เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!
แฟนตาซี,รัก,slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ก่อนเดินทางครั้งนี้เชอร์เบลพาแมวทั้งสี่แมวไปฝากที่โรงแรมแมวในคลีนิคของธีโอดอร์ทั้งหมด เพราะครั้งนี้เธอไปนานกว่าครั้งที่แล้ว และจะพาโจเซฟไปด้วยซึ่งทำให้ไม่มีใครดูแลลูกๆ ของเธอแทนนั่นเอง เนื่องจากการเดินทางไกลหลายวันเธอจึงวางแผนจะไปตรวจเช็คพลังวิญญาณที่สำนักงานกองกลางที่ดาวแคปิทัลให้เรียบร้อยหลังจากงานรับรางวัลจบ ซึ่งก็ใช้เวลาขึ้นไปอีก ไหนจะเดินทางกลับอีกสองวัน การฝากแมวไว้ที่โรงแรมจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
เชอร์เบลจัดการจองที่นั่งยานบินให้กับโจเซฟด้วยแทนที่จะเก็บเขาใส่กระเป๋าเดินทาง เพราะยานบินที่เธอนั่งในชั้นปกติเป็นที่นั่งคู่ไม่ก็สามที่นั่งติดกันซึ่งทำให้เธอไม่ค่อยชอบใจนัก แต่จะให้จองชั้นวีไอพีที่เป็นที่นั่งเดี่ยวก็จะเปลืองเกินไปเพราะราคาของหนึ่งที่วีไอพีเท่ากับสามที่ของที่นั่งปกติแหน่ะ ดังนั้นโจเซฟจะมาช่วยเป็นไม้กันหมาให้เธอในครั้งนี้นั่นเอง แถมยังมีคนคอยยกของให้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
หงึก
เมื่อความง่วงเข้ามาเผชิญ ศีรษะของหญิงสาวก็ร่วงลงตามแรงโน้มถ่วงไปข้างหน้าแล้วก็เงยขึ้นมาใหม่เป็นพักๆ นี่แหล่ะข้อเสียของชั้นปกติ เพราะถ้ายังไม่ถึงเวลานอนที่กำหนดยานบินก็จะไม่ปิดไฟให้ และก็ยังไม่สามารถปรับที่นั่งได้อีกด้วย รอจนถึงเวลาระบบจึงจะปรับที่นั่งให้เอนลงพร้อมกัน ต่างจากระดับวีไอพีที่สามารถปรับนู่นนี่เองได้เลยไม่ต้องรอ และมีฉากกั้นเป็นห้องส่วนตัวเล็กๆ ห้องหนึ่งเลยทีเดียว
"นายหญิง นอนหน่อยไหมครับ สัปงกหลายรอบแล้ว"
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีม่วงสวยเข้าใกล้ก่อนจะกระซิบถามเมื่อเห็นผู้เป็นนายสัปงกหลายต่อหลายครั้ง หญิงสาวขยี้ตาเล็กน้อยด้วยความง่วงงุน
"ฉันก็พยายามนอนอยู่นะ แต่พนักพิงตรงขนาดนี้พอจะหลับแล้วมันร่วงมาข้างหน้าตลอดเลยน่ะสิ"
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงงัวเงียที่ติดจะหงุดหงิดเล็กน้อย ไม่มีอะไรน่าหงุดหงิดไปมากกว่าความอยากนอนแต่นอนไม่ได้อีกแล้ว โจเซฟได้ฟังก็คิดหาวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว
"นายหญิงเอนลงมานอนตักผมสิครับ ผมพับผ้าห่มที่ให้มากับที่นั่งเป็นหมอนได้ครับ ผมเป็นหุ่นยนต์ ไม่มีความรู้สึกหนาวครับ"
เชอร์เบลพิจารณาเล็กน้อย ก่อนจะมองไปยังที่นั่งที่สามที่ว่างอยู่เพราะผู้โดยสารหญิงคนนั้นไปเข้าห้องน้ำ
"ตามนั้นก็ได้ อย่าให้หัวฉันเลยไปรบกวนคุณผู้หญิงข้างๆ นายแล้วกัน"
ว่าจบก็เอนตัวลงบนหมอนที่ถูกพับวางไว้ให้เรียบร้อยแล้วอย่างไม่สงวนท่าที ความง่วงเอาชนะการรักษาภาพลักษณ์ไปแบบไม่เห็นฝุ่นเลยทีเดียว ไม่นานหญิงสาวก็หายใจสม่ำเสมอเป็นสัญญาณของการหลับลึก โจเซฟนั่งตัวตรงนิ่งไม่ไหวติงไม่ให้มีการเคลื่อนไหวมารบกวนเธอแม้แต่น้อย โบกมือขอยังไม่รับอาหารของทั้งเชอร์เบลและตัวเอง เพราะหุ่นยนต์ไม่จำเป็นต้องกินอาหารมนุษย์เพื่อเติมพลังงานไงล่ะ
"มีอะไรหรือเปล่าครับ?"
