นี่มันโลกเกมโอโตเมะที่ตัวร้ายเป็นผู้ชาย แล้วผมก็กลายเป็น 'นายร้าย' ของเกม...เดธแฟล็กน่ะพอมี แต่ผมน่ะชายทั้งแท่งนะเฮ้ย เพราะงั้นคุณนางเอกครับ เชิญคุณคู่กับพระเอกไปเถอะ อย่ามาหวังดีจับคู่ผมกับพระเอกเลย!

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย - 4 พบเจอนางเอก โดย แมวน้อยในถังปี๊บ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ตะวันตก,ต่างโลก,นายร้าย,ตัวร้าย,โอโตเมะ,เกมจีบหนุ่ม,SoL,slice of life,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ต่างโลก,นายร้าย,ตัวร้าย,โอโตเมะ,เกมจีบหนุ่ม,SoL,slice of life,แฟนตาซี

รายละเอียด

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย โดย แมวน้อยในถังปี๊บ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นี่มันโลกเกมโอโตเมะที่ตัวร้ายเป็นผู้ชาย แล้วผมก็กลายเป็น 'นายร้าย' ของเกม...เดธแฟล็กน่ะพอมี แต่ผมน่ะชายทั้งแท่งนะเฮ้ย เพราะงั้นคุณนางเอกครับ เชิญคุณคู่กับพระเอกไปเถอะ อย่ามาหวังดีจับคู่ผมกับพระเอกเลย!

ผู้แต่ง

แมวน้อยในถังปี๊บ

เรื่องย่อ

สารบัญ

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-1 ปฐมนิเทศและความจริง,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-2 พระเอกและองค์ชาย,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-3 อัศวิน องค์ชาย และน้องสาวผู้น่ารักที่สุดในโลก,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-4 พบเจอนางเอก,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-5 คำเตือนและความรู้สึกผิด,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-6 ตื่นเช้ามาต้องออกกำลังกาย

เนื้อหา

4 พบเจอนางเอก


4

พบเจอนางเอก



หลังจากที่องค์ชายเอลิออตเอื้อมมือไปคว้าปอยผมของเธอ โน้มตัวลงไปจรดริมฝีปากบนปอยผมนั้น เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเซ็งแซ่

ผมยกมือขึ้นกุมขมับ ใจอยากจะย้ายไปอยู่ด้านหลังไอ้เจ้าชายนั่นแทนอย่างไรชอบกล จะได้ตบหัวมันได้สะดวก

เล่นจองตัวกันขนาดนี้เลยเรอะ! นี่มันประกาศให้โลกรู้ทางอ้อมเลยนะว่า ‘คนนี้คือผู้หญิงของฉัน’ และ ‘ฉันจะแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้แน่ๆ และจะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนใจฉันได้’ น่ะ!

นางเอกเกมยังแทรกน้องสาวฉันได้นะโว้ย!

“สุดยอดไปเลยค่า...” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดแบบไม่เบาไม่ดังมาก แต่คงเพราะอยู่ใกล้ไปหน่อยผมเลยได้ยินเข้า ผมเลยเหลือบไปมองพร้อมเงี่ยหูฟังไปด้วย

“น่าอิจฉาท่านวานาเซียจังเลยค่ะ มีคู่หมั้นที่รักท่านมากขนาดนี้” เพื่อนของเธอกระซิบตอบ ไม่วายยังทำหน้าเพ้อฝันอีกด้วย สรุปว่านี่คือความฝันของผู้หญิงเกือบทุกคนสินะ

อ่า ไม่สิ มันเป็นเรื่องเข้าใจได้อยู่นี่นา การแต่งงานของขุนนางส่วนใหญ่มักจะมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้อง เพราะงั้นจะเห็นได้บ่อยมากว่าหมั้นกันเสร็จ แต่งงานปุ๊บ ชีวิตแต่งงานก็มักจะไม่หวานแหววเท่าไหร่ ส่วนกรณีผมถือว่าโชคดีที่ท่านพ่อท่านแม่ในชาตินี้ดูรักกันดี ไม่เหมือนในชาติก่อนที่ทำแต่งานจนละเลยความอบอุ่นในครอบครัวไปจนหมด

