นี่มันโลกเกมโอโตเมะที่ตัวร้ายเป็นผู้ชาย แล้วผมก็กลายเป็น 'นายร้าย' ของเกม...เดธแฟล็กน่ะพอมี แต่ผมน่ะชายทั้งแท่งนะเฮ้ย เพราะงั้นคุณนางเอกครับ เชิญคุณคู่กับพระเอกไปเถอะ อย่ามาหวังดีจับคู่ผมกับพระเอกเลย!
แฟนตาซี,ตะวันตก,ต่างโลก,นายร้าย,ตัวร้าย,โอโตเมะ,เกมจีบหนุ่ม,SoL,slice of life,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
3
อัศวิน องค์หญิง และน้องสาวผู้น่ารักที่สุดในโลก
ถือว่าเลือกอากาศจัดงานเลี้ยงนอกสถานที่ได้ดี...ไม่สิ ฤดูเปิดเทอมต่างหากที่ดีเหมือนเดิม
ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ สวนกว้างหลังตึกจัดนิทรรศการเลยมีดอกไม้บานเต็มไปหมด อากาศก็เย็นสบาย พอมีแดดส่องก็ทำให้รู้สึกอบอุ่นกว่าที่เป็น
สมาชิกในวงโต๊ะกินข้าว...แฮ่ม หมายถึงโต๊ะสมาชิกหัวหน้าสภานักเรียนตอนนี้ส่วนใหญ่มีแต่คนที่นางเอกจีบได้ทั้งนั้น ซึ่งมีทั้งผม เอลิออต ธาลิเทียส อีกสองคนคือลูกชายคนโตตระกูลอัศวินกับเจ้าหญิงองค์โต ถ้าเอาตรงๆ ผมไม่ค่อยสนิทกับสองคนนี้เท่าไหร่
อัศวินคนนี้ชื่อเพอร์ซิวัล เคลเลียต อยู่ปีหก เขามีผมสีฟ้าซอยสั้นและตาสีทองหายากที่สุดในโลก ระดับการเข้าหาก็ยากพอๆ กันเพราะเป็นคนที่เงียบมาก เงียบชนิดที่ชวนคุยอะไรก็ไม่คุยถ้าไม่ใช่เรื่องงาน
ผมเคยเห็นเขามาบ้างในช่วงที่ต้องออกงานสังคมแต่ไม่เคยคุยกับเขาเลยสักครั้ง ก่อนจะมาเจอเขาที่โรงเรียนในฐานะหัวหน้าสภานักเรียน ถึงได้รู้ว่าไอ้คุณรุ่นพี่คนนี้บ้างานมากแค่ไหน ถึงขั้นว่าองค์ชายองค์หญิงชวนคุยเล่น เขาก็แทบไม่ปริปากเลยด้วยซ้ำ มันเสียมารยาทมากเลยนะเฮ้ย!
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ได้ยินมาเหมือนกันว่าเขาเป็นอัจฉริยะด้านการใช้อาวุธที่แท้จริง แบบสิบล้านคนจะมีสักคนเลยล่ะ ถ้าสะสมประสบการณ์ต่อไปเรื่อยๆ ผมว่าแค่อายุสามสิบ เพอร์ซิวัลคนนี้ก็ไร้เทียมทานแล้ว
ซึ่งเอาจริงๆ นะ ผมว่าตำแหน่งองครักษ์ประจำตัวเอลิออตควรจะเป็นของเขา แต่ตอนองค์ชายเปิดรับสมัครแย่งชิงตำแหน่ง เขาดันอายุสิบสามปีไปแล้ว ถึงจะแค่ปีเดียวแต่ก็ถือว่าอายุเกินเลยลงสมัครไม่ได้ ฟังดูน่าเห็นใจนะ แต่ผมดันรู้สึกไม่สงสารเขาเลยสักนิด โล่งอกไปอีกต่างหาก
เพราะผมเองก็ไม่อยากโดนใครอัดจนเละท่ามกลางสายตาประชาชีเหมือนกัน