หุ่นยนต์หนุ่มหันไปถามหญิงสาวที่นั่งข้างๆ ที่กลับมาแล้วและแอบมองมาทางพวกเขาด้วยดวงตาเป็นประกายเป็นระยะๆ ทำให้หญิงสาวที่ดูแล้วอายุไม่น่าเกินยี่สิบปีหน้าแดงเป็นลูกตำลึง เอ่ยตะกุกตะกักเสียงเบาอย่างเขินอาย
"คือว่า เป็นคู่ข้าวใหม่ปลามันที่น่ารักจังเลยนะคะ"
พูดจบสาวเจ้าก็บิดตัวไปมา ราวกับเห็นคู่พระเอกนางเอกในละครเข้าฉากกันต่อหน้าต่อตาอย่างไรอย่างนั้น ปัญญาประดิษฐ์ประมวลผลไวจี๋ได้ความว่าเด็กสาวน่าจะเข้าใจผิดไปไกลเสียแล้ว โจเซฟหลุบตาลง มองไปที่นายหญิงของตนโดยไม่รู้ตัวก่อนจะตอบด้วยเสียงโมโนโทน
"เธอเป็นนายเหนือหัวของผมครับ ไม่ใช่คนรัก"
"โอ้ โอ้-- ขอโทษค่ะ ฉันเข้าใจผิดไป"
เด็กสาวหัวเราะแห้งๆ อย่างเก้อกระดากก่อนจะกลับไปจ้วงอาหารเข้าปากคำโตแล้วทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่วนโจเซฟเมื่อนายหญิงตื่นขึ้นก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฟังแต่อย่างใด ดังนั้นการนั่งยานบินครั้งนี้ก็จบลงด้วยประการฉะนี้เอง
เมื่อวันประกาศรางวัลมาถึงเชอร์เบลก็เตรียมตัวที่จะไปโถงจัดงาน เธอสวมชุดที่ตัดเย็บเองด้วยความภูมิใจ สีม่วงอ่อนที่เอวไล่สีออกเป็นสีชมพูอ่อนทำให้ดูมีทรวดทรงและเพชรเองก็ส่องประกายเล่นแสงพอกรุบกริบ เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีชมพูนู้ดประดับโบว์กลิตเตอร์ ประทินโฉมใบหน้าด้วยสีชมพูอ่อนเข้ากับชุดอย่างพิถีพิถัน ส่วนผมสีน้ำตาลอ่อนถูกแสกข้างและม้วนลอนคลายๆ ไม่ได้ประดับอะไรเพิ่มเติม ดูทั้งสวยและเรียบง่ายไปพร้อมกัน
"ได้เวลาแล้วครับ"
"โอ้ รถมาถึงแล้วเหรอ ไวจังเลยนะ"
เธอจับมือที่ยื่นมาให้ของโจเซฟเพื่อลุกขึ้น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับที่แขนแกร่งระหว่างที่เดินลงบันไดไปยังรถสีดำหรูหราที่จอดรออยู่ที่ประตูทางเข้าโรงแรม หญิงสาวเอ่ยลาหุ่นยนต์หนุ่มเพราะไม่สามารถนำผู้ติดตามไปด้วยได้ จากนั้นจึงรวบกระโปรงขึ้นไปนั่งที่เบาะหลังและเดินทางไปที่งานอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงก็เห็นพรมแดงพาดทางลงมาผืนใหญ่ เธอรออยู่ในรถขณะที่คนอื่นๆ ในรถรูปแบบเดียวกันลงจากรถตรงที่พรมแดงพาดมาถึงเท่านั้น และเดินไปพร้อมกับมีแสงแฟรชสาดเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากนักข่าวที่มารอถ่ายรูปไปทำข่าวตั้งแต่ไก่โห่
เมื่อรถที่เธอนั่งแล่นเข้าไปถึงที่และมีคนเปิดประตูรถออกให้เธอก็จับกระโปรงยกขึ้นเล็กน้อยก่อนจะก้าวออกมา แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเท่าดารานักร้องนักแสดงแต่นักข่าวก็ยังคงสาดแฟรชกันรัวๆ เพื่อไปทำข่าวกันอยู่ดี เธอเข้าใจแล้วว่าทำไมดาราถึงชอบใส่ชุดวิ้งๆ ทั้งตัว เพราะโดนถ่ายรูปแบบนี้จะต้องวิ้งเป็นประกายขึ้นกล้องสุดๆ แน่นอน
