เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good] - บทที่ 22 คนของเขา โดย Meyanee173 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,รัก,slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี

รายละเอียด

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good] โดย Meyanee173 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!

ผู้แต่ง

Meyanee173

เรื่องย่อ

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม

.

.

นั่งป้อนข้าวแมวจรบนฟุตบาทอยู่ดีๆ จู่ๆก็โดนมอเตอร์ไซค์เสยจนตุยคาที่ ไอบ้าเอ๊ย ชีวิตดีๆในประเทศT ถ้าได้เกิดใหม่ขอให้อยู่ในที่ที่เจริญๆหน่อยเถอะ

"นั่นคือสิ่งที่เธอคิดก่อนตายไม่ใช่หรือไง ถ้าตามแต้มบุญก็ทำให้ได้อยู่หรอกนะ แต่พรข้ออื่นที่ขอมาตามหลังน่ะคงไม่ได้หรอก"

พอได้ฟังคำพูดของพระเจ้าแล้วหญิงสาวก็ได้แต่ทำท่าหมดอาลัยตายอยาก นี่แต้มบุญของเธอมันมีเท่าไหร่กันแน่เนี่ย พระเจ้าก็ขี้งกไม่แถมพรให้หน่อยเลย เศร้าน้ำตาจิไหล

ตัดพ้อไม่ทันไรก็โดนพระเจ้าดีดนิ้วให้ไปเกิดใหม่ซะแล้ว… เอวัง

.

.

.

สวัสดีค่าทุกคน ยินดีต้อนรับเข้าสู่นิยายฟีลกู๊ดสุดคิ้วทึค่ะ! ครั้งนี้ไรท์มาแปลกกว่าทุกครั้งเลยเพราะตัวเอกของเรื่องนี้ไม่ใช่ใครอื่น นั่นก็คือเหล่าน้องเหมียวสุดน่ารักยังไงล่ะคะะ เรื่องราวของสตรีมเมอร์สาวสวยที่มีแมวในครอบครองเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แถมแต่ละตัวก็น่ารักน่าชังจนตกผู้ชมเป็นทาสได้ไปตามๆกันจะดำเนินไปอย่างไร กดเพิ่มเข้าชั้นหนังสือกันไว้ได้เลยค่ะ!

เรื่องนี้มีพระเอกนะคะ แต่พระเอกค่าตัวแพงมาก(ฮา) แต่ถ้าผู้ชมสมทบทุนค่าตัวพระเอกเยอะก็อาจจะคิดอีกที--แค่กๆ



พูดคุยกันได้ที่ #หม่าวเมี๊ยวแมวประเสริฐ หรือแท็กที่ Twitter ของไรท์ ก็ได้ค่า(จิ้มที่คำได้เลยมันจะลิ้งไปที่ทวิตค่ะ)😸🫶🏻

สารบัญ

สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 1 เกิดใหม่,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 2 สตรีมครั้งแรก,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 3 พลังวิญญาณสายพิเศษ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 4 เรื่องราวของผ้าขี้ริ้วห่อทอง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 5 ตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 6 แมวที่ดี(?),สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 7 ที่ร้านงานฝีมือ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 8 เลี้ยง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 9 กดบัตรอีเว้นท์ใหญ่,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 10 โรงแรม,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 11 งานเกม,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 12 หลง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 13 รุ่นนี้ไม่แถมขามาด้วย,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 14 เจ้าหญิงน้อยของบ้าน,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-แจ้ง การติดเหรียญล่วงหน้า,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 15 เปลี่ยนคอนเทนต์สตรีม,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 16 คริสต์มาส,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 17 สิ้นปี,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 18 งานรับรางวัล,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 19 สำนักงานกลางกองกำลัง,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 20 สู่กองทัพ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 21 ช่วย,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 22 คนของเขา,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 23 โอกาส,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 24 ฤดูฝน,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 25 ชอบ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 26 เรื่องในใจ,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 27 หัวใจของหุ่นยนต์,สตรีมเมอร์ช่องหม่าวเมี๊ยววันนี้ก็น่าอิจฉาเหมือนเดิม [Slice of life-Feel Good]-บทที่ 28 ธีโอดอร์ วินเทอร์

เนื้อหา

บทที่ 22 คนของเขา

แฮ่ก แฮ่ก

เสียงหอบหายใจดังก้องตามทางเดินที่เธอถูกชายหนุ่มลากไป เขาไม่มีการหยุดฝีเท้าแม้แต่วินาทีเดียวราวกับคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เป็นบ้านหลังที่สอง แต่เชอร์เบลยังไม่หายจากการตกใจและไม่เคยมาที่แห่งนี้มาก่อน จึงสะดุดเท้าตัวเองจากความรีบร้อนนั้น

"อ๊ะ!"