ส่วนอีกคนนั้น...ผมเคยบอกไปแล้วใช่ไหมว่านางเอกคลาเฟนาจีบผู้หญิงได้
ผู้หญิงที่ว่าก็คือองค์หญิงคนนี้แหละ
ไอริเซีย อควาน่า คอร์เวล พี่สาวขององค์ชาย เธออยู่ปีห้า เส้นผมสีเงินนุ่มสลวยแบบต่อให้ไม่ต้องจัดทรงใดก็สวยงาม ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นมีเสน่ห์ล้นเหลือ ทุกกิริยาท่วงท่าสวยสง่าน่ามอง...บรรยายไม่ถูกแล้ว เอาเป็นว่าสวยมากชนิดที่ต่อให้องค์หญิงเธอตัดสินใจใส่ชุดผ้าขี้ริ้วมอมแมมก็ยังคงความสวยไว้ได้ก็แล้วกัน
แถมเธอยังได้ชื่อว่าเป็นสตรีงดงามในระดับที่ใครเห็นต่างก็พากันยกย่องว่าเป็น ‘ผลงานชิ้นเอกของพระผู้เป็นเจ้า’ แทบไม่มีขุนนางสาวคนไหนอิจฉาความสวยไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง
เพราะผมเป็นผู้ติดตามองค์ชาย เมื่อมีนักการทูตหรือแขกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามา ผมเลยได้ฤกษ์เข้าไปเสนอหน้าฟังในท้องพระโรงด้วยตลอด เอาเป็นว่าหกสิบเปอร์เซนต์มักจะเป็นการสู่ขอเธอนี่แหละ เคราะห์ดีที่ประเทศนี้มั่นคงในทุกด้านแม้จะอยู่อย่างสงบ กองกำลังปกป้องประเทศและขยายอาณาเขตเมื่อไม่กี่สิบปีก่อนก็ยังเป็นที่เลื่องลืออยู่ องค์ราชาเลยให้เธอเลือกเอง
แน่นอนว่าไอริเซียปฏิเสธทั้งหมด และพวกที่มาเพื่อสู่ขอเธอก็ต้องกลับไปมือเปล่า
ถ้าถามว่ามีบ้างไหมที่พวกถูกปฏิเสธจะโกรธจนยกทัพมา...ก็มีบ้าง แต่น้อยมาก ซึ่งพวกเขาก็โดนอานุภาพของกองทัพประเทศนี้ไล่ไปจนหมด ส่วนที่เหลือถ้าไม่ใช่ว่ารู้ตัวดีว่าสู้ไม่ได้ ก็คงไม่อยากถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลกว่าครั้งหนึ่งเคยก่อสงครามเพราะถูกสาวปฏิเสธรักละมั้ง
บรรยากาศรอบโต๊ะเงียบสงบแต่ไม่อึดอัด ต่างคนต่างกินอาหารของตัวเองอย่างมีมารยาท ไม่มีใครเอ่ยปากคุยสักคน ถ้าไม่ใช่ร่วมโต๊ะกับคนในครอบครัวหรือร่วมงานไม่เป็นทางการก็ไม่ควรพูดอะไรตอนกำลังกิน นี่คือสิ่งที่ขุนนางที่ถูกอบรมมาอย่างเรียบร้อยควรจะทำ
ผ่านไปไม่นาน อาหารฟูลคอร์สก็ถูกเสิร์ฟจนครบ และพอเห็นของหวานตบท้ายก็ตาวาวทันที
ของหวานนุ่มสีขาวละมุนนุ่มนิ่มถูกจัดในแก้ว ประดับประดาไปด้วยซอสเบอร์รี่และผลเบอร์รี่อีกนิดหน่อย เป็นดีไซน์การจัดจานที่เรียบง่าย แต่เรียกน้ำย่อยตบท้ายได้ไม่ยากเลย
แพนนาค็อตต้านี่นา! ของโปรดผมเชียวนะ!