ส่วนเนื้อเรื่องในเกมรูตเอลิออต นางเอกก็เคยได้ยินถึงความหวานแหววที่ลือกันให้แซ่ดทั่วรั้วโรงเรียนนี้เหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ยังแย่งมาอยู่ดี แถมยังหวังให้วานาเซียทำดีกับตัวเองต่อไปอีกต่างหาก

แน่นอนว่าเรื่องพรรค์นั้นมันเป็นไปไม่ได้ ถ้าให้เปรียบมันคงเหมือนเอามีดไปจ้วงเขาแล้วยังหวังให้เขาทำตัวดีด้วยไม่มีผิด ถ้าตัวเกมวางบทให้สองคนนั้นเป็นเพื่อนกันต่อนี่ ผมคงเทเกมนี้ทันทีทันใดเลยล่ะ

ผมถอนหายใจออกมา ตอนนี้องค์ชายยอมปล่อยปอยผมของน้องสาวผมแล้ว แต่ตัวเธอยังแข็งค้างไม่หาย ผมเลยเดินไปดูถึงพบว่าเธอกำลังหน้าแดงแจ๋

ทันใดนั้นเองที่ผมเห็นใครบางคนเดินเข้ามาหาองค์ชายทางด้านหลัง ดูเหมือนจะจงใจให้เจ้าตัวไม่รู้ด้วย ผมเลยได้แต่นิ่งเงียบ

แปะ!

เสียงพัดฟาดกบาลไอ้เจ้าชายแบบไม่ดังไม่เบา และในรั้วโรงเรียนนี้ คนจะกล้าทำแบบนี้กับเอลิออตได้ก็มีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ

องค์หญิงไอริเซีย

องค์ชายก็รู้ความจริงข้อนี้ดี เขาจึงหันขวับไปมองพี่สาวตัวเองที่สูงพอๆ กับตัวเอง...ไอริเซียเธอใส่ส้นสูงประมาณสิบห้าเซนติเมตรได้ ไม่อย่างนั้นได้เตี้ยกว่าแน่นอน สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ที่โดนขัดจังหวะ

“ให้ตายสิ ไปแกล้งคู่หมั้นตัวเองได้อย่างไรกัน” เธอกอดอกมองเอลิออต ก่อนจะเอียงคอมองไปรอบๆ “จองตัวขนาดนี้ก็ทำตามให้ได้ด้วยล่ะ”

“ขอร้าบท่านพี่” องค์ชายตอบแบบขอไปที แต่หน้าของเขามีแต่ความมั่นใจและสัตย์จริง นั่นทำให้องค์หญิงยิ้มออกมา

ดูเหมือนไอริเซียเองก็ไม่มีปัญหาอะไรถ้าวานาเซียได้แต่งงานกับองค์ชาย โดยเฉพาะเมื่อเธอมองมาทางน้องสาวผมแล้วส่งยิ้มบางเหมือนเทพธิดากำลังอวยพรให้ เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ทุกคนมองตาค้าง “ฝากด้วยนะจ๊ะ”

วานาเซียหน้าแดงอีกครั้ง ถ้าเมื่อกี้คือความเขินอาย ครั้งนี้ก็คือความชื่นชม พอผมมองไปรอบๆ ก็เห็นว่าทุกคนกำลังทำหน้าชื่นชมไม่แพ้กัน

ความงามระดับมาสเตอร์พีซของพระผู้เป็นเจ้าแบบนี้มันหาได้ยากจริงๆ นะ! ขนาดองค์ชายยังไม่หล่อถึงขั้นพระเจ้าสร้างเลย สายเลือดเดียวกันแท้ๆ!

ไม่ทันไร องค์หญิงกลับเลื่อนสายตามามองผม ส่งยิ้มอ่อนโยนให้เป็นเชิงทักทายแล้วเดินจากไป

สวยชะมัด! ขนาดผมเห็นเธอมาตั้งแต่ผมยังเด็กยังรู้สึกว่าเธอสวยเลย! ไม่สิ ขนาดซีจีในเกมยังสวยด้อยกว่าเธอตัวเป็นๆ เลยด้วยซ้ำ!

