'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปหลังจากที่วนาได้ยินสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในหัว ทางครอบครัวที่หาวันเวลาว่างได้แล้วก็จัดทริปไปเที่ยววัดที่จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นเวลา 3 วัน 2 คืน โดยที่จองรถบัสสองชั้น มีเพื่อนบ้าน ลูกค้าเจ้าประจำมาร่วมทริปด้วย ลูกทริปที่มาร่วมด้วยแต่ละคนต่างมาเป็นครอบครัวที่สนิทกับพ่อแม่ของวนา
เวลาเช้ามืดประมาณ 04:30 น.
วนาที่ยืนใต้แสงไฟเพื่อเช็ครายชื่อ วันนี้เขาได้ใส่ชุดโทนครีมเพราะสัญชาตญาณของตัวเองบอกว่าต้องใส่สีนี้ เปลือกตาที่ตกลงเพราะความง่วงของวนาทำให้หญิงวัยกลางคนที่ยืนคุยกับแม่วารีถึงกับเดินเข้ามาทัก
"สวัสดีจ๊ะ วนา"
"สวัสดีครับป้าส้ม วันนี้ใส่ชุดสวยนะครับ" วนาเอ่ยปากชมลูกค้าคนสนิทของแม่ที่ใส่ชุดเดรสผ้าไหมไทยมอญสีฟ้า
"แหมๆ ปากหวานเชียวนะวนา... แล้วลูกล่ะวันนี้ใส่ชุดเรียบร้อยจังนะ"
"อ๋อ... วันนี้กะว่าต้องทำตัวให้เรียบร้อยนะครับป้าส้ม"
วนาตอบก่อนจะติ๊กรายชื่อลงในกระดาษแล้วเชิญป้าส้มให้ขึ้นไปบนรถชั้นสอง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมองลูกทริปที่กำลังทยอยขึ้นรถเรื่อยๆจนครบจำนวนในรายชื่อ
"พี่ป่า ขึ้นไปนอนก่อนก็ได้นะลูกเดี๋ยวแม่รอพ่อเอง" วนาที่ฝืนทนความง่วงส่ายหน้า
"รอพ่อด้วยกันเถอะครับ ท่านบอกว่าต้องรอเจอพ่อด้วยกัน เพราะตอนนี้มีบางอย่างมารบกวน" ว่าแล้วก็เอียงหน้าไปที่อีกฝั่งของถนนที่เห็นเงาดำวูบไหวใต้เสาไฟของถนน
วนาบอกได้เลยว่าตอนที่เขาเห็นเงาดำแปลกๆ ครั้งแรกเขาแทบจะเป็นลม แต่เพราะมี'ท่าน' คนนั้นที่เตือนสติไม่ให้จิตหายเพื่อป้องกันเงาแปลกๆนั้นมาเข้าร่าง
เขาเคยตั้งคำถามถึง'ท่าน'ว่าทำไมเขาถึงต้องเห็นแบบนี้ แต่คำตอบของท่านบอกว่าเพราะดวงจิตของเขาได้ตายไปครั้งหนึ่งทำให้ดวงจิตที่ถูกดึงกลับมามีดวงตาที่สามเปิดขึ้น และผลของการมีดวงตาที่สามทำให้เขาต้องเผชิญกับวิบากกรรมที่กำลังเข้ามา
วิธีการที่จะเลี่ยงวิบากกรรมนั้นเขาจะได้คำตอบที่วัดจุกเฌอ ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา สถานที่ที่เขาได้รับมอบหมายให้ไปเจอกับ'ท่าน'
แม่วารีที่มองตามสายตาของลูกชายแล้วเห็นว่าอีกฝั่งไม่มีอะไรนอกจากเสาไฟบนฟุตบาทก็หนาววูบหนึ่งอย่างขนลุก เมื่อเห็นผู้เป็นสามีก็เดินเข้าไปลากขึ้นรถทันทีเพราะความกลัวขึ้นสมอง
วนาที่ถูกทิ้งมองเงาดำตรงเสาชั่วครู่ก่อนจะเดินขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย
สองชั่วโมงครึ่งผ่านไปก็ถึงสถานที่ที่เรียกว่า'วัดจุกเฌอ' รถทัวร์ก็จอดนิ่งที่ลานจอดในบริเวณวัด จนกระทั่งลูกทริปลงออกมายืดเส้นยืดสาย
วนาที่นอนบนรถมาเต็มที่บิดตัวด้วยความเมื่อยล้าแล้วมองอาคารสีครีม กระเบื้องหลังคาสีแดงอิฐ หน้าอาคารมีรูปปั้นองค์ท้าวเวสสุวรรณสององค์ขนาบข้างซ้ายขวาราวผู้พิทักษ์
'จงเดินมาหากู วนา' น้ำเสียงดุๆเข้มๆ ที่คุ้นหูดังขึ้นมาทำให้วนาสะดุ้งและมองหาต้นเสียงเพราะเสียงรอบนี้ไม่ได้ดังในหัวแต่มันดังก้องรอบๆตัวโดยไม่รู้ที่มาที่ไป
"เป็นอะไรรึเปล่าลูก?"
