อันนา โอโดจินเม, นักศึกษาสาวชาวไนจีเรียต้องเผชิญเรื่องสยองขึ้นเมื่อบิดาของเธอถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดในบ้านพักของเธอ ณ ลอนดอน เธอจึงต่อสู้เพื่อความยุติธรรมท่ามกลางความลับอันดำมืดนี้ด้วยตนเอง...

The Misery ฆาตกรรมทมิฬ - บทที่ 2 Guardian โดย Leopold @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ตะวันตก,อาชญากรรม,ลึกลับ,จิตวิทยาระทึกขวัญ,นักสืบ,จิตวิทยา,ลึกลับ,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

The Misery ฆาตกรรมทมิฬ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ตะวันตก,อาชญากรรม,ลึกลับ

แท็คที่เกี่ยวข้อง

จิตวิทยาระทึกขวัญ,นักสืบ,จิตวิทยา,ลึกลับ,ฆาตกรรมหักมุม,ฆาตกรรม,สืบสวนสอบสวน

รายละเอียด

อันนา โอโดจินเม, นักศึกษาสาวชาวไนจีเรียต้องเผชิญเรื่องสยองขึ้นเมื่อบิดาของเธอถูกฆาตกรรมอย่างเหี้ยมโหดในบ้านพักของเธอ ณ ลอนดอน เธอจึงต่อสู้เพื่อความยุติธรรมท่ามกลางความลับอันดำมืดนี้ด้วยตนเอง...

ผู้แต่ง

Leopold

เรื่องย่อ

กรกฎาคม 2026


ชีวิตของผมในฐานะทนายความคนหนึ่งก็ยังดำเนินไปตามปกติ ทำงาน 4 วัน หยุด 3 วัน สลับกับเรียนปริญญาโทอีกใบตามความฝันของตัวเอง ทว่าบัดนั้นคำพูดของศิษยาภิบาลหลี่ก็ดังก้องอยู่ในศีรษะขณะกำลังขับรถกลับบ้าน ณ เขตเคนชิงตันใต้ตามปกติ 

"เอ ผมก็ชนะกีฬาสแครบเบิ้ลระดับโลกมาแล้วนี่" ผมพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหยิบหนังสือพิมพ์รายปักษ์มาอ่านพาดหัวข่าวที่เขียนว่า

"นักกฎหมายหนุ่มชาวอังกฤษเชื้อสายไต้หวันคว้าชัยในการต่อศัพท์ระดับโลก"

คืนนี้ก็ดูปกติเหมือนกันครับ กลับมาก็นอนดูโทรทัศน์กับปีเตอร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านการเงิน ณ สำนักงานบริหารสินทรัพย์เลื่องชื่อก่อนจะผล็อยหลับตามปกติ 



ทว่าการเข้ามาของลูกความคนหนึ่ง ก็มาพร้อมกับความลับอันดำมืดอีกประการเช่นกัน...

หลิวเจิ้งหมิน





สวัสดีคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านนะครับ

สำหรับเนื้อหาของเล่มนี้มีความคาบเกี่ยวกับเล่ม Berlinau และ The Quarantine Diary's by Zhengmin ทั้งสองเล่มครับ โดยในเล่มนี้ถือเป็นผลงานสืบสวนเล่มที่สองของไรท์ ซึ่งทุกอย่างเริ่มต้นมาจากเหตุฆาตกรรมชายวัยกลางคนในเขตริชมอนด์ สหราชอาณาจักร และเรื่องนี้จะนำไปสู่ความลับอันน่าสยดสยองอย่างไรนั้น...

