคนี้คือการเชื่อมจิตเข้าสู่โลกเสมือนจริงของเกมราวกับไปอีกโลกหนึ่งเลย และแต่ละเกมก็ใช้พลังวิญญาณมากน้อยต่างกันแล้วแต่ประเภทของเกม แต่เกมที่ใช้พลังวิญญาณมากที่สุดคือเกมแนวFPS เนื่องจากเป็นการควบคุมตัวละครให้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วทั้งบุกโจมตีและหลบหนี ปลุกสัญชาตญาณการเอาตัวรอดและทักษะการคาดเดาการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามขึ้นมาถึงขีดสุด และยังต้องควบคุมการยิงปืนที่สมจริงสุดๆ ด้วยแรงสะท้อนปืนที่ต่างกันตามชนิดปืน ดังนั้นนักกีฬาอีสปอร์ตเกมสายนี้จึงเป็นผู้มีพลังวิญญาณสายควบคุมระดับสูงกันทั้งนั้น และแต่ละคนก็ค่อนข้างแข็งแรงมากๆ เพราะในเกมถึงจะมีสกิลของแต่ละตัวละคร แต่ก็ได้รับผลกระทบจากทักษะจริงๆ ของผู้เล่นจากการควบคุมตัวละครนั่นเอง

ทั้งสองทีมแนะนำตัวและทักทายผู้ชมก่อนจะสวมหมวกเล่นเกมขนาดใหญ่ที่ครอบดวงตาไปจนหมด ก่อนจะเอนกายลงบนเก้าอี้ที่ถูกปรับให้เอนนอนมากกว่านั่งแบบปกติ เหมือนเตียงทำฟันอย่างไรอย่างนั้นเลย จากนั้นจอตรงกลางก็ถูกฉายขึ้นเป็นสองฝั่ง ทั้งทีมESG และทีมBK ที่ออกตัวจากฝั่งตรงข้ามกัน ฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายป้องกันด้วยการต้องป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายติดระเบิดหรือถอนระเบิดถ้าพลาด ส่วนอีกฝ่ายจะต้องฆ่าอีกฝ่ายให้หมดหรือติดระเบิดและป้องกันมันไว้จนมันระเบิดได้สำเร็จก็จะชนะ เชอร์เบลมองด้วยดวงตาเป็นประกายอย่างสนอกสนใจ เหมือนได้เห็นเกมลาโวแน้นจากโลกเก่าของเธอมาเป็นเวอร์ชั่นสมจริงและท่าทางหลากหลายมากขึ้นเยอะเลย

เพียงเริ่มเกมมาทีมESGก็ได้เปรียบอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความคล่องตัวของทั้งทีม การออกคำสั่งของกัปตันอย่างเอสเทอร์ และที่ขาดไม่ได้คือเขาคาดเดาศัตรูได้ราวกับพยาธิในลำไส้อีกฝ่าย อีกทั้งยังควบคุมทิศทางปืนได้สุดจะคมอย่างกับนำไม้บรรทัดมาทาบจอเล่น สมกับเป็นผู้มีพลังวิญญาณสายควบคุมระดับ S ที่สูงที่สุดในวงการเกมเมอร์

แต่ผ่านไปสักพักที่ทุกคนเริ่มเหนื่อยล้าแต้มก็เริ่มกลับมาสูสีกัน ทีมBlashkill ก็ใช้ระเบิดมือขว้างเก่งสมชื่อทีม โดยเฉพาะเมื่อการตอบสนองของอีกฝ่ายเริ่มช้าลงก็ยิ่งเพิ่มโอกาสสำเร็จเข้าไปอีก ยิ่งกับทีมที่เห็นกันมาเป็นคู่แข่งอันดับหนึ่งและสองมาหลายปี จึงเดาทิศทางการหลบหนีได้ในระดับนึงอยู่แล้ว

