เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!
แฟนตาซี,รัก,slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
หลังจากจบงานคริสต์มาสแล้วเชอร์เบลก็ได้ของขวัญมาอย่างท่วมท้นจนแทบถือไม่ไหวเลยทีเดียว ไม่รวมกับที่ส่งมาทางไปรษณีย์ที่ถูกฝากไว้ที่รวมพัสดุของเขตสำหรับคนที่ไม่สะดวกบอกที่อยู่กับคนส่งอีกจำนวนมหาศาล จนเชอร์เบลได้แต่อ้าปากค้างกับความร่ำรวยอู้ฟู่ของคนยุคนี้
แต่บางคนที่รู้ที่อยู่ของเธอก็มีส่งของขวัญมาให้ถึงบ้านโดยตรงเช่นกัน เช่น เอสเทอร์ ที่ส่งปลอกคอนิรภัยของแมวปักชื่อลูกๆ ของเธอมาให้สมกับเป็นแฟนคลับช่อง และวิลเลียม ที่อุตส่าห์ส่งบัตรอาบน้ำสปาขนหมาแมวเจ้าดังมาให้ตั้งสิบใบ ทำเอาช็อคกับราคาตอนที่เสิร์ชหาชื่อร้านในสตาร์บอร์ดเลยล่ะ
นอกจากนั้นแล้วก็มีของกระจุกกระจิกอื่นๆ ที่เธอทยอยแกะในไลฟ์กับคนดูคนอื่นๆ แต่แล้วเธอก็เห็นบางอย่างก็สะดุดตาขึ้นมา
"หืม จดหมาย?"
จดหมายซองสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเกือบสองคืบ กระดาษเนื้อเรียบสีครีมไม่มีลาย ประทับตราครั่งสีน้ำเงินนาวีลวดลายเหมือนลมพักสีทองระยิบระยับหรูหรา เหมือนจดหมายในยุคศตวรรษที่ 19 อย่างไรอย่างนั้น ดูเป็นทางการจนเธอสงสัยว่าเป็นของใครส่งมากันหนอ
[•อยากเป็นจอทอง : โดเนทเหรียญทองคำ 10 เหรียญ : เป็นจดหมายเชิญเข้างานประกาศรางวัลประจำปลายปีรึเปล่าครับ]
เชอร์เบลอ่านข้อความที่ถูกโดเนทมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย เธอค่อยๆ แกะตราประทับนั้นอย่างเบามือเพราะไม่อยากให้กระดาษขาด เมื่อเปิดมาก็พบกับการ์ดแข็งๆ สีน้ำเงินนาวีขนาดเท่าซองจดหมาย เขียนด้วยตัวหนังสือสีทองอักขระแบบที่ถ้าไม่มีความทรงจำของเชอร์เบลคนเก่าก็คงอ่านไม่ออก
ใจความบอกว่าเธอได้รับการเสนอชื่อเข้ารับรางวัลสตรีมเมอร์หน้าใหม่ไฟแรงสายสัตว์เลี้ยง ให้เตรียมชุดออกงานและไปเข้าร่วมงานที่ดาวแคปิทัล วันที่ 31 ธันวาคม ที่จะถึงนี้ พร้อมกับนำบัตรเข้างานที่ส่งมาให้พร้อมกันไปด้วยเพื่อยืนยันตัวตนก่อนเข้างาน
หญิงสาวหยิบบัตรสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดครึ่งฝ่ามือขึ้นมาจากในซองจดหมาย มันมีความหนาประมาณครึ่งเซนติเมตรและมีสีดำประกายสีเงินเหมือนดวงดาวที่กำลังเล่นแสงสวยงาม ลายคล้ายเขาวงกตสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้านบนบัตรน่าจะเป็นคิวอาร์โค้ดที่ไว้ใช้แสกนยืนยันตัวตนอย่างที่ในจดหมายบอก เธอจึงเก็บทุกอย่างใส่ซองไว้ก่อนแล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะทำงาน
อ่านคอมเมนท์ดูก็เห็นคนเฝ้ารอภาพเธอใส่ชุดออกงานกันหมด จนเธอสงสัยและค้นหาภาพสไตล์ชุดราตรีของคนยุคนนี้ดูก็แทบจะเป็นลม ชุดพองฟูแบบอู้ฟู่ไม่ก็ชุดที่ระยิบระยับทั้งตัว ส่วนชุดอีกสไตล์ที่ไม่ใหญ่เกะกะก็เปิดตรงนี้เว้าตรงนั้นเซ็กซี่เกินไป ทำให้เชอร์เบลคิดหนักสุดๆ เพราะไม่ใช่ว่ามันไม่สวย แต่แค่มันไม่ใช่แนวที่เธออยากใส่สักแบบเลย
หรือต้องตัดเองแล้วเนี่ย…
ในอดีตเธอเคยเป็นครูคหกรรมวิชาตัดเย็บมาก่อนตอนที่พึ่งเรียนจบเพราะอยากทำอาชีพในฝัน แต่สุดท้ายทำไปได้สองปีก็ทนสังคมภายในกับเงินเดือนที่น้อยจนอยู่ไม่รอดไม่ไหว ลาออกมาไปเป็นพนักงานเงินเดือนบริษัทของเพื่อนแทน ทั้งยังต้องไปอาศัยบ้านเพื่อนเพื่อเก็บหอมรอมริบ จนกระทั่งเก็บได้เงินก้อนเธอจึงลาออกจากทั้งบริษัทและบ้านเพื่อนเพราะเกรงใจ แต่ก่อนจะไปหางานใหม่ก็ตายมาอยู่ในร่างเชอร์เบลนี่แหล่ะ
สู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับของแท้
เชอร์เบลก้มมองมือตัวเอง เธอเคยชอบการดีไซน์เสื้อผ้ามากและชอบสอนเด็กๆ เธอจึงได้เป็นครู แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว แถมไม่รู้ร่างใหม่ที่เป็นลูกคุณหนูนี่จะทำได้คล่องไหมเพราะไม่มีมัสเซิลเมมโมรี่*เลย แถมเวลาก็เหลือน้อยแล้วด้วย อีกแค่หกวันเอง ซึ่งเวลาเดินทางจากที่นี่ไปดาวอาทิสก็ใช้เวลาตั้งเกือบสองวัน ไม่รู้จะทันหรือเปล่า
*มัสเซิลเมมโมรี่ (Muscle Memory) : Muscle Memory เกิดจากการทำซ้ำๆ แล้วจำได้ แบบไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่ทำสิ่งนั้น หรือทำได้อัตโนมัติแบบไม่ต้องหยุดคิด เช่น จับคอร์ดกีตาร์ ขับรถ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือถึงไม่ได้กลับไปทำนานแล้วแต่พอกลับมาทำสิ่งนั้นใหม่ก็จะยังจำได้และทำได้ดี ยิ่งทำซ้ำมากยิ่งคล่องแคล่วมาก
จริงๆ ในตู้เสื้อผ้าของเชอร์เบลคนเก่าก็มีชุดอยู่บ้างเพราะไม่งั้นก่อนหน้านี้เธอจะเอาอะไรใส่ ทั้งความชอบของเธอสองคนก็คล้ายๆ กันอย่างเสื้อผ้าสีอ่อนๆ ความพริ้วๆ และมีระบายน่ารัก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น 80% ของชุดกลับเป็นสายเดี่ยว อีก 10% เป็นเสื้อครอปสั้น ส่วนที่เหลือเป็นเสื้อกันหนาวกับชุดออกงานฟูฟ่องตามสไตล์นิยม ก่อนหน้านี้เธอก็อาศัยการจับคู่เสื้อผ้าเอาเอง จะให้ใส่เดรสสายเดี่ยวเดินไปมาข้างนอกทุกวันมันก็เขินๆ อยู่นะ
