'ความลับไม่มีในโลก' ถึงผมจะเชื่ออย่างนั้น แต่หากมันทำให้เธอเสียใจเมื่อรู้แล้วล่ะก็ ผมยอมเก็บมันเป็นความลับต่อไปแล้วหายไปกับผม 'ตราบอนันต์'
ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,เรื่องสั้น,เศร้า,melynskyv,สุขสานอนันต์กานต์,นิยายวาย,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(ฟรี-31/01) สุขสานอนันต์กานต์'ความลับไม่มีในโลก' ถึงผมจะเชื่ออย่างนั้น แต่หากมันทำให้เธอเสียใจเมื่อรู้แล้วล่ะก็ ผมยอมเก็บมันเป็นความลับต่อไปแล้วหายไปกับผม 'ตราบอนันต์'
- มีตัวละครหลักตาย
- มีเลือด
- มีการทำร้ายร่างกาย
- มีการใช้อาวุธปืน และมีด
- มีการคุกคามทางสายตาและการสัมผัสผ่านเครื่องแต่งกาย
- มีตัวละครหลักตาย
"วันนี้คุณกินต้มจืดอีกแล้วเหรอ" เธอเอียงคอสงสัย ช่วงนี้ผมกินต้มจืดบ่อยจนเธอสังเกตได้ แม้ปกติจะไม่ค่อยได้กินอย่างอื่นแต่ก็กินต้มจืดน้อยกว่าตอนนี้อยู่ดี ผมคิดอะไรไม่ทันจึงอ้างว่าเพราะไม่ค่อยอยากอาหาร บวกกับเบื่อเครื่องปรุงจึงทานแต่ของเดิม ๆ ไม่รู้จะเชื่อกับคำแก้ตัวสุดโง่งมนี้ไหม แต่กานต์ก็ไม่ได้แสดงอาการสงสัยอะไรออกมา
ผมพูดต่อว่าหากเธออยากกินอะไรเพิ่มเติมสามารถบอกได้เสมอ เพื่อไม่ให้เธอคิดเกี่ยวกับบทสนทนาก่อนหน้า หรือความจริงอาจเป็นผมเองต่างหากที่คิดมากเกินไป แต่เธอปฏิเสธแล้วคิดว่าผมจะเบื่อที่กินต้มจืด
"ไม่เบื่อ พี่ไม่เบื่อเลยค่ะ ถ้าชอบจริง ๆ ให้กินทุกวันยังได้เลย" ผมตอบอย่างนั้นก่อนใบหน้าหวานของเธอจะเริ่มแดงระเรื่อ คงเพราะคำพูดที่ดูสองแง่สองง่ามนั้นจึงทำให้คนสวยตรงหน้าผมคิดไปไกล
เธอหลุบตามองพื้นแล้วพูดเปลี่ยนเรื่องอย่างตะกุกตะกัก ก่อนตรงไปยังห้องครัวอย่างเร่งรีบ ถึงผมจะไม่ได้ตั้งใจให้ความหมายมันสื่อไปในทางอื่น แต่การได้เห็นคนรักของผมเป็นแบบนี้แล้ว จะยอมให้เธอเข้าใจผิดแบบนั้นต่อไปก็คงกำไรไม่น้อย
ผ่านไปไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องครัว โดยแก้มเล็กนั้นยังแดงไม่หาย ผมไม่อยากแบ่งมุมนี้ของเธอให้ใครเห็นเป็นที่สุด เพราะมันน่ารักจนกลัวคนอื่นเขาจะตกหลุมรักอย่างที่ผมเป็น
เธอบอกให้ผมทานข้าวต่อ ปากอวบอิ่มของที่เม้มเข้าหากันบวกกับแก้มที่พองขึ้นเล็กน้อย เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเธอกำลังไม่พอใจ และหากถามว่าทำไมถึงรู้ ก็ต้องตอบเลยว่าเพราะประสบการณ์สั่งสมมาตั้งแต่บรรพกาล
แต่ไม่ว่ากานต์จะทำหน้าอย่างไร จะยับยู่ยี้แค่ไหน สำหรับผมเธอก็ยังเป็นคนที่สวยที่สุดอยู่ดี...