เชอร์เบลยิ้มและโบกมือให้ทุกคนอย่างเกร็งๆ เล็กน้อย จากนั้นก็เดินจ้ำอ้าวแบบพยายามไม่ให้ผิดสังเกตเข้าไปถึงที่กั้นทางเข้า ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่แสกนแล้วเข้าไปในงานอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะร้องว้าวออกมาเมื่อเห็นโถงวงกลมขนาดใหญ่ที่มีแสงสาดแค่เฉพาะตรงเวทีเท่านั้น เพดานเป็นสีน้ำเงินเข้มมืดเกือบดำ มีประกายคล้ายดวงดาวเล็กๆ ส่องแสงวูบไหวไม่พร้อมกันราวกับเป็นเอกเทศในตัวเอง ดูสวยสะกดใจและตราตรึงมาก ทำเอาเธอเงยหน้ามองไปตลอดทางมืดๆ นั้นที่นำไปยังที่นั่ง
"เดี๋ยวก็หงายหลังหรอก"
เสียงกระซิบเตือนจากข้างหลังใกล้ตัวทำให้หญิงสาวตกใจไม่น้อยจนก้าวพลาด รองเท้าส้นสูงสี่นิ้วทำเอาเซถลา ยังดีที่มือหนาช่วยโอบเอวกลับมาไม่ให้ล้มก่อนจะรีบปล่อยไม่ให้ใครเห็น
"คุณวิลเลียม! มาไม่ให้ซุ่มให้เสียงแบบนี้ฉันตกใจนะคะ!"
เมื่อยืนได้มั่นคงดีแล้วเธอก็หันไปเอ็ดชายหนุ่มที่ทำให้เธอตกใจเสียงเบา ชายหนุ่มยิ้มไม่ตอบอะไรแค่โค้งตัวลงนิดหนึ่งเป็นการขอโทษ จากนั้นเขาก็ผายมือให้เข้าไปยังที่นั่งที่คล้ายกับโซฟาโรงหนัง เธอมองเลขอีกครั้งก่อนจะเข้าไปในแถวที่สามซึ่งเป็นแถวของครีเอเตอร์ นั่งลงบนโซฟานุ่มบุกำมะหยี่สีฟ้าสวยงาม กล่าวทักทายกับคนที่นั่งข้างๆ เล็กๆ น้อยๆ ตามมารยาทก็นั่งรอให้งานเริ่มต่อไป
ไม่นานงานก็เริ่มขึ้น แฟนคลับและนักข่าวเข้ามาในที่ที่เตรียมไว้ด้านล่างเวทีและแสตนที่เหล่าผู้มีชื่อเสียงที่นั่งอยู่ เสียงพิธีกรพูดใส่ไมค์ดังก้องไปทั่วทั้งฮอลล์ แต่ไม่อาจกลบเสียงที่พร้อมใจกันกรี๊ดต้อนรับดาราคนโปรดของเหล่าแฟนคลับได้
"สำหรับตำแหน่งนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมในปีนี้ คือคนที่เป็นตำนานการครองตำแหน่งมาถึงห้าปีติด และปีนี้ก็ยังสืบตำนานต่อไปเป็นปีที่หกของเขา ขอต้อนรับ! วิลเลียม มาร์ติน!!!"
พิธีกรประกาศชื่อวิลเลียมดังก้อง เสียงกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหวและกล้องทุกตัวก็พร้อมใจกันสาดมาหา ทำให้เชอร์เบลรู้ว่าวิลเลียมนั่งอยู่บนหัวเธอนี่เอง เธอปรบมือตามคนอื่นๆ และเอี้ยวตัวกลับไปมองอีกฝ่าย วิลเลียมในวันนี้หล่อออร่าสมกับเป็นดารายอดนิยมอันดับหนึ่งจริงๆ ผมสีฟ้าสดเข้ากับดวงตาสีฟ้าข้างหนึ่งถูกเซตเปิดหน้าผากอย่างดี สวมชุดลักษณะคล้ายเครื่องแบบราชวงศ์ทหารที่เท่และหรูหราสีกรมท่าและเครื่องประดับสีทอง
เมื่อได้ยินชื่อของตนประกาศออกมาก็ลุกยืนขึ้นแล้วโค้งรับให้กับทุกสายตาที่จับจ้องมาที่เขาอย่างสุภาพอ่อนน้อม เขารอจนพิธีกรประกาศชื่อละครที่ทำให้เขาได้เข้าชิง ก่อนที่จะเดินไปขึ้นเวทีพร้อมกับนางเอกของเรื่องที่ใส่ชุดปักลายสีน้ำเงินระยิบระยับทั้งตัวแนบเนื้อลายกรงจักรสีเงินกับทีมงานที่เหลืออย่างองอาจ ทำเอาเชอร์เบลอยากกลับไปดูเลยว่าละครเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องแบบไหนกันแน่
