'ความลับไม่มีในโลก' ถึงผมจะเชื่ออย่างนั้น แต่หากมันทำให้เธอเสียใจเมื่อรู้แล้วล่ะก็ ผมยอมเก็บมันเป็นความลับต่อไปแล้วหายไปกับผม 'ตราบอนันต์'
ชาย-ชาย,ดราม่า,รัก,เรื่องสั้น,เศร้า,melynskyv,สุขสานอนันต์กานต์,นิยายวาย,ดราม่า,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
(ฟรี-31/01) สุขสานอนันต์กานต์'ความลับไม่มีในโลก' ถึงผมจะเชื่ออย่างนั้น แต่หากมันทำให้เธอเสียใจเมื่อรู้แล้วล่ะก็ ผมยอมเก็บมันเป็นความลับต่อไปแล้วหายไปกับผม 'ตราบอนันต์'
- มีตัวละครหลักตาย
- มีเลือด
- มีการทำร้ายร่างกาย
- มีการใช้อาวุธปืน และมีด
- มีการคุกคามทางสายตาและการสัมผัสผ่านเครื่องแต่งกาย
- มีตัวละครหลักตาย
วันนี้ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ ผมไปส่งกานต์หน้าประตูพร้อมมอบความสบายใจให้อย่างเคย
หลังจากที่ประตูบ้านปิดลง ผมก็ออกไปดูต้นไม้ที่ปลูกไว้และรดน้ำให้มัน พอเห็นว่าเริ่มออกดอกเล็ก ๆ บ้างแล้ว ผมก็ดีใจที่ความอดทนในช่วงเวลาที่ผ่านกำลังจะเห็นผล คอยเฝ้ารอ คอยทะนุถนอมและปลูกอย่างใส่ใจมากกว่าต้นอื่น เพราะผมรู้ว่ากานต์ชอบดอกไม้ชนิดนี้มาก และหวังว่าคนรักของผมจะชอบความตั้งใจที่ทำเพื่อเธอเช่นกัน
ตกเย็นวันนั้น เมื่อเธอกลับบ้านผมก็เสนอสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเหมือนที่เคยคุยกันไว้ก่อนหน้า และได้ข้อสรุปว่าเราจะขึ้นดอยในช่วงหน้าหนาว เพราะตอนนั้นเป็นช่วงที่อากาศเย็นและน่าชม ถึงผมจะสามารถอยู่ได้ถึงเวลานั้นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่หวังลึก ๆ ว่าอย่างน้อยอยากมีความทรงจำดี ๆ ก่อนจากเธอไป
"ชักตื่นเต้นแล้วสิ พอคิดว่ามันจะต้องสนุกมากกานต์ก็อยากให้ถึงเร็ว ๆ ซะได้" ใบหน้ายิ้มแย้มและดวงตาอันสดใสบ่งบอกว่านี่คือเธอ คือตัวตนที่น่ารักของเธอ
"พี่ก็ตื่นเต้นครับ นับวันรอจนกว่าจะได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันเลย" ผมพูดไปตามความรู้สึกแบบไม่เกินจริงแต่อย่างใด
"กานต์ก็จะรอวันที่เราได้ทำสิ่งที่ชอบร่วมกันนะ" เธอพูดพร้อมยิ้มจนตาจะปิด เห็นแค่นี้ก็รู้แล้วว่าดีใจขนาดไหน เดาไม่ยากเลยว่าเมื่อถึงวันนั้นเธอคงจะมีความสุขมากเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้อย่างแน่นอน
"งั้นเรามาทานข้าวกันนะครับ ก่อนที่ท้องเธอจะร้องโวยวาย"
" คุณพูดแบบนี้ได้ยังไง กานต์ไม่เคยเป็นอย่างนั้นสักหน่อย" ว่าเสร็จก็ยู่ปากเหมือนกำลังงอน ถึงจะรู้ว่าไม่ได้จริงจังนักแต่ผมก็อยากง้อเธออยู่ดี
"โอ๋ ขอโทษที่พูดผิดครับ พี่แค่เป็นห่วงกลัวเธอปวดท้อง" ผมเดินไปโอบเพื่อปลอบโยน เมื่อถูกเธอกอดกลับแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มตาสระอิให้โลกทั้งใบก็ราวกับหยุดหมุน จังหวะนั้นผมคิดได้แค่ว่า...
