หลันหนิงอันเป็นอาสากู้ภัยตายด้วยโรคระบาด ก่อนตายได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่ง เนื้อหาน้ำเน่ายิ่ง ตรรกะตัวละครสุดแสนจะรับไม่ได้ ตัวเขาสาปแช่งพระเอกโง่เง่ากับนางเอกเจ้าน้ำตาแทบทุกเวลาหลังมื้ออาหาร แล้วเป็นไงล่ะทีนี้ ตอนนี้ดันกลายเป็นตัวประกอบในนิยายเรื่องนั้นไปเสียแล้ว ไม่วายโดนจิ้งจอกเจ้าสำราญผู้นั้นทำตัวเกาะแกะวุ่นวาย จากกู้ภัยธรรมดากลายร่างเป็นหมอเถื่อนประจำจวนเสนาบดีกรมอาญาไปในบัดดล

[มี E-Book] ท่านหมอ คุณชายป่วยอีกแล้วขอรับ - บทที่ 1 ข้อเสนอแด่นักโทษ โดย APS_0119 @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน,สวมร่าง,ทะลุมิติ,นิยายวาย,#BL,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

[มี E-Book] ท่านหมอ คุณชายป่วยอีกแล้วขอรับ

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,ย้อนยุค,จีน

แท็คที่เกี่ยวข้อง

สวมร่าง,ทะลุมิติ,นิยายวาย,#BL

รายละเอียด

หลันหนิงอันเป็นอาสากู้ภัยตายด้วยโรคระบาด ก่อนตายได้อ่านนิยายเรื่องหนึ่ง เนื้อหาน้ำเน่ายิ่ง ตรรกะตัวละครสุดแสนจะรับไม่ได้ ตัวเขาสาปแช่งพระเอกโง่เง่ากับนางเอกเจ้าน้ำตาแทบทุกเวลาหลังมื้ออาหาร แล้วเป็นไงล่ะทีนี้ ตอนนี้ดันกลายเป็นตัวประกอบในนิยายเรื่องนั้นไปเสียแล้ว ไม่วายโดนจิ้งจอกเจ้าสำราญผู้นั้นทำตัวเกาะแกะวุ่นวาย จากกู้ภัยธรรมดากลายร่างเป็นหมอเถื่อนประจำจวนเสนาบดีกรมอาญาไปในบัดดล

ผู้แต่ง

APS_0119

เรื่องย่อ

สารบัญ

[มี E-Book] ท่านหมอ คุณชายป่วยอีกแล้วขอรับ-บทนำ ตัวประกอบตกอับ,[มี E-Book] ท่านหมอ คุณชายป่วยอีกแล้วขอรับ-บทที่ 1 ข้อเสนอแด่นักโทษ

เนื้อหา

บทที่ 1 ข้อเสนอแด่นักโทษ

ประตูห้องขังคล้องด้วยโซ่และล็อกด้วยกุญแจอีกชั้นหนึ่งป้องกันนักโทษข้างในหลบหนี หลันลู่เสียนถูกจับขังในห้องเดี่ยว รอบข้างวังเวงทั้งยังมีบรรยากาศหนาวเหน็บจนชายหนุ่มต้องยกมือกอดตัวเองมอบความอบอุ่นให้กับร่างกาย ถัดไปไม่ไกลมากนักมีนักโทษคนหนึ่งอยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิงน่าเวทนา สองมือของเขาถูกตรึงไว้กับขื่อ ลำตัวมีแต่ร่องรอยการทรมาน ผิวเนื้อปริแตกหาสภาพผิวเดิมแทบไม่ได้

เขาเบือนหน้าหนีภาพตรงนั้นอย่างสังเวชใจ ใบหน้าของชายหนุ่มกำลังร่ำไห้ เกรงว่าอีกไม่นานตัวเขาก็คงมีสภาพไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน หรือโลกไหน ๆ บทลงโทษสำหรับผู้ประสงค์ร้ายต่อราชวงศ์คงไม่พ้นจากการทรมานแล้วประหารชีวิตในท้ายที่สุด

ฮัดชิ่ว!

