นี่มันโลกเกมโอโตเมะที่ตัวร้ายเป็นผู้ชาย แล้วผมก็กลายเป็น 'นายร้าย' ของเกม...เดธแฟล็กน่ะพอมี แต่ผมน่ะชายทั้งแท่งนะเฮ้ย เพราะงั้นคุณนางเอกครับ เชิญคุณคู่กับพระเอกไปเถอะ อย่ามาหวังดีจับคู่ผมกับพระเอกเลย!

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย - 5 คำเตือนและความรู้สึกผิด โดย แมวน้อยในถังปี๊บ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แฟนตาซี,ตะวันตก,ต่างโลก,นายร้าย,ตัวร้าย,โอโตเมะ,เกมจีบหนุ่ม,SoL,slice of life,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,ตะวันตก

แท็คที่เกี่ยวข้อง

ต่างโลก,นายร้าย,ตัวร้าย,โอโตเมะ,เกมจีบหนุ่ม,SoL,slice of life,แฟนตาซี

รายละเอียด

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย โดย แมวน้อยในถังปี๊บ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

นี่มันโลกเกมโอโตเมะที่ตัวร้ายเป็นผู้ชาย แล้วผมก็กลายเป็น 'นายร้าย' ของเกม...เดธแฟล็กน่ะพอมี แต่ผมน่ะชายทั้งแท่งนะเฮ้ย เพราะงั้นคุณนางเอกครับ เชิญคุณคู่กับพระเอกไปเถอะ อย่ามาหวังดีจับคู่ผมกับพระเอกเลย!

ผู้แต่ง

แมวน้อยในถังปี๊บ

เรื่องย่อ

สารบัญ

คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-1 ปฐมนิเทศและความจริง,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-2 พระเอกและองค์ชาย,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-3 อัศวิน องค์ชาย และน้องสาวผู้น่ารักที่สุดในโลก,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-4 พบเจอนางเอก,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-5 คำเตือนและความรู้สึกผิด,คุณนางเอกครับ โปรดอย่าเปลี่ยนผมเป็นนายเอกเลย-6 ตื่นเช้ามาต้องออกกำลังกาย

เนื้อหา

5 คำเตือนและความรู้สึกผิด


5

คำเตือนและความรู้สึกผิด



“ถ้าคิดจะทำตามเนื้อหาจดหมายนั่นล่ะก็ เลิกซะจะดีกว่า” ผมพูดเสียงเรียบ แต่ในใจรู้สึกเหมือนมีไฟสุมอกจนรู้สึกร้อนรุ่ม มันคืออารมณ์โกรธไม่ผิดแน่ และในตอนนี้ผมเข้าใจเนื้อเรื่องของเกมขึ้นมาแล้ว

ถ้าไม่ติดว่ากำลังโกรธอยู่ล่ะก็ ผมคงชมไปแล้วว่าทีมพัฒนาเกมทำได้ดีมาก

ตอนแรกกะจะแค่เสพเนื้อเรื่องของตัวร้ายไปเรื่อยๆ โดยเลี่ยงเดธแฟล็กของตัวเองแท้ๆ แต่ตัวผมเองก็มีความทรงจำของเวดิอุสอยู่ด้วย มันเลยกลายเป็นรวมกันจนผมหลุดปากพูดออกไปนี่แหละ

เวดิอุสในเกมก็แค่อยากจะปกป้อง ‘โลก’ ของเขา และไม่อยากให้ใครมาทำลายมันก็เท่านั้นเอง...เขาก็เลยกลายเป็นตัวร้ายของเกม แถมนางเอกยังจีบไม่ได้เพราะเขาคงไม่มีวันเปิดใจกับคนที่จะแทรกแซงโลกนี้โดยใช้ความรักเป็นเครื่องมือ

โลกที่ว่าหมายถึงความสัมพันธ์ของเขากับผู้คนรอบข้าง และความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นที่คนรอบข้างมีให้กันและกัน