เอาวะ ตัดก็ตัดเอง ให้ใส่ชุดผ่าหน้าเว้าหลังประดับมุกเต็มแขนแบบนั้นน่ะ ไม่ไหวหรอก แค่คิดก็เขินจนรู้สึกหน้าร้อนๆ แล้ว
หลังจบสตรีมเธอก็ค้นหาร้านขายผ้าในสตาร์มาร์เก็ต เลือกเอาจักรเย็บผ้าอันดังมาหนึ่งอัน ผ้าชีฟองเนื้อเรียบสีชมพูไล่สีม่วงอ่อนมาหนึ่งม้วน ผ้าเรยอนสีชมพูกับผ้าทูลสีขาวอีกอย่างละม้วนม้วนมาทำเป็นซับในกระโปรง เวลาเดินหรือหมุนตัวจะได้พริ้วไปตามแรงแบบสวยๆ
อึดใจเดียวของก็มาส่งไวทันใจสมกับคำว่าพร้อมส่ง เธอแบกของทั้งหมดเข้าบ้านร่วมด้วยช่วยกันกับโจเซฟเพราะม้วนผ้าสูงมาก
ถ้าถามว่าจะตัดชุดแบบไหน ก็บอกได้เลยว่าทำแบบพื้นฐานแบบรายละเอียดไม่เยอะ เพราะเธอมีเวลาไม่มากนักในการทำ และเธอก็ไม่ชอบทำเรื่องยากๆ เท่าไหร่ด้วย
เชอร์เบลวัดสัดส่วนตัวเองหน้ากระจกเพื่อนำไปประกอบแบบ วัดออกมาได้อกสามสิบสองกับเอวยี่สิบเอ็ด ถึงใส่ชุดรัดรูปก็ดูไม่โป๊มากเพราะไม่มีเนื้อเท่าไหร่
เธอร่างภาพในกระดาษอย่างคร่าวๆ ชิ้นบนทำสายเดี่ยวคอเหลี่ยมใส่ซิปหลังมาก่อนเพื่อความง่าย ก่อนจะเย็บตรงแขนเพิ่มมาเป็นแขนเสื้อประมาณหนึ่งคืบครึ่ง เย็บสองชั้นความยาวไม่เท่ากันเพื่อเพิ่มกิมมิคนิดหน่อย ที่เหลือก็ตัดกระโปรงให้ยาวคลุมเท้าในหนึ่งชิ้นจากผ้าทั้งสามมาซ้อนกัน เย็บติดกันกับชิ้นบนก็เสร็จแล้ว
เมื่อตัดสินดีไซน์ได้ก็จัดการให้โจเซฟเป็นคนตัดเพราะเธอคิดว่าน่าจะแม่นยำและไวกว่าที่เธอทำเอง แน่ล่ะ เขาเป็นเอไออัจฉริยะนี่นา แล้วพอได้ชิ้นส่วนที่ตัดเรียบร้อยมาแล้วเธอค่อยนำมาเย็บเองอีกที
"เมี๊ยวๆ"
เจ้าตัวแสบเดินมาดมๆ ผ้าด้วยความสงสัยก่อนจะร้องเหมียวแล้วเดินเข้าไปเหยียบผ้า ผ้าชีฟองมีความบางเบามากพอโดนอุ้งเท้าปัดๆ นิดหน่อยก็ไปตามแรง สนุกรัสตี้เขาล่ะงานนี้ ทำเอาเชอร์เบลต้องลุกไปอุ้มเอามาไว้บนตักและดุไม่ให้เล่นกับผ้าม้วนอีก เพราะเล็บแมวนี่ทำให้ผ้าชีฟองขาดได้ง่ายๆ เลยล่ะ
ผ่านไปสองวันเต็มๆ ในที่สุดเธอก็ตัดเย็บจนเสร็จ แต่ยังรู้สึกขาดอะไรไปนิดหน่อยอยู่ดี
"นายว่าไงโจเซฟ"
เธอลองสวมชุดที่ตัดเสร็จแล้วดูแล้วหมุนไปมาเพื่อเช็คความสมบูรณ์ กระโปรงที่เย็บติดกันหลายชั้นทำให้เวลาหมุนพริ้วมากๆ มีความพองแบบพอดีแบบไม่ต้องใส่โครงข้างในเลย แต่ชุดมันออกจะเรียบเกินไปนิดนึงถ้าเทียบกับสไตล์ของคนยุคนี้ เธอคิดขณะส่องกระจก