แต่สุดท้ายทีมอันดับหนึ่งก็ยังเป็นที่หนึ่งสมชื่อ ด้วยแผนสุดเสี่ยงจากคุณกัปตันทีมที่แอบติดอุปกรณ์แสกนเห็นตำแหน่งของอีกฝ่าย เมื่อทีมBKขว้างระเบิดมือมาแทนที่จะหนีกลับรีบรับไว้แล้ววิ่งเข้าไปให้ตายไปด้วยกัน เมื่ออีกฝ่ายตกตะลึงด้วยความคาดไม่ถึงก็ใช้ผู้เล่นสายพิษอีกคนรีบลงมือ ร่วมกับผู้เล่นที่หยิบสไนเปอร์มาจากศพของฝ่ายตรงข้ามมายิงหัววันช็อตวันคิลจนชนะแต้มสุดท้ายมาได้ในที่สุด

เมื่อเกมจบลงจอฝั่งทีมESGก็ปรากฏคำว่า Victory มาด้วยอักษรสีทองงดงาม ส่วนทางด้านทีมBKก็มีคำว่า Defeated สีแดงปรากฏขึ้นมาเช่นกัน ทั้งสองทีมจัดการกดออกจากเกมและพากันถอดหมวกเล่นเกมออก ด้วยการแข่งปกติจะแข่งทั้งหมดสามรอบแต่มาอีเว้นท์นี้แข่งแค่รอบเดียวดังนั้นสภาพทุกคนจึงยังดูดีอยู่มาก แต่กระนั้นถึงจะดีกว่าปกติแต่ทางด้านเอสเทอร์ที่ 'ไม่ปกติ' ก็มีเหงื่อผุดตามไรผมและแถบล่างดวงตาที่ติดกับหมวกเกม ลูกทีมทั้งสี่คนมองกัปตันที่รู้อาการป่วยของเขาดีก็มองมาอย่างเป็นห่วง หากว่าเอสเทอร์ดูแย่ลงละก็จะเข้าไปช่วยพยุงเหมือนทุกครั้ง แต่ที่ยังรั้งรอเพราะครั้งนี้ก่อนเข้างานเอสเทอร์เป็นคนขอเอาไว้เองว่ายังไม่ต้องเข้ามาช่วย

ทางด้านแฟนคลับที่รู้อาการของเขาดีเหมือนกันก็เป็นห่วงเช่นเดียวกับลูกทีมทีมESG ทั้งยังบ่นพึมพำออกมาด้วยเสียงกังวลปนสงสัย

"ทำไมสี่คนนั้นยังไม่เข้าไปหาเอสอีก ปกติต้องเข้าไปช่วยถอดอุปกรณ์กับพยุงขึ้นมาให้สัมภาษณ์สิ"

เชอร์เบลหันไปมองคนที่พูดที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอนี่เอง เธอมองแวงตาที่เป็นกังวลนั้นแล้วก็กังวลขึ้นมาด้วยเหมือนกัน จึงถามด้วยเสียงกระซิบ

"คือว่าเขาป่วยหรือว่าเป็นอะไรหรือเปล่าคะ"

หญิงสาวที่ดูมีอายุนิดๆ แต่ยังสวยสะพรั่งอยู่หันมาด้วยความงงงวยที่โดนสะกิด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสายตาอ่อนโยนและอธิบายอย่างกระชับให้เธอฟัง

"อ้อ พอดีเอสเขามีพลังวิญญาณเกินตัวตั้งแต่เกิดน่ะจ้ะ ปกติจะเจ็บมากต้องกินยาแก้ปวดประจำ แต่พอใช้เล่นเกมไปหายเจ็บจริงแต่เขาก็จะหมดแรงแบบนี้แหล่ะจ้ะ"