เชอร์เบลหลับตาปี๋เตรียมรับแรงกระแทก แต่กลับจมเข้าไปในอ้อมอกกว้างของวิลเลียมเสียก่อน ก่อนที่เขาจะประคองให้เธอยืนดีๆ

"ขอโทษครับ ผมรีบเกินไป"

เขาขอโทษด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ซึ่งดูสีหน้าอ่อนลงกว่าเมื่อครู่ที่เหมือนคิดอะไรอะไรอยู่ในหัวตลอดเวลาจนหน้าเรียบตึง ทำให้เธอไม่กล้าขัดแม้เขาจะก้าวเดินเร็วกว่าช่วงขาของเธอมากก็ตาม

"อ่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินไม่ระวังเอง"

เธอเกาแก้มอย่างกระดาก จนป่านนี้เขาก็ยังไม่ปล่อยมือที่จับมือขวาของเธอแน่นนั้นออกเลยสักนิด แต่ตอนนี้จากที่พากันวิ่งออกมาจากห้องวิจัยข้างในสุดก็ได้เดินช้าๆ แล้ว ดูเหมือนวิลเลียมจะสังเกตได้ว่าเธอเหนื่อยสักที

"ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่มาช่วย อาจจะดูละลาบละล้วงไปหน่อยแต่ว่าคุณมาได้ยังไงเหรอคะ"

หญิงสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะตั้งแต่ตื่นมาเธอก็ไม่เห็นตัวส่งสัญญาณหรืออะไรเลยที่สามารถเรียกวิลเลียมมาได้ แม้เธอจะได้ยินอยู่ก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกันแต่เธอก็ไม่กล้าถามเรื่องนี้ ด้วยเรื่องดูจะมีความละเอียดอ่อนที่อธิบายต่อคนนอกได้ยากพอสมควร

"พวกนักวิจัยในทีมพี่ชายผมนั่นแหล่ะครับ ทันทีที่เห็นพี่อุ้มคุณไปเขาก็โทรหาผมทันทีเลย เผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นน่ะครับ"

เชอร์เบลพยักหน้ารับรู้ ไม่ได้ตอบหรือถามอะไรกลับไปอีก วิลเลียมเลิกคิ้วนิดๆ ด้วยความประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขาดึงมือเธอให้เดินตามไปยังข้างๆ ตึกศูนย์วิจัยกองทัพ จากนั้นก็พาเธอขึ้นรถโดยสารอัตโนมัติที่ขับวนพากลับไปยังสำนักงานกองกลาง เขาเหลือบมองหญิงสาวที่นั่งมองวิวออกไปข้างนอกอยู่ข้างๆ

"คุณไม่ถามเหรอครับ ว่าทำไมเขาทำแบบนั้น หรือมีคนโดนแบบคุณก่อนหน้านี้รึเปล่า"

เขาถาม ถามโดยที่ไม่รู้เช่นกันว่าตนต้องการคำตอบแบบไหนจากปากเธอ มองใบหน้าที่เหมือนแมวเด็กนั้นอ้าปากนิดๆ ด้วยความตกใจ ก่อนที่เสียงใสๆ จะตอบคำตอบที่คาดไม่ถึง

"ก็เพราะคุณดูไม่อยากเล่า ฉันก็เลยไม่อยากถาม"

"อีกอย่างดูดีๆ แล้วเขาก็ไม่ได้ตั้งท่าทำร้ายฉัน และถ้าเป็นพี่ชายที่คุณวิลเลียมรักล่ะก็ ก็ต้องไม่ใช่คนเลวร้ายอยู่แล้วนี่คะ"

เธอยิ้มด้วยรอยยิ้มแสนเจิดจ้า ทำให้หัวใจของเขาเต้นเร็วขึ้นอย่างผิดปกติ เหมือนวันที่เธอห่อตัวด้วยเสื้อกันหนาวของเขา เงยหน้ายิ้มและขอบคุณท่ามกลางบรรยากาศฝนตกแสนมืดครึ้ม ที่ไม่อาจกล้ำกลายแสงสว่างจากตัวเธอได้เลย

เขาถอนหายใจเล็กน้อย จากเรื่องที่ยากแม้แต่จะทำใจเปิดปากเล่า แต่กับเธอคนนี้กลับรู้สึกว่าไม่ได้ยากเย็นขนาดนั้น เขาเชื่อว่าหากเธอได้ฟังเรื่องราวแล้ว เธอจะต้องไม่ตัดสินว่าพี่ชายของเขาเป็นคนบ้าเหมือนที่เขาแสดงออกให้คนอื่นเห็นอยางแน่นอน

"ก่อนหน้านี้..."