คำเตือน : ในเนื้อเรื่องอาจมีฉากและเหตุการณ์ที่รุนแรง โดยเป็นเหตุการณ์สมมติทั้งหมดและไม่แนะนำให้เลียนแบบนะครับ



สารบัญ

The Misery ฆาตกรรมทมิฬ-บทที่ 1 Anne's Inquiry,The Misery ฆาตกรรมทมิฬ-บทที่ 2 Guardian

เนื้อหา

บทที่ 2 Guardian



7 สิงหาคม 2026



การกลับมาเยี่ยมสนามยิงปืนในโรงเรียนนายร้อยแซนด์เฮิสต์ของผมในรอบเก้าปีครั้งนี้ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์บางอย่างอยู่เช่นกัน ทว่าผู้มาเยือนซึ่งเป็นทนายความหนุ่มเชื้อสายไต้หวันก็เข้าไปในสนามอย่างปกติ เมื่อรถเก๋งถึงสนามจอดรถ ผมก็ถอดเสื้อคลุมสีดำพาดไว้กับพนักพิงของเบาะนั่งก่อนจะล็อกรถแล้วตรงไปยังสนามในทันใด



“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” สารวัตรทหารหนุ่มฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้รับบัตรประชาชนของผม “ขอให้สนุกนะครับ”



ผมหยิบปืนไรเฟิลรุ่นปัจจุบันของกองทัพสหราชอาณาจักรอย่าง SA80A3 โดยมีระยะการยิงจาก 300 ถึง 600 ฟุต โดยผู้ออกแบบปืนดังกล่าวตัดสินใจใช้สีเบิร์นบรอนซ์เพื่อให้กลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมในการรบ เมื่อผมบรรจุลูกกระสุนลงแม็กกาซีนแล้วจึงได้เล็งไปที่เป้ากระดาษก่อนจะตั้งท่ายิงตามกฎความปลอดภัย แล้วลงมือฝึกซ้อมการใช้อาวุธอย่างจริงจังราวกับจะไปเข้าสมรภูมิ



“โห พี่เขาใช้เด็กแซนด์เฮิสต์ไหมนั่น” นักเรียนนายร้อยคนหนึ่งอุทานเมื่อเห็นทักษะการยิงปืนของชายหนุ่มแปลกหน้า “เอาไงดีจอห์น เข้าไปคุยไหม”

“นายก็เข้าไปดิ พี่เขาไม่ดุขนาดนั้นหรอก” จอห์น แพตเตนสันกระทุ้งศอกใส่เคิร์ท เวลลิงตันอย่างยียวน



ขณะนั้นผมก็ยืนพักดื่มน้ำเปล่าแช่เย็นก่อนจะถอดแว่นตาแล้วใช้ผ้าเย็นเช็ดหน้าของตน ทว่าบทสนทนาของนักเรียนนายร้อยซึ่งคาดว่ามีอายุราว ๆ สิบเก้าปีก็ทำให้ผมเผลอฉีกยิ้มกว้างแล้วเปิดบทสนทนากับเขาทันที



“พี่ชายลงแข่งยิงปืนใช่ไหมครับ” วัยรุ่นผมทองอร่ามผู้สวมขุดกีฬาถามเจิ้งหมินด้วยความใคร่รู้ “เป้าพี่พรุนเลยนะ ฮ่า ๆ”

“ไม่หรอกครับ พี่แค่ฝึกป้องกันตัวเฉย ๆ พอดีแถวบ้านเกิดเรื่องใหญ่น่ะ” หนุ่มแว่นผู้สวมเสื้อโปโลสีขาวตอบอย่างสุภาพก่อนจะใส่กระสุนอีกชุดแล้วลงมือยิงต่อทันที “อ่อ เรียกพี่ว่าอเล็กซ์ได้นะ ไม่ต้องถึงขั้นเรียกทนายหรอก”

“แหมพี่ เสร็จคดีลงกีฬายิงปืนในกีฬามอไหมล่ะ” เคิร์ตหัวเราะลั่นพลางจ้องมองวินาทีเทพของผมอย่างไม่ละสายตา “ดู ๆ ไปก็สนุกดีนะ”



จ่าตรีอาเธอร์ ลินเนสตันกำลังเอนกายกับเสายืนดูเพื่อนของตนพร้อมรอยยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ ความทรงจำต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาตลอดกว่ายี่สิบปีทำให้เขาจินตนาการถึงช่วงเวลาอันสุขสันต์กับเจิ้งหมินระหว่างที่ยังอยู่ในลอนดอนตะวันออกด้วยกัน แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายของพนักงานเหมืองแร่และพยาบาล ทว่าก็สามารถเข้ากับบุตรของนายธนาคารได้อย่างราวกับว่าไม่มีฐานะทางสังคมใด ๆ มาขวางกั้นได้