เชอร์เบลที่ได้ฟังดังนั้นก็มีสีหน้ากังวลขึ้นกว่าเดิม ไม่คิดเลยว่าคนหนุ่มที่ดูสุภาพและนิสัยน่ารักคนนั้นจะมีอาการป่วยร้ายแรงเช่นนี้แต่เกิด ไม่รู้ว่าแต่ละวันต้องอดทนมากเท่าไหร่หากยาแก้ปวดหมดฤทธิ์ขึ้นมากลางคัน เธอกล่าวขอบคุณหญิงสาววัยกลางคนเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปมองขึ้นไปบนเวที เห็นเขายันตัวเองขึ้นมายืนช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย

ชายหนุ่มกวาดตามองที่นั่งของเหล่าแฟนคลับด้านล่างเวทีเพียงเสี้ยววิก็เจอเธอคนนั้นที่เขาชอบ เพราะเขาเห็นจากคลิปในช่องหม่าวเมี๊ยวแล้วว่าเธอได้ที่นั่งตรงกลาง ซึ่งบังเอิญอย่างเหลือเชื่อที่ติดกับที่นั่งที่ครอบครัวของเขานั่ง เขาพยักหน้าตอบรับให้แม่ที่โบกมือเบาๆ มาให้อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปสบกับหญิงสาวในชุดขาวดำที่เด่นสะดุดตามากกว่าชุดสีแสบตาพวกนั้นมากนัก เธอมีแววตาที่กังวล น่าจะเพราะเธอได้รับรู้อาการของเขาแล้ว ไม่แปลกใจเลยว่าคนจิตใจดีอย่างเชอร์เบลจะต้องรู้สึกกังวลไปด้วยอย่างง่ายดาย

แต่เพียงแค่สบตากันเท่านั้น เหมือนเวลาถูกหยุดไปในทันใด เหมือนเขาถูกมองทะลุจากดวงตาเข้าไปสู่ที่กักเก็บพลังวิญญาณภายในอก มันเต้นตุบขึ้นมาเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจ ก่อนที่พลังวิญญาณจะหลั่งไหลกลับเข้ามาหาเขาทีละระลอกๆ จนเต็ม แต่ครั้งนี้เขารู้สึกเต็มเปี่ยมและไม่มีความเจ็บจี๊ดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้รู้สึกเหมือนพื้นที่กักเก็บนั้นจะระเบิดออกมาอีกต่อไปแล้ว

เอสเทอร์ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้เมื่อสิ่งที่เขามั่นใจก่อนหน้านี้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขาถอนสายตาออกจากอีกฝ่ายก่อนจะถูกใครสงสัยเข้า ก่อนจะปาดเหงื่อที่เกาะบนจมูกออกและยืนได้อย่างมั่นคง ไม่สนใจสายตาแสดงความตกตะลึงของลูกทีมทั้งสี่และครอบครัวที่มองมา

หญิงวัยกลางคนในชุดเดรสแนวสูทสีแดงไวน์หันไปมองเชอร์เบลอย่างพิจารณาจนเธอรู้สึกได้ว่ามีคนมอง แต่เมื่อหันไปมองด้วยสายตาสงสัยพร้อมกับเอียงคอน้อยๆ อย่างไม่รู้ตัว กลับได้รอยยิ้มที่บอกว่าไม่มีอะไรกับสายตาเอ็นดูกลับมาเสียอย่างนั้น

หลังจากการสัมภาษณ์ทั่วไปจบลงทั้งสองทีมก็ลงจากเวที พิธีกรเชิญแขกรับเชิญคนต่อไปขึ้นมานั่นก็คือวิลเลียมนั่นเอง เรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มจากแฟนคลับทั้งหมดด้านล่างเวทีได้อย่างดี จนเมื่อวิลเลียมกวาดตามองแล้วยกยิ้มพร้อมกับทำท่าชู่วด้วยเอานิ้วชี้แตะปากถึงได้พากันเงียบจนสามารถได้ยินเข็มตกได้เลย