ย้อนกลับไปยังเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน เด็กหนุ่มวัยรุ่นอายุหกสิบปีมีผมสีดำสนิทที่ได้จากพ่อ และดวงตาสีน้ำตาลทองจากแม่ มีชื่อว่าอาร์เธอ เขาเป็นเด็กหนุ่มแสนฉลาดแต่มีร่างกายอ่อนแอผอมบางที่ได้รับจากแม่มาเต็มๆ แต่เมื่อเป็นลูกชายคนแรกที่ป็นที่คาดหวัง เขาจึงต้องพยายามแล้วพยายามอีก เพื่อให้ได้รับคำชื่นชมและความรักจากคุณพ่อ

"อีกแค่ยี่สิบปีก็ถึงเวลาสอบเข้ากองทัพแล้ว! ทำไมยังอ่อนแอปวกเปียกขนาดนี้อีกหา!!"

"น่าผิดหวังจริงๆ เป็นลูกชายของฉันแกจะเป็นแบบนี้ไม่ได้!"

คุณพ่อ หรือ มาร์ตินี่ มาร์ติน ผู้ก่อตั้งตระกูลมาร์ตินให้ได้มีชื่อเสียงเป็นตระกูลใหญ่ เป็นผู้มีพลังวิญญาณสายควบคุมอันแข็งแกร่ง การควมคุมเงานั่นเอง แนวหน้ากองทัพหน่วยปราบปรามสลัดอวกาศอันน่าเกรงขาม และเป็นผู้ที่รักในความแข็งแกร่งและสมบูรณ์แบบมากกว่าใคร

"คุณท่านคะ! คุณนายคลอดคุณชายน้อยแล้วค่ะ"

"ดี! ส่วนแกถ้าทำลายหุ่นตรงหน้าให้เละไม่ได้ก็ห้ามเข้าไปเด็ดขาด"

วันนั้นอาร์เธอได้เรียนรู้วิธีใช้พลังใหม่อีกครั้ง โล่ที่ไม่ได้มีไว้ปกป้อง หากแต่มีไว้บีบอัดจนอะไรก็ตามที่อยู่ข้างในถูกบดเป็นจุล 'รีเวิร์สชีลด์' เขาเข้าไปในบ้านด้วยเหงื่อโทรมกาย กำลังจะเข้าไปในห้องที่แม่อยู่กับน้องชายที่พึ่งลืมตาดูโลกที่เขาเฝ้ารอมาตลอด แต่กลับได้ยินเสียงที่เขาโกรธเกลียดดังออกมาเต็มสองหู

"ดูสิ นอกจากเขาจะได้สีผมกับดวงตาของฉัน ยังได้สืบทอดพลังของฉันอีก! ต่อไปเจ้าลูกชายคนนี้จะต้องแข็งแกร่งแน่ๆ!"

เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจดังลั่นเคล้าคลอไปกับเสียงอ่อนโยนที่อ่อนแรงของคุณแม่ ก่อนที่คุณพ่อจะเดินออกมาพร้อมกับเครื่องตรวจพรสวรรค์คร่าวๆ ที่มีเพียงห้าอันในกาแล็กซี่ที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตา หินโบราณในไม้เท้าหรูหราที่ดื่มเลือดเพื่อปรากฎผล คุณพ่อขอยืมจากกองทัพมาเพื่อใช้กับเขาจนไม่มีนิ้วไหนที่ไม่มีรอยแผลเป็นจากการกรีดเลือด เคี่ยวเข็ญสายพิเศษอย่างเขาที่ดูไร้ประโยชน์ในตอนแรกจนแข็งแกร่งขึ้นมา ที่ต้องแลกด้วยทุกอย่างที่เขามี

