เกิดใหม่ทั้งทีไม่ได้พรเลยสักอย่าง พระเจ้าขี้งกเอ๊ย แถมยังเงยหน้าตื่นขึ้นมาในซอยเปลี่ยวด้วยร่างผอมแห้งเพราะไดเอทเกินขนาด ยังดีที่ร่างเธอมีเงิน งั้นเก็บแมวตรงหน้าไปเลี้ยงเป็นเพื่อนเลยแล้วกัน!
แฟนตาซี,รัก,slow life,น่ารัก,fluff,feel good,slice of life,โรแมนติก,นิยายชายหญิง,พระเอกคลั่งรัก,แมว,ยุคดวงดาว,สตรีมเมอร์,เกิดใหม่ ,ต่างโลก,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
การมีคาเมนเข้ามาทำให้เชอร์เบลหัวหมุนอยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งพอดีกับที่เธอต้องการทำตัวให้ยุ่งเพื่อที่จะได้ลืมความว้าวุ่นภายในใจไปก่อน ไม่ใช่เรื่องอะไรอื่นเลยนอกจากความชอบของวิลเลียมและเอสเทอร์ที่บังเอิญมอบให้เธอมาพร้อมๆกัน ทำให้เธอรับมือไม่ถูกกับโชคชะตาดอกท้อที่มากระทันหันนี้
แต่ถามว่าคุณชายทั้งสองยอมแพ้ในการจีบเชอร์เบลไหม
ไม่!
ไม่เลยสักนิด
คนนึงก็โดเนทมาในช่องจนติดอันดับหนึ่งตลอดกาลจนกรอบข้อความของเขากลายเป็นสีทองไปแล้ว แถมยังมือไวกดชวนในเกมทุกครั้งที่เธอออนไลน์อีกต่างหาก ทุกวันนี้ในช่องใครๆก็รู้ว่าเกมเมอร์อันดับหนึ่งคนนั้นเป็นขาประจำช่องหม่าวเมี๊ยวไปแล้ว
ส่วนอีกคนก็ไม่น้อยหน้า พาเชอร์เบลไปตรวจเรื่องพลังเองทุกอาทิตย์ด้วยข้ออ้างว่ายังไงคนที่ตรวจเธอก็เป็นพี่ชายของตัวเอง จากนั้นก็ถือโอกาสชวนกินข้าวกลางวันหลังตรวจเสร็จอยู่ร่ำไป
เชอร์เบลทั้งเกรงใจทั้งรู้สึกผิด ยิ่งเมื่อถามออกไปว่าบอกไปแล้วว่าชอบคนนึงที่ที่จากไปไกลมากๆแล้วและไม่คิดจะชอบใครอีกเร็วๆนี้ทำไมยังไม่ยอมล้มเลิก แล้วได้คำตอบกลับมาว่าเพราะไม่อยากให้เธอจมปลักกับอดีต อยากให้เธอมีความสุขแม้ว่าสุดท้ายหนึ่งในพวกเขาหรือทั้งสองคนจะไม่ได้เป็นคนรักของเธอก็ตาม เชอร์เบลได้แต่ยิ้มอย่างอ่อนใจ ในใจรู้สึกอบอุ่นมากกับคำตอบของพวกเขา แม้ว่าเรื่องที่รักฝังใจขนาดนั้นจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตาม
สิ่งที่ฝังใจจริงๆแล้วคือความทรงจำในชีวิตชาติก่อนที่ยังตามมาหลอกหลอนถึงชาตินี้ต่างหาก...