แต่ถึงอย่างนั้นพอเขาเอามือลงและพูดว่าดีมากใส่ไมค์ก็ยังมีเสียงกรี๊ดเบาๆ ลอดออกมาอยู่ดีอย่างอดรนทนไม่ได้ เรียกการหัวเราะเบาๆ อย่างเอ็นดูแฟนคลับจากดาราที่ดังที่สุดในหมู่มนุษย์ได้ ทำให้สาวๆ ด้านล่างพากันหลงไหลไปกับรอยยิ้มสุดหล่อและดวงตาสองสีที่ทรงเสน่ห์นั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

เขาพูดถึงเกมที่ได้รับเกียรติให้เป็นพรีเซนเตอร์อย่างลื่นไหล ผ่านช่วงสคริปต์มาได้อย่างง่ายดายก่อนที่จะถึงช่วงสุ่มผู้โชคดีทั้งหมดห้าคน เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดตื่นเต้นจากผู้ชมอีกครั้งเมื่อรู้ว่าทุกที่นั่งมีโอกาสได้รับการสุ่มเลือกเท่าๆ กันโดยไม่แบ่งแยกราคา เขาสุ่มคนขึ้นมาด้วยตัวเองจากฉลากในกล่องใสที่เต็มไปด้วยกระดาษพับ จากนั้นก็เชิญผู้โชคดีขึ้นมาสัมภาษณ์และเล่นเกมด้วยกันในโหมดฝึกฝนตัวต่อตัวเป็นเวลาหนึ่งเกม

เมื่อมาถึงการสุ่มครั้งสุดท้ายก็เรียกเสียงโอดครวญจากแฟนคลับได้ยกใหญ่ บางคนถึงขั้นบนบานศาลกล่าวเหมือนในยุคห้าพันปีที่แล้วกับดวงดาวบนท้องฟ้า ส่วนบางคนก็ปลงตกว่าวันนี้ไม่มีทางสุ่มโดนตนแน่นอน

ซึ่งเชอร์เบลไม่อยู่ในสองจำพวกนั้น เธอนั่งลุ้นว่าใครจะได้ขึ้นไปเป็นผู้โชคดี และเธอก็ยินดีกับทุกคนที่ได้ขึ้นไปจากใจจริง เพราะเธอเองก็ได้เห็นฝีมือคนธรรมดาที่เล่นเกมเก่งบ้างไม่เก่งบ้างอย่างสนุกสนาน แน่นอนเธอก็ยังรอดูคู่สุดท้ายอยู่ว่าใครจะได้ขึ้นไป

"ขอแสดงความยินดีกับ ที่นั่ง A24996 ครับ!!!"

พิธีกรประกาศด้วยเสียงอันดังหลังจากได้รับกระดาษมาจากวิลเลียม เชอร์เบลสะดุ้งเมื่อจำได้ว่าเป็นที่นั่งของตนเอง เธอหันไปมาอย่างต้องการความช่วยเหลือแต่ทุกคนกลับมองมาเฉยๆ แม้จะมีคนส่งเสียงอิจฉาแต่ก็ยินดีกับผู้โชคดีกันทั้งนั้น และพิธีกรก็เร่งให้เธอยืนขึ้นและเดินขึ้นมาบนเวทีไม่หยุด

ซวยแล้ว เธอคิด เชอร์เบลคนก่อนไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความทรงจำที่เคยแตะเครื่องเกมนี่เลย ส่วนเธอเอง ในโลกก่อนก็ไม่เคยเล่นเกมกับเขา แค่ดูที่สตรีมเมอร์สายเกมเล่นให้ดูเท่านั้นเอง เธอสบตากับวิลเลียมที่ยืนนิ่งและยิ้มอย่างดูไม่ออก ก่อนจะยิ้มแห้งๆ ขณะเดินขึ้นไปบนเวทีท่ามกลางสายตาประชาชีที่จับจ้องมาเป็นจุดเดียว แสงไฟสปอตไลต์ส่องมาที่เธอจนประหม่า ขณะที่พิธีกรเริ่มสัมภาษณ์และยื่นไมค์อีกอันมาให้