"ขอโทษครับ พอดีคนรักของพี่สวยไปหน่อยเลยหยุดมองไม่ได้" และผมก็รู้ ว่าเธอจะมีปฏิกิริยายังไงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของผม
พยายามบ่ายเบี่ยงเปลี่ยนเรื่อง แต่ตรงกันข้ามกับรอยยิ้มของเธอ อาการเขินในฉบับคนน่ารักอย่างพันธกานต์คือการยิ้มขำพร้อมเบี่ยงเบนความสนใจไปทางอื่น เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ตักข้าวใส่จานผมเพื่อบอกให้รับประทานอาหารตรงหน้า
"ไม่ต้องแอบยิ้มก็ได้ครับ ยิ้มกว้าง ๆ เลยก็ดีพี่อยากเห็น"
"เมื่อไหร่คุณจะเลิกหยอดกานต์สักที เราคบกันมาปีนี้เข้าปีที่สิบเอ็ดแล้วนะครับ"
"พี่จะจีบกานต์ทุกวันจนกว่ากานต์จะเบื่อ แต่ถึงเบื่อพี่ก็ไม่หยุดหรอก"
"ทำไมครับ?"
"ก็เพราะว่า" เธอสบตาผม เราจ้องกันอยู่นานจนทำใจหัวใจเต้นระรัว
"ขนาดกานต์ยังไม่หยุดน่ารักเลย แล้วทำไมพี่ต้องหยุดด้วย" เธอที่ตั้งใจฟังอย่างดีก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วตักข้าวในจานไปคำ อาการเขินแบบคนน่ารักผมว่าเขาคงแก้ไม่หายหรอกครับ เพราะขนาดผมยังหยุดรักเธอไม่ได้เลย
"ทำให้ได้อย่างที่พูดก็แล้วกันนะ เพราะกานต์ไม่มีวันเบื่อแน่"
" ครับ พี่เข้าใจแล้วครับคุณพันธกานต์"
"เย็นนี้อยากทานขนมอะไรเป็นพิเศษไหม"
"อะไรก็ได้ครับ"
"ห้ามพูดว่าของเหลือ ไม่งั้นกานต์โกรธจริง ๆ ด้วย" ยังไม่ทันเอ่ยจบเธอก็รู้ดีว่าผมจะบอกว่าอะไรจึงพูดดักไว้
"พี่เอาอะไรก็ได้ที่ไม่หวาน"
"แค่นั้นเหรอ" น้ำเสียงเธอฟังดูเศร้าใจเล็กน้อย คงเพราะร้านของกานต์มีขนมที่ไม่หวานแค่ไม่กี่อย่างเนื่องจากคนส่วนมากชอบทานหวาน
"อย่าทำหน้าแบบนั้นเลยนะ พอดีวันนี้พี่อยากทานโกโก้เลยขอแบบไม่หวานนะครับ" ผมบอกไม่ได้หรอกว่าผมไม่ควรกินขนมพวกนั้นเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะไม่อยากเห็นเธอน้อยใจแล้วคิดว่าผมไม่อยากทานฝีมือเธอ
"อือ ปกติคุณก็ไม่ทานหวานอยู่แล้ว ไม่ได้คิดมากอะไรเพราะกานต์เข้าใจ" เธอพูดพร้อมยิ้มออกมาให้ผมรู้ว่าเธอเป็นอย่างที่พูดจริง ๆ
"พี่ขออะไรกานต์อย่างหนึ่งได้ไหม"
"อะไรครับ?"
"ต่อจากนี้ถ้ากานต์อยากเอาขนมมาให้ พี่ขอแบบไม่หวานได้ไหมครับ"
"ทำไมพูดอย่างนั้นล่ะ เรื่องแค่นี้เองทำไมกานต์จะทำให้ไม่ได้" คิ้วของเธอขมวดเป็นปม ผมจึงอดจิ้มนิ้วลงตรงกลางหน้าผากนั้นไม่ได้
"พี่จะบอกว่าพี่รักเธอนะ อยากอยู่ด้วยกันแบบนี้ไปอีกนาน ๆ " ผมกุมมือเล็กไว้บนโต๊ะแล้วก้มประทับริมฝีปากลงไป ส่วนเธอที่ได้ยินแบบนั้นก็เหมือนจะชะงักเล็กน้อย แววตาแสดงออกถึงความสงสัย แต่ก็เก็บมันไว้ไม่ได้ถามออกมา
หลังจากนั้นเราก็กินข้าวเสร็จ ผมไม่ลืมกอดลาพร้อมพรมจูบเปลือกตาคู่สวย ก่อนถึงเวลาทำงานของเธออย่างเคย
เมื่อประตูบ้านปิดลง ผมรู้สึกเจ็บหัวใจขึ้นมาเสียดื้อ ๆ อาจเพราะความรู้สึกก่อนหน้าที่ทำให้รู้สึกเช่นนี้...