ผมก็ด้วย ในโลกก่อนหน้านี้ ตัวผมก็เข้าใจดีว่าทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยผลประโยชน์ แต่มันต้องมีข้อจำกัดของมันเหมือนกัน สำหรับผมก็คือ ‘ถ้าไม่มีผลกระทบกับโลกส่วนตัว’ ซึ่งเชื่อว่าคนคิดแบบนี้กันเยอะพอสมควร

ถ้าผมไม่มีความทรงจำของชาติที่แล้ว ผมคงเลี่ยงจะพูดอะไร แต่เพราะผมมี เลยอยากจะคุยให้มันรู้เรื่องตั้งแต่แรกไปเลยมากกว่า จะได้ไม่มีใครต้องมาเสียใจภายหลัง

เฟรย่าหน้าถอดสี แต่หน้าตากลับไม่รู้เรื่องว่าผมกำลังพูดอะไรอยู่ ซึ่งจริงๆ ผมเป็นคนใจดี ถ้าคุยกันด้วยเหตุผลก็ต้องให้ข้อมูลอีกฝ่ายไปด้วย จะได้เข้าใจตรงกัน

“เฟรย่า อลาดิส” ผมเรียกชื่อเธอออกมา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะตกใจมากที่ผมรู้จักชื่อ ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจได้ ที่ปรึกษาและองครักษ์ส่วนตัวองค์ชายแทบจะเรียกว่าอยู่จุดเกือบสูงสุดนั้น แทบจะไม่มีวันเห็นตระกูลบารอนอยู่ในสายตาเลยสักนิดหากไม่ได้มีความดีความชอบอันโดดเด่น

“ค คะ...” เสียงของเธอสั่นเครือมากจนเหมือนผมกำลังกลั่นแกล้งเธออยู่ ถ้ามีคนมาเห็นฉากนี้เข้าคงคิดว่าผมกำลังแกล้งเธอแน่ๆ แต่ความจริงมันใช่แบบนั้นที่ไหน “ท่าน...เวดิอุส”

เพราะมีเจคอบคอยบันทึกข้อความเสียง ผมถึงยิ่งต้องทำให้ตัวเองเคลียร์เข้าไว้

“ในจดหมายนี่มีเขียนถึงแผนยกระดับตระกูลอลาดิสของพ่อเจ้า...” ผมพูดช้าๆ ชัดๆ เน้นย้ำกันไปข้างว่าตัวเองกำลังพูดถึงเรื่องอะไร “...ทำไมถึงมีชื่อข้าและเพื่อนของข้าอยู่ในนี้ด้วย หืม?”

เอาล่ะ ผมขออธิบายก่อน ความจริงมันเป็นเรื่องปกตินั่นแหละที่พวกขุนนางจะพยายามทำให้ตัวเองโดดเด่นเพื่อหมั้นและแต่งงานกับตระกูลยศสูงกว่าเพื่อสานสัมพันธ์ฉันมิตร จะมีชื่อผม องค์หญิงไอซิเรีย ธาลิเทียสหรือเพอร์ซิวัลอยู่ในลิสต์รายชื่อก็ไม่แปลกอะไร เพราะผมก็รู้ว่าพวกเราคือระดับสูงสุดในทั้งเส้นสายและตำแหน่ง

และที่สำคัญพวกเรายังโสดสนิท คู่หมั้นยังไม่มีกันสักคน เรียกได้ว่าเป็นเหยื่ออันโอชะของขุนนางจอมตะกละทีเดียวเชียวล่ะ

เพราะอย่างนั้น พวกเราทุกคนถึงระวังตัวในสังคมนี้อยู่ตลอดเวลา...ยกเว้นเจ้าธาลิเทียสน่ะนะ เจ้าหมอนั่นมันบื้อเกินจนผมคิดว่าเขาควรจะไปเป็นนักบุญมากกว่าขุนนาง แต่เรื่องนั้นไว้ก่อน

เอาเป็นว่าสาเหตุที่แท้จริงน่ะผมรู้อยู่แล้ว แต่ผมอยากได้ยินออกมาจากปากเธอมากกว่า

ซึ่งเธอกลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าของเธอยังคงซีดเผือดอยู่อย่างนั้น