วารีมองลูกชายที่มองซ้ายมองขวาหาอะไรสักอย่างก่อนจะตกใจกับท่าทางที่เหมือนกับที่เคยเห็นมาก่อน
'วนา...'
สิ้นเสียงการเรียกชื่อนั้นร่างของวนาก็กระตุกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะวูบไปในทันทีทำให้ผู้เป็นแม่เกือบรับตัวไม่ทัน
"พี่อาจ ลูกเป็นลม! มาช่วยลูกที!"
วารีตะโกนเรียกสามีทันทีที่เห็นร่างของลูกชายตัวเองอยู่ในอ้อมกอด โดยที่ไม่สำรวมต่อหน้าวัดแล้ว ทำให้ลูกทริปวงแตกกระเจิ่งเรียกหายาดมยาหอม บางคนก็จะไปเรียกคนในวัดมาช่วย
"พยุงลูกชายเข้าไปในวัดเถอะหนู พระอาจารย์ท่านมียาหอมไว้แจก" คำพูดที่ออกมาจากชายชราที่อยู่ในชุดม่อฮ่อมสีซีด มือถือไม้กวาดก้านมะพร้าวเดินเข้ามาหลังจากที่เห็นเหตุการณ์
ชายชราเคยเห็นเหตุการณ์นี้มาก่อนส่วนมากคนที่วูบไม่ได้สติตอนที่อยู่ในอาณาเขตของวัด ถ้าไม่ดวงตกก็เจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์เรียกจิตเข้าไปพูดคุยโดยทิ้งกายหยาบไว้ชั่วครู่
ทั้งกรุ๊ปเที่ยวที่ได้ยินก็ช่วยพากันพยุงลูกชายเข้าอาคารหลักตามคำแนะนำของชายชรา ผู้ชายสองคนที่ช่วยพยุงร่างเด็กหนุ่มที่ตัวไม่น้อยเข้าไปในอาคารก็สัมผัสได้ถึงความเย็น กลิ่นธูปไม้หอม เสียงเทศน์ของพระอาจารย์
ผู้คนที่เข้ามานั่งฟังพระเทศน์หันมามองอย่างสงสัยและพอเห็นกลุ่มใหญ่ที่พยุงร่างอ่อนปวกเปียกของเด็กหนุ่มเข้ามาก็แหวกทางให้เข้าไปข้างหน้า พระอาจารย์ท่านก็หยุดเทศน์แล้วมองร่างนั้นที่ถูกวางให้นอนลงบนพื้นไม้สัก
"หลวงพ่อครับ ช่วยลูกผมด้วย"
น้ำเสียงสั่นเครือของคนเป็นพ่อเอ่ยกับหลวงพ่อที่หน้าตาใจดี ท่านวางมือบนหน้าผากและรับรู้ได้ว่าดวงจิตของกายหยาบตรงหน้าถูกยักษ์คู่บารมีเรียกไปคุยในบริเวณที่คนเป็นคนตายเข้าไปไม่ถึง
"ใจเย็นๆนะโยม ลูกชายของท่านเขาไม่เป็นอะไรหรอก"
"แต่...ทำไมลูกชายของหนูเป็นแบบนี้หล่ะคะ ปกติลูกชายหนูแข็งแรงไม่เคยเป็นลมมาก่อน" หลวงพ่อยิ้มท่านไม่พูดอะไร
วนาที่จู่ๆก็มาอยู่ตรงหน้ายักษ์ตนหนึ่งกายสีเข้มที่อยู่ในห่มฤาษีชุดขาว เขาสังเกตุสีหน้าท่าทางก่อนที่จะนึกออกว่ายักษ์ที่อยู่ตรงหน้าเป็นใคร ร่างกายก็นั่งคุกเข่าและยกมือไหว้ตามสัญชาตญาณ
'มาแล้วรึ วนา' น้ำเสียงดุแต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูลูกหลาน วนากราบไหว้ยักษ์ตรงหน้านั้นที่ได้ยินชื่อ
'ที่กูเรียกดวงจิตของลูกมา เพื่อที่จะให้ลูกมาชดใช้กรรมร่วมกัน'
วนาที่ได้ยินประโยคนั้นก็นึกถึงคำพูดครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะได้ย้อนเวลากลับมาใช้ชีวิตใหม่
'วิบากรรมในชีวิตนี้ของลูกหนักหนาสาหัสนัก'
ลูกจะเลี่ยงวิบากกรรมได้ยังไงครับท่านท้าว
'เมื่อถึงอายุ 20 ปี เมื่อไหร่จงบวชเพื่อเสริมบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร'
อายุ 20 ปี.... วิบากกรรมของผมคือครอบครัวหรอครับ?
'ใช่ และ ไม่ใช่'
คำตอบแบบกำกวมทำให้วนาขมวดคิ้วและนึกถึงชาติที่แล้วตอนที่เขาอายุ20 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ชีวิตของเขาตกต่ำถึงขีดสุด ครอบครัวประสบอุบัติเหตุ บ้านถูกธนาคารยึด ประกันชีวิตก็ถูกเพื่อนพ่อโกง
และเหตุการณ์นี้มันทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ชีวิตที่ไม่เคยทำอะไรด้วยตัวเองมาก่อนพอได้มาทำเองถึงได้รู้ว่ามันยากขนาดไหน เขานับถือพ่อกับแม่มากที่อดทนกับนิสัยของเขามาตลอด
ลูกสัญญาเมื่อเวลาใดที่ลูกอายุครบ 20 ปี ลูกจะบวชเป็นเวลา1 ปี
วนากล่าวคำมั่นสัญญาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์และลงมือกราบไหว้ท่านท้าวเวสสุวรรณตรงหน้า
'ครั้งต่อไปไม่ต้องเรียกกูว่าท่านท้าวให้เรียกกูว่า'พ่อ' วนา' และก่อนที่ดวงจิตดวงจิตนั้นจะหายไปเพื่อกลับสู่ร่างในโลกความเป็นจริงก็ได้ยินประโยคสุดท้าย
สองสามีภรรยาที่คอยดูร่างของลูกชายสังเกตได้ว่าลูกชายตัวเองกำลังฟื้นขึ้นมา เปลือกตาบางกระพริบตาสู้แสงไฟบนเพดาน ร่างผอมลีนพลิกตัวลุกขึ้นโดยมีพ่อกับแม่ช่วยพยุง
"เป็นยังไงบ้าง? พี่ป่า เวียนหัวหรือคลื่นไส้อะไรมั้ย"
วนาที่ลุกขึ้นมานั่งเองได้แล้วส่ายหัวบอกว่าไม่เป็นอะไร
"ฟื้นแล้วหรือโยมวนา..." น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความโอบอ้อมอารีถาม
วนาเงยหน้ามองต้นเสียงเห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือพระรููปหนึ่ง ที่นั่งขัดสมาธิบนเบาะ ทางขวามือมีขันน้ำที่มีน้ำตาเทียนสีแดงลอยบนผิวน้ำพร้อมกับดอกมะลิและกลีบกุหลาบสีแดง ส่วนทางซ้ายมือมีสายสิญจน์สีแดงดำที่ถูกถักเป็นเชือกกำไลประดับด้วยตะกรุดลงอาคม
"เข้ามาใกล้ๆสิ"
วนานิ่งก่อนจะคลานเข้าไปหาอย่างช้าๆ มือของท่านยืนตะกรุดเส้นนั้นให้กับเขา
"ได้สิ่งนั่นมาแล้วเป็นยังไงบ้างล่ะโยม" หลวงพ่อท่านเอ่ยอย่างรู้อะไรบางอย่าง วนาเงยหน้ามองท่านแล้วยิ้มบางๆ
"ดีมากเลยครับหลวงพ่อ ผมไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้สิ่งนี้" วนาสบตากับหลวงพ่ออย่างรู้กันสองคน
ท่ามกลางความรู้สึกสงสัย สนใจของคนหลายคนที่อยู่ในอาคาร คนท้องถิ่นที่นับถือหลวงพ่อจ้องมองเด็กหนุ่มที่นั่งข้างหลวงพ่ออย่างอิจฉาที่ได้ตะกรุดจากมือของท่าน แต่ละคนรู้ดีว่าการที่จะขอตะกรุดลงอาคมจากท่านต้องเป็นคนที่มีกรรมร่วมกัน
วนาที่ได้ตะกรุด น้ำมนต์และคำอวยพรแล้วก็ออกจากอาคารเพื่อไปสูญอาศด้านนอก และเดินไปอยู่ตรงหน้ารูปปั้นท้าวเวสสุวรรณและนึกถึงคำพูดของ'ท่านพ่อ'
แววตาเคยมีแต่ความเฉื่อยชา ตอนนี้แววตากลับเปล่งประกายเมื่อพบเจอกับเป้าหมายที่จะทำในอนาคต สองมือพนมมือไหว้และอธิษฐานในใจ