“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ชายหนุ่มผมดำสวมกอดมิตรรักของตนก่อนจะชวนให้นั่งพักด้วยกัน “คิดถึงตอนเข้ากรมเหรอ”

“นั่นแหละ ว่าแต่คืนนี้ไปผับไหม พอดีเบโนชวนน่ะ” ผมถามอีกฝ่ายก่อนจะเดินไปเปิดรถเก๋งของตน

“ก็ดีนะ” อาเธอร์ตอบรับก่อนจะขึ้นรถของเพื่อนสนิท



ด้วยความที่เมืองแซนด์เฮิสต์อยู่ห่างจากลอนดอนเพียงห้าสิบกว่ากิโลเมตรจึงทำให้ใช้เวลาไม่นานในการขับรถไปกลับ รถเก๋งสีขาวถูกจอดที่หน้าผับย้อนยุคแห่งหนึ่งในเขตริชมอนด์ซึ่งเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแบบยุค 1920 ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีทองแวววาวตัดกับพื้นหลังสีเข้ม ดนตรีแจ๊สที่ขับร้องโดยนักร้องซึ่งแต่งกายตามยุคสมัยอย่างครบถ้วน ซึ่งประกอบไปด้วยชุดเดรสสั้นวาววับ ผมบ็อบสั้นพร้อมขนนกติด รองเท้าส้นสูงในสำหรับผู้หญิง ส่วนผู้ชายจะสวมเสื้อกั๊กหรือสูท หมวกเฟดอราและรองเท้าหนังขัดจนมัน



“ไปยิงปืนมาเหรอนั่น” หนุ่มแว่นชาวลัตเวียถามเจิ้งหมินพร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “เป็นไงบ้างล่ะ”

“สนุกดีนะ แถมแวะไปรับเพื่อนเก่าด้วย” ผมพยักหน้าก่อนจะแนะนำอาเธอร์ให้แก่อีกฝ่าย “คุยได้ตามสบายเพื่อน”

“ฝากตัวด้วยครับ คุณเรนิทิส” บุรุษผู้สวมชุดวอร์มจับมือกับทนายหนุ่มอย่างอ่อนโยน



สภาพการณ์ ณ เขตริชมอนด์ตอนนี้ก็ยังดำเนินไปตามปกติ ทว่ามีเพียงบ้านหลังที่เป็นจุดเกิดเหตุถูกปิดตายไว้ ทว่าโชคยังดีที่อันนาพอมีเงินจากครอบครัวที่ไนจีเรียอยู่บ้างจึงทำให้ยังมีที่อยู่อาศัย กลับมายังเหตุการณ์ของที่นี่ซึ่งการสืบสวนยังคงดำเนินต่อไปก่อนการสืบพยานนัดแรก บรรดาเจ้าหน้าที่ตำรวจแวะเวียนมารวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม กอปรกับพยายามแกะภาพจากกล้องวงจรปิด ณ จุดที่ใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุที่สุดเพื่อสืบหาเส้นทางของยานพาหนะต้องสงสัยในเวลาไล่เลี่ยกัน

เพื่อปกป้องชีวิตของผู้เช่าอย่างแอน สมิธซึ่งเป็นพยาบาลจบใหม่ ผมจึงส่งคำแนะนำไปยังกล่องข้อความของเธอ



“พกสเปรย์พริกไทยเอาไว้ ห้ามเชื่อใจคนที่เดินตามมา เรียนศิลปะป้องกันตัว อย่ากลัวที่จะแจ้งตำรวจ และปิดบ้านอย่างรอบคอบนะครับ” หลิวเจิ้งหมินพึมพำเบา ๆ ก่อนจะกระดกวิสกี้สแมชซึ่งให้รสชาติซาบซ่าลงคอ “ตอนนี้ก็ยังไปได้สวยอะนะ ถ้ายังไม่มีใครมาป่วนคดีนี้”

“นั่นแหละคือคำถาม ถ้าเกิดอะไรขึ้นบอกเราหรือน้อง ๆ ที่แซนด์เฮิสต์ได้นะ” อาเธอร์ยืนยันด้วยน้ำเสียงจริงใจพลันแตะบ่าทั้งผมและเบโน “ว่าแต่มีนักสืบในดวงใจยังล่ะ เจิ้ง”