ความยากจน
ความลำบาก
เพื่อนรักที่ไม่ทันได้บอกลา
ลูกศิษย์ที่ไม่ทันได้มองเห็นการเติบโต
ชีวิตที่ไม่ทันได้สุขสบาย
ความตาย
ทั้งความเจ็บปวดหลังจากที่ถูกชน เลือดสีแดงสดที่ไหลเปรอะเปื้อน การหายใจที่ลำบากติดขัด แม้จะพยายามสูดหายใจเท่าไหร่ก็ยิ่งหมดอากาศจะหายใจ ราวกับจมลงสู่ทะเลเลือดอันมืดมิดไปเรื่อยๆ กลิ่นสนิมเหล็กชวนคลื่นเหียนจนอยากอ้วก เสียงกรี๊ดตกใจและเสียงร้องไห้จ้าของเด็กๆดังอยู่รอบตัวจนหนวกหู ทว่าเมื่อเธอพยายามยื่นมือออกไปขอความช่วยเหลือกลับไม่มีใครกล้าเข้ามาสักคน
กว่าจะได้ยินเสียงหวอที่ไม่รู้ว่าเป็นรถพยาบาลหรือรถตำรวจ เธอก็ขาดใจตายเสียแล้ว...
ตายโดยที่ชีวิตไม่เคยประสบความสำเร็จอะไรสักอย่าง
ตายโดยมีสิ่งติดค้างมากมาย
ตาย...อย่างไร้ความหมาย
แม้เชอร์เบลจะรับรู้อยู่ในใจว่าตนเองตายไปแล้วจริงๆ แต่กลับไม่อาจปล่อยวางเรื่องในใจทิ้งลงไปได้ แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่านี่คือชีวิตที่ตนต้องดำเนินต่อไป แต่ส่วนหนึ่งในใจกลับไม่รู้สึกว่าที่นี่เป็นที่ของตน รอบตัวมีแต่เรื่องแปลกประหลาดที่ไม่เข้าใจ ผู้คน สังคม เทคโนโลยี ราวกับเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไม่เข้าพวกกับอะไรเลยในโลกใบนี้
มีเพียงตอนที่อยู่คนเดียวกับเหล่าแมวจึงจะรู้สึกว่ามีเพื่อนให้พูดคุยด้วยได้อย่างสบายใจ
เพราะแมวไม่เข้าใจวิถีชีวิตของมนุษย์ และไม่สนใจจะเข้าใจ
แมวเป็นแค่แมว ที่เธอจะทำตัวประหลาดกว่าคนอื่นในสังคมก็ไม่ตัดสิน
แมวไม่ทะเยอทะยาน ไม่ตัดสิน ไม่ผิดหวัง
มีเพียงความรักและความอบอุ่นนุ่มฟูอันบริสุทธิ์เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อมีคนเข้ามาแสดงออกถึงความรักชอบเธอถึงสองคนเธอจึงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไม่รู้ว่ามันจะดำเนินไปในทิศทางใด ไม่รู้ว่าจะปกปิดเรื่องชาติที่แล้วกับคนที่เป็นคนรักไปตลอดชีวิตได้อย่างไร หากจะบอกก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเข้าใจได้หรือไม่ ทั้งหวาดกลัวว่าจะถูกผิดหวังเมื่อเธอไม่เป็นไปตามที่ใครคิดเอาไว้
ทั้งอยากลองก้าวออกไป ทั้งหวาดกลัวจนปกป้องตัวเองเอาไว้
ช่างย้อนแย้งกันจนเชอร์เบลไม่อาจก้าวไปทางใดได้
ทั้งลังเลไม่เด็ดขาด ทั้งอ่อนไหวจนน่าเห็นใจ
บางทีนัยน์ตาที่สั่นไหวของเธอคงเห็นได้ชัดเกินไป หรือเพราะเธออาจจะเผลอเหม่อลอยให้เห็น ทั้งวิลเลียมและเอสเทอร์จึงไม่เคยเซ้าซี้อะไรจากเธอ มีเพียงคำพูดที่บอกว่าจะอยู่เคียงข้างจนกว่าเธอจะพร้อมเท่านั้น และความเงียบที่อบอุ่นที่ปล่อยให้เธอได้สงบสติอารมณ์