หลังจากนั้นทุกคนก็กลับไปคุยกันเองต่อ

องค์ชายกับวานาเซียคุยเรื่องสัพเพเหระกันอีกนิดหน่อย ก่อนที่องค์ชายจะเป็นคนบอกลาแล้วเดินออกไป ตามธรรมเนียมผมต้องเดินตามออกไปด้วย ซึ่งเขายังไม่ได้ไปไหนไกล แต่คุยกับคนแถวนั้นไปก่อน เหมือนกับเปิดโอกาสให้ผมคุยกับน้องสาวยังไงยังงั้น

ผมลอบถอนหายใจ ไอ้หมอนี่จะรู้ดีเกินไปแล้วว่าผมต้องการอะไร

เขาอาจจะมองว่าผมอยากมีเวลาส่วนตัวกับน้องผมบ้าง แต่สิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คืออยากรู้ว่าทำไมเวดิอุสถึงทำถึงขั้นยอมตายเพื่อเธอ และดูด้วยว่าตัวผมตอนนี้จะยอมทำเพื่อเธออยู่รึเปล่าหากนางเอกเข้ารูตองค์ชาย

“ท่านพี่คะ” วานาเซียเป็นฝ่ายเปิดด้วยความเป็นห่วง ยกมือชี้ไปที่หัวตัวเอง...ให้ถูกคือเธอกำลังถามว่าหัวผมเป็นยังไงบ้าง “ตรงนี้...ยังเจ็บอยู่มั้ยคะ”

“ก ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่” ผมรู้สึกตะกุกตะกักอย่างบอกไม่ถูก ทั้งธาลิเทียสอึ้งมาก เอลิออตถึงขั้นฝากข้อความสมน้ำหน้าให้ผมด้วยซ้ำ พอเห็นเธอถามแบบนี้ก็อดตัวลอยไม่ได้ เพราะมันแสดงว่าเธอเป็นห่วงผมอยู่ “ตอนนี้อยู่โรงเรียนเดียวกัน มีปัญหาอะไรก็บอกพี่ได้นะ” 

เทียบกับความทรงจำอื่นๆ ของตัวผมแล้ว เธอยังน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนเดิมเลยแฮะ

“ได้เลยค่ะ” เธอยิ้มออกมา สองมือยกขึ้นเสมออกแล้วกำเหมือนจะบอกให้เชื่อมือได้เลย “ข้าชงชาสมุนไพรได้แล้วนะคะ หากหาเวลาได้จะไปชงให้ท่านพี่แน่นอนค่ะ!”

ผมมองเธอด้วยความเอ็นดู รู้สึกเหมือนปากตัวเองกำลังยิ้มขึ้นมาทั้งที่ไม่ได้บังคับมันเลยสักนิด ยกมือขึ้นลูบหัววานาเซียอย่างเบามือ

“แล้วพี่จะรอ” ผมกลับหลังหันเดินไปหาองค์ชาย แต่พอเอี้ยวคอไปมองอีกทีก็เห็นว่าเธอจีบชายกระโปรงขึ้นถอนสายบัวให้พวกเราอีกครั้ง แล้วเดินไปหาวงสังคมสาวๆ ของเธอ

ผมได้รับความรู้สึกว่าวานาเซียเองก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากสำหรับชีวิตผม

แบบนี้ต่อให้ผมจะตายหรือไม่ ผมต้องปัดรูตองค์ชายออกจากนางเอกไปให้ได้

แต่จะทำยังไงดีล่ะ



ผ่านไปสักพัก ทุกคนแยกย้ายไปมีสังคมของตัวเอง ส่วนผมก็มีคนมาทักทายบ้างเหมือนกันถ้าผมยืนเป็นบ้าใบ้ให้เอลิออตพูด บางคนก็เป็นดยุกตระกูลอื่น บางคนก็ตระกูลต่ำกว่าแต่คุ้นเคยเพราะมีคุยกันบ้างตามงานต่างๆ คนที่ผมไม่เคยคุยเลยก็มีแต่น้อย