“เรื่องนั้นน่ะเหรอ ลูกความหาไว้แล้วล่ะ รายนี้เคยเป็นหมอเฉพาะทางซะด้วย” หนุ่มแว่นชาวไต้หวันสบยิ้มกว้างก่อนจะวางกระดาษที่ระบุข้อมูลของนักสืบคนนั้น “พอจะได้ยิน เจนนิเฟอร์ บราวน์ เชอร์ริงตันไหม”

“อดีตหมอชันสูตรที่ไบรท์ตันคนนั้นสินะ…” บุรุษร่างสูงผู้สวมเสื้อเชิ้ตสีครีมอุทานเบา ๆ ตามที่ตนนึกออก “อื้ม ถ้าจำไม่ผิดเธอก็น่าจะเป็นคนไขคดีเมื่อสี่ปีก่อน ที่ตำรวจลอนดอนถึงกับมอบรางวัลเกียรติยศให้ตอนจบคดี”

“ว่าแต่ตอนนี้พอระบุตัวผู้ต้องสงสัยได้ยังนะ” อาเธอร์ถามก่อนจะกระดกมาร์ตินี่ของตนราวกับเป็นผู้ดียุควิคตอเรียท่ามกลางเสียงดนตรีแจ๊สที่กำลังบรรเลงคลอ

“ตอนนี้รู้แค่ว่า คนร้ายก่อเหตุแล้วขับรถป้ายทะเบียน BP67 CWQ หนีไปที่อื่นนะ” หลิวเจิ้งหมินเอ่ยพลันค้นหาข้อมูลดังกล่าวในโน๊ตบุ๊คของตนเมื่อปรากฏภาพจากกล้องของร้านค้าแห่งหนึ่งที่จับภาพไว้ได้ “แต่ที่ค้นมาเมื่อกี้ เจ้าของคือเต็นท์รถเช่าเบรนตันและแบรนดอนที่มีภูมิลำเนาอยู่เมืองเคนท์”

“เอ๋? ว่าแต่ที่เคนท์มีเหตุฆาตกรรมสยองแบบแถวบ้านเช่านายไหม เจิ้ง” เบโนอึ้งเพียงชั่วครู่พลันใช้อุปกรณ์ของผมค้นหา ‘เหตุฆาตกรรมที่เคนท์’ ก่อนจะขึ้นหัวข้อข่าวว่า “แบรนดอน เคอร์มินเป็นศพหลังจากดื่มวิสกี้ที่ผู้ร้ายซื้อมา”

“ถ้ายังไง เดี๋ยวผมให้แดเนียลส่งรายละเอียดของคดีที่เคนท์ให้เอง” ชายหนุ่มผู้สวมเสื้อโปโลสีขาวรับคำพลันหันไปสั่งออนเดอะร็อคหนึ่งแก้วแก่บาร์เธนเดอร์ทันที

“ตำรวจที่เคนท์งั้นเหรอ ติดต่อโอลิเวีย แฮร์ริสได้เลยนะ เจิ้งหมิน” ว่าแล้วนายทหารหนุ่มก็ได้ส่งช่องทางการติดต่อไปให้ยังกล่องข้อความของเพื่อนสนิท “นางว่างช่วงเย็นนะ ว่าง ๆ ก็แวะที่สถานีตำรวจได้”

“ขอบใจมาก” ผมตบบ่าอาเธอร์อย่างจริงใจพร้อมรอยยิ้มจริงใจ ก่อนจะชนแก้วกับอีกฝ่าย “มาดื่มกันต่อดีกว่า”



เมื่อนาฬิกาบอกเวลา 00:04 พวกเราก็ได้แยกย้ายกันเมื่อเห็นสมควร หลังจากส่งอาเธอร์ขึ้นรถแท็กซี่กลับไปยังแซนด์เฮิสต์ ผมกับเบโนก็ขึ้นรถเก๋งคันเดียวกันก่อนจะตรงไปยังเขตคามเด็นซึ่งเป็นที่พักของทนายความหนุ่มเชื้อชาติลัตเวีย



