'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!
'ระบบ...ผมขอกดวงล้อตอนนี้เลย'
วนาพูดกับระบบในใจเพราะตอนนี้เขาอยู่ในรีสอร์ทคนเดียว ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกหลัง วนาไม่อยากอยู่รบกวนเวลาสวีทของพ่อแม่เลยแยกออกมานอนคนเดียว
หน้าจอโฮโลแกรมที่ฉายภาพวงล้อที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดอยู่ที่ช่อง'ดอลลาร์แคนาดา'
[ยินดีด้วย! โฮสต์กดได้รับสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา เงิน 5,000 ที่โฮสต์มีจะมีค่าเท่ากับ 123,860 บาท เงินจะถูกส่งไปยังกระเป๋าสตางค์ของโฮสต์ และกดได้อีกครั้งภายในเวลา 24:59:59]
คราวนี้ก็ได้เงินหลักแสนเหมือนเดิม วนามองดูแบงค์เทาในกระเป๋าสตางค์แล้วก็ยิ้มจนปากถึงหู เขาคิดในใจว่าจะเอาเงินส่วนนี้ไปทำอะไรดี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
วนาหันไปมองประตูและเก็บเงินใส่กระเป๋าตัวเองอย่างไม่รีบร้อน ยิ่งรีบร้อนเท่าไหร่ยิ่งมีพิรุธมากขึ้นเท่านั้น เขาเดินไปเปิดประตูออกและเห็นว่าคนที่เคาะเมื่อกี้เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนทำตัวไม่ถูก
"มีอะไรหรือป่าว? เติ้ล"
"ผมอยากมาดูห้องของพี่ฮะ"
วนาเห็นสายตาอ้อนๆคล้ายลูกหมาของเด็กตรงหน้าก็อดใจอ่อนไม่ได้ มือก็เปิดประตูให้กว้างขึ้นพอจะให้เด็กเข้าห้องได้
"โหว! ห้องใหญ่อ่ะ พี่วนานอนคนเดียวหรอฮะ" เติ้ลมองพี่ชายเจ้าของห้องอย่างตาเป็นประกาย เพราะห้องของวนามีระเบียงที่มองเห็นแม่น้ำได้
"แล้วพ่อแม่เราล่ะ ทำไมปล่อยออกมาข้างนอกได้"
".....พ่อไปถ่ายรูปกับม๊ามี๊แถวๆนี้แหละฮะ"
วนาถอนหายใจอย่างรู้สึกสงสารพ่อบ้านใจกล้า เขารู้ดีว่าพ่อของเด็กคนนี้ไปเป็นช่างถ่ายรูปประจำตัวภรรยาอย่างขัดขืนไม่ได้ เด็กมันคงเบื่อที่ต้องดูแม่เป็นนางแบบเลยเข้ามาหาเพราะเขาอายุใกล้เคียงกัน
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูรอบที่สองดังขึ้น วนามองเติ้ลอย่างสงสัยเพราะตอนนี้เหมือนกำลังปรากฏการณ์เดจาวู
"วนา อยู่ไหมลูก?" วนาเดินไปเปิดประตูและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อุ้มเด็กผู้หญิงประมาณห้าขวบในอ้อมกอด
"อาฝากลูกสาวสักพักได้ไหม พอดีแม่พี่จะไปตลาดโบราณเลย"
"ได้เวลาไปแล้วหรอครับ?" วนาเลิกคิ้วสูงก่อนจะดูนาฬิกาแต่มันบอกเวลาอยู่ที่สิิบเอ็ดโมง
"ที่จริงมันต้องไปหลังกินข้าวกลางวันแต่แม่ของอาคุยกับคนอื่นๆรวมทั้งพ่อแม่เราด้วยว่าจะไปก่อน ส่วนเด็กๆจะฝากกับวนาไว้ที่นี้"
อาผู้ชายพูดเสร็จก็มีแม่วารีที่มาพร้อมกับคนที่น่าจะเป็นพ่อแม่ของเติ้ลเพราะหน้าตาคล้ายคลึงกัน
"พี่ป่า แม่จะไปตลาดโบราณกับพวกลุงๆป้าๆเค้า ลูกดูแลน้องได้มั้ย?"