ผมนั่งมองของรักด้วยความตื่นเต้น ปกติพวกเราจะเริ่มกินได้ก็ต่อเมื่อทุกคนถูกเสิร์ฟจนครบ แต่กรณีที่ผู้ร่วมโต๊ะแบ่งแยกชนชั้นชัดเจน ต้องรอให้คนที่ยศสูงสุดบนโต๊ะเป็นคนเปิด เพราะอย่างนั้นผมถึงเริ่มตักมันเข้าปากก่อนคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด...มารยาทบนโลกเก่าผมไม่รู้นะว่าจะเป็นแบบนี้ด้วยไหม แต่กับโลกนี้มันใช่นี่นา
คนที่ยศศักดิ์สูงสุดบนโต๊ะนี้ย่อมไม่พ้นองค์ชาย แม้เขาจะเป็นคนน้อง แต่เดี๋ยวก็ได้เป็นมกุฎราชกุมารในไม่ช้าแล้ว
ผมจ้องไปทางเขาเขม็ง ให้ถูกคือมองช้อนในมือของเอลิออตนั่นแหละ คอยมองการเคลื่อนไหวของมืออันช้าจนน่าตบ แต่ยึกยักไม่ยอมจ้วงเอาเข้าปากสักที
...นี่จงใจแกล้งกันใช่ไหมหา!
ผมตวัดตามองไอ้องค์ชายกวนบาทา แล้วผมก็เห็นว่าเขากำลังตัวสั่นเทิ้ม ซ้ำยังกัดกระพุ้งแก้มอย่างเอาเป็นเอาตาย จากที่แอบกรุ่นๆ อยู่เลยชะงัก แอบหันไปมองรอบโต๊ะ
แล้วก็พบว่าทุกคนยกเว้นเพอร์ซิวัลกำลังกลั้นหัวเราะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ผมถึงรู้ว่าตัวเองเผลอแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้าออกมามากเกินไปแล้ว
โว้ย!
ผมหันไปส่งสายตาจิกกัดให้ธาลิเทียสที่อีกนิดเดียวก็หัวเราะลั่นแล้ว เขาถึงกระแอมแล้วยอมหยุดสักที
หลังจากนั้นทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ ทุกคนกินข้าวกันเสร็จก็มีงานเลี้ยงอีกนิดหน่อย แล้วตอนเย็นก็ไปพักตามอัธยาศัย...เอาเข้าจริงงานเลี้ยงหลังกินข้าวก็คืองานพบปะสังคมขนาดย่อม เป็นการเปิดโอกาสให้คนยศต่ำกว่าคุยกับพวกยศสูงกว่าเฉยๆ
องค์หญิงไอริเซียส่งยิ้มเอ็นดูมาทางพวกผมแล้วแยกไปอีกทาง ทางนั้นมีกลุ่มสาวๆ ส่งสายตาชื่นชมไปทางเธอเยอะเสียด้วย ดูท่าจะไปคุยตามปกติสินะ
ชุดยูนิฟอร์มของผู้หญิงเป็นชุดเดรสสีดำเล่นลายสีทองทองยาวเกือบลากพื้น ที่เห็นก็มีแค่ปกเสื้อเชิ้ตโผล่ออกมาและมีโบว์สีน้ำเงินผูกไว้ด้วย เป็นชุดเรียบง่ายดูเคลื่อนไหวสะดวก แต่อย่างที่บอก พอเธอใส่อะไรก็ดูล้ำค่าไปหมด
ส่วนอัศวินคนนั้นไปไหนผมก็ไม่รู้เหมือนกัน
ตอนนี้ทุกคนเริ่มตั้งวงสนทนาแล้ว พวกที่มีคู่หมั้นก็เริ่มให้ของขวัญกัน มีบางคนเหลือบมองมาทางพวกเราบ้างเหมือนอยากมาคุยแต่ก็ไม่กล้า ซึ่งเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะตอนนี้ที่เจ้าเอลิออตเดินไปเรื่อยๆ แต่ตากำลังมองหาคน
ถ้าไม่ได้กำลังหาน้องสาวผมอยู่ละก็ ผมยอมโดนกระทืบเลยเอ้า!