"ไปทำความสะอาดสภาพดูไม่ได้นั่นซะ อย่าเข้าไปทำให้แม่และน้องชายของแกต้องป่วย"

เสียงเย็นชาดังขึ้นเหนือหัวก่อนที่ร่างสูงใหญ่นั้นจะเดินจากไป เขาทำตามคำสั่งและได้เข้าไปในห้องของคุณแม่เมื่อดวงจันทร์มาแทนที่ดวงอาร์ทิตจนหมด ร่างผอมของเด็กหนุ่มยืนมองแม่ที่หลับไหล ทอดสายตาไปยังเตียงเล็กข้างๆ ที่มีสิ่งมีชีวิตตัวจ้อยขยับดุ๊กดิ๊กอยู่

เขาเดินไปใกล้ๆ มือทั้งสองโอบอุ้มเจ้าตัวน้อยขึ้นมาอุ้มและเดินไปยังหน้าต่างที่เห็นวิวสวนดอกไม้ท่ามกลางอากาศหนาวและโดนแสงจันทร์สาดส่อง ตั้งใจจะทิ้งศัตรูที่มีอายุเพียงวันเดียวลงไปในพุ่มไม้ ทว่าเจ้าตัวจิ๋วกลับลืมตาตื่นขึ้นมาเสียก่อน ดวงตาสีฟ้าเหมือนคุณพ่อราวกับถอดแบบมา ทว่าดวงตาอีกข้างกลับมีสีน้ำตาลทองเหมือนคุณแม่และเขาเอง เส้นผมสีดำสนิทแม้จะเหมือนคนคนนั้น แต่ก็เหมือนกับของเขาเช่นกัน

"เจ้าตัวจ้อย ถ้าแกไม่ลืมตาขึ้นมาฉันคงได้ทิ้งไปแล้ว"

มือเกลี่ยที่ดวงตาโตนั้นอย่างนุ่มนวล แม้ว่าจะกำลังสั่นระริก ดวงตาสีอำพันคลอด้วยน้ำตา ก่อนที่หยาดน้ำนั้นจะตกลงที่แก้มนุ่มนิ่มของทารก

"ทำไมแกต้องเกิดมาด้วย"

"ไม่สิ ถ้าแกสมบูรณ์แบบอย่างที่คุณพ่อบอก แล้วทำไมฉันต้องเกิดมากัน"

เสียงสะอื้นถูกกลืนไปกับเสียงลมหนาวหวีดหวิว เด็กหนุ่มวัยรุ่นร้องไห้เงียบๆ ท่ามกลางแม่ที่นอนหลับสนิท และน้องชายที่มองตาแป๋วอย่างไม่รู้เรื่อง มือเล็กๆ ปัดป่ายจนโดนหน้าของเขา แม้จะรู้ความจริงแต่อาร์เธอกลับเข้าข้างตนเองอย่างโง่งมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

"ขอบใจนะที่ปลอบกัน พี่ชายคนนี้น่าสมเพชเกินไปแล้วสินะ ฮะๆ"

อาร์เธอปาดน้ำตาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ เดินวนโยกเยกจนสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วในอ้อมแขนค่อยๆ หลับตาลงก็พากลับไปส่งที่เปลเล็กนั้น

"นอนซะเถอะ น้องชายของพี่"

เขางับประตูลงด้วยความเงียบเชียบและเดินกลับไปยังห้องของตนเองที่เงียบเหงาและเหน็บหนาว แต่นับจากนั้นอาร์เธอก็มีเป้าหมายในชีวิตใหม่ ความรักทั้งหมดถูกมอบให้กับน้องชายคนเดียวเท่านั้น ไม่มีเหลือสำหรับคุณแม่ที่แม้จะอ่อนโยนแต่อ่อนแอ ไม่เคยเอาตัวเข้าปกป้องแม้จะรู้ว่าเขาโดนพ่อทำอะไรบ้าง และยิ่งไม่มีเหลือสำหรับคุณพ่อ ที่ไม่มีทั้งเลือดและน้ำตาแม้แต่ในวันที่คุณแม่เสียชีวิตไปก่อนก็ตาม

ไม่นานอาร์เธอก็เติบโตขึ้น เขาสมัครเข้ากองทัพอย่างที่คุณพ่อคาดหวัง แต่ก็หักหน้าด้วยการไปเข้าหน่วยวิจัยที่ตนชอบ เขาทำหูทวนลมกับคำด่าว่าต่างๆ และทำวิจัยทุกอย่างที่เคยอยากทำ แม้แต่ทดลองกับตัวเองก็ตาม นั่นทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้นปละหลากหลายขึ้นจนแม้แต่คุณพ่อก็เริ่มไม่สามารถควบคุมเขาได้

แต่ถึงอย่างนั้นพลังความอุตสาหะก็ไม่อาจสู้พรสวรรค์ได้ ทำให้อาร์เธอเคียดแค้นต่อชะตาฟ้าดินมาตลอด จนกระทั่ง...