ผมทำตัวตามปกติแบบไม่คิดจะเหยียดใคร รอยยิ้มก็ยังมีบนหน้าผมเหมือนเดิม

นอกจากเรื่องงาน สินค้ายอดฮิตและข่าววงใน ส่วนมากพวกเขาจะมีโอ้อวดกันด้วยว่ามีของดีอะไรบ้าง แต่ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครกล้ามาอวดใส่ผมเท่าไหร่ อย่างมากก็มีมาถามว่าแบบนี้ดีไหม ควรปรับแก้ตรงไหนรึเปล่าเท่านั้น

อีกอย่าง ถ้าพูดจาโอ้อวดใส่ผม...ก็นะ ผมจะทำอะไรได้ แค่รอให้คนอื่นพูดแทรกว่าผมคือใครก็พอแล้วมั้ง เพราะถ้านับจริงๆ ผมกับองค์ชายไม่ได้เข้างานสังคมบ่อย อีกอย่างคือพวกเราแยกกันในงานค่อนข้างบ่อยเพราะต้องคอยสานสัมพันธ์กับตระกูลอื่นเพื่อการทำงานที่ง่ายขึ้นในอนาคต

ถ้าเป็นเรื่องเดินด้วยกันในงานล่ะก็ วานาเซียเดินกับองค์ชายบ่อยกว่าผมอีก

แต่คุยกับคนอื่นนานๆ นี่มันเหนื่อยชะมัด ขอไปสูดอากาศก่อนดีกว่า ค่อยกลับมาอีกทีตอนเอลิออตปิดงานก็ได้

อะ...แต่ถ้าผมออกจากตรงนี้ไปชั่วคราว ก็แสดงว่าจะได้เริ่มอีเวนต์ตัวร้ายเจอกับนางเอกแล้วน่ะสิ

ตามเนื้อเรื่องเกมบอกว่าผมไปคนเดียว ผมก็เลยไม่ค่อยอยากไปคนเดียวเท่าไหร่...จะขอวานาเซียไปด้วยก็ไม่อยากให้เธองง ลากองค์ชายไปด้วยก็ไร้มารยาทไปนิด ถึงความจริงผมโคตรอยากจะลากเขาไปในฐานะสักขีพยานเลยก็เถอะ

กับองค์หญิงไอริเซียยิ่งแล้วใหญ่ จริงอยู่ที่เราเจอกันตั้งแต่เด็ก แต่พวกเราคุยกันค่อนข้างน้อย ไม่ได้สนิทอะไรขนาดนั้น

ผมกวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะเห็นพวกพ่อบ้านและเมดเริ่มทยอยกลับมารอตรงมุมงานกันแล้ว แสดงว่าอบรมกันเสร็จกันแล้วสินะ

ลากเจคอบไปด้วยก็แล้วกัน หมอนั่นถนัดเวทธาตุลมด้วย...ถ้าขอบันทึกข้อความอะไรก็ได้อยู่แล้ว

ผมเดินออกมาจากวงงานเลี้ยง แน่นอนว่าพ่อบ้านประจำตัวผมต้องเดินออกมารับผม เขายกมือขวาแนบอกแล้วโค้งให้ผม

“ออกมาเร็วนะขอรับ” เจ้าตัวดูจะสงสัยไม่น้อย แต่ผมดันถามแทรกขึ้นมาก่อน

“เจคอบ ใช้สายลมบันทึกเสียงให้ข้าหน่อยจะได้ไหม” พ่อบ้านของผมคงตกใจพอดูที่อยู่ๆ ผมก็ถามอะไรแปลกๆ

ถึงอย่างนั้นก็เลือกจะพยักหน้า “ทำได้ขอรับ”

โอเค ยังดีที่ผมยังจำได้ว่าพ่อบ้านตัวเองถนัดธาตุลม และเขาถนัดสายลมประเภทบันทึกข้อความที่สุด อันที่จริงผมใช้วัตถุเวทมนตร์บันทึกแทนก็ได้ เสียแต่ผมไม่ได้พกมาเลย เพราะงั้นเลยต้องให้คนช่วยแทน

นี่เป็นเรื่องที่ผมทำเองไม่ได้นี่นะ

“เดี๋ยวข้ากะจะรบกวนเจ้าหน่อย” ผมยิ้มให้ “นี่ค่อนข้างเกี่ยวข้องกับความเป็นตายของข้าเลยน่ะ...”