ความรู้สึกที่ไม่อยากจากเธอไป
รดน้ำต้นไม้เสร็จได้ไม่นานผมก็ได้ยินเสียงเหมือนใครบางคนจะกลับมาแล้ว จึงเดินออกไปต้อนรับคนที่เพิ่งทำงานมาเหนื่อย ๆ โดยไม่ลืมถามเรื่องความเรียบร้อยของงานเพราะปกติเธอไม่ได้กลับบ้านเวลานี้
"วันนี้ลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่ครับ กานต์เลยกลับเร็วกว่าปกติ" เธอถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน ผมจึงช่วยถือกระเป๋าผ้าลายไทยไปไว้บนโต๊ะ
"พี่ยังไม่ได้เตรียมข้าวไว้เลย กานต์รอเดี๋ยวนะครับ" แต่ก่อนผมจะเดินเข้าครัวมือเล็ก ๆ ของเธอก็ถูกยกขึ้นมาจับชายเสื้อผมซะก่อน
"กานต์รอได้คุณไม่ต้องรีบ อีกอย่างกานต์ยังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วยเพราะปกติไม่ได้กินเวลานี้" ไม่รู้เพราะลางสังหรณ์หรืออะไรที่ทำให้ผมคิดว่าเธอผิดไปจากเดิม
"เป็นอะไรครับ ไหนเล่าให้ฟังหน่อย" ผมรวบแขนกอดเธอพร้อมลูบผมปอย ๆ ราวปลอบโยน
"แค่รู้สึกว่าอยากกลับมาหา อยากใช้เวลาอยู่กับพี่" เธอซุกหน้ากับอกแล้วพูดเสียงอู้อี้ ผมเลยรู้ว่าไม่ได้คิดไปเองเรื่องที่เธอแปลกไป
"หรือคำพูดตอนเช้าของพี่ทำเธอคิดมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่ก็ขอโทษด้วยที่ทำให้วันนี้ของกานต์เป็นวันที่ไม่ดีอย่างควร"
"ไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างนั้นเลย เพราะกานต์แค่อยากอยู่กับพี่ อยากใช้เวลาอยู่กับพี่จริง ๆ " ใจผมกระตุกวูบ ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดที่เหมือนกับเธอรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ผมปิดบังไว้ ถึงอย่างนั้นก็เผยยิ้มออกมาพร้อมลูบหัวคนรักต่อไป
"เธอไม่มีอะไรจะเล่าเหรอครับ หรือกานต์อยากถามอะไรพี่ไหม" ผมกลัวว่าสิ่งที่คิดจะเป็นจริง จึงถามเพื่อความแน่ใจว่าเธอไม่ได้รู้เกี่ยวกับมัน
"ทำไมกานต์ต้องถามด้วยล่ะ กานต์แค่รู้สึกแปลก ๆ วูบโหวงข้างในยังไงก็ไม่รู้" อย่างกับเธอมีลางสังหรณ์ และผมก็รู้สึกได้ว่าผมต้องแสดงหน้าตาแปลก ๆ ออกไปอย่างแน่นอน
"ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากไปเลยนะครับ" ผมจรดริมฝีปากกับหน้าผากมน เพื่อให้เธอรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายลง
"อือ" เธอหลับตาปี๋รับสัมผัสนั้นแล้วช้อนตาขึ้นมอง ผมรู้สึกได้ถึงความน่ารักที่ส่งผ่านมาจนอดเอ็นดูไม่ได้
"เดี๋ยวพี่จะทำกับข้าวให้ทาน กานต์นั่งรอตรงนี้ได้ไหม" ผมจับแขนเธอเพื่อบอกว่าให้ปล่อยกอดแต่เหมือนเธอจะไม่ยอม
"กานต์อยากทำด้วย ให้กานต์ช่วยนะ"
"ได้ครับ มีผู้ช่วยแบบนี้พี่ชอบทำอาหารขึ้นเยอะเลย" รู้สึกว่าวันนี้เธอจะขี้อ้อนเป็นพิเศษ แต่ผมก็รู้สึกดีที่เป็นแบบนั้นเลยไม่ได้ขัดอะไร
เวลาผ่านไปจนทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย บนโต๊ะมีข้าวพร้อมกับสองสามอย่างที่ใกล้หมดแต่ระหว่างนั้นเธอก็เอ่ยขึ้น