“เจ้าไม่ไปไหนเหรอ” ผมไม่อยากไปกวนสมาธิองค์ชาย เลยหันไปชวนธาลิเทียสคุยก่อน
ผมยังวางใจอยู่ เพราะตอนนี้พวกเราจะไม่มีใครได้เจอเฟรย่า อลาดิส นางเอกของเกมแน่ๆ คนที่จะเจอเธอเป็นคนแรกคือผม แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าผมไปเจอเธอได้ยังไง
เอาจริงๆ ฉากพวกเราเจอกันในเกมเหมือนฉากพระเอกเจอนางเอกไม่มีผิด แต่เวดิอุสดันกลายเป็นตัวละครที่จีบไม่ได้ไปซะงั้น ไม่เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ข้ากะจะทักทายน้องสาวท่านก่อนน่ะขอรับ” เขาตอบ “เดี๋ยวผมต้องไปคุยกับเพื่อนคนอื่นเหมือนกัน”
ผมพยักหน้า ธาลิเทียสเองก็มีสังคมค่อนข้างกว้าง แถมเขายังเอาใจใส่ทุกคนที่ตัวเองเจอด้วย บางทีผมก็แอบเป็นห่วงหน่อยๆ ว่าเขากำลังโดนใครหลอกรึเปล่า...แต่อันนี้คงคิดไปเอง เพราะในเนื้อเรื่องเกม เขาไม่ได้ไปทำอะไรใคร และไม่มีใครทำอะไรเขาเลยสักครั้งมั้ง
ผมไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว เลยช่วยหาน้องสาวตัวเองไปด้วย
อยู่ไหนกันนะ...
ผมใช้เวลาสอดส่องเป็นเพื่อนองค์ชายอีกสักพักใหญ่ถึงจะเหมือนเห็นผมสีบลอนด์ทองซีดอยู่ไวๆ
โอ๊ะ เจอแล้ว อยู่ลึกแฮะ มิน่าล่ะองค์ชายถึงไม่เจอสักที
ตำแหน่งของเธอลึกมากพอสมควร แถมยังโดนบังซะเกือบมิด แต่ผมคุ้นเคยกับเธอมาตั้งแต่แบเบาะ จะหาเจอเร็วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร นี่ยังไม่นับว่าผมเคยเล่นเกมนี้กับพี่สาวในชาติก่อนอีก เห็นหน้าจนจำได้แล้ว!
เมื่อเจอแล้วก็จัดการสะกิดๆ คนที่กำลังหาอยู่แล้วทำหน้าวอนหาเท้าให้แบบจงใจ “กระหม่อมเจอนางก่อน กระหม่อมชนะ”
ดูเหมือนเอลิออตจะไม่ค่อยชอบใจที่ผมเจอน้องสาวตัวเองก่อนเขา แถมยังมีทำหน้ากวนบาทาอีก แต่เขาก็ยังหันมายิ้มให้ผม ขณะเดียวกันก็ลอบมองค้อนไปด้วย
“...เดี๋ยวปั๊ดสั่งประหารเลยนี่” เขากระซิบ ผมได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะพรืด
“ทรงมีโอกาสสั่งจริงระวังจะเสียพระทัยนะพ่ะย่ะค่ะ” ผมว่ากลั้วหัวเราะ...ก็ในเกมมันมีฉากที่เวดิอุสโดนประหารจริงๆ คนสั่งก็เป็นองค์ชายเอลิออตนี่ล่ะ มีเป็นฉากซีจีชัดเจนมาก และเขาก็น้ำตาไหลในวันประหารผมด้วย
เอาเป็นว่านั่นคือหนึ่งในเดธแฟล็กที่ผมต้องเลี่ยง
เฟรย่า เธอจะจีบใครก็ได้ที่ไม่ใช่องค์ชาย! ถ้าเธอมาอย่างบริสุทธิ์ใจล่ะก็ จะจีบเจ้าบื้อธาลิเทียสก็ไม่ขัดศรัทธา ไม่ขัดขวางแบบในเกมด้วย!
เดินกับองค์ชายนี่ดีอย่าง ไม่ว่าเขาจะเดินไปทางไหน คนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เดินอย่างสะดวก ผมที่ได้รับส่วนบุญไปด้วยเลยไม่ต้องไปเบียดกับใครเขา แต่ข้อเสียคือผมอยากไปหาน้องผมก่อนเขาก็ทำไม่ได้นี่แหละ!
หลังจากเดินไปถึงกลุ่มจับเข่าคุย แฮ่ม หมายถึงวงสังคมที่วานาเซียอยู่ ผมก็ต้องยกนิ้วชี้จรดริมฝีปากเป็นสัญญาณให้คนอื่นเงียบไม่ต้องบอกเธอตามหน้าที่ ส่วนองค์ชายก็วางมือบนไหล่ของเธอเบาๆ
เธอสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันมาตามระเบียบ ตาสีม่วงแสนน่ารักดูจะตกใจเล็กน้อยถึงปานกลาง
“ท่านพี่! องค์ชายเอลิออต ธาลิเทียสด้วย!”