"ขอบคุณนะคะ พวกคุณดีมากจริงๆ"
"พวกเราดีขนาดนี้ ถ้ายังจะผลักไปให้คนอื่นคุณจะเสียดายทีหลังนะครับ"
ฟังน้ำเสียงหยอกล้อนั้นเชอร์เบลก็หลุดยิ้มออกมาจนได้ สองหนุ่มที่เห็นคนในดวงใจหัวเราะออกก็หัวเราะออกได้ตาม เข่าทั้งสองชนกันเบาๆทีหนึ่งใต้โต๊ะทานข้าวแทนการแปะมือว่าสำเร็จ ก่อนจะเริ่มแยกกันแข่งกันเอาใจหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามพวกตนอีกครั้ง
หลังจากได้รับการตรวจสอบอีกหลายครั้งจากอาร์เธอ ในที่สุดเชอร์เบลก็รู้ว่าตัวเองมีพลังอะไรกันแน่ นั่นก็คือ แชร์ริ่งไมนด์ หรือก็คือเธอสามารถประสาน แบ่งปัน และนำพลังคนอื่นมาใช้เป็นของตัวเองได้ เหมือนที่เธอเคยช่วยให้เอสเทอร์ในสตรีมฟื้นฟูพลังวิญญาณโดยบังเอิญ หรือตอนที่แบ่งความเจ็บปวดให้คนอื่นในห้องทดสอบพลัง และตอนที่เอาโล่ของอาร์เธอมาใช้ ข้อจำกัดเดียวของการนำพลังคนอื่นมาใช้คือคนที่เธอจะแบ่งพลังมาจะต้องใช้พลังนั้นอยู่ด้วย เพราะพลังนั้นไม่ใช่ของเธอเอง เมื่อผู้ใช้พลังตัวจริงหยุดใช้พลังที่เธอแชร์มาจึงหายไปนั่นเอง
"ในที่สุดก็เสร็จสักทีนะครับ"
โจเซฟพูดขึ้นหลังจากที่หญิงสาวเดินออกมาจากกองทัพแล้วและข้อมูลพลังวิญญาณของเธอก็ปรากฎในฟอรั่มส่วนตัว ทำให้แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรโจเซฟที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลของเธอได้จึงรู้ได้เองทันทีที่ข้อมูลอัพเดทนั่นเอง
"นั่นสินะ จะได้กลับไปพักยาวๆโดยไม่ต้องมากองทัพสักที"
เชอร์เบลถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าสุดท้ายแล้วอาเธอร์จะไม่ได้ทำอันตรายเธอแต่อย่างใด แต่บรรยากาศในกองทัพที่ดูยิ่งใหญ่กดดันก็ยังทำให้เธอรู้สึกอึดอัดอยู่ดี แถมสายตาที่เหมือนอยากจับเธอไปวิจัยของอาเธอร์ที่มีมาเป็นระยะๆนั้นก็ยังทำให้เธอขนลุกได้ทุกที แม้ว่าจะรู้ว่าเขาแค่ต้องการวิจัยให้มนุษย์ก้าวข้ามข้อจำกัดของพลังวิญญาณที่ติดตัวมาแต่กำเนิดก็เถอะ และด้วยความใจอ่อนสุดท้ายเธอจึงยอมให้เลือดตัวอย่างกับเขาไปหนึ่งหลอดใหญ่ ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นจะทำเอารู้สึกขนลุกที่เห็นเลือดจำนวนมากที่ถูกดูดออกมาสดๆจนต้องหลับตาหันหน้าหนีเลยก็เถอะ
"เชอร์เบล!"
เสียงเรียกที่ดังมาจากที่ไกลๆทำให้เธอต้องหันไปมอง แต่เมื่อเห็นแล้วว่าใครมาเธอก็แทบจะหันหลังกลับทันทีด้วยความไม่อยากเจออีกฝ่าย
เป็นเขา อีริค เทอเรนส์นั่นเอง ตัวต้นเหตุที่ทำให้เชอร์เบลคนเก่าถูกบูลลี่จนซึมเศร้าทับถมกับที่เศร้าที่พ่อแม่จากไปกระทันหันอยู่แล้ว จนกระทั่งขาดสารอาหารตายไปอย่างน่าสงสาร
"เชอร์เบล เดี๋ยวก่อน!"