ในเมื่อบีบไปก็ไม่พูด ผมคงต้องขอแหย่สักหน่อยแล้ว เพราะอย่างที่บอก เจคอบเป็นคนบันทึกเสียง ถึงพลังเวทเขาจะเยอะ แต่ใช้นานๆ ก็เหนื่อยเป็นเหมือนกัน

เสร็จงานนี้เดี๋ยวเพิ่มโบนัสให้นะพวก

“คิดจะกบฏเช่นนั้นหรือ”

“ไม่ใช่นะคะ!” เฟรย่าตอบกลับทันควัน แต่เสียงเริ่มแผ่วลงในประโยคถัดมา “ถึงตระกูลของข้าจะได้ยศบารอนมาไม่นาน แต่พวกเราไม่มีทางคิดเช่นนั้นแน่นอน...”

ผมรู้สึกเหมือนเห็นเธอผวา...อย่าบอกนะว่าผมเผลอเปลี่ยนสีหน้าเป็นน่ากลัวหนักกว่าเดิม?

หลังจากนี้คงต้องไปส่องกระจกมองตัวเองสักหน่อยแล้วมั้ง จะได้รู้ว่าตัวเองควรขยับกล้ามเนื้อใบหน้าแบบไหนถึงจะดี

ตาสีเงินของเธอเริ่มรื้นน้ำตา ดูเหมือนว่าเธอจะกลัวผมใช้ได้

เฮ้ๆ! ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเฮ้ย ไม่ได้ขู่จะแช่แข็งเธอสักคำด้วย การใช้เวททำร้ายหรือฆ่าคนมันผิดกฎหมายนะรู้ไหม เธอคิดว่าในสถานการณ์ตอนนี้ ฉันจะเอาชีวิตกับตำแหน่งไปเสี่ยงกับเธอรึไง!

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมเองก็กึ่งจงใจที่จะบอกว่ามันมีแค่ชื่อผมเหมือนกัน มันมีโอกาสที่เธอยังอ่านจดหมายฉบับนี้ยังไม่จบ ผมเลยขอเดิมพันกับความเป็นไปได้ตรงนั้นด้วยการตัดไฟแต่ต้นลม

ผมเป็นสุภาพบุรุษ เห็นน้ำตาผู้หญิงแบบนี้ก็ใจบางเหมือนกันนะถ้าเอาจริงๆ รู้สึกผิดชะมัด...หวา! ตาสีเงินของเธอพอฉ่ำน้ำตาแล้วมันสวยเป็นบ้า ว้าก!

ใจหนึ่งผมอยากจะสลัดเหตุการณ์ตรงนี้ทิ้งแล้วไปเช็ดน้ำตาให้อยู่ แต่พอคิดว่าเธอเป็นตัวการที่จะทำลายโลกของผมในอนาคต มันก็กลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมเดินหน้าต่อไป

“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าครอบครัวเจ้าจะไม่คิดเป็นอื่น” ผมยิ้มออกมา และเธอก็ตัวสั่นเทิ้มอีกครั้ง...นี่ผมกำลังทำหน้าน่ากลัวอยู่เหมือนกันสินะ

ต้องไปส่อง! หลังจากนี้ผมต้องไปส่องกระจกดูหน้าตาตัวเองแล้ว! ปกติผมก็ไม่รู้สึกอะไรหรอกที่ไม่รู้ว่าหน้าตาตัวเองเป็นยังไง แต่เจอแบบนี้ไปต้องคิดใหม่แล้วล่ะ

อา ความไม่รู้ช่างน่ากลัวจริงๆ

“ท ท่าน...ท่านไม่มีหลักฐานนะ ฮึก...เจ้าคะ ฮือ...” เฟรย่าเริ่มร้องไห้สะอื้นออกมาแล้ว

ผมเข้าใจนะ ถ้าเกิดโดนคนมีอำนาจปรักปรำแบบนี้ใครจะไม่กลัวบ้างเล่า บางคนอาจคิดว่าเธอน่ารำคาญ แต่ถ้าผมโดนองค์ราชาปรักปรำว่าเป็นกบฏขึ้นมา ผมก็คงผวาเหมือนกันนั่นแหละ เผลอๆ ร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลังไปเลยเหมือนกัน!

“ใช่ เจ้าพูดถูก” ผมพยักหน้า นี่เป็นการโยงเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลเกินไปสำหรับเธอ ผมให้ข้อนี้เลย “แต่ข้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าครอบครัวเจ้าจะไม่มีวันคิดเป็นอื่น” สิ่งนี้เธอไม่มีหลักฐานมายืนยัน แถมในเกมมันจบแค่ฉากพระเอกนางเอกคู่กันด้วย ผมจะไปรู้อะไรได้ ตัวเกมไม่ออกภาคสองมาให้ผมเสพนี่

ถ้าจะโทษใครก็ไปโทษเกมซะเถอะเฟรย่าเอ๋ย

“นั่น...!”

“เราต่างไม่มีหลักฐานกันทั้งคู่ เห็นไหม” ผมหรี่ตามองเธอแล้วยิ้มอีกครั้ง คราวนี้เธอเกร็งไปทั้งตัวจนแทบไม่ขยับ “แต่จากที่เห็นจดหมายนี่...” ผมโบกจดหมายในมือไปมา “มันก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่ครอบครัวเจ้าจะใช้ยศของ ‘ว่าที่คนรัก’ ไปทำอะไรบางอย่าง”

มีโอกาสสูงมากด้วย ขุนนางที่ไม่พอมีพอกิน เอ่อ หมายถึงขุนนางโลภมากส่วนใหญ่มักจะทำแบบนี้กันทั้งนั้น และเลวร้ายสุดคือการแสวงหาอำนาจและความร่ำรวยด้วยวิธีมิชอบ ทำคนในพื้นที่ฉิบหายกันไปหมด

อ่า คิดวิธีหนึ่งออกมาได้ซะงั้น แต่รู้สึกไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่เลยแฮะ...ไม่ทำก็ไม่ได้อีก ทำไปถึงขนาดนี้ ถ้าเธอไปโพนทะนาว่าผมรังแกเธอ มีหวังได้แบดเอนด์แน่ๆ ผู้หญิงยิ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งข่าวซุบซิบที่น่ากลัวมากเสียด้วย

ผมกวาดตาอ่านจดหมายของเธออีกครั้งให้แน่ใจว่าจดหมายส่วนข้างล่างจะไม่มีข้อความอื่นนอกจากรายชื่อและลายเซ็นกับตราตระกูลกำกับ พับจดหมายแยกส่วนมอบความรักความคิดถึงและรายชื่อว่าที่คนรักของเธอทั้งหมดเอาไว้

แล้วใช้เล็บกรีดให้เรียบ

ดูเหมือนเฟรย่าจะรู้แล้วว่าผมคิดจะทำอะไร เธอเบิกตากว้าง ดีดตัวมาจะแย่งจดหมายจากมือของผม แต่ผมฝึกการต่อสู้มายาวนานพอจะหลบเธอได้ไม่ยาก

ความจริงเธอธาตุดิน จะสร้างก้อนดินให้ผมล้มหัวโหม่งพื้นรอบสองก็ได้เหมือนกัน แต่ดูจากสภาพแล้วเธอจะคิดไม่ได้เพราะลนลานเกินไปละมั้ง

“เอาคืนมานะคะ!” แม้จะตะโกน แต่ผมก็จับได้ว่าเสียงเธอสั่นมากแค่ไหน มันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกผิดของผมมากไปกว่าเดิมอีก

ขอโทษนะเฟรย่า แต่โลกของข้ามีค่าเกินกว่าจะให้เจ้าหรือใครหน้าไหนมาทำลายมันได้...ผมคงพูดประโยคนี้ได้แค่ในใจเท่านั้น

ใช่ ผมเป็นคนเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวมาก...

“ตรงนี้น่ะ...”