เส้นผมครึ่งหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีขาวจากผลกระทบที่ฉีดยาตัวหนึ่งเข้าไปในร่าง สติสัมปชัญญะเองก็ได้รับผลกระทบทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจเมื่อความรู้สึกแรงกล้าเกินไป ร่างกายใหญ่โตและแข็งแกร่งขึ้นจนแม้แต่เหล็กที่ไม่ได้ทำขึ้นพิเศษก็ไม่สามารถแทงเข้าได้ เป็นเพราะเขาทำวิจัยผิดกฎหมาย วิจัยการฉีดเซรุ่มที่พัฒนามาจากเซลล์ของเซิร์กที่สูญพันธุ์ไปแล้วเข้าร่างตัวเองเพื่อการวิวัฒนาการนั่นเอง

แต่สุดท้ายการวิจัยนั้นก็หยุดไปเพราะถูกวิลเลียมทำลายทิ้ง และอาร์เธอเองก็รับปากกับน้องชายคนเดียวเป็นมั่นเหมาะ แม้ว่าจะยังทำวิจัยเกี่ยวกับพลังพรสวรรค์ของแต่ละคนต่อไป เพื่อสักวันจะเอาชนะชะตาที่ถูกกำหนดมาให้คนแต่ละคนได้ เพื่อไม่ให้มีใครโดนแบบเขาในตอนเด็กอีกต่อไป

อาร์เธอเป็นห่วงวิลเลียมมากเมื่อเขาเริ่มต่อต้านคุณพ่อ เพราะเขาไม่อยากเข้ากองทัพ ไม่อยากเป็นทหาร หน่วยวิจัย หรือฝ่ายสำรวจทั้งนั้น วิลเลียมอยากเข้าวงการบันเทิงและเขาก็มีจุดยืนต่อพ่อมาตลอด แม้ว่าอาร์เธอจะไม่เห็นด้วยเลยก็ตามเพราะไม่อยากให้วิลเลียมโดนพ่อที่เลอะเลือนเต็มทีทำร้าย และถ้าวิลเลียมมาเข้าหน่วยวิจัยของเขาเขาก็จะสามารถปกป้องน้องชายได้อย่างเต็มที่ด้วย

แต่เมื่อน้องชายสุดที่รักยังยืนยันคำเดิมมีหรือที่เขาจะขัดได้ เขาจำเป็นต้องปล่อยน้องชายไปและถอยไปปกป้องอยู่ข้างหลัง ส่วนเมื่อมีใครมาขัดขวาง ทำข่าวฉาว หรือแม้แต่จุ้นจ้านเข้ามามากเกินไป อาร์เธอจะไม่มีความปราณีใดๆ ให้แม้แต่นิดเดียว

รวมถึงคุณพ่อด้วย

วันนั้นวิลเลียมกลับบ้านในรอบปี อยากเอาถ้วยรางวัลมาอวดคุณพ่อ แม้ว่าเขาจะโหดเหี้ยมและเอาแต่ใจไม่ฟังใครแต่วิลเลียมก้ยังรู้สึกผูกพันธ์ ถึงแม้จะไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์ที่ดีนักก็ตาม แต่มันก็เกินจะรับไหวเมื่อคุณพ่อเขวี้ยงถ้วยรางวัลนั้นลงกับพื้นอย่างไร้เยื่อใย รูปหล่อสีทองรูปม้วนฟิล์มแตกกระจายเป็นชิ้นๆ เช่นเดียวกับความรู้สึกของเขาที่พังทลาย น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าร่วงลงจากตาและไหลอาบแก้ม แต่ถึงอย่างนั้นคุณพ่อก็ยังเอ่ยแซะว่าเขาช่างมีจิตใจอ่อนแอ เพียงของพังก็ร้องไห้เป็นวัยเบบี้ไม่เติบโตเป็นชายชาตรีเสียที