หลันลู่เสียนเช็ดน้ำมูกด้วยแขนเสื้อยาวรุ่มร่าม นอกจากที่นี่จะเย็นมากแล้ว ยังมีกลิ่นอับชื้นและกลิ่นเหม็นสาบเหมือนสัตว์ตายลอยฟุ้งไปทั่วทุกตารางนิ้วจนรู้สึกคลื่นเหียนอยากสำรอกของเก่าออกมาเสียให้หมด

ต่อให้ทำงานกู้ภัยมาหลายปีก็ใช่ว่าเขาจะคุ้นเคยกลับกลิ่นเหม็นเน่าของคนตาย

ฝ่ามือสองข้างทาบปิดปากปิดจมูกของตัวเองไว้ หลันลู่เสียนหน้าซีดเผือดพยายามประคองตัวเองไม่ให้อ้วกออกมาซ้ำเติมสภาพเละเทะของคุกนี้จนบรรยากาศเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม

“สภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย” คุณชายคนเดิมเพิ่มเติมคือเสื้อผ้าตัวใหม่เดินเข้ามาภายในคุกด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ดวงตาดอกท้อของบุรุษจับจ้องไปยังร่างของคนร้ายขายยาพิษอย่างพิจารณา ก่อนหน้านี้เป็นกระต่ายขี้กลัว ตอนนี้ก็กลายเป็นกระต่ายป่วยไปเสียแล้ว “ปล่อยเขาออกมาหน่อย ข้าอยากจะคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว”

จบคำพูดของคุณชายหน้าขาว ทหารคนหนึ่งก็เดินดุ่มเข้ามาแก้เชือกที่มัดอยู่ตรงข้อมือข้อเท้าให้จนเป็นอิสระ หลันลู่เสียนบิดข้อมือของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะหันหน้ามาเผชิญกับคุณชายเจ้าสำอางตรงหน้า

“ถ้าท่านมีธุระอยากคุยกับข้าก็ช่วยเปลี่ยนสถานที่ก่อนได้หรือไม่” เขาอยากออกไปจากพื้นที่แห่งนี้ก่อนจะอดทนไม่ไหวปลดปล่อยเศษซากอารยธรรมออกมา

เสนาบดีกรมอาญาเห็นสีหน้าซีดเผือดของผู้ร้าย ครั้งนี้เขายอมใจอ่อนทำตามข้อเสนอเปลี่ยนที่พูดคุยของอีกฝ่าย ชายหนุ่มเดินนำหลันลู่เสียนไปยังลานโล่งห้อมล้อมไปด้วยพฤษชาตินานาพันธุ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะนำมาวางเคียงข้างกับพื้นที่คุมขังนักโทษอย่างคุกใต้ดินได้

อากาศภายนอกช่วยทำให้หลันลู่เสียนพลอยให้ใจได้ทั่วท้องหน่อย ทว่ากลิ่นอับชื้นเหม็นเน่าก็ยังคงติดจมูกหลอกหลอนเขาไปอีกครู่ใหญ่ก่อนจะจางหายไป

จอกน้ำชายื่นมาตรงหน้าหลันลู่เสียน คนเป็นอาสาสมัครในร่างตัวประกอบเลิกคิ้วมองอย่างไม่ไว้วางใจ เขาเองก็อ่านนิยายจีนมาก็มาก กลอุบายส่วนใหญ่ล้วนเป็นการผสมยาพิษลงในอาหาร หรือเครื่องดื่ม ขนาดโทษทัณฑ์ของเขายังมาจากการขายยาพิษเลยไม่ใช่หรืออย่างไร

“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้ใส่ยาพิษลงในจอก” ใครจะไปเชื่อ ไม่มีผู้ร้ายคนไหนกล่าวออกมาต่อหน้าเหยื่อว่ากำลังวางยาพิษอยู่ ให้ดื่มเข้าไปเสียจะได้ตายไว ๆ เสียหน่อย

เห็นหลันลู่เสียนยังคงแสดงท่าทางหวาดระแวง ทั้งยังพยายามทำตัวหดลีบจนตัวสั่น ดวงตาดอกท้อยิ่งโค้งหยีด้วยความสนุกสนาน ทว่าความสนุกก็มีได้ไม่นานนัก เวลาไม่เคยคอยท่า หากเขาเอาแต่กลั่นแกล้งคนเบื้องหน้าให้จมปลักกับความหวาดกลัว เกรงว่างานใหญ่ที่กำลังจะทำคงได้ล้มเหลวเข้าเสียก่อน