มือใหญ่จับข้อมือของเธอเอาไว้ หญิงสาวพยายามขืนมือออกแต่ก็ไม่เป็นผล พละกำลังของชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ากองสำรวจนั้นแข็งแกร่งเกินไป
"ฉันมีเรื่องอยากพูดกับเธอจริงๆนะ"
"แต่ฉันไม่อยากพูดกับคุณ"
เชอร์เบลพูดอย่างเย็นชา แต่ชายหนุ่มกลับไม่ยอมแพ้ อีกฝ่ายอ้อมมาอยู่ต่อหน้าเธอ จับมือทั้งสองของเธอเอาไว้และย่อตัวลงช้อนตามองเธอ ราวกับบังคับให้ต้องมองหน้ากันให้ได้
"ฉันแค่อยากขอโทษ ที่ผ่านมาฉันทำตัวแย่จริงๆ ขอโทษนะเชอร์เบล"
เมื่อนั้นเองที่เชอร์เบลประสานสายตากับอีกฝ่าย นัยน์ตาสีเขียวสดและใบหน้านั้นทำให้ความทรงจำที่เลือนรางของเชอร์เบลคนเก่าผุดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งความรักชอบ ทั้งความโกรธแค้นเสียใจ ตัดสลับกันจนปนกันมั่วไปหมดราวกับเขื่อนน้ำที่ระเบิดทะลักออกมาพร้อมกัน ทำให้เธอปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจนต้องร้องออกมา
"โอ๊ย!!"
"นายหญิง!"
โจเซฟเข้ามาทันทีที่ได้ยินหญิงสาวร้องด้วยความเจ็บปวด เขาผลักร่างสูงที่ไม่ทันตั้งตัวให้ออกไปห่างและผละการจับกุมข้อมือจากหญิงสาว
"เชอร์เบล!"
อีริคร้องเรียกด้วยความตกใจ แต่นั่นยิ่งทำให้หญิงสาวหงุดหงิดเพราะความเจ็บปวดที่พุ่งสูงขึ้น มือทั้งสองยกขึ้นปิดหูอย่างแรงแทบจะบีบขมับของตนเองให้แหลก
"อย่าเรียก! บอกว่าอย่าเรียก!!"
เธอกรีดร้อง ไม่ใช่เพราะอีริคตรงหน้าที่เรียกเธอ แต่เป็นเสียงในความทรงจำที่เรียกชื่อเชอร์เบลซ้ำๆ ไม่ว่าจะตอนทักทายเบาๆ ตะโกนเรียก เสียงพูดถึงชื่อของเธอ และเสียงอื่นๆอีกมากมายที่ล้วนดังจนหนวกหู
"หยุดเรียกสักที!! กรี๊ดดดด!!!!"
เธอกรีดร้องออกมาเมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่เมื่อเสียงทั้งหมดเริ่มจางหายไปเธอก็รู้สึกอ่อนแรงจนร่วงลงไปกับพื้น ก่อนที่สติจะค่อยๆดับวูบลงไปอย่างรวดเร็ว
____________________________________
ต้มมาม่าเล็กน้อย--แค่กๆ //โดนนักอ่านตบ
แหม ก็ผ่านความตายมาครั้งหนึ่งแล้ว แม้ว่าภายนอกจะดูปกติแต่ในใจก็ต้องมีแผลกันบ้างแหล่ะเนาะ
คิดถึงคนอ่านจังเลยย ไม่ได้มาตั้งนานแหน่ะ
ช่วงนี้ชีวิตเริ่มลงตัวมากขึ้นแล้ว มีเวลามาต่อเรื่องยาวแล้ววว เย้ 🎉
เพื่อเป็นการชดเชยที่มาต่อช้า(มาก)จะเปิดตอนนี้ให้อ่านฟรีไปเลย ไม่ต้องเสียตังซื้อล่วงหน้าหรือรออ่านฟรีสามวันเลอออ ด้วยรักจากไรท์เตอร์