"สวยครับนายหญิง"
โจเซฟตอบเหมือนทุกครั้งที่เธอถามว่าเป็นยังไงบ้าง นี่ถ้าเธอใส่ชุดคนบ้าเขาจะยังบอกว่าเธอสวยไหมเนี่ย สงสัยจริงๆ
"งั้นเอาใหม่ นายว่าฉันควรเพิ่มอะไรดีบนชุดนี้ ไม่เอาคำตอบว่าไม่ต้องเพิ่มกับสวยแล้วนะ"
เมื่อดักทางไปแบบนั้นหุ่นยนต์หนุ่มหล่อตรงหน้าก็นิ่งคิด เขาแสกนหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงข้ามก่อนจะนำไปเปรียบเทียบกับชุดราตรีที่มียอดคนเข้าชมเยอะที่สุดในช่วงเดือนนี้ เมื่อประมวลผลเสร็จสิ้นจึงตอบออกไปอย่างไม่แน่ใจนัก
"ผมประมวลผลได้ว่าชุดของนายหญิงขาดเพชรที่ทำให้ชุดระยิบระยับ แต่ก่อนหน้านี้นายหญิงบอกไม่ชอบนี่ครับ…"
น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างลังเล ส่วนคนที่ได้ฟังแบบนั้นก็มองตัวเองในกระจกอีกรอบอย่างพิจารณา
"ติดเพชรสักหน่อยก็ได้ จะได้เข้ากับคนอื่นๆ"
เชอร์เบลกล่าว เมื่อตัดสินใจได้ก็ถอดชุดออกตรงนั้นแล้วรีบกดสั่งแถบผ้าประดับเพชรและกลิตเตอร์ผ่านสตาร์ชิปอย่างรวดเร็ว หุ่นยนต์หนุ่มถอนหายใจอย่างเอือมระอาแล้วนำผ้าคลุมไหล่มาคลุมตัวให้ ทำให้หญิงสาวหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีเหนื่อยใจแบบนั้นของอีกฝ่าย
"ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหมือนปลาตายแบบนั้นสิ"
"นายหญิง คุณไม่ควรถอดเสื้อผ้าเดินไปเดินมานะครับ"
"น่าๆ ในนี้ก็มีแค่นายที่เป็นหุ่นยนต์ กับแมวอีกไม่กี่ตัว ไม่มีคนอื่นสักหน่อย"
เชอร์เบลตอบอย่างไม่ใส่ใจนักขณะที่มือก็ยอมจัดๆ ผ้าคลุมไหล่คลุมตัวไว้ตามที่อีกฝ่ายต้องการ ก็มันขี้เกียจใส่เข้าๆ ออกๆ นี่นา แถมในนี้ก็ไม่มีใครอื่น และเธอก็ไม่ได้ถอดจนหมดสักหน่อยนี่นา ยังเหลือบรากับชั้นในอยู่กับตัวตั้งสองชิ้นแหน่ะ โจเซฟอ่ะคิดมาก ทำอย่างกับใครที่ไหนจะพรวดพราดเข้ามาในบ้านของเธอได้
ติ๊งต่อง~
ขณะที่เธอกลับมาร่างภาพว่าจะติดแถบเพชรตรงไหนเสียงกริ่งก็ดังขึ้นที่หน้าประตู โจเซฟไม่ต้องรอคำสั่งก็ปิดประตูห้องทำงานก่อนจะเดินออกไปยังหน้าประตูบ้านเพื่อรับของแทนเธออย่างรวดเร็ว สมกับเป็นเอไออัจฉริยะจริงๆ
"แต้งกิ้วโจเซฟ เห็นไหมแค่มีนายอยู่ฉันก็ไม่ต้องโป๊ไปเจอคนอื่นแล้ว"
"เฮ้อ นายหญิง…"
"รู้แล้วน่า ต่อไปจะพยายามไม่ให้นายลำบากใจแล้วกันนะ คิกๆ"