“นี่นายตอนเข้ากรมเหรอนั่น พรางตัวเนียนดีนะ” เบโนหัวเราะลั่นขณะดูรูปของผมที่จิ่วจวิ้นฮุ่ยเป็นคนถ่ายให้

“ฮ่า ๆ ความจำดีนี่ บอกตามตรง นี่ก็ลืมไม่ลงหรอก” เจิ้งหมินหัวเราะลั่นเมื่อนึกถึงตอนที่เพื่อนเก่าและรุ่นพี่ต้อนรับอย่างเต็มที่จนไม่ต่างอะไรกับรูปปั้นลายพราง “ว่าแต่ตอนอยู่กรมที่ลัตเวียเป็นไงบ้างล่ะ”

“ฮา ลืมไม่ลงเหมือนกัน เป็นการฉลองวันเกิดที่สนุกสุด ๆ” หนุ่มแว่นร่างสูงผู้มีดวงตาสีน้ำตาลหัวร่อลั่นเมื่อถึงช่วงเวลาอันแสนพิเศษ “น่าชวนเต้ กับรือเบนมาด้วยนะ อย่างน้อยเวลาเล่าเรื่องในกรมจะได้มีสีสัน ฮ่า ๆ”

“รือเบนเหรอ หมอนี่ดูแลระบบของกองทัพแหละ ว่าง ๆ ก็แวะมาเล่นฮอกกี้กับอูกูที่อยู่เหล่าช่าง” เจิ้งหมินเล่าพาดพิงถึงเพื่อนร่วมสนามแข่งขันสแครบเบิ้ลด้วยน้ำเสียงนึกถึงความหลัง “ถ้าจำไม่ผิด หมอนี่มันติดยศสิบโทแล้วนะ ส่วนจวิ้นฮุ่ยที่แข่งกีฬาบริดจ์ตอนนั้นก็สิบเอกนะ”

“เวลาก็ผ่านไปเร็วดีเนอะ เสร็จคดีนี้ลาพักร้อนไปเที่ยวด้วยกันไหมล่ะ” เบโนเสนอแนะก่อนจะลงรถเมื่อถึงบ้านเช่าของตน “เจอกันเว้ย เพื่อนรัก”



ด้วยความคิดถึงเพื่อนเก่าที่เคยอยู่ร่วมค่ายกันมาก่อนเป็นเวลาตลอดหนึ่งปี ผมจึงเปิดโน๊ตบุ๊คของตนก่อนจะต่อสายในแอปพลิเคชันสีเขียวไปยังเพื่อนสนิทตั้งแต่งานกีฬานักเรียน ภายหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ



“ยังไม่นอนเหรอนั่น คุณชายเจิ้งหมิน” น้ำเสียงยียวนของอีกฝ่ายดังขึ้นเมื่อปรากฏชื่อผู้รับ “ว่าแต่ไปดื่มกับคุณชายเรนิทิสกับอาเธอร์มาใช่ปะ”

“ช่าย ว่าแต่นายอะ เมื่อไรจะบินมาอังกฤษอีก” ผมแหย่อีกฝ่ายก่อนจะเอี้ยวตัวไปลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในห้องนอน “รู้เปล่าว่าพวกนั้นคิดถึงนายขนาดไหน”

“ฮะ ๆ ฮ่า ๆ ก็อยากไปหรอก แต่ช่วงนี้งานกฎหมายในกองทัพเยอะมาก” แม้ว่าจะเป็นวันหยุดตามระเบียบ แต่ชายหนุ่มเชื้อสายชนพื้นเมืองไต้หวันกลับพาดพิงถึงบรรดางานได้อย่างหน้าตาเฉยราวกับตลกหน้าตาย “นายล่ะ ได้ข่าวว่าเจอคดียากด้วยนี่”

“ก็ไม่เท่าไร แต่น่าจะใช้เวลาเป็นปีได้ ยังไงก็ต้องเร่งแหละ ไม่งั้นก็อาจเกิดเรื่องสยองที่อื่นอีกได้” ผมกระดกน้ำเย็นที่บรรจุในแก้วกระเบื้องลายดอกไม้ปักขอบทองตรงปากแก้วในทันที “ว่าแต่ทหารใหม่ฝ่ายกฎหมายเป็นไงบ้าง”

“ก็ใช้ได้ รู้งานกันดีนะ แต่มีคนนึงเก่งกฎหมายต่างประเทศเหมือนนายอะ นี่แทบจะเป็นผู้ช่วยเขาละ ฮ่า ๆ” จวิ้นฮุ่ยหัวเราะอย่างชอบใจอีกรอบก่อนจะอำลาเจิ้งหมิน “ขอตัวก่อนเพื่อน มีสอนบริดจ์พลทหารอะ ไจ้เจี้ยน”

.