ผมบรรจงฉีกจดหมายออก อย่างน้อยก็ไม่อยากให้ส่วนที่พ่อของเธอมอบความรักให้ต้องเสียหาย

“เจ้าไม่จำเป็นต้องอ่านมันหรอก”

...แต่ใครบ้างล่ะที่ไม่เห็นแก่ตัว

ผมลอบมองเธอด้วยความเป็นห่วง เลยเห็นว่าเสียงฉีกกระดาษทำให้นางหน้าซีดเผือดจนแทบจะกลายเป็นกระดาษ ก่อนจะทรุดลงไปอย่างหมดแรง ตามองแต่พื้น เดาได้เลยว่าเธอช็อกมากแค่ไหน

ผมขมวดคิ้วมองเธอ ในขณะเดียวกันก็สะบัดมือฝั่งที่ถือ ‘รายชื่อคนรัก’ ของเธอเอาไว้ให้โดนแช่แข็งมันทั้งแผ่น เอาไว้เดี๋ยวค่อยไปร่ายเวทกันขโมยอีกที

เอาไงต่อดี ผมก็อยากให้ตระกูลอลาดิสดีขึ้นเหมือนกัน แต่ต้องไม่ใช่ด้วยวิธีการแบบในเกม...ผมแอบลนลานในใจอยู่พักใหญ่ถึงจะนึกออก คุกเข่าวางจดหมายส่วนให้ความรักลงบนหญ้าอย่างเบามือ ไม่ลืมหยิบหินแถวนั้นมาวางทับไว้แล้วลุกขึ้นยืน

“การศึกษาที่ดีทำให้คนมีคุณค่า” ผมเริ่มพูดอีกครั้ง แน่นอนว่าต้องมีคำว่าที่ดีด้วย ผมขอเน้นหนักๆ ตัวโตๆ เลย “แทนที่จะไต่อำนาจทางลัด สู้เจ้าใช้ตัวเองพิสูจน์ดีกว่าว่าเจ้าที่เป็นตัวแทนตระกูลมีอะไรดีบ้าง” ตำแหน่งดยุกของตระกูลผมไม่ใช่ได้มาง่ายๆ นะ ถ้าศึกษาประวัติศาสตร์สักนิดถึงรู้ว่าบรรพบุรุษผมลงแรงเพื่อประเทศนี้ไปเยอะมาก

และผมก็เชื่อว่าตัวเองมีดีพอที่จะพูดแบบนี้ได้ต่อให้ไม่ต้องโหนนามสกุลตัวเอง

ตำแหน่งองครักษ์องค์ชายของผมมาจากชัยชนะ ที่ได้เป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ด้วยก็มาจากความพยายามศึกษารอบด้านของผมให้ทันเขา ส่วนวานาเซียเองก็ศึกษาวิชาภูมิศาสตร์และภาษาที่เธอถนัดอยู่แล้วให้ความรู้แน่นขึ้นไปอีกเหมือนกัน อะไรที่เธอไม่ถนัดก็ยังพยายามทำให้ได้ในขั้นกลาง

ที่ผมรู้เพราะเธอขอคำปรึกษาด้านการเรียนกับผมผ่านท่านพ่อท่านแม่ไม่ก็ข้อความกระดาษตลอด และผมเป็นพี่ชายที่ดี เลยเขียนทุกคำตอบที่เธอถาม แล้วมีแนะนำหนังสือให้เธอไปลองอ่านด้วย

“ส่วนเจ้านี่ข้าขอเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน” ผมหมายถึงส่วนที่มีรายชื่อและลายเซ็น ถ้าเฟรย่าทำอะไรไม่ดี ผมจะได้เอาข้อมูลตรงนี้มาหารือกับพวกเอลิออตอีกที

ไอ้การส่งสายสืบไปสืบว่าบ้านของเธอวางแผนจะทำอะไรมันง่ายนิดเดียว ยิ่งถ้าองค์ชายเป็นคนทำมันก็หาคนผิดไม่ได้อยู่แล้ว แถมถ้าสมมติสืบแล้วพบว่าตัวผู้ใหญ่ในตระกูลอลาดิสคิดจะทำอะไรจริงๆ การที่รายชื่อคนควรจีบอยู่กับผมก็ทำให้เธอกลายเป็นคนวงนอกได้ เพราะมันจะเป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเธอไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น