พันธกานต์น่ารักที่สุดในโลกของผมเลย
"บางทีก็คิดว่ากานต์ทำของใส่คุณหรือเปล่า ทำไมถึงดูคลั่งรักตั้งแต่วันแรกจนถึงทุกวันนี้"
"พี่ก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ถึงจะไม่ทำพี่ก็คงรักกานต์เหมือนเดิม"
"หรือบางทีอาจจะเป็นความสามารถของคนเป็นนักเขียนอยู่แล้ว คนที่แต่งเรื่องราวของคนสองคนให้มารักกันได้คงเป็นคนที่มีคารมคมคายไม่น้อย"
"ถึงอย่างนั้นก็ไม่เจ้าชู้นะครับ" ผมพูดพร้อมแนบหน้าผากไว้ตรงอวัยวะเดียวกันจากนั้นก็สบตาเธอ แต่เหมือนจะมีแค่ผมคนเดียวที่ทนไหวเพราะถูกคนตรงหน้าหลบตาหลังจากที่จ้องได้ไม่นาน
"กานต์จะไปอาบน้ำแล้ว" เธอพูดทั้งที่ยังไม่สบตา แก้มแดงเริ่มลามไปยังหูนั้นดูน่าเอ็นดูจนผมอดยิ้มไม่ได้
"อาบด้วยกันไหม เดี๋ยวพี่ช่วย" มือเรียวตีแขนผมที่กำลังโอบเธอเบา ๆ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ปล่อยกอด
"พูดเรื่องนี้ออกมาหน้าตายได้ยังไง" เธอพองแก้มเหมือนกำลังไม่พอใจ แต่ผมรู้ว่าเธอเขินเท่านั้นไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
"เห็นมากกว่านี้ก็เห็นมาแล้ว ยังจะเขินอีกเหรอ" ผมขยับหน้าเข้าใกล้จนอีกฝ่ายหลับตาปี๋ น่าเอ็นดูที่สุดเลย
"คุณอนันต์ปล่อยกานต์นะ"
"ไม่เห็นเหมือนคำขอร้องเลย" ผมเอ่ยปนหยอก เพราะท่าทางของเธอตอนนี้มันน่าแกล้งเสียจนใจเจ็บ
"พี่อนันต์ ปล่อยกานต์นะครับ" เธอพูดพร้อมเงยหน้าขึ้นมาสบตา ท่าทางนั้นทำเอาผมแทบบ้า แล้วเธอก็รู้ว่าผมจะต้องแพ้อย่างแน่นอน สรุปแล้วไม่รู้ว่าใครแกล้งใครกันแน่
ผมทำตามที่กานต์ขอ แต่ก็ไม่ลืมที่จะประกบริมฝีปากเข้ากับอวัยวะเดียวกันของเธอเพื่อแสดงความรักในอีกรูปแบบ
เมื่อผละออกเธอก็มองปากผมเหมือนกำลังเสียดาย เห็นอย่างนั้นแล้วก็ป้อนจูบให้อีกคราอย่างไม่รีรอ ทำไงได้ล่ะ สายตาของเธอมันมีอิทธิพลกับผมมากเกินไปจนทนไม่ไหว
"คนฉวยโอกาส" พูดจบก็ช้อนตามองพร้อมแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ
"ครับ ฉวยโอกาสก็ฉวยโอกาส กานต์ว่าไงพี่ก็ว่าอย่างนั้นครับ" ในที่สุดผมก็ได้ปล่อยเธอไปอาบน้ำเสียที แต่จะโทษผมคนเดียวก็ไม่ได้ เพราะกานต์ดันน่ารักมากจนผมไม่อยากห่างเธอแม้แต่วินาทีเดียว
เช้าวันถัดมา ผมเห็นว่ากานต์ยังไม่ตื่นเลยแอบหอมกลางหน้าผากแล้วย่องลงมาจากเตียงโดยไม่ให้เธอรู้ มือดึงประตูปิดอย่างแผ่วเบาก่อนเดินลงมาทำอาหารมื้อแรกของวัน
เสียงไก่ขันดังเป็นระยะ ๆ เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่มันสามารถทำหน้าที่พิเศษได้ หรือก็คือสามารถปลุกคนแถวนี้ให้ลุกจากที่นอน หรือบางคนก็เลี้ยงมันไว้เพราะสามารถใช้ประโยชน์อีกหลายอย่างได้