ผมโบกมือทักทายเธอยิ้มๆ เพื่อนผมอีกคนก็โค้งหัวให้ ส่วนเอลิออตเหมือนจะแอบหงอยนิดหน่อยที่เธอทักผมก่อนเขา
วานาเซีย เชอร์มาล ถ้าให้มองแบบไม่นับมีความทรงจำของเวดิอุส ผมคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากคนหนึ่ง ผมสีบลอนด์ซีดสีเดียวกับผมแต่ยาวถึงสะโพก ดวงตากลมโตสีม่วงสดใส หากยิ้มทีก็รู้สึกเหมือนจิตใจได้รับการชำระล้าง
ในเมื่อเจ้าชายอยากจะคุยกับคนคนนี้ ต่อให้บทสนทนาก่อนหน้าจะเฮฮามากแค่ไหน พวกเขาก็ต้องยอมถอยไปก่อน ผมกับธาลิเทียสเลยได้เห็นฉากคนสลายโต๋...ซึ่งเห็นจนชินแล้วเหมือนกัน
ดูเหมือนเธอจะเพิ่งหายตกใจ เลยรู้ตัวว่าตัวเองลืมทักทายอย่างเป็นทางการ มือของวานาเซียจีบชายกระโปรงขึ้นเล็กน้อย ย่อตัวลงพร้อมโค้งหัวทำความเคารพ “ยินดีที่ได้พบเพคะ”
“ไม่ได้เจอกันเสียนาน” องค์ชายเอ่ยต่อ แต่ผมได้ยินแบบนี้แล้วเบ้ปากออกมาตรงนั้นเลย
“ขออภัยที่แทรกนะ แต่กระหม่อมจำได้ว่าองค์ชายเพิ่งไปหาน้องสาวกระหม่อมเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ใช่เหรอ” ใช่! พูดออกมาได้ยังไงว่าไม่ได้เจอกันนาน ถ้าจะเล่นมุก ‘ไม่ได้เจอกันหนึ่งวัน ความรู้สึกเหมือนไม่ได้เจอกันหนึ่งปี’ น่ะ ไปเล่นไกลๆ ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ต่อหน้าคนเป็นพี่ตรงนี้ทีเถอะ!
“ท่านพี่อ้ะ!” สงสัยเธอจะรู้สึกเหมือนตัวเองโดนแซวไปด้วย หน้าตาน่ารักของเธอเลยขึ้นสีระเรื่อ แต่พองแก้มป่องมองผมซะงั้น
เหมือนกับกระรอกอมถั่วเปี๊ยบ เห็นแล้วอยากจิ้มแก้มชะมัด
แต่ยังไม่ทันจะทำตามใจคิด วานาเซียดันพ่นลมออกซะก่อน แล้วหันไปมองธาลิเทียสยิ้มๆ แทน “ยินดีที่ได้เจอนะคะ”
“เช่นกันขอรับ” เขาโค้งให้อีกรอบ “แต่เดี๋ยวข้าต้องไปก่อน พอดีนัดคนเอาไว้...” พวกเราพยักหน้าเข้าใจ เขาถึงโค้งให้อีกรอบอย่างมีมารยาทแล้วแยกตัวไป
เอาจริงๆ ผมว่าผมเข้าใจเขานะ ถ้าผมเป็นเจ้านั่นก็ไม่ค่อยอยากอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ เพราะถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนของผมกับองค์ชาย แต่เอาเข้าจริงเขาสนิทแค่กับผม...อันที่จริงเจ้าตัวไม่ค่อยยอมพูดอะไรกับองค์ชายเท่าไหร่ด้วย ซึ่งตอนแรกเอลิออตก็บ่นอยู่ แต่หลังๆ ปลงแล้วเลยได้แต่ปล่อยเลยตามเลย
หลังจากมองธาลิเทียสออกจากวงสนทนา พวกเราก็หันมาคุยกันเองต่อ
“ว่าแต่ท่านพี่เจ้าคะ” วานาเซียเอียงคอมองผมอย่างเป็นห่วง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย มือชี้ไปที่หัวของผม ถ้าให้ถูกคือชี้ผ้าพันแผลนี่แหละ “ไปโดนอะไรมาหรือเจ้าคะ เจ็บมากไหม”
ทำไมต้องถามกันทุกคนเลยเนี่ย! แถมผมยังไม่อยากเกรี้ยวกราดใส่คนที่เป็นห่วงผมชัดเจนขนาดนี้อีก ถึงจะรู้สึกเซ็งขนาดไหนก็ได้แต่ยิ้มแล้วส่ายหัว “ไม่เจ็บหรอก ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ”
“ลื่นล้มหัวฟาดพื้นน่ะ” องค์ชายเสริมให้ ผมได้แต่ตวัดตามองอย่างแค้นเคือง แต่อีกคนดันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ซะงั้น
หน็อย อย่าให้ถึงตาฉันบ้างล่ะไอ้เอลิออต ถ้าแบล็กเมล์ได้จะจับประจานไปถึงโลกหน้าเลยคอยดู!