10 สิงหาคม 2026



“อืม หนังสือบริคณห์สนธิถูกต้องแล้วครับ ส่วนหลักฐานอื่นก็อย่างที่เคยบอกตอนแรกครับ” ผมกล่าวแก่เจ้าของธุรกิจหน้าใหม่ไฟแรงอย่างสุภาพก่อนจะส่งซองเอกสารคืนแก่เธอ “จดทะเบียนบริษัทในกำหนดเวลาด้วยล่ะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ นี่ค่าจ้างที่ได้ตกลงไว้นะคะ” หญิงสาวผู้แต่งกายอย่างโฉบเฉี่ยวขอบคุณหลิวเจิ้งหมินอย่างจริงใจก่อนจะโอนเงินค่าปรึกษาให้ “ไว้เจอกันค่ะ”



ทันทีที่เฟรยา วอทเทนโบเดินออกจากห้องทำงานของผม ผมก็ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายก่อนจะจัดโต๊ะทำงานของตนไปพลาง ๆ แก้เบื่อระหว่างรอนัดหมายกับนักสืบปริศนา กลิ่นหอมเย็นสบายจมูกยูคาลิปตัสที่อบอวลไปทั่วห้องกอปรกับไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมากท่ามกลางอากาศร้อนของเมืองลอนดอน ผมลุกขึ้นไปชงชานมตามปกติก่อนจะใส่น้ำแข็งก้อนทรงสี่เหลี่ยมสวยงามสองก้อนก่อนจะนั่งดื่มอย่างเพลิดเพลินใจ



“ขออนุญาตเข้าไปนะคะ” เสียงทุ้มปริศนาของหญิงสาวผู้สวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสีเขียวเข้มดังขึ้นหลังเสียงเคาะในทันใด

“มาเลยครับ” หลิวเจิ้งหมินตอบกลับอย่างสุภาพก่อนจะเตรียมแก้วเครื่องเคลือบสีขาวที่ทาสีเป็นรูปดอกหลิวกับนก แล้วรินชานมร้อนไปยังแก้วดังกล่าวแล้วยื่นให้แก่นักสืบเอกชนรายหนึ่ง “ดื่มตามสบายเลยครับ”



เจนนิเฟอร์ บราวน์ เชอร์ริงตันผู้ซึ่งมีหน้าตาสะสวยตามแบบอุดมคติของสุภาพสตรียุควิคตอเรียนฉีกยิ้มกว้างแก่สุภาพบุรุษเชื้อชาติไต้หวัน หากพิจารณาถึงส่วนผสมบนใบหน้าของเธออย่างดวงตาสีเทาอ่อนวาววับ ผิวขาวนวลที่แดงผ่าวบริเวณแก้ม ริมฝีปากสีสดราวกับถูกแต้มด้วยสีชาด และฟันขาวใสชวนให้ผมย้อนไปเมื่อครั้งที่สหราชอาณาจักรยังเป็นมหาอำนาจโลก และรักษาคุณค่าของสุภาพชนได้อย่างยอดเยี่ยม ชุดเดรสสีเขียวเข้มตัดกับปกเสื้อสีเขียวลอว์เรลสะกดให้ผมไม่อาจละสายตาจากเธอแม้แต่นาทีเดียวได้เลย



“ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ คุณทนาย” น้ำเสียงอันสุภาพของเจนนิเฟอร์ดังขึ้นก่อนจะวางซองเอกสารที่เตรียมมา

“ไม่ต้องหรอกครับ เราเองก็พี่น้องร่วมอาชีพนี่” หนุ่มแว่นผู้สวมสูทสีเทาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะปฏิเสธอย่างสุภาพบุรุษ “ถ้าไม่รบกวนเกินไป ผมขอคำชี้แจงเรื่องรายละเอียดหลักฐานหน่อยครับ”