ตงหลิวหยางปรับลมหายใจ และระดับน้ำเสียงให้ดูเป็นการเป็นงานมากขึ้น ฝ่ามือใต้ชายแขนเสื้อกว้างสะบัดเพียงหนึ่งครั้ง เหล่าทหารกล้าที่คอยอารักขาต่างก็กระจายออกห่างจากพื้นที่จนเหลือเพียงสองบุรุษที่ถูกจับมาเป็นคู่สนทนา

“ข้ามีข้อเสนอให้เจ้า แลกกับการไว้ชีวิต” น้ำเสียงทุ้มยังติดเล่นซุกซนอยู่เล็กน้อย ฝ่ามือเรียวยาวกางพัดด้ามจิ้วสีดำ เขียนลวดลายด้วยตัวอักษรสีทองว่า ‘ยุติธรรม’ “เจ้าก็รู้ว่าข้อกล่าวหาของเจ้าสามารถพรากชีวิตของเจ้าได้ จะยอมช่วยเหลือข้า หรือจะยอมตายกลายเป็นผีเฝ้าคุกใต้ดินดีเล่า”

“ทะ...ท่านอยากให้ข้าทำอะไร” หลันลู่เสียนถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ทว่านัยน์ตากลับมีความหวัง หากว่าเขาทำแล้วสามารถปลดแอกชีวิตตัวเองออกจากมัจจุราชหน้ายิ้มตรงหน้าได้ เขาก็ยอมทำ

“มีคนผู้หนึ่งอยากให้เจ้าเข้าไปดูแล” ยามกล่าวถึงบุคคลที่สามดวงตาที่มักส่องประกายอยู่เสมอกลับหม่นแสงลง “ตอนนี้เขาป่วยหนัก แต่ไม่อาจให้การรักษาอย่างเปิดเผยได้ เห็นทีจะมีเพียงเจ้าที่ช่วยข้าได้”

คราวนี้ดวงตาดอกท้อตวัดมองร่างของนักโทษด้วยสายตาคมกริบ ปลายพัดด้ามจิ้วทำด้วยเหล็กแหลมจ่อลงตรงคอของหลันลู่เสียนพอดีจนไม่กล้าขยับเขยื้อน “หากเจ้าตกลงรับข้อเสนอ วันรุ่งขึ้นข้าจะแอบพาเจ้าไปหาเขา”

“ข้ามีทางเลือกให้ปฏิเสธด้วยหรือ” นอกจากจะขู่บังคับด้วยชีวิต เขาก็ยังไม่เห็นทางเลือกอื่นเลยแม้แต่น้อย

ดวงสีอ่อนจับจ้องไปยังพัดเหล็กกล้าแล้วกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ เขาทำใจกล้าเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หากข้าช่วยท่านแล้ว ท่านจะไม่หักหลังฆ่าข้าในภายหลังใช่หรือไม่”

“คนมีประโยชน์ย่อมเก็บไว้ข้างตัว หากเจ้ายังทำประโยชน์ให้ข้าได้มีหรือข้าจะทอดทิ้งให้เจ้าตาย” ด้ามพัดลดลงแล้ว คราวนี้ตงหลิวหยางเคลื่อนกายเดินรอบตัวของหลันลู่เสียนอย่างสำรวจ “ไม่ต้องไปนอนในกระท่อมกลางป่า ไม่ต้องอดอยากจนผอมแห้งเช่นนี้”

“แล้วถ้าหากข้าช่วยเขาไม่สำเร็จ” เขากล้ำกลืนเอ่ยถามถึงสถานการณ์เลวร้ายออกไป

รอยยิ้มเคลือบยาพิษบรรจงแต่งแต้มลงบนใบหน้าของบุรุษเจ้าสำอาง เสนาบดีกรมอาญาหุบพัดอย่างรวดเร็วจนได้ยินเสียงเหล็กกระทบกันชวนหวั่นผวา “ชีวิตตอบแทนด้วยชีวิต”

นั่นหมายความว่าหากงานที่ทำล้มเหลว เขาไม่อาจรักษาบุคคลที่สามให้กลับมาเป็นปกติได้ ชีวิตของหลันลู่เสียนคงได้หายไปตลอดกาล

ตงหลิวหยางไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบจากนักโทษขี้กลัวของเขาในทันที เขาปล่อยให้เวลาหมุนเวียนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งระดับน้ำชาในจอกที่ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง หลันลู่เสียนยุกยิกแสดงใบหน้าหลากหลายอารมณ์ท่ามกลางความคิดในหัวที่ตีกันยุ่งเหยิง

“สุดท้ายไม่ว่าจะทางไหนก็มีแต่ตายกับตายหากไม่ตกลงรับข้อเสนอนั้นไม่ใช่หรือไงวะ” แม้แต่ถ้อยคำที่หลุดปากเอ่ยออกมาก็ยังคงฟังไม่ได้ศัพท์จนตงหลิวหยางไม่อาจรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการสื่อสารเกี่ยวกับอะไร

หลันลู่เสียนผ่อนลมหายใจ ช้อนดวงตามองหน้าคู่สนทนาด้วยใบหน้ามู่ทู่ “ข้ายอมรับข้อเสนอของท่าน”

หลังจากช่างใจมาแล้ว ในที่สุดเขาก็เลือกคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการได้ยินมากที่สุด

“เจ้าเลือกได้ดี” รอยยิ้มบางเบาแต่งแต้มริมฝีปากเสนาบดีกรมอาญา ดวงตาดอกท้อหยีลงเล็กน้อยดูเป็นมิตรขึ้นหลายส่วน ทว่าไม่อาจเดาได้ว่าจริงใจหรือแค่เสแสร้งให้เหยื่อตายใจ “เช่นนั้นข้าขอแนะนำตัว ข้ามีนามว่าตงหลิวหยาง เป็นเสนาบดีกรมอาญา”

เขาเอ่ยแนะนำตัว ดวงตาของหลันลู่เสียนเบิกกว้าง

เสนาบดีกรมอาญา ตงหลิวหยางคือหนึ่งในตัวประกอบสำคัญในการช่วยเหลือให้พระเอกอย่างองค์ชายเยว่เทียนได้ขึ้นครองราชย์ อย่าบอกนะว่าคนที่อยากให้เขาช่วยรักษา คือ...

“คนที่ข้าอยากให้เจ้ารักษาคือองค์ชายสามเยว่เทียน”

นั่นปะไร! หากซื้อหวยถูกเหมือนเดาความซวยของตัวเองได้ ป่านนี้เขาคงกลายเป็นมหาเศรษฐีเพียงระยะเวลาชั่วข้ามคืน

อยากจะถอนตัวมันเสียประเดี๋ยวนี้ แต่ก็เกรงใจพัดที่ยังคงอยู่ในมือของตงหลิวหยาง เขาจำใจกลืนก้อนน้ำลายเหนียวเหนอะลงคอเป็นรอบที่สองภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที และบทสนทนาไม่กี่ประโยค

ตงหลิวหยางพาเขาเดินไปตามทางเดินปูด้วยไม้แดงเนื้อดีเรียงยาวอย่างสวยงาม จนกระทั่งถึงห้องเปล่าโล่งเตียนไม่มีแต่เฟอร์นิเจอร์สักอย่าง “วันนี้เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน วันรุ่งขึ้นข้าจะพาเจ้าไปอยู่กับข้าเพื่อให้ง่ายต่อการทำงาน”

ไม่มีคำโต้ตอบออกจากปากของคนขี้กลัวที่ยังคงตัวสั่นตั้งแต่ออกจากคุกใต้ดินแสนอับชื้น เสนาบดีกรมอาญาเหลือบมองนักโทษที่เดินตามหลังอยู่เป็นระยะ อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ไม่ฉี่แตกต่อหน้าเขาเป็นรอบที่สอง ถือว่าควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ทีเดียว



การรับรองจากสถานะนักโทษมาเป็นสถานะจำยอมทำงานแลกชีวิตไม่ได้แตกต่างกันมากนัก อาหารก็เหมือนกันคือซุปที่มีแต่น้ำใส ๆ ไร้เม็ดข้าวประทังความหิว ดีหน่อยตรงที่เขาไม่ต้องทนอยู่ในคุกแคบ ๆ พร้อมกลิ่นอับชื้นนั้นอีกต่อไปแล้ว

อย่างน้อยก็ก้าวเท้าออกมาหาอิสระได้แล้วข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างหนึ่งคือหลักประกันความอยู่รอดที่ยังคงผูกติดไว้กับบุรุษแซ่ตง

ตงหลิวหยางกลับไปแล้วหลังจากเข้ามายื่นข้อเสนอให้แก่หลันลู่เสียน ส่วนตัวเขานั้นหลังจากซดน้ำซุปประทังหิวไปรวดเดียวจบก็ได้แต่นอนเล่นรอเวลาโชว์ฝีมือในการรักษาในวันรุ่งขึ้น กว่าจะรู้ตัวว่าเผลอหลับไปก็เป็นตอนเช้าที่มีแสงแดดรำไรสาดส่องเข้ามาภายในห้องแล้ว

ชายหนุ่มหยีตาหนีแสงก่อนจะจำใจลุกขึ้นในที่สุดหลังจากการพยายามหลับต่อนั้นไม่เป็นผล

หลันลู่เสียนรู้สึกเหนียวต่อจากคราบต่าง ๆ ตั้งแต่เมื่อวานเขายังไม่ได้ชำระล้างส่วนสกปรกส่วนใดออกไป และกลิ่นบนตัวก็คงรุนแรงพอที่จะทำให้ผู้มาใหม่ไม่คุ้นหน้าถึงกลับต้องยกมือขึ้นปิดจมูกย่นคอหนี

“เสื้อผ้าและอาหารของเจ้า” วางเสร็จก็รีบกุลีกุจอจากไปประหนึ่งว่าโลกกำลังจะล่มสลายภายในสิบวินาที แต่เขาคงลืมไปกระมังว่าห้องพักที่หลันลู่เสียนอยู่นั้นไม่ได้มีห้องน้ำให้ใช้บริการ การเปลี่ยนเพียงเสื้อผ้าภายนอกไม่ได้ทำให้กลิ่นตัวจางหายตามไปด้วย นอกจากจะช่วยบรรเทาได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เสื้อผ้าตัวใหม่ที่ถูกนำเข้ามาพร้อมสับเปลี่ยนคราวนี้เป็นเครื่องแบบเดียวกันกับที่ทหารของตงหลิวหยางแต่งกาย หลันลู่เสียนแต่งองค์ทรงเครื่องของตัวเองอย่างทุลักทุเล รูปแบบเสื้อผ้าที่ไม่เคยใส่ทำเอาเขาปวดหัวอยู่เกือบสิบนาทีเห็นจะได้ พอสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ต้องสวมเกราะอ่อนทับตามลงไปอีก ความรู้สึกหนักอึ้งกดทับลงบนไหล่ทั้งสองข้าง และหลันลู่เสียนขอวินิจฉัยอาการของตัวเองเลยล่วงหน้าว่าหลังคงเคล็ดไปแล้วเรียบร้อย

ใช้เวลาราว ๆ สองก้านธูปการปลอมตัวเป็นทหารก็เสร็จสิ้น ใช้แรงกายไปมากกับการแต่งตัวท้องก็ร้องประท้วงด้วยความหิว อาหารเช้าวันนี้ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อวานนักที่เพิ่มเข้ามาก็มีเครื่องเคียงเป็นผักดองอันแสนน้อยนิดไม่ถึงหนึ่งหยิบมือเท่านั้น ทานไปได้เพียงคำสองคำอาหารในจานก็หมดเกลี้ยง แต่ท้องของเขายังไม่ทันได้อิ่ม

“พร้อมแล้วหรือ― ข้าว่าเจ้าต้องอาบน้ำสักหน่อย” คนถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบยกพัดขึ้นปิดจมูกมองมาที่หลันลู่เสียนด้วยอาการพะอืดพะอม

หลันลู่เสียนแอบกลอกตามองบนคราวที่อีกฝ่ายเผลอ ทีไปเดินเล่นในคุกใต้ดินก่อนหน้านั้นตั้งนานสองนานยังไม่บ่นว่าเหม็น มาคราวนี้ทั้งที่เปลี่ยนชุดแล้ว มั่นใจแล้วว่ากลิ่นบนร่างกายมันลดลงกลับได้รับสายตาขยะแขยงกลับมาเสียอย่างนั้น

“ที่นี่ไม่มีห้องอาบน้ำ”

“ใช่ เจ้าพูดถูก” ตงหลิวหยางว่า เขาหันหลังกลับ “เช่นนั้นตามข้ามา จะไปรักษาคนป่วยทั้งทีจะปล่อยเจ้าไปแบบสกปรกได้อย่างไร”

ชายหนุ่มยุคโควิดไม่มีทางเลือกนอกจากจะเดินตามหลังของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ตงหลิวหยางพาเขามาถึงห้องอาบน้ำที่ไร้ซึ่งบานประตูปิด ความจริงแล้วมันคือลำธารสายใหญ่ที่ห้อมล้อมไปด้วยป่าเขาลำเนาไพรจึงจะถูกเสียกว่า

“เจ้าสามารถอาบน้ำได้ที่นี่” เขาชี้ไปทางด้านหลัง ณ ที่ตรงนั้นยังมีทหารอีกสองสามคนกำลังอาบน้ำขัดถูขี้ไคล มันคงจะเป็นภาพที่น่าดูกว่านี้หากพวกเขาไม่ล่อนจ้อนอาบน้ำในชุดวันเกิด “ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้ สำหรับการอาบน้ำใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อก็คงเพียงพอแล้ว”

เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก เห็นท่าทีลำบากใจของหลันลู่เสียนตงหลิวหยางก็นึกกลั่นแกล้งอีกฝ่ายได้อีกอย่างแล้ว

“หรือว่าเจ้าไม่กล้าโชว์เรือนร่างกัน ตัวเจ้าผอมแห้งติดกระดูก หรือมีพุงน้อยเอาไว้จกเล่นดูไม่สมชายเช่นนั้นหรือ?”

เสือก!

หลันลู่เสียนก่นด่าในใจ แต่คงออกทางสีหน้าด้วยกระมัง อีกฝ่ายถึงได้คลี่ยิ้มพออกพอใจกับปฏิกิริยาโต้กลับของท่านหมอราวกับคนบ้าเช่นนี้

สงสัยอ่านประมวลกฎหมายจนเพี้ยน อ้อ ลืมไป ในนิยายจีนคงต้องเปลี่ยนไปใช้คำว่าฎีกาเสียแทน

เหตุผลที่ยังยึกยักชักช้าเป็นเพราะหลันลู่เสียนรู้สึกเสียดายเสื้อผ้าที่ใช้เวลาใส่ตั้งนานต่างหาก เขาค่อย ๆ ปลดมันออกทีละนิด ผิวพรรณขาวเนียนคล้ายไม่เคยต้องแดดปรากฏออกสู่ภายนอกและในวินาทีถัดมาร่างของกระต่ายที่ขาวไปหมดทุกสัดส่วนก็กระโดดลงน้ำเสียงดังตู้มจนน้ำบางส่วนกระฉอกขึ้นมาโดนคนด้านบนเกิดเป็นรอยเปียกชื้นดวงใหญ่

เมื่อครู่เขารู้สึกเสียวสันหลังอย่างไรก็บอกไม่ถูก คล้ายมีสัตว์ร้ายจ้องตะครุบเหยื่ออยู่ด้านหลัง แต่พอมองกลับไปอีกทีก็เจอแต่ดวงตาโค้งหยีที่โผล่พ้นปลายพัดเท่านั้นเอง

ประสาทหลอน?

แต่เมื่อกี้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกล่าอยู่จริง ๆ

หลันลู่เสียนใช้เวลาราวหนึ่งเค่อในการอาบน้ำจริง ๆ ตามที่เขาบอก แต่กลับใช้เวลาอีกตั้งหนึ่งก้านธูปกว่าจะสวมใส่อาภรณ์ของตนเองจนแล้วเสร็จได้ ตงหลิวหยางมองคนที่แค่ใส่เสื้อผ้ายังแสดงอาการเหนื่อยออกมาอย่างเวทนา หากไม่ใช่ว่าต้องปลอมตัวเข้าไปพร้อมกับเขาคงเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่ง่ายกว่านี้มาให้แล้ว

“ปลอมเป็นทหารทั้งทีจะขาดอาวุธได้อย่างไร” ตงหลิวหยางกุมคางใช้ความคิด สายตาดอกท้อมองตรงไปที่เอวบางไร้ซึ่งสิ่งประดับ  “จริงสิ ข้ารู้แล้ว”

เขาสับพัดเหล็กลงบนมือของตัวเองอย่างตื่นเต้น ทั้งที่ตัวก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วทว่าบางครั้งก็ยังสะดีดสะดิ้งทำเป็นเป็นเด็กที่ตื่นเต้นกับอะไรไปทั่ว

“อันหยาง เจ้าไปเอาดาบของข้ามา” ริมฝีปากได้รูปกล่าวถึงความต้องการของตนเองกับคนสนิท

ชายวัยกลางคนพยักหน้ารับคำแล้วค่อยเดินจากไปทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย ครั้นถ่ายทอดคำสั่งเสร็จคนมียศถึงเสนาบดีกรมอาญาก็วกกลับมาสนใจยังกระต่ายขี้กลัวใกล้ตัวต่อ

“เจ้าต้องเก็บผมให้เรียบร้อย” ผ้าเส้นยางถูกยื่นมาให้

บุรุษยุคสองพันที่ไม่แม้แต่เคยใช้หนังยางเพื่อมัดผมกำลังจะมีอุปสรรคใหม่ หลันลู่เสียนจำใจรับผ้าสำหรับผูกผมมาถือไว้ในมือของตนเอง

ทดลองผูกครั้งที่หนึ่ง ล้มเหลวไม่เป็นท่า

ครั้งที่สองก็ยังคงเละเทะเช่นเดิม

เส้นไหมสีทมิฬคล้ายเล่นตัวไม่ยอมให้หลันลู่เสียนจับมัดเป็นหางม้าได้เสียที ครั้นพอขึ้นทรงได้หน่อยมันก็ลื่นตัวลงมาสยายกลางแผ่นหลังกว้างเช่นเดิม

ตัดเลยได้ไหม?

หากไม่ติดความเชื่อของคนจีนสมัยก่อนที่บอกว่าการตัดผมสั้นเป็นการอกตัญญูต่อบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ประโยชน์ของการตัดผมสั้นก็มีมากมายทีเดียว ดูแลรักษาก็ง่าย แถมยังเย็นหัวอีกด้วย

“เอาน่าผิดพลั้งร้อยครั้ง ครั้งที่หนึ่งร้อยหนึ่งต้องสำเร็จสิ” ไม่มีใครมาคอยปลอบใจก็ต้องปลอบใจตัวเองเช่นนี้แหละ

แต่ก่อนจะผิดพลาดถึงร้อยครั้งอย่างที่ปากว่าไว้ ความสำเร็จก็ลอยเข้าหาหลันลู่เสียนในครั้งที่ยี่สิบ พอดีกับที่คนสนิทของตงหลิวหยางกลับมาแล้วพร้อมกับดาบเรียบ ๆ เล่มหนึ่ง

“คงต้องฝากเจ้าดูแลมันก่อนในช่วงนี้” ตงหลิวหยางว่า

“ให้อาวุธกับข้าเช่นนี้ไม่กลัวว่าข้าจะใช้มันฆ่าท่านแล้วหนีหรือ?” เขาสงสัย

“หึ” เสนาบดีกรมอาญาหลุดเสียงในลำคอออกมาอย่างลืมตัว ดวงตาดอกท้อแพรวระยับยามมองมาที่ดาบของตนสลับกับผู้รับฝากคนใหม่ “กระต่ายจับดาบ แม้แต่เต้าหู้คงฟันไม่เข้ากระมัง”

ช่างเป็นการดูถูกที่ร้ายกาจมาก!

หลันลู่เสียนถลึงตาใส่บุคคลเจ้าสำราญที่ชอบส่งยิ้มเคลือบยาพิษแจกแจงความซวยให้เขาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ สักวันเถอะ เขาจะเอาด้ามดาบยัดใส่ปากจนยิ้มไม่ได้เลยคอยดู



TBC.

ท่านเสนาบดีเป็นคนชอบแกล้ง

#กระต่ายขาวของจิ้งจอก

ช่องทางติดตามข่าวสาร: https://x.com/APS_0119