'นับแต่วันนี้ ชาตินี้....ลูกขอสัญญาว่าจะใช้ชีวิตนี้ให้ดีที่สุด ให้สมกับคำสาบานที่ให้ไว้กับท่าน... ท่านพ่อ'
ทันใดนั้นท้องฟ้าที่ทอแสงสีส้มราวพระอาทิตย์ก็มืดครึ้มลง เสียงฟ้าร้องและลมที่เริ่มแรง สามสิ่งนี้มันเกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อคำสาบาน
หลวงพ่อที่เห็นเหตุการณ์ผ่านหน้าต่างโดยที่ด้านหลังมีผู้เป็นพ่อกับแม่ของวนาที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านหลัง
"หลังจากนี้พวกโยมอย่าได้สงสัยหรือข้องใจในตัวลูกชายเลยนะ"
"ลูกชายผมมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับหลวงพ่อ"
"ไม่หรอก... อาตมาบอกได้ว่าลูกชายของพวกท่านได้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีฤทธิ์มาคุ้มครองแล้ว ไม่มีภยันตรายมาทำร้ายได้"
จบประโยคนั้น อากาศด้านนอกก็กลับไปเหมือนเดิมดั่งที่เคยเป็น ท่านมองเห็นออร่ารอบๆตัวของเด็กหนุ่มคนนั้นได้มันเป็นแสงสีทองจางๆเกือบหม่นเพราะตัวเด็กหนุ่มนั้นยังสั่งสมบุญกุศลไม่มากพอและมีเจ้ากรรมนายเวรคอยรบกวนตลอดแต่ยังดีที่ไม่สามารถทำร้ายได้
"วนา ช่วยป้าหน่อย!"
"ครับ? มีอะไรให้ผมช่วยครับป้าณี" วนาหันไปมองทางต้นไม้ใกล้ๆลานจอดรถ ตรงนั้นมีกลุ่มลุงๆป้าๆมุงดูแม่ค้า พ่อค้าขายแผงลอตเตอรี่ วนารู้เลยว่าพวกป้าๆจะให้ช่วยเรื่องอะไร
"เอาเลขอะไรดี วนา" ป้าคนที่ถามอยู่ในชุดเสื้อลูกไม้สีชมพูและนุ่งผ้าไหมสีเดียวกัน เขารู้จักป้าคนนี้ดีแกทำงานเป็นช่างตัดเสื้อใกล้ๆบ้านของเขา ครอบครัวของแกเหลืออยู่กันสามคนคือแก ลูกชาย และหลานสาว ครอบครัวของแกฐานะไม่ค่อยดีแต่ยังดีหน่อยที่แกมีฝีมือตัดเสื้อที่สวยถึงได้มีลูกค้ามาจองคิวตัดเสื้อหลายราย
วนามองป้าแกและช่วยดูเลขบนแผง เขาจะช่วยดูเลขให้ลุงๆป้าๆล่ะกัน โดยที่เขาไม่ได้รับรู้เลยว่าการที่ช่วยเหลือลุงๆป้าๆเพื่อให้เลขนั้นทำให้บุญกุศลที่เขามีนั้นเพิ่มขึ้น
พอเลือกซื้อเลขให้ลุงๆป้าๆจนครบแล้วก็ได้เวลาขึ้นรถเพื่อไปเที่ยววัดต่อไป
"ลุงป้าน้าอาทั้งหลายคร้าบ! ได้เวลาขึ้นรถแล้วครับ..รอบบ่ายจะเข้าเช็คอินที่โรงแรมก่อนแล้วต่อด้วยตลาดโบราณนะครับ"
เหล่าลุงป้าน้าอาทั้งหลายที่นอกจากงมหาเลขบนแผงแล้ว ส่วนหนึ่งก็ถ่ายรูปกับรูปปั้นท้าวเวสสุวรรณเพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำก็เตรียมตัวขึ้นรถเพื่อจะไปยังสถานที่ต่อไป
🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹
ตัวเอกชื่อ'วนา'นะคะ แต่ที่เรียกว่า'พี่ป่า' คือเรียกกันในครอบครัวคะ เพราะว่า วนา แปลว่า ป่า