“ยินดีค่ะ” เจนนิเฟอร์เปิดซองอย่างมีจริตก่อนจะส่งตามที่ได้เรียงมาอย่างถูกต้อง



ผมสวมถุงมือก่อนจะพิจารณาหลักฐานทีละชิ้นอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของรถเก๋งทะเบียน BP67 CWQ ที่ได้ก่อเหตุในช่วงเวลาประมาณหกโมงเช้าก่อนจะขับหนีไปอย่างปริศนา กอปรกับการที่รถคันดังกล่าวติดฟิล์มสีดำทึบจนไม่อาจเห็นโฉมหน้าของคนขับได้จึงทำให้ยากแก่การระบุตัวคนร้าย จากนั้นจึงพิจารณาเบาะแสที่นักสืบเอกชนรายนี้ได้รวบรวมไว้



“ว่าแต่พอมีภาพจากเขตอื่นไหมครับ” หลิวเจิ้งหมินถามอีกรอบเพื่อความแน่ใจ

“ไม่แน่ใจว่ามีอีกไหมนะคะ แต่ตำรวจที่เคนท์บอกว่าเขาจอดรถหนีไว้ที่คาร์ดิฟฟ์ แล้วคาดว่าหนีไปกบดานที่ประเทศอื่นค่ะ” ว่าแล้วเจนนิเฟอร์ก็ส่งรูปเล่มรายงานดังกล่าวให้ผมอ่านอีกรอบ “ลืมบอกค่ะว่าทางครอบครัวผู้เสียชีวิตบอกว่าอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์ ข้อมูลของคุณพ่ออย่างโรเจอร์ โอโดจินเมจะมาถึงแล้วค่ะ”

“ก็ดีนะครับ เพราะลำพังผมกับเบโนตอนนี้ก็ไม่อาจรวบรวมข้อมูลคนเดียวได้หรอก” ผมฉีกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจพร้อมทอแววตานิ่งขรึมภายใต้แว่นหนา “อื้ม ว่าแต่อีกสามวันไปกินข้าวด้วยกันไหมครับ ผมอยากถามคุณเรื่องของแบรนดอน เคอร์มินพอดีเลย ถือว่าผมให้เวลาหาหลักฐานจากตระกูลเคอร์มินแล้วกันนะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอก ผมช่วยคุณเอง”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ คุณหลิว” เธอกล่าวหลังจากดื่มชานมของผมอย่างพึงพอใจ “ได้กินชานมคุณทนายแล้ว ชวนให้นึกถึงกลิ่นอายของไต้หวันเลยค่ะ”

“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ ผมแค่หาอะไรลองไปเรื่อยแหละ” ขณะนั้นหลิวเจิ้งหมินก็นึกถึงบัญชีรายชื่อติดต่อของตนทันที “อื้ม ตอนนี้หลานชายของแบรนดอนอย่างแพทริก เคอร์มินอยู่ลอนดอนพอดี ถ้าเราสองคนนัดเจอเขาล่ะครับ”

“วิเศษค่ะ เดี๋ยวฉันจะเป็นคนติดต่อเอง คุณทนายไม่ต้องกังวลค่ะ” เธอรับปากก่อนจะจับมือกับผมอย่างขอบคุณพร้อมกับส่งสายตาจริงใจมาให้

“ยินดีครับ ติดรถผมได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” หนุ่มแว่นฉีกยิ้มเรียบก่อนจะส่งซองเอกสารคืน


แผนการขั้นแรกเริ่มขึ้นเมื่อเจนนิเฟอร์ บราวน์ เชอร์ริงตันตัดสินใจเข้าผูกพันกับเจิ้งหมินเพื่อร่วมกันไขคดีสยองขวัญดังกล่าว รถเก๋งสัญชาติเกาหลีใต้คันใหญ่สีขาวขับลัดเลาะตรอกซอยต่าง ๆ ของนครลอนดอนที่ไม่มีวันหลับใหลตลอดกาล ก่อนจะพบกับผู้กุมความลับคนแรกที่เขตครอยดอน...


.