เจคอบดูจะตกใจมากที่ผมพูดอะไรแบบนั้น ก่อนจะทำหน้าครุ่นคิดเหมือนผมหัวโขกพื้นมาสมองเลยอาจเพี้ยนก็ได้ ผมเลยรู้สึกเหมือนมุมปากตัวเองกระตุกไม่เบา

อยากโดนดีนักใช่ไหมหา!

“เริ่มตอนไหนดีขอรับท่านเวดิอุส” ผมน่าจะหน้าบึ้งพอควร อีกฝ่ายถึงยอมถามกำหนดการออกมา

นั่นสิ จะบอกยังไงให้ผมดูไม่รู้อนาคตมากเกินไปกันนะ...อ้อ นึกออกละ

“ตอนที่ข้าเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นนอกงานก็แล้วกัน”



ผมกับเจคอบเดินออกห่างจากงานเลี้ยงไปเยอะพอดู มันก็ผ่านมาสักพักแล้วแหละ แต่ผมก็ยังไม่เห็นใคร ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะพวกเขาต่างต้องรอสุนทรพจน์ปิดงานของเอลิออตนี่ ขนาดผมยังต้องไปให้ทันเลย

เสียงนกร้อง เสียงลมพัดเบาๆ สองอย่างนี้ทำให้รู้สึกจิตใจผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก ถ้าไม่ติดว่าตรงนี้ห่างกับตึกเรียนเกินไป ผมอาจจะได้ที่สิงสถิตแล้วก็ได้

ผมกับพ่อบ้านยังคงเดินไปเรื่อย แล้วชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงจากข้างหน้าผม พร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งที่ปลิวว่อน

“จดหมายข้า!” เสียงหวานดูตระหนก เสียงฝีเท้าวิ่งตึกตักนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่กลับไปหาจดหมายไม่ทันสักที

และเพราะจดหมายนั้นปลิวมาในระยะการเอื้อมของผมพอดี ผมจึงคว้ามันไว้ได้ แล้วแอบอ่านนิดหน่อย...เนื้อหาของมันไม่มีอะไรมาก เป็นจดหมายของพ่อคิดถึงลูกเป็นธรรมดา

แต่สิ่งที่น่าสนใจคือช่วงล่างสุดของจดหมายก่อนถึงลายเซ็นต่างหาก



‘...ลูกพร้อมกับแผนการยกระดับยศของบ้านเราหรือยัง ทางพ่อพร้อมสนับสนุนลูกทุกทางนะ

คนที่พ่อแนะนำก็มี...’



เนื้อหาหลังจากนั้นย่อมไม่พ้นรายชื่อของตัวละครที่จีบได้ เพิ่มเติมคือประวัติเล็กๆ น้อยๆ ...หืม มีชื่อผมด้วยแฮะ แอบตกใจนิดหน่อยเลย

หญิงสาวคนนั้นหอบแฮกถึงขั้นต้องใช้มือยันเข่าเอาไว้ ผมหยักศกสีดำน้ำหมึกของเธอยุ่งเหยิงเพราะวิ่งจนเหนื่อย ดวงตาสีน้ำเงินของเธอฉายแววเหนื่อยอ่อนปนดีใจที่มีคนคว้าจดหมายนั้นไว้ได้ ส่วนเจคอบเองก็เริ่มบันทึกข้อความไว้

“ขอบ...ขอบคุณมากนะคะที่เก็บจดหมายฉันเอาไว้” เธอเอ่ยเสียงหอบ “ไม่ทราบว่าท่าน...เป็นใครเหรอคะ”

ผมไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่จะมีคนไม่รู้จักผม เพราะถึงชื่อของผมจะดัง แต่ผมยืนข้างองค์ชายแทบจะตลอดเวลา เพราะงั้นรูปลักษณ์ของผมเลยไม่ได้โด่งดังขนาดนั้นเพราะโดนเอลิออตกลบเสียเกือบหมด

ถึงอย่างนั้น ผมกลับรู้ดีเลยว่าคนนี้คือใคร

เลดี้เฟรย่า อลาดิส ยศบารอน

ผมเลือกจะมองเธอนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรแล้วยื่นกระดาษแผ่นนั้นคืนให้ แต่เฟรย่าดูตกใจจนตัวแข็งไปแล้ว ไม่ยอมยื่นมือมารับกระดาษแผ่นนี้สักที

ผมว่าเหมือนตัวเองถามเสร็จก็ได้คำตอบเองทันที แบบนี้ผมไม่ต้องแนะนำตัวแล้วละมั้ง

‘ฉันรู้สึกลนลานนิดหน่อยที่ท่านเวดิอุสทำหน้าแบบนั้น ไปหงุดหงิดอะไรมากันนะ น่ากลัวจัง...’ คือโมโนล็อกในความคิดของนางเอกเกมนี้ในฉากนี้ ซึ่งเอาจริงๆ เป็นผมก็คงตกใจจนตัวแข็งไม่ก็ลนลานเหมือนกันแหละ ถ้ารู้สึกเหมือนตัวเองปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม

ตามเนื้อเรื่องเกมคือนายร้ายไม่พูดอะไร และหลังจากตรงนี้จะเข้ารูตจีบคนอื่นอย่างเป็นทางการ

ซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะว่าทำไมเกมถึงไม่เปิดให้จีบเวดิอุส ซ้ำแล้วเขายังปองร้ายเฟรย่าเมื่อเธอเข้าหาคนที่ตัวร้ายสนิทสนมด้วย

...ก็เล่นเจอจดหมายเนื้อความเขียนให้หลอกใช้ผลประโยชน์จากคนอื่นทนโท่แบบนี้ แถมยังมีลิสต์รายชื่อเป้าหมายที่แนะนำให้ลูกสาวตัวเองไปตีสนิทอีก ถ้าใครรักเพื่อนมากก็คงไม่อยากจะทน

แต่นั่นก็แค่เนื้อเรื่องเกม นี่คือชีวิตจริง

ผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าเธอจะเข้ารูตไหน ถ้าเป็นรูตขององค์หญิงหรือเพอร์ซิวัลก็ดีไป ในขณะเดียวกัน หากเธอจะเลือกจีบเจ้ามาร์ควิสหลอกง่ายหรือคิดจะแย่งองค์ชายไปจากน้องสาวผม ผมคงยอมไม่ได้หรอก

โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นกับตาแล้วว่าเธอรักและนับถือผมมากแค่ไหน



‘ไว้เดี๋ยวข้าจะไปชงชาให้ท่านพี่นะคะ’





ผมไม่อยากให้วานาเซียต้องเสียใจ

ต่อให้สังคมนี้มีแต่สิ่งจอมปลอม แต่ความรักที่ได้จากคนในครอบครัว มิตรภาพที่ได้จากองค์ชายเอลิออตและธาลิเทียสคือของจริง

เธอเอื้อมมือมาหยิบกระดาษแผ่นนั้นแล้ว แต่ผมเป็นฝ่ายที่ยังไม่ยอมปล่อยมัน ตัดสินใจหลุบตาลงเพื่อสงบสติอารมณ์ สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วลืมตา จ้องไปยังดวงตาของเธอด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนตอนกำลังคุยเรื่องงาน

ไม่รู้ว่ามันจะมีความโกรธปนมาด้วยรึเปล่า เพราะเอาจริงๆ ผมก็กรุ่นใช้ได้เลยล่ะ

“ถ้าคิดจะทำตามเนื้อหาจดหมายนั่นล่ะก็ เลิกซะจะดีกว่า”