"คุณว่าเราควรไปเที่ยวบ้างดีไหมครับ" ผมสงสัยที่อยู่ ๆ เธอก็ถาม
"กานต์อยากไปเหรอ" ผมวางช้อนส้อมลงแล้วตั้งใจฟัง อาจเพราะกานต์ไม่ได้เป็นคนที่ชอบเที่ยวและพวกเราก็ไม่ค่อยได้เที่ยว อยู่แบบนี้ก็มีความสุขมากแล้วเลยไม่ได้ต้องการสถานที่สวยงามเพื่อบรรเทาความทุกข์
"แค่คิดว่าเราไม่ค่อยได้ไปเที่ยวด้วยกันเลย ล่าสุดก็เมื่อสี่ปีที่แล้ว" พอผมคิดตามแล้วมันก็นานจริงอย่างที่ว่า
"พี่ยังไงก็ได้ครับ ดีเหมือนกันกานต์จะได้พักผ่อนบ้าง" เมื่อส่งยิ้มให้เธอก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าหวานเช่นเคย
"หนังสือที่พี่เขียนเป็นยังไงบ้าง ขายดีไหมครับ" เหมือนว่าต่างคนต่างอิ่ม เธอจึงวางทุกอย่างลงแล้วสบตากับผมเพื่อถามไถ่
"มันก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้างตามภาษางานเขียนประเภทวรรณกรรมน่ะ แต่กานต์ไม่ต้องห่วงหรอก ถึงจะเป็นอย่างนั้นพี่ก็พอใจแล้ว"
"มั่นใจนะ ถ้าพี่อยากให้กานต์ช่วยเรื่องอะไรก็บอกได้เสมอนะครับ"
"ไม่ต้องการอะไรมากมายเลย แค่กำลังใจจากเธอก็ทำให้พี่มีความสุขมากแล้วครับ" ผมจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวยเพื่อบ่งบอกว่าผมต้องการแค่นั้นจริง ๆ แต่เธอก็หลบตา ทำเอาผมหลุดยิ้มให้ความน่ารักอันหาที่สุดไม่ได้
"เอาเป็นว่าเรื่องเที่ยวเราค่อยหาสถานที่กันนะ"
"ครับ พี่ตามใจเธอ"
"อิ่มแล้วใช่ไหม เดี๋ยวกานต์ล้างถ้วยให้" เธอลุกขึ้นแล้วยกจานบนโต๊ะไปซ้อนกันแต่โดนผมหยุดไว้ก่อน
"ไม่เป็นไร ไปนั่งพักเถอะเดี๋ยวพี่ทำเอง" ผมลุกขึ้นตามเพื่อรับหน้าที่นั้นไว้ แต่เธอก็ไม่ปล่อยของในมือเสียที ผมจึงมองตาคู่สวยที่กำลังจ้องกลับมาเช่นกัน ผมถอนหายใจเล็กน้อยเพราะรู้ว่าการที่เธอไม่ยอมปล่อยมือแปลว่าอะไร ดื้อได้ใครก็ไม่รู้
"ได้ครับ งั้นเราช่วยกันดีไหม จะได้ไม่ต้องมีคนใดคนหนึ่งเหนื่อยอยู่ฝ่ายเดียว" เธอพยักหน้าหงึกหงักแล้วปล่อยจานพวกนั้น ผมส่งยิ้มให้ก่อนเดินถือมันเข้าไปในครัวพร้อมคนรักที่ตามหลังมา
ตกดึก เมื่อเราทั้งคู่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยจวนเข้านอน ผมเดินไปหาเธอแล้วจุมพิตบนหน้าผากแทนคำว่าฝันดี
"คุณยังไม่นอนเหรอ" เธอถามด้วยดวงตาแสนซื่อ ผมเข้าใจว่าทำไมถึงสงสัยเพราะก่อนหน้านี้ผมมักจะเข้านอนพร้อมเธอเสมอ
"ครับ ถ้าง่วงก็นอนได้เลยไม่ต้องรอพี่"
"จะเขียนนิยายตอนนี้เหรอครับ ไว้พรุ่งนี้ไม่ได้เหรอ" ใบหน้าออดอ้อนทำเอาผมไม่อยากห่างจากเธอแม้หนึ่งวินาที แต่ก็ไม่สามารถตอบรับความต้องการนั้นได้จึงจำใจปฏิเสธ
"พี่ขอโทษนะครับ แต่ถ้าเขียนพรุ่งนี้พี่จะจำเนื้อเรื่องไม่ได้" ว่าแล้วก็ลูบผมนุ่มอย่างเอ็นดู ผมเสียใจที่ต้องโกหกกานต์แต่หากต้องบอกความจริงไป ผมอาจต้องเป็นอันเสียใจมากกว่านี้...
ผมเฝ้าเธออยู่อย่างนั้นจนเธอหลับ ถึงกานต์จะงอแงแต่ก็เข้าใจผมจนยอมเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างโดยดี
ยังไงก็คงไม่หยุดน่ารักจริง ๆ ผู้เป็นที่รักของเอกอนันต์