เชอร์เบลจิ้มแก้มที่ทำจากหนังเทียมเสมือนจริงนั้นเบาๆ อย่างหยอกล้อ ก่อนจะรับเอาของที่ไปรับเมื่อครู่มาถือด้วยตนเองอย่างอารมณ์ดี หุ่นยนต์เอไอที่เหมือนจริงที่สุดรุ่นนี้ถูกออกแบบให้มียันประสาทความรู้สึกทางกายภาพทุกส่วนที่สมจริงยกเว้นฟังก์ชันทางเพศที่เจ้าของต้องปลดล็อคเอง เพราะฉะนั้นมันสามารถเข้าใจการการกระทำของมนุษย์ได้มากกว่า 85% ยกเว้นเรื่องความรู้สึกลึกซึ้งที่ถ้าถามก็มักจะหาข้อความจากภาพยนตร์หรือหนังสือมาตอบแทน แม้ว่าหนุ่มหน้านิ่งอย่างโจเซฟจะไม่แสดงออกอะไรเท่าไหร่ก็เถอะ แต่เธอก็เห็นอยู่นะว่านัยน์ตาสีม่วงนั้นหลุบมองตามนิ้วมือของเธออยู่ตลอด เป็นคน(?)ที่น่าแกล้งซะจริงๆ
แกล้งคนอื่นให้อารมณ์ดีเสร็จเชอร์เบลก็มานั่งทำงานให้เสร็จ เย็บแถบเพชรเข้าไปเป็นเส้นตรงจากบ่าลงมาถึงหน้าอก ไล่ระดับแต่ละเส้นไม่เท่ากัน สุดท้ายเส้นที่ยาวที่สุดคือช่วงกลางลำตัวที่เริ่มตั้งแต่หน้าอกยาวไปจนเลยช่วงเอวไปอีกสามคืบ ทำให้ชุดดูมีอะไรขึ้นมา และทำให้เอวดูคอดขึ้นด้วย นอกจากนี้ก็แอบเอาที่เหลือนิดหน่อยไปตกแต่งชายแขนเสื้อที่ปล่อยไว้ตั้งแต่ตอนแรก เท่านี้ก็น่าจะวิ้งเล่นแสงกระแทกตาพอแล้วล่ะ
"เป็นไงโจเซฟ"
เธอถามอีกครั้งหลังจากประดับประดาเพชรจนเสร็จและลองสวมดูอีกครั้ง ถึงจะพอใจตัวเองที่ดูในกระจก แต่ก็อยากถามความเห็นในสายตาของคน(?)อื่นอยู่ดีล่ะนะ
"สวยครับนายหญิง"
เชอร์เบลหันไปทำหน้าปลาตายใส่อีกฝ่าย นี่มันคำเดิมกับตอนที่ลองแบบไม่มีเพชรเลยนี่ ไม่พอใจ ไม่พอใจสุดๆ!
"เปลี่ยนคำบ้างก็ได้ ไม่ก็เพิ่มสักสามคำสี่คำ ไม่งั้นฉันจะรู้ได้ไงว่านายคิดว่าอะไรต่างจากครั้งแรก"
เมื่อถูกเจ้านายเท้าเอวใส่โจเซฟก็หลุบตาลง อึดใจเดียวก็จ้องไปยังร่างของหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังสุดๆ
"สวย- สวยกว่าครั้งที่แล้วครับ นายหญิง"
เห็นสายตาจริงใจนั้นแล้วเชอร์เบลก็ได้แต่ปวดขมับ มือเล็กยกขึ้นมานวดหัวอย่างละเหี่ยใจ
ไอบ้าเอ๊ย บอกให้เพิ่มสี่คำก็เพิ่มสี่คำ ไม่มีประโยคอื่นที่สร้างสรรค์กว่านี้รึไง๊~~
_______________________________________
ตอนหน้าไปเจอกันที่งานรับรางวัล จะได้ไปดาวเมืองหลวงแล้วแม่ เอาเลอเริ่มเลอ
บ่นนิดนึง ไรท์ไปไอซ์สเก็ตมาแล้วล้มอ่ะ(แน่นอนสิพึ่งเล่นครั้งแรก) แล้วแบบกลับมาแขนเดี้ยงมากกกก นี่คือสาเหตุที่ผ้มมาช้า พะฮึก รี้ดโอ๋เอ๋หน่อยจิ