"สวัสดีครับคุณผู้โชคดีคนสวย สอบถามหน่อยครับว่าคุณชื่ออะไรครับ"

"อ่า สวัสดีค่ะ ชื่อเชอร์เบลค่ะ"

พิธีกรพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะถามคำถามต่อมา

"โอ้ คุณเชอร์เบลสินะครับ แล้วคุณรู้สึกยังไงกับการถูกสุ่มขึ้นมาเป็นผู้โชคดีครับ"

เชอร์เบลถูนิ้วอย่างประหม่าเล็กน้อย แต่ก็พยายามตอบให้รู้เรื่อง คิดซะว่านี่คือสัมภาษณ์ระหว่างครูกับนักเรียนหน้าห้องเรียนเหมือนตอนแนะนำตัวเพื่อนใหม่แล้วกัน เธอคิด

"ก็…ตื่นเต้นค่ะ ฉันไม่เคยเล่นเกมมาก่อนเลย น่าจะเล่นได้แย่มากแน่ๆ ค่ะฮะๆ"

"ไม่เป็นไรเลยครับ ที่สำคัญที่สุดคือความสนุกนั่นเอง! ว่าแต่คุณเชอร์เบลมางานนี้แถมยังนั่งแถวหน้าสุดเนี่ย เป็นแฟนคลับของใครเอ่ย~"

พิธีกรปลอบใจเธออย่างน่ารัก แต่เชอร์เบลก็กลับความคิดในไม่กี่วินาทีต่อมาด้วยคำถามสุดจะวัดใจ แต่เพราะวิลเลียมมองอยู่ และเอสเทอร์กับทีมก็อยู่ในงาน จะโกหกว่าเป็นแฟนคลับใครคนใดคนหนึ่งก็ไม่ได้

"แหะๆ คือว่าฉันไม่ได้เป็นแฟนคลับของใครเลยค่ะ…"

"โหแล้วอย่างนั้นอะไรดลใจทำให้รีบกดบัตรแถวหน้าสุดมาครับเนี่ย"

พิธีกรถามอย่างตื่นตะลึง แทบไม่เชื่อว่าหญิงสาวไม่ได้เป็นแฟนคลับของใครเลย เชอร์เบลจึงจะตอบเหตุผลครอบจักรวาลอย่างการมาเปิดหูเปิดตา แต่ก็กลัว่าจะถามต่ออีก จึงเติมดราม่าลงไปเล็กน้อยด้วย

"พอดีฉันพึ่งหายดีจากการป่วยน่ะค่ะ ก็เลยอยากมาเปิดหูเปิดตาสักหน่อย"

เธอตอบขณะที่สบตาวิลเลียมอย่างตัดพ้อแวบหนึ่ง อุตส่าห์บอกว่าความจำเสื่อมไปตอนนั้นทำไมเขาไม่ช่วยกันสักนิดเลยเนี่ย เธอคิดขณะกลับมายิ้มให้พิธีกรอย่างซื่อๆ

ทางด้านวิลเลียมที่ถูกมองแบบนั้นก็รู้ว่าเธอรู้สึกลำบากใจที่จะถูกสัมภาษณ์ต่อ จึงจ้องพิธีกรคนนั้นจนเขารู้สึกตัวและรีบกุลีกุจอพาหญิงสาวไปแนะนำเครื่องเกม โดยไม่รู้เลยว่าพิธีกรคนนั้นคิดในใจอย่างเพ้อเจ้อว่าวิลเลียมรู้จักเธอคนนี้ และกำลังปกป้องเชอร์เบลที่มีความลับอยู่ ตามประสาคนที่ชอบและผ่านการอ่านนิยายรักหวานแหววมามาก