ถ้าเธอยังไม่ได้อ่านจดหมายส่วนนี้น่ะนะ

ผมอยากจะปลอบใจเธออยู่ แต่ตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่ดีเท่าไหร่เพราะเดี๋ยวจะถูกมองเป็นคนสองบุคลิกเอา แถมเจคอบเริ่มหายใจถี่ขึ้นแล้วด้วย...เขาเริ่มเหนื่อยกับการใช้เวทบันทึกเสียงแล้ว

ผมถอนหายใจออกมา ก่อนจะกลับหลังหันเดินกลับงาน ปล่อยให้ความรู้สึกผิดกัดกินตัวเองไปเรื่อยๆ

“ไปกันเถอะ...” ผมพูดเสียงเบา พยายามห้ามไม่ให้เสียงสั่น ในขณะที่พ่อบ้านของผมพยักหน้ารับรู้พลางปลดเวทบันทึกเสียงลง มันกลายเป็นก้อนสายลมขนาดเท่าฝ่ามือเขา

เขาหยิบคริสตัลลูกหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ใส่ข้อความที่บันทึกไปไว้ในนั้นแล้วยื่นให้ผม

แต่ตอนนี้ผมคร้านจะสนใจแล้ว รู้สึกหมดแรงจนอยากกลับไปนอนสักสามวันเพราะรู้สึกผิดเลย

ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคนบางส่วนชอบไปได้ยังไง ไอ้การกดคนอื่นให้ต่ำกว่าเนี่ย รู้สึกแย่ชะมัดยาด

แต่ถ้าถามว่าเสียใจไหม...หากย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงเลือกจะทำแบบเดิมอยู่ดี

__________________________________

ความจริงนางเอกน่ารักมากๆ นะคะ ไม่อยากให้ใครเกลียดเธอ แต่ถ้าจะห้ามเกลียดตาเวดิอุส เรา...ห้ามไม่ได้หรอก แต่เขาเองก็ทำในสิ่งที่ผิด รู้สึกผิด สำนึกผิดก็จริง แต่เขาไม่เสียใจเลยสักนิด

====

 มาเพิ่มเชิงอรรถ(?)ให้ทุกคนได้อ่านกัน

A ได้รับคำทำนายจากหมอดูว่า B จะทำลายชีวิตของ A / A จึงลนลานมาก ทำร้ายและทำลาย B ด้วยวิธีต่างๆ นานาเพื่อไม่ให้ B ทำอะไรตนได้

ปุจฉา: A ผิดหรือไม่ อย่างไร จงคิดให้รอบคอบ



เมื่อได้คำตอบแล้ว จงเปลี่ยน A เป็นเวดิอุส / หมอดู = เกมจีบหนุ่ม (ซึ่งเอาจริงๆ ไม่ใช่คำทำนายด้วยซ้ำ เป็นแค่ probability โง่ๆ 1 ea เท่านั้น) / B = เฟรย่าดู

เห็นความไบแอสนั่นไหมคะ? พอไม่ใส่ชื่อปุ๊บ A ดูเป็นคนหูเบาไร้สมอง โดนคำทำนายเป่าหูมานิดเดียวก็เชื่อจนพลั้งมือทำร้าย B ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด แต่พอใส่ชื่อ เวดิอุสก็กลายเป็นคนถูกได้อย่างงงๆ (ฮ่า) นี่คือกับดักของการบูชาตัวบุคคล ซึ่งบุคคลที่ว่านี้ก็คือผู้ดำเนินเรื่องนี้นั่นเอง

เวดิอุสก็เป็นคน ทุกคนและสิ่งมีชีวิตต่างก็มีถูกมีผิด มีดีและมีร้าย เราไม่อยากให้ทุกคนอวยจนหน้ามืดตามัวกัน (ไม่ว่าจะเป็นนิยายเรื่องไหนก็ตาม - มันคือวิจารณญาณในการอ่าน) ถึงจะมีเหตุผลรองรับ แต่ผิดก็คือผิด และการกระทำแบบนี้... เอาจริงๆ เอลิออตได้ยินคงขำตายแล้วบอกว่า "เวดิอุสไม่มีทางเป็นคนหูเบาเชื่อคนง่ายแบบนั้นร้อก ปั้นเรื่องรึเปล่าเถอะ" ด้วยซ้ำ