เธอดูจะอึ้งไปจริงจังก็คราวนี้ ก่อนจะส่งรอยยิ้มที่สดใสที่สุดในโลกให้ “เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้วนะคะท่านพี่ ไม่ต้องห่วงเนอะ”
ทันใดนั้นเองที่ผมรู้สึกเหมือนตัวเองได้รับการเยียวยา แต่ผมเองก็แสดงออกมากไม่ได้ เลยเอื้อมมือไปลูบหัวเธอเบาๆ ยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุด ซึ่งวานาเซียโยกหัวไปมาเหมือนกำลังเอาหัวไถมือพบตอบด้วย
น้องใครเนี่ย น่ารักชะมัด!
“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมจากบุคคลที่ถูกลืมไปชั่วขณะทำให้ผมต้องชักมือกลับในที่สุด เอลิออตหยิบกล่องผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มออกมาจากกระเป๋า และนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกให้ผมไปหลบอยู่ข้างหลังน้องสาวตามมารยาท ง่ายๆ คือยอมให้คู่รักเขาเต๊าะกันนั่นเอง
ถ้าว่ากันตามจริง ผมควรจะไปอยู่หลังองค์ชาย แต่อีกคนหนึ่งเป็นน้องสาวผม ผมเลยเลือกจะอยู่ฝั่งไหนก็ได้ ที่เลือกฝั่งนี้ก็เพราะจะได้เห็นของขวัญได้สะดวกหน่อย
“ข้ามอบให้เจ้า” องค์ชายเอ่ยเสียงเบา วานาเซียก็รับไปตามระเบียบแล้วเงยหน้ามอง ถ้าให้เดาคือคงกำลังส่งสายตาถามว่าเปิดตรงนี้เลยได้ไหม เพราะเอลิออตพยักหน้ายิ้มๆ แล้วเธอก็เปิดออกทันที
ตัวข้างในกล่องบุด้วยผ้ากำมะหยี่สีขาวสะอาด ในกล่องคือปิ่นปักผมสีเงินเป็นประกาย ตรงขอบและส่วนปลายเป็นสีน้ำเงิน แต่ส่วนปลายมีดอกไม้ปลอมห้ากลีบห้อยเป็นเส้นยาวๆ สามเส้นสีทองกับม่วงอะมีธิสต์
...นี่ไม่ได้ซื้อเองแล้วมั้ง สั่งทำชัดๆ!
ผมเบ้ปากให้อีกรอบ แน่นอนว่าเอลิออตยักคิ้วกวนบาทาให้ผม ถ้าไม่ติดว่าเป็นองค์ชายนี่ผมคงไปกระทืบมันตรงนั้นแล้ว ปัดโธ่!
“ขอบพระทัยเพคะ” วานาเซียพูดขอบคุณ แต่ผมไม่เห็นสีหน้าของเธอเลยเพราะอยู่ด้านหลัง...เริ่มรู้สึกพลาดขึ้นมายังไงชอบกล แต่เอาเป็นว่าสีหน้านั้นทำให้ตัวองค์ชายดูจะอึ้งไปมาก
เห...ถ้ามองดีๆ เหมือนหน้าของเขาขึ้นสีด้วยรึเปล่า
แล้วองค์ชายเอลิออตก็เอื้อมมือไปคว้าปอยผมของเธอ โน้มตัวลงไปจรดริมฝีปากบนปอยผมนั้น