เชอร์เบลถูกนำมาที่เตียงทำฟัน(?)ก็นั่งลงกำลังจะเอนตัวพิงอย่างไม่คิดอะไร แต่กลับถูกคลุมด้วยเสื้อสูทสีดำตัวใหญ่จากวิลเลียมตั้งแต่เอวจรดหน้าแข้งอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอมองเสื้อก่อนจะขึ้นไปสบตากับวิลเลียมพร้อมกับขอบคุณเบาๆ ตัดสินใจไม่บอกว่านี่ไม่ใช่ขาจริงและถุงน่องนี้หนาจนเป็นกางเกงเลกกิ้งได้แล้วเพราะขี้เกียจอธิบายอะไรมากมาย

เธอเอนกายลงและสวมหมวกเล่นเกม ก่อนจะรู้สึกเหมือนสติค่อยๆ ดับลงและลืมตาขึ้นมาเจอตัวเองในร่างตัวละครเกมแล้ว ซึ่งมันรู้สึกเหมือนจริงแทบจะร้อยละแปดสิบ มีเพียงความเจ็บที่ถูกลดทอนจากความจริงลงเยอะและไม่มีเลือดไหลจากบาดแผลเพื่อไม่ให้กลายเป็นเกมเลือดสาดเกินไป

เธอลองหยิบปืนพกอันเล็กชิ้นหนึ่งขึ้นมายิงก่อนที่จะโดนแรงถีบของมันถีบจนมือสะบัดและเป้าปืนก็สะอาดสิ้นดี ดังนั้นเธอจึงจับๆ หยิบๆ ปืนหลายอันที่รู้สึกควบคุมน้ำหนักมันได้ดีที่สุด ก่อนจะเจอปืนไรเฟิลที่แรงถีบเยอะ แต่ให้ฟีลปืนงานวัดที่เธอเคยเล่นและมันก็มีแรงถีบเช่นกัน เธอถือพาดไหล่ก่อนจะเล็งเผื่อแบบที่เคยเล่นยิงตุ๊กตางานวัด และผลลัพธ์ก็ออกมาตามหวัง

ปั้ง!

แน่นอนไหล่ของเธอถูกถีบแต่ด้วยความเกมจึงไม่รู้สึกเจ็บ และเป้าปืนในครั้งนี้ก็ปรากฏรอยกระสุนอยู่ในเส้นที่สอง อีกนิดก็เกือบจะเข้าไปในวงในสุดแล้ว

"ว้าว! ไหนว่าไม่เคยเล่นไงครับคุณเชอร์เบล เก่งยิ่งกว่าผมที่เล่นมาหลายวันอีกนะครับเนี่ย!"

พิธีกรพูดใส่ไมค์อย่างตื่นเต้น และผู้ชมด้านล่างก็ตกตะลึงเช่นกัน เชอร์เบลตอบว่าลองเล็งเผื่อดูและแค่โชคดีอย่างเขินๆ ไม่ได้บอกว่าเคยเล่นปืนงานวัด เพราะคิดว่ายุคนี้คงไม่มีอะไรแบบนั้นแล้วล่ะนะ ซึ่งก็ถูก เพราะยุคนี้คนที่ใช้ปืนเป็นมีแต่คนที่เล่นเกมกับคนในกองทัพสองประเภทเท่านั้นแหล่ะ แต่เรื่องความเก่ง ก็คงต้องให้แค่พวกนักกีฬาอีสปอร์ตและคนในกองทัพระดับสูงที่มีน้อยทั้งคู่นั่นเอง

เพียงสิบนาทีที่ได้ลองปืน เกมตัวต่อตัวก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว เชอร์เบลเลือกปืนไรเฟิลงานวัดมาหนึ่งกระบอก และปืนพกที่ยิงทีละสองนัดอีกกระบอก อย่างน้อยลูกนึงก็น่าจะโดนบ้างล่ะวะ เธอคิดอย่างหมายมาด