"ขอบคุณสำหรับแรงสนับสนุนของทุกคนที่ทำให้ผมได้รางวัลนี้เป็นปีที่หกแล้ว ในปีนี้ผมได้เจอแรงบัลดาลใจที่ทำให้อยากทำอะไรใหม่ๆ และตั้งใจทำงานมากยิ่งขึ้น ผมยังคงมีความตั้งใจจะทำผลงานต่อไปให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปในปีหน้าที่จะมาถึงนี้ เพื่อไม่ให้ทุกคนต้องผิดหวังที่ชอบผมในวันนี้ ขอบคุณครับ"
เสียงชัตเตอร์กล้องและเสียงหวีดจากด้านล่างเวทีไม่เคยขาดช่วงเลยในขณะที่วิลเลียมพูดขอบคุณ แม้ว่าเขาจะมองกล้องหรือไม่ก็ตาม นี่สินะวิถีคนดังที่สุดในกาแล็กซี่ตอนนี้ แต่ทำไมตอนพูดถึงแรงบันดาลใจทำไมรู้สึกเหมือนได้สบตากันนะ เชอร์เบลคิดในใจ แต่ก็ปัดตกไปว่าไม่ใช่หรอก เพราะหลังจากนั้นอีกฝ่ายก็กวาดตามองไปทั่วๆ เช่นกัน เป็นความบังเอิญล้วนๆ
จากนั้นทุกคนก็เดินกลับมานั่งที่ของตน เธอยกนิ้วโป้งให้เป็นการบอกว่าเยี่ยมมาก ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มตอบกลับมา แต่ไม่ได้เริ่มบทสนทนาพิธีกรก็กล่าวมาถึงช่วงประกาศรางวัลของคอนเทนท์ครีเอเตอร์ ทำให้เชอร์เบลหันกลับไปยังเวทีด้วยความลุ้นระทึก
"ครีเอเตอร์หน้าใหม่ไฟแรงสาขาสัตว์เลี้ยงในบ้านประจำปีนี้ก็คือออ…..ผู้มีฉายาเป็นดั่งนางฟ้าของแมวจร ขอเสียงให้กับ! เชอร์เบล โอเดลีน!!!"
"โอ้มายก้อด!"
เชอร์เบลยกมือปิดปากด้วยความตื่นเต้น ไม่น่าเชื่อว่าย้ายมาที่โลกนี้ไม่ถึงหนึ่งปีเต็มจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ์แบบนี้ ถึงแม้ชื่อนี้จะไม่ใช่ชื่อของเธอจริงๆ แต่การกระทำทั้งหมดก็มาจากเธอ มันทำให้เชอร์เบลได้รู้สึกเหมือนมีตัวตนเป็นที่จดจำและยอมรับของทุกคน ในฐานะเชอร์เบลคนใหม่ที่เป็นเธอจริงๆ เป็นรูปธรรมขึ้นมา
หลังจากนั้นเธอก็เดินขึ้นเวทีไปอย่างไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง แม้จะพูดขอบคุณอย่างไม่คล่องแคล่วเพราะตื้นตันใจมากแต่ทุกคนก็ไม่ว่าอะไร จนเธอกลับไปที่โรงแรมแบบเหม่อๆ นั้นแหล่ะถึงได้ตบแก้มตัวเองให้มีสติว่านี่เป็นความจริงไม่ใช่ฝัน ก่อนจะนอนหลับ ณ เวลาตีสองไปอย่างมีความสุข
ไม่รู้เลยว่าตัวเองกลายเป็นไวรัลในสตาร์บอร์ดอีกแล้ว
หัวข้อหนึ่งเกี่ยวกับที่วิลเลียมเช่สายตาไว้ที่เธอนานกว่าคนอื่น ส่วนอีกหัวข้อคือคนตามหาชุดที่เธอใส่กันให้ควักว่ามาจากร้านไหน เพราะจากที่เรียบๆ จะไม่เด่น แต่พอมาอยู่ท่ามกลางคนที่ใส่แต่ชุดกากเพชร ชุดไล่สีไร้ลวดลายแบบนี้ก็เด่นสะดุดตาขึ้นมาทันทีเลยน่ะสิ
_________________________________
มือเดี้ยงงงง ขอโทษจริงๆ นะคะที่มาช้า เมื่อไหร่จะหายเจ็บอ่ะแงงงงง
ลูกสาวก็คือเป็นไวรัลไม่หยุด แต่ชีไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นต้นเรื่องอีกแล้ว นอนสบายใจเลอ55555
ต่อไปนางเอกได้ค่อยๆแซ่บขึ้นแน่นอน มุตาจะไม่เป็นเหยื่อของแกอีกต่อไป!!