อาร์เธอที่พึ่งตามมาเพราะได้รับข้อความจากน้องชายว่ากลับบ้านเมื่อเห็นดังนั้นก็ไม่รอช้า พุ่งตัวโจมตีคุณพ่อด้วยดวงตาวาวโรจน์ เพียงไม่กี่กระบวนท่าคุณพ่อที่แก่ตัวลงก็ไม่อาจสู้ลูกชายที่กลายพันธุ์ตัวเองได้

มาร์ตินี่ถูกปักเซรุ่มระเบิดพลังที่พึ่งวางขายในกองทัพสำหรับตอนที่พลังวิญญาณหมดจะถูกเติมอย่างรวดเร็วจนหมดหลอด ขณะที่ใช้ไมนด์ชีลด์กักพลังที่ไหลเวียนบ้าคลั่งนั้นเอาไว้และปล่อยในทีเดียว ร่างอายุหกร้อยสิบสามปีถูกระเบิดจากภายในกลายเป็นเสี่ยงๆ เลือดสีแดงสดอาบย้อมเสื้อกาวน์สีขาวจนชุ่ม

"สุดท้ายชาติทหารสุดแกร่งอย่างคุณ ก็แพให้กับนักวิจัยที่คุณดูถูกมาตลอดจนได้"

เขาเงยหน้าหัวเราะกับฟ้าดินด้วยความบ้าคลั่ง มือสากเขวี้ยงหลอดฉีดยาที่ว่างเปล่าออกไปพ้นตัว ก่อนจะหันหลับมาหาวิลเลียมด้วยรอยยิ้มแสนอ่อนโยนที่ไม่เข้ากับเลือดที่เลอะไปทั้งตัวนั้นแม้แต่น้อย

"โอ๋เอ๋ขวัญเอ๋ยขวัญมานะเจ้าวิลลี่น้อยของพี่"

"พี่จะปกป้องแกเอง ไม่ว่าจากใครก็ตาม"

อาร์เธอกอดน้องชายที่สูงกว่าตนเล็กน้อยนั้นแน่น นิ้วโป้งปาดน้ำตาที่ไหลรินของน้องชายออกทำให้ใบหน้านั้นเลอะด้วยเลือดแทนที่น้ำตา โยกเบาๆ พร้อมกับฮัมเพลงกล่อมเด็กอย่างที่ชอบทำเมื่อยังเด็กกว่านี้ ราวกับเมื่อครู่ไม่มีฉากฆ่าบุพการีเลือดสาดเกิดขึ้นแต่อย่างใด

หลังจากนั้นทั้งสองก็ยังคงรักกันและสนิทกันเช่นเดิม แม้ว่าจะมีช่วงที่วิลเลียมไม่รู้จะทำตัวอย่างไรอยู่บ้าง แต่สุดท้ายมันก็ผ่านมาทั้งแบบนั้น เพราะถึงอาร์เธอจะบิดเบี้ยวไปสักหน่อย แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปคือเขารักและยินยอมน้องชายของตนยิ่งกว่าชีวิต และวิลเลียมเองก็รักครอบครัวเพียงคนเดียวของตนมากเช่นกัน



"เรื่องคร่าวๆ ก็ประมาณนี้แหล่ะครับ รู้แล้วคุณโกรธเขาได้นะครับ แต่ได้โปรดอย่าเกลียดเขาเลย"

วิลเลียมไม่ได้พูดเหตุการณ์ทั้งหมดออกไปอย่างละเอียด เขาเล่าแค่ผิวเผิน แต่ก็มากพอที่จะทำให้หญิงสาวตรงหน้ารับรู้เรื่องราว เขามองเข้าไปในดวงตาของเชอร์เบล เธอมีนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและอ่อนโยน มากกว่าสีน้ำตาลทองของอาร์เธอที่ดูลึกเข้าไปไม่สิ้นสุดและสามารถลุกโชนเมื่อไหร่ก็ได้มากกว่า เมื่อพบว่าเธอไม่มีท่าทีรังเกียจก็เบาใจ รวมไปถึงที่ไม่รังเกียจเขาที่ไม่ทำอะไรกับเรื่องนี้แม้วาจะเห็นพ่อถูกฆ่าต่อหน้าก็ตาม เพราะถึงเทคโนโลยีจะเจริญมาก แต่การจับพ่อแม่เข้าคุกก็ยังเป็นสิ่งที่ยอมรับกันไม่ค่อยได้อยู่ดี ไม่ต้องพูดถึงการฆ่าที่จริงๆ แล้วถือเป็นอาชญากรรม ไม่สามารถลดโทษได้ไม่ว่าจะฆ่าใครด้วยเหตุผลอะไรอื่นนอกจากป้องกันตัวนั่นเอง