"ไม่กินข้าวหรอครับ?"
"อ๋อ...ว่าจะไปหาอะไรกินที่นู้นนะ"
"....มันก็ได้อยู่หรอก แล้วน้องแพ้อะไรหรือเปล่าครับถ้าจะไปกินข้าวกลางวัน"
วนาบอกแล้วมองเด็กผู้หญิงในอ้อมกอดของพ่อที่มองหน้าวนาแบบเขินอาย เด็กน้อยมีใบหน้ากลมแก้มป่อง ตาโตเหมือนตุ๊กตา ใส่ชุดเดรสลูกไม้สีชมพูมีโบว์ผูกเอว เขาเห็นหน้าตาของน้องแล้วอมยิ้ม
"น้องชื่อ 'ข้าวจ้าว' นะวนา น้องไม่แพ้อะไรแต่ไม่ชอบกินผักพวกใบเขียวนะ ถ้าเป็นพวกแครอทหรือมันฝรั่ง น้องกินได้"
"ส่วนลูกของน้า...เติ้ลแพ้อาหารทะเลประเภทหอยนะ นอกนั้นกินได้หมด"
ทันทีที่รู้ว่าน้องแต่ละคนแพ้อะไร ทานอะไรได้บ้างก็พยักหน้ารับรู้ แล้วรับน้องข้าวจ้าวมาอุ้ม
"ข้าวจ้าวอยู่กับพี่เขาก่อนนะเดี๋ยวพ่อกลับมา หนูรอพ่อได้ไหมค่ะ" ข้าวจ้าวมองหน้าพ่อแล้วพยักหน้าน้อยๆ มือเล็กๆเอื้อมไปจับเสื้อ
"ตุดต๊า~"
"ได้ครับ เดี๋ยวพ่อซื้อมาให้ เอาตุ๊กตาหมีเนอะ"
"อือ!"
"หนูเติ้ล...ม๊ามี๊กับพ่อจะไปตลาด หนูจะเอาอะไรไหมครับ?" คุณแม่ของเติ้ลก้มคุยกับเติ้ลที่ออกมาทีหลัง
"เอาขนมฮะ ม๊ามี๊"
"ได้ครับลูก เดี๋ยวม๊ามี๊จะซื้อขนมมาฝากเยอะๆนะครับ ลูกอยู่กับพี่วนาอย่าดื้อนะครับ"
"ฮะ~ ม๊ามี๊" สองแม่ลูกคุยกันแล้วน่ารักดีในสายตาของคนอื่นๆ
"พี่ป่าล่ะ จะเอาอะไรไหม?"
วนาส่ายหน้าเมื่อแม่วารีถามถึงของฝากจากเขา ผู้ใหญ่สามครอบครัวฝากฝั่งวนาให้ดูแลลูกของพวกเขาดีๆก่อนที่จะออกตัวไปที่จุดนัดพบ ทิ้งเด็กๆสามคนไว้ที่ห้อง
พอผู้ปกครองหายไปจากสายตาวนาที่อุ้มน้องข้าวจ้าวก็เข้าไปในห้องพร้อมๆกับเติ้ล หลังจากวางน้องบนเตียงแล้วก็นิ่งอยู่ตรงนั่นเขาไม่รู้จะทำอะไรต่อ
เติ้ลที่เห็นอาการของพี่ตัวโตก็นิ่งไปด้วยก่อนที่เสียงใสๆจะดังขึ้น
"ปี้~ นุ๊ปวดจี่"
วนาก้มมองน้องข้าวจ้าวที่นั่งกระมิดกระเมี้ยนบนเตียงก็อุ้มเด็กน้อยไปที่ห้องน้ำใกล้ๆ พอเข้าห้องน้ำแล้วก็วางน้องให้ยืนบนพื้นก่อน
"พี่ขอถอดกางเกงในหนูก่อนนะข้าวจ้าว" วนาพูดเสียงสองเสียงสามกับเด็กน้อยที่ชูมือให้พี่ชาย เขาอุ้มน้องมาวางบนริมชักโครกและปล่อยให้น้องทำธุระให้เสร็จ ล้างและส่วมกางเกงให้เหมือนเดิมแล้วก็ออกมา
"หิวข้าวยัง ข้าวจ้าว เติ้ล?"