แต่คนที่พึ่งเคยลองเล่นครั้งแรกจะไปสู้กับคนที่เล่นมาสี่เกมติดได้ยังไงกัน สุดท้ายหญิงสาวก็แพ้ไปด้วยคะแนน 13-5 เธอถอดหมวกออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขันกับตัวเองในคลิปรีแคปย้อนหลังที่ซุ่มยิงแต่โผล่ขาโผล่ข้อสอกบ้าง หรือวิ่งบุกอย่างเก้กังบ้าง บางทีก็หลบแบบแปลกๆ จนเธอได้แต่กุมหัวอย่างเขินอาย แต่ตอนที่เล่นนั้นก็ต้องยอมรับว่าสนุกมากจริงๆ และก็ตึงเครียดไม่ใช่น้อย ถึงจะลดเลเวลความเจ็บแต่ก็ไม่ใช่ไม่มีความเจ็บเลยสักนิดนะ รวมๆ แล้วมากกว่าสิบสามนัดที่โดนเพราะบางทีโดนนัดเดียวไม่ตายก็ทำเอาเจ็บเอาเรื่อง นึกถึงตอนโดนฉีดวัคซีนคอตีบบาดทะยักไอกรนเข็มเท่าฝ่ามือแล้วแขนระบมเลยล่ะ แต่อันนี้เป็นระบมนิดๆ ตรงที่ถูกยิงแทน

วิลเลียมเดินมาที่เตียงของเธอแล้วจับเสื้อสูทของเขาไว้ขณะที่วางมือให้เธอได้จับประคองตัวเองขึ้นมายืน ทำเอาแฟนคลับสาวๆ ที่จินตนาการว่าเป็นตัวเองที่อยู่ตรงนี้กรี๊ดกร๊าดกันยกใหญ่ และยิ่งกรี๊ดเสียงดังขึ้นอีกเมื่อเขายกมือมาจัดผมของเธอที่ฟูจากการถอดหมวกเกมออกเล็กน้อย ส่วนคนก่อนหน้าที่เป็นผู้หญิงเขามัดผมเอาไว้แน่น และอีกคนก็ตื่นเต้นอยากดูดีตลอดเวลาต่อหน้าดาราที่ชอบจนจัดการเองเรียบร้อยแล้ว มีแต่เชอร์เบลนี่แหล่ะที่พอวูบอีกทีออกมาจากเกมแล้วยังรู้สึกมึนๆ อยู่นิดหน่อย

อาจจะเพราะเธอไม่เขินวิลเลียมเท่าคนอื่น หรือเพราะเขาคุ้นเคยกับเธอมากกว่าคนอื่นไม่รู้ การพูดคุยในเกมของทั้งสองคนจึงไหลลื่นและเยอะกว่าผู้โชคดีคนอื่นเล็กน้อย รวมถึงที่เขาเดินมาส่งเธอถึงบันไดทางลงเวทีอีกด้วย แต่คนอื่นๆ ก็ไม่ติดใจสงสัยเพราะก่อนหน้านี้เชอร์เบลได้ให้สัมภาษณ์ว่าพึ่งหายป่วย ดังนั้นเหล่าแฟนคลับจึงพากันยกย่องว่าวิลเลียมเป็นคนใจดีเป็นส่วนใหญ่ มีแค่ไม่กี่คนที่เป็นนักจิ้นที่บอกว่าสองคนนี้ดูน่ารักเป็นพิเศษต่อกันเท่านั้นเอง

เชอร์เบลเมื่อได้ลงมานั่งที่ของตนก็ทำตัวไหลพร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งอก

ตัดภาพไปที่อีกด้านหนึ่งในที่พักของแขกรับเชิญ…





___________________________________

ไรท์เวิ่นเว้อมาก งานเกมก็คือไม่จบง่ายๆ ต้องใช้ตัวละครให้คุ้ม!