"ฉันอาจจะพูดว่าเข้าใจไม่ได้ แต่ฉันก็คิดว่าในตอนนั้นมันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่ทั้งคุณและพี่ชายคุณจะตัดสินใจได้แล้วล่ะค่ะ ดังนั้น ฉันที่เป็นคนนอกไม่มีสิทธิ์โกรธเกลียดและคิดแทนหรอกนะคะ แล้วเรื่องเป็นความลับขนาดนี้ยังยอมเล่าให้ฟังอีก ขอบคุณนะคะ"

"แต่ว่า... ถ้าจากที่ฟังเนี่ยคุณอาร์เธอจะเข้ามาเมื่อมีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณ แล้วทำไมฉันถึงโดนล่ะคะ ถึงจะต่างจากพวกที่ว่าร้ายคุณตรงที่ฉันไม่โดนทำอะไรก็เถอะ"

หญิงสาวเอียงคออย่างไม่เข้าใจ วิลเลียมจึงหัวเราะน้อยๆ แล้วเปิดสตาร์บอร์ดให้ดู

"คุณคงยังไม่ได้อ่านข่าวสินะครับ พวกนักข่าวเล่นข่าวระหว่างคุณกับผมเต็มสตาร์บอร์ดไปหมดเลยล่ะครับ นั่นคงทำให้อาร์เธอเข้าใจว่าคุณเป็น 'คนของผม' น่ะสิ"

ลิ้งก์ข่าวที่ส่งไปทางข้อความถูกหญิงสาวเปิดอ่านทันที เธอกวาดตาดูอย่างรวดเร็วพร้อมกับใบหูที่แดงระเรื่อ ก่อนที่จะพูดด้วยน้ำเสียงแฝงความร้อนรน

"แบบนี้ก็ต้องรีบแก้ข่าวสิคะ! ขนาดคุณพี่ชายยังเข้าใจผิดแบบนี้มีหวัง--"

"ไม่ต้องแก้ข่าวหรอกครับ"

วิลเลียมพูดขัดอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินลงเมื่อประตูด้านข้างเปิดออกพอดีเพราะมาถึงที่หมาย เชอร์เบลรีบผุดลุกตามมาก่อนจะถามอย่างใสซื่อ

"ทำไมถึงไม่ต้องแก้ข่าวล่ะคะ"

ชายหนุ่มกระโดดลงจากบันได และอ้าแขนรอรับอีกฝ่าย ซึ่งไม่เสียเปล่าเลยเพราะตัวรถอัตโนมัติเริ่มแล่นไปต่อเพื่อวนรอบไปที่กองทัพทำให้เชอร์เบลเสียหลักจะล้มลง

หมับ!

แขนทั้งสองข้างโอบรอบเอวบางแน่น ใบหน้าทั้งสองใกล้จนเกือบจะชนกัน ก่อนที่วิลเลียมจะค่อยๆ วางร่างเล็กลงให้ยืนกับพื้นดีๆ นัยน์ตายังคงสบกันราวกับติดในภวังค์ และชายหนุ่มก็ตอบคำถามที่ค้างคาเมื่อครู่ด้วยเสียงกระซิบชวนใจสั่น

"ก็เพราะผมพยายามให้มันเป็นจริงในอนาคตอันใกล้นี้อยู่น่ะสิครับ"

ชายหนุ่มยิ้มอย่างอดใจไม่อยู่ ก่อนจะหันหลังจูงมือหญิงสาวให้เดินตามมาโดยไม่ให้ทันตั้งตัว

"อะไรนะคะ!?"

"ตามนั้นแหล่ะครับ คนของผม"

"เอ๋!??~~"

หญิงสาวเดินตามไปเร็วขึ้นเมื่อถูกกระตุกมือที่จับกันไว้อีกครั้ง แม้ใบหน้าจะแดงก่ำลงไปถึงคอจนรู้สึกร้อนไปหมดด้วยความเขินอายก็ตาม



______________________________________

จะมาคนของพงคนของผมอะไร๊ บว้าาา เขียนเองเขินเอง โง้ยยยยยยย