ระหว่างที่กำลังทำกับข้าวไปก็ได้ยินเสียงมาจากห้องด้านบน เหมือนว่าคนบนนั้นจะเพิ่งสะลึมสะลือตื่นได้ไม่นานจนซวนเซ ผ่านไปสักพักอาหารก็เสร็จ กานต์เดินมาหาผมพร้อมชุดที่พร้อมกับการทำงานแล้วเอ่ยทัก
"หอมจังเลย"
"วันนี้พี่ทำฉู่ฉี่ปลา เห็นกานต์บอกไม่ได้กินนานพี่เลยทำให้"
"ขอบคุณนะครับ ตื่นเช้ามาทำอาหารให้ทานอย่างนี้ทุกวันเลย"
"เป็นเพราะว่าพี่ชอบ แล้วก็ยินดีมาก ๆ ถ้าได้ทำสิ่งที่เธอชอบทาน อย่ากังวลไปเลย"
"ขอบคุณที่ทำให้เช้านี้สดใสนะครับ แค่นี้ก็รู้สึกว่าจะมีความสุขไปทั้งวันแล้ว" เธอมอบยิ้มสดใสให้แล้วผมก็คิดเพียงว่าอยากแค่เธอยิ้มอย่างนี้ทุกวันชีวิตผมก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว ขอแค่เธอมีความสุข เท่านี้ผมก็สามารถมีความสุขไปด้วยได้
"ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น กานต์ก็มาทานสิ" เธอเดินมาตามคำเรียกร้องของผมแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้า
"คุณทำผัดฟักทองด้วยเหรอ" ได้ยินอย่างนั้นผมก็ก้มหน้ามองอาหารบนโต๊ะก่อนส่งยิ้มให้เธอ
"ครับ เช้านี้พี่อยากทานน่ะ" ผมไม่ได้โกหกอะไรแต่แค่ไม่ได้บอกเหตุผลที่ทำให้อยากทานจริง ๆ ...
เพราะผมไม่มีความกล้าพอที่จะพูดออกไป
เมื่อเรารับประทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยผมจึงนำจานไปล้างก่อนส่งเธอไปทำงานเพื่ออวยพรให้กานต์ปลอดภัย หลังจากนั้นก็ทำกิจวัตรอย่างรดน้ำต้นไม้ ดูการเติบโตของมันอย่างพอใจ แล้วขอให้ทุกต้นในสวนเจริญขึ้นอย่างงดงามในแบบของมัน พอตรวจเช็กเสร็จเรียบร้อยก็เข้ามาในบ้านแล้วนั่งลงยังโต๊ะประจำ และเป็นมุมที่เอาไว้เขียนหนังสือของ เอกอนันต์ เกษมสันต์ ผู้นี้
ช่วงนี้ผมกำลังเขียนเรื่องใหม่แนวรักโรแมนติก ถึงจะไม่ค่อยได้แต่งแนวนี้มากนักแต่ก็อยากลองอะไรใหม่ ๆ บ้างจึงเลือกที่จะไปต่อ แต่คิดไปคิดมามันเหมือนเรื่องของผมกับกานต์มาก หรืออาจเป็นเพราะประสบการณ์รักของผมในช่วงที่มีเธอ มันดีจนเผลอเอามาเขียนในนิยายหรือเปล่าก็ไม่อาจทราบได้ ขนาดผมยังไม่รู้ตัวเองเลย... ผมเขินให้กับความคิดนั้นที่ผุดขึ้นมาจนได้แต่เกาหัวแกรก ๆ ผ่านไปสักพักก็คิดได้ว่าต้องแก้พล็อตนิยายที่มีแต่ผมกับกานต์นั้น ก่อนที่มันจะกลายเป็นเรื่องราวที่แต่งขึ้นจากเรื่องจริงไม่ใช่จินตนาการ
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะเพราะแสงที่เริ่มมืดลง บริเวณที่ผมอยู่มันติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ซึ่งเป็นทางเชื่อมกับสวนของบ้านทำให้รู้ว่าตอนนี้เริ่มเย็นแล้ว และได้เวลาที่ผมจะต้องไปเตรียมอาหารเพื่อรอเธอกลับสักที
"เกิดอะไรขึ้นเหรอ" กานต์เอ่ยทักระหว่างเวลาอาหารค่ำ