"อิว~"
"หิวฮะ"
สองเด็กน้อยตอบเสียงใสทำให้วนายิ้มออกมาเขาหยิบกระเป๋าประจำตัวและอุ้มข้าวจ้าวไปด้วยโดยมีเติ้ลเดินตามหลังมา วนาล็อคประตูด้วยกุญแจห้องก่อนจะจูงเติ้ลไปที่ห้องอาหารของรีสอร์ท
ห้องอาหารของรีสอร์ทเป็นแบบเปิดโล่งมีโต๊ะไม่กี่ตัว มีระเบียงสามารถมองออกไปดูวิวแม่น้ำแม่กลองได้ วนาสั่งอาหารมาสองสามอย่างกับทางร้านแล้วนั่งรอที่โต๊ะ จนกระทั่งอาหารมาถึงเรียบร้อยแล้ว วนาก็ป้อนอาหารให้กับข้าวจ้าวสลับกับป้อนเข้าปากตัวเองตบท้ายด้วยขนมหวานเย็นชื่นใจ
พอหนังท้องอิ่มหนังตาก็หย่อน วนามองเด็กน้อยทั้งสองหนังตาเยิ้มก็จูงเติ้ลที่ขยี้ด้วยความง่วงนอน ไปนอนที่ห้องตัวเอง
นอนบ้างดีกว่า
บนเตียงขนาดคิงไซส์กลางห้องที่มีร่างของเด็กทั้งสามนอนหลับด้วยสีหน้ามีความสุข ทั้งพี่ทั้งน้องหลับลึกแบบไม่รู้ตัวว่าในห้องนั้นมีใครบางคนมองอย่างเอ็นดูผ่านทางระเบียงก่อนจะหายไปในมุมมืด
อีกฝั่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่ไปเดินเที่ยวตลาดโบราณแต่ละคนก็หอบหิ้วซื้อของฝากเต็มไม้เต็มมือ แม่วารีที่ในตอนนี้กินก๋วยเตี๋ยวเรือกับสามีได้เหลือบไปเห็นร้านเสื้อผ้าอยู่ร้านหนึ่ง ด้วยรูปแบบที่เป็นเสื้อเชิ้ตและเป็นเนื้อผ้าโปร่งก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู และได้ซื้อมาหลายชุด จนกระทั่งได้เวลากลับรีสอร์ท พวกคู่สามีภรรยาที่ได้ฝากลูกไว้กับวนาก็เดินมากับวารีที่กำลังเอาของไปให้ลูกตัวเอง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"พี่ป่าอยู่มั้ยลูก แม่กลับมาแล้วนะ"
วารีส่งเสียงพร้อมกับเคาะประตู สักพักหนึ่งในห้องก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้นมา
แกร๊ก
ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของวนาที่หัวฟู หน้าตาเหมือนกำลังเพิ่งตื่น
"เข้ามาเลยครับแม่ หาว~"
วนาหาวจนน้ำตาเล็ดแล้วถอยออกมาให้แม่ตัวเองเข้ามาในห้องตามมาด้วยผู้ปกครองสามคน
"ตายแล้ว เด็กๆนอนกันน่ารักจริงๆ" วารีส่งเสียงเบาอย่างเอ็นดูก่อนที่จะยืนของฝากให้ลูกตัