หยางเฟิงเยว่ เธอหลงรักหวังอี้ป๋อ ศิษย์พี่ร่วมสำนักของเธออย่างสุดหัวใจ ถูกผลักดันสู่ขอบเหวของความสิ้นหวังเมื่อเขาไม่ยอมรับรักของเธอ เธอถูกทรยศทั้งจากคนที่เธอรักและเธอเคารพยิ่ง เธอจึงเลือกใช้มนตร์ดำเพื่อสังเวยตนเองต่อสวรรค์และนรก เพื่อจบชีวิตของเธอและเพื่อสาปแช่งสตรีที่เป็นที่รักของทุกคน ก่อนที่เธอจะสิ้นสติและจิตวิญญาณสลายไป พร้อมกับเส้นสายสัมพันธ์ของเธอกับหวังอี้ป๋อที่ผูกไว้ด้วยด้ายแดงแห่งโชคชะตาก็ขาดสะบั้น

ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์ - ตอนที่ 1 หนึ่งพันสองร้อยปีก่อน โดย หวังเหวินเยว่ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,จีน,ย้อนยุค,ผจญภัย,รัก,ย้อนยุค,เทพเซียน,ผจญภัย,เกิดใหม่ ,จีนโบราณ,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,จีน,ย้อนยุค,ผจญภัย,รัก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ย้อนยุค,เทพเซียน,ผจญภัย,เกิดใหม่ ,จีนโบราณ,แฟนตาซี

รายละเอียด

หยางเฟิงเยว่ เธอหลงรักหวังอี้ป๋อ ศิษย์พี่ร่วมสำนักของเธออย่างสุดหัวใจ ถูกผลักดันสู่ขอบเหวของความสิ้นหวังเมื่อเขาไม่ยอมรับรักของเธอ เธอถูกทรยศทั้งจากคนที่เธอรักและเธอเคารพยิ่ง เธอจึงเลือกใช้มนตร์ดำเพื่อสังเวยตนเองต่อสวรรค์และนรก เพื่อจบชีวิตของเธอและเพื่อสาปแช่งสตรีที่เป็นที่รักของทุกคน ก่อนที่เธอจะสิ้นสติและจิตวิญญาณสลายไป พร้อมกับเส้นสายสัมพันธ์ของเธอกับหวังอี้ป๋อที่ผูกไว้ด้วยด้ายแดงแห่งโชคชะตาก็ขาดสะบั้น

ผู้แต่ง

หวังเหวินเยว่

เรื่องย่อ

สารบัญ

ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-0 ลิขสิทธิ์,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-0 คำนำผู้เขียน,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-บทเสริม ระดับพลังการบำเพ็ญจิตวิญญาณ,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-ตอนที่ 1 หนึ่งพันสองร้อยปีก่อน,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-ตอนที่ 2 น้องสาวจักรพรรดิเทพมาร,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-ตอนที่ 3 ผู้บุกรุก,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-ตอนที่ 4 ถ้ำลึกลับ,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-ตอนที่ 5 การดิ้นรนของกลุ่มผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณ,ฝืนลิขิตฟ้าท้าชะตาสวรรค์-ตอนที่ 6 จักรพรรดิเทพมารกับน้องสาวที่รักอิสระ

เนื้อหา

ตอนที่ 1 หนึ่งพันสองร้อยปีก่อน

เพี๊ยะ!

ใบหน้าสวยหันไปตามแรงของฝ่ามือที่กระทบบนใบหน้าของเธอ

หวังอี้ป๋อตกใจ เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายหยางเฟิงเยว่เลยสักนิด แต่เป็นเพราะแรงฉุดกระชากทำให้มือของเขาเผลอฟาดที่แก้มนวลเต็ม ๆ

“เสี่ยวเยว่...” น้ำเสียงของหวังอี้ป๋อเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” หยางเฟิงเยว่หัวเราะราวกับคนไร้สติ สายตาที่เธอมองหวังอี้ป๋อนั้นเต็มไปด้วยความเสียใจ “ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะกล้าตบข้า”

“เสี่ยวเยว่ ข้าไม่ได้ต้องใจ...ข้าขอ...”

“พอ!” ดวงตาของหยางเฟิงเยว่เต็มไปด้วยความโกรธและความน้อยใจ เธอร้องไห้ให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง “ข้าขอถามท่านแค่คำถามเดียว หวังอี้ป๋อ...ที่ผ่านมาท่านเคยมีใจให้ข้าสักนิดหรือไม่? ท่านเคยคิดกับข้ามากกว่าศิษย์น้องหรือไม่?”

“ข้าคิดกับเจ้าแค่น้องสาวเท่านั้น”

ยิ่งได้ยินคำตอบของหวังอี้ป๋อ หยางเฟิงเยว่ก็ยิ่งสติหลุดหัวเราะเสียงดังราวกับคนเสียสติไปแล้ว

“แม่นางหลิวเป็นอะไรมากหรือไม่?” จางสวี่คุณรีบเข้ามาประคองหญิงสาวที่ตัวเองหลงรักทันทีด้วยความเป็นห่วง

“ข้าไม่เป็นอันใดมาก” หากหวังอี้ป๋อมาช้าไปกว่านี้อีกนิดหนึ่งเธอคงได้รับบาดเจ็บสาหัสไปมากกว่านี้แล้ว

หยางเฟิงเยว่มองหลิวอี้เฟยด้วยสายตาโกรธแค้น ศิษย์พี่ที่นางรักก็ชื่นชอบสตรีนางนั้น ศิษย์พี่ที่นางเคารพดั่งพี่ชายก็ชื่นชอบสตรีนางนั้นเช่นกัน ทำไมคนที่นางรักถึงไม่เคยรักนางเลย

ทำไมต้องเป็นหลิวอี้เฟยคนเดียวเท่านั้นที่ได้รับความรักที่ข้าสมควรจะได้รับไป ทำไมไม่มีใครรักข้าเลยสักคน!!

ท่านพ่อท่านแม่ก็ไม่รักข้า ศิษย์พี่หวังอี้ป๋อก็ไม่คิดจะรักข้ามากไปกว่าศิษย์น้องร่วมสำนัก ศิษย์พี่จางสวี่คุณ คนที่เปรียบเสมือนพี่ชายของข้าก็ไม่สนใจข้าเหมือนเคย

ทำไมชีวิตข้าถึงได้น่าสมเพชเช่นนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า

สวรรค์...ท่านจงเกลียดจงชังข้ามากถึงขนาดนี้เลยหรือ?

หยางเฟิงเยว่เช็ดเลือดที่มุมปากก่อนวาดวงแขนเพื่อร่ายเวท กลุ่มควันสีดำลอยวนอยู่รอบตัวของหยางเฟิงเยว่ คลื่นพลังนั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก

“มนต์ดำ! หยางเฟิงเยว่นางใช้มนต์ดำ!”

“นางเป็นมาร!”

เสียงดังโวยวายของศิษย์ในสำนักดังขึ้นด้วยความตกใจ หวังอี้ป๋อไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลยสักนิด เขาสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่กำลังไหลออกจากร่างกายของหยางเฟิงเยว่อย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเยว่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” หวังอี้ป๋อพยายามจะเข้าไปใกล้ตัวของหยางเฟิงเยว่ แต่ก็ถูกคลื่นพลังของหยางเฟิงเยว่ดีดกลับออกไป

หยางเฟิงเยว่ลืมตาขึ้น ดวงตาสีดำของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง “ขอให้วิญญาณของข้าแหลกสลาย...”

“นั่นนางกำลังทำพิธีสังเวยตัวเอง!” หนึ่งในศิษย์ของสำนักเทียนจินตะโกนขึ้น

“หยุดเดี๋ยวนะเสี่ยวเยว่!” หวังอี้ป๋อพยายามจะเข้าใกล้ตัวหยางเฟิงเยว่อีกครั้งแต่ก็ถูกดีดออกมาดังเดิม

“ขอให้เส้นความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับพวกเขาตัดขาดออกจากกัน ข้าขอมอบชีวิตและพลังทั้งหมดที่ข้ามีเพื่อสังเวยกลับคืนสู่สวรรค์ สังเวยให้นรก”

“ข้าบอกให้หยุดอย่างไรเล่าหยางเฟิงเยว่!” หวังอี้ป๋อยังคงพยายามเอ่ยห้ามหยางเฟิงเยว่

จางสวี่คุณเองเช่นกัน “เสี่ยวเยว่พี่ขอโทษที่ละเลยเจ้า พี่สัญญาต่อไปพี่จะไม่ทิ้งเจ้าอีก ได้โปรดหยุดเถอะนะ!”

หยางเฟิงเยว่มองหวังอี้ป๋อและจางสวี่คุณด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะเหลือบหันไปมองหลิวอี้เฟย “ข้าขอสาปแช่งเจ้า ให้สิ่งที่เจ้าทำกับข้าย้อนกลับเข้าไปหาเจ้าให้หมด และเจ้าต้องทรมานกว่าข้าหลายพันเท่า หลิวอี้เฟย”

“!!!” สายลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างกายของหลิวอี้เฟยทันทีที่หยางเฟิงเยว่พูดจบ

หยางเฟิงเยว่ปรายตามองไปทางหวังอี้ป๋อก่อนจะเงยหน้ามองบนฟ้า ก่อนจะกรี๊ดออกมาพร้อมกับแสงสีแดงและดำพุ่งออกจากตัวของเธอหลายสาย

“เสี่ยวเยว่!” นั่นคือเสียงสุดท้ายของหวังอี้ป๋อที่หยางเฟิงเยว่ได้ยินก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไปพร้อมกับร่างกายของเธอที่ค่อย ๆ สลายไปตามแรงลม

“น นั่นมัน...!?” ผู้อาวุโสถังซานเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนจะชี้นิ้วไปที่มือของหวังอี้ป๋อ

หวังอี้ป๋อเห็นเช่นนั้นก็ยกมือซ้ายของตัวเองขึ้นมาดู เขามองด้านแดงที่มัดนิ้วนางของเขาที่เชื่อมกับมือของหยางเฟิงเยว่ค่อย ๆ สลายไปอย่างช้า ๆ

“หยางเฟิงเยว่...นางเป็นคู่แห่งโชคชะตาของเจ้าจริง ๆ นางไม่ได้โกหก ไม่เคยโกหก...” ผู้อาวุโสถังซานถอนหายใจ ที่ผ่านมาเขาคิดว่าสิ่งที่หยางเฟิงเยว่พูดออกมานั้นเป็นเรื่องโกหก เป็นเรื่องที่อีกฝ่ายแต่งขึ้นมาเพื่อเรียกร้องความสนใจ จนมองข้ามไปว่าเรื่องบางเรื่องที่อีกฝ่ายพูดนั่นบางเรื่องก็เป็นเรื่องจริง

ข้าทำผิดต่อเจ้าแล้วศิษย์ของข้า แม้เจ้าจะตัดเส้นความสัมพันธ์กับพวกข้าไปแล้ว แต่ข้าหวังว่าสวรรค์จะเห็นใจให้เจ้ากลับมาเป็นศิษย์ของข้าอีกครั้ง ถึงตอนนั้นข้าสัญญาจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี ต่อให้เจ้าดื้อดึงมากขนาดไหน ข้าก็จะทำเป็นไม่รับรู้สิ่งที่เจ้าทำ

“นั่นก็เป็นเหตุการณ์เมื่อหนึ่งพันสองร้อยปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครพบเห็นคุณชายรองหวังอี้ป๋อ คุณชายสามจางสวี่คุณ และคุณหนูหลิวอี้เฟยอีกเลย”

“พวกเขาหายไปไหนกันหรือท่านนักเล่าเรื่อง?”

“มีข่าวลือตามลมเกี่ยวกับคุณชายรองหวังและคุณชายสามจางสวี่คุณ บ้างก็ว่าพวกเขาฆ่าตัวตายตามหยางเฟิงเยว่ไป บ้างก็ว่าเขาพวกตามรวบรวมเศษเสี้ยวดวงวิญญาณของหยางเฟิงเยว่เพื่อฟื้นคืนชีพให้นาง บ้างก็ว่าพวกเขาทะเลาะกันจนแยกตัวไม่เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปและแยกย้ายกักตัวบำเพ็ญตบะเพื่อเลื่อนขั้นเป็นเทพเจ้า”

“แล้วคุณหนูหลิวอี้เฟยละขอรับ?”

“คุณหนูหลิวอี้เฟย นางได้แต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลฮั่ว หลังแต่งงานไปแล้วก็ไม่มีใครได้พบหน้านางอีกเลย”

“ข้าคิดว่านางจะได้แต่งงานกับหวังอี้ป๋อหรือไม่ก็จางสวี่คุณเสียอีก”

“ใช่ ๆ ข้าก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”

ชายชราลูบเคราแพะของเขาก่อนจะเอ่ยต่อ “หลายคนก็คิดแบบพวกเจ้านั่นแหละ แต่ไม่มีใครรู้ว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ได้แต่งงานกัน”

“แล้วหลังพิธีสังเวยวิญญาณของหยางเฟิงเยว่เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมืองหรือไม่? ข้าเคยอ่านในตำรา หากมีผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณทำการดับสูญตัวเอง ประตูที่เชื่อมต่อระหว่างสี่ภพจะถูกเปิดออก พวกมาร พวกปีศาจ จะออกมาอาละวาดแย่งชิงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณ”

“สิ่งนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน หลังจากเหตุการณ์นั้นก็ไม่มีพวกมารบุกโผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย หากไม่เชื่อข้าพวกเจ้าก็ไปหาข่าวก็ได้ว่าตั้งแต่เหตุการณ์นั้นบ้านเมืองก็สงบสุขจากพวกมาร แต่สิ่งที่ทำให้บ้านเมืองของเราไม่สงบสุขตอนนี้คงหนีไม่พ้นคนด้วยกันเอง”

“แล้วท่านนักเล่าเรื่องอยากรู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร?”

ทุกสายตาจ้องมองไปที่ชายหนุ่มภายใต้ผ้าคลุมสีดำที่ในมือของเขากำลังโบกพัดสีดำอยู่

“คุณชายท่านนี้รู้อย่างนั้นหรือ?”

“เขาจะไปรู้ได้อย่างไร ขนาดข้าที่นักเล่าเรื่องยังไม่รู้เลย รู้หรือไม่ว่าข้าหาข้อมูลหนักมากขนาดไหนกว่าจะเล่าเรื่องแต่ละเรื่องให้พวกเจ้าฟังได้”

“หึ” ชายหนุ่มชุดคลุมลุกขึ้นยืนก่อนเดินหยุดอยู่ตรงกลางวงสนทนาข้างนักเล่าชรา “ที่พวกมารหรือพวกปีศาจไม่ขึ้นมายังดินแดนมนุษย์อีก นั่นก็เป็นเพราะว่าจักรพรรดิมารได้รับสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด เขาจึงยอมหยุดทุกสิ่งทุกอย่าง”

“ได้สิ่งที่ต้องการอย่างนั้นหรือ แล้วมันคืออะไร? มีอะไรที่สำคัญกว่าดวงจิตวิญญาณของผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณอีกหรือ”

“มีสิ ครอบครัวอย่างไรเล่า” ชายหนุ่มชุดดำตอบกลับ

“ครอบครัว?” เสียงกระซิบของกระซาบของชาวบ้านและเหล่าผู้ฝึกฝนจิตวิญญาณดังขึ้นทันที

ชายหนึ่งหนุ่มในชุดคลุมอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นบ่าวรับใช้ของบุรุษชุดดำคนนี้รีบวิ่งแทรกวงสนทนากระซิบรายงานสถานการณ์ที่เขาเพิ่งได้รับแจ้งทันที “คุณชายขอรับรีบไปห้ามคุณหนูเร็วขอครับ คุณหนูกำลังลงจากเขาขอครับ”

“ให้ตายสิ!” ชายชุดดำที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งออกไปทันที โดยไม่สนเสียงเรียกจากพวกชาวบ้านที่เอ่ยเรียกเขา

“อ้าว นั่นเจ้าจะรีบไปไหน? กลับมาเล่าให้จบก่อน!”