"ครับ?" ผมไม่เข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อจึงถามย้ำ
"ทำไมเย็นคุณไม่ค่อยพูดเลย เกิดอะไรขึ้นตอนที่กานต์ไม่อยู่หรือเปล่า"
"เปล่าหรอก พี่แค่เสียพลังงานจากการแต่งนิยายวันนี้น่ะ ไม่มีอะไรเลย"
"งั้นเหรอ กินเยอะ ๆ นะกานต์ตักให้" เธอพยักหน้าแล้วตักกับในจานมาให้ผม
"ขอบคุณครับ" ผมทานมันเข้าไปให้เธอสบายใจ
"เหนื่อยไหม" ใบหน้าหวานเริ่มหม่นลงเพราะคิดว่าผมทำงานหนักเกินไป ที่ไหนได้ผมทำงานหนักไม่ถึงครึ่งของเธอด้วยซ้ำ
"แล้วกานต์ล่ะเหนื่อยหรือเปล่า วันนี้ลูกค้าเยอะไหม" ผมพูดพลางตักอาหารให้เธอบ้าง
"ครับ วันนี้เยอะเป็นพิเศษเลยอาจจะเป็นเพราะวันนี้วันพระ"
"นั่นสินะ ร้านของกานต์มีขนมไทยเยอะซะด้วย คนเขาจะซื้อไปถวายกันก็ไม่แปลก"
"ก็กานต์ชอบขนมไทยนี่นา" เธอยิ้มหวานเพื่อยืนยันคำพูด กานต์เป็นคนชอบขนมหวานมาตั้งแต่ไหนแต่ไร และผมก็ชอบเธอที่เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเช่นกัน
"พี่ก็ชอบเธอ" ถึงผมจะไม่ได้ตั้งใจทำให้เขิน แม้จะชอบตอนแก้มใสเปลี่ยนเป็นสีแดงมากเท่าไหร่ แต่ผมก็พูดออกไปเพราะคิดอย่างนั้นจริง ๆ ไม่ใช่เพียงอยากทำให้เธอเขินอาย
เธอหันหน้าหนีพร้อมทำเป็นกินข้าวในจานต่อ ส่วนผมก็ไม่ได้ทักท้วงเพราะเวลาที่เธอเบี่ยงเบนความสนใจแบบนี้มันก็น่ารักมาก ๆ อยู่ดี
"กานต์รู้ไหม ที่พี่เคยบอกว่าอยากแต่งแนวโรแมนติกน่ะ พี่เริ่มแล้วนะ" ได้ฟังอย่างนั้นดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นก็เป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว
"จริงไหม แล้วเป็นยังไงบ้าง สนุกไหมครับ"
"พี่คิดว่าแต่มันติดอยู่อย่างเดียว" เธอเอียงหัวสงสัย ตาแป๋วราวกับลูกแมวที่กำลังใคร่รู้
"มันติดตรงที่เรื่องราวโรแมนติกของพี่มันมีแต่เธอ มีกานต์อยู่เต็มไปหมดจนเผลอเอาเรื่องของเราใส่เข้าไปในนั้น" เธอที่กำลังตั้งใจฟังก็หลุดยิ้มออกมา ถึงจะพยายามไม่ให้ผมเห็นแต่ก็พอเดาได้ว่าเธอเขินจนอยากมุดโต๊ะหนี
"คุณอนันต์" ผมแอบขำเพราะท่าทางนั้นมันน่ารักเกินไปแต่เหมือนจะถูกจับได้
"เปล่านะ พี่ไม่ได้ขำเธอ"
"คุณเอกอนันต์"
"มาซะเต็มยศเชียว" ผมไม่แอบอีกต่อไป เราต่างพากันและใช้เวลาอาหารค่ำร่วมกันอย่างนั้นต่อไป...
วันนี้เป็นอีกวันที่ผมมีความสุขมากเหลือเกิน และหวังว่ากานต์ก็จะรู้สึกเช่นเดียวกันกับผม
อยากเก็บความทรงจำนี้ไว้เผื่อวันไหนเธอย้อนมา จะได้ไม่โศกเศร้าในยามคิดถึง และไม่เปล่าเปลี่ยวในยามสูญเสีย
ขอให้เหลือเพียงความสุขและความสมหวัง ที่คอยโอบกอดพันธกานต์ผู้เป็นที่รักของเอกอนันต์ไว้ หวังว่าเรื่องราวนี้จะยังคงตราตรึงหัวใจของเธอ และโอบอุ้มด้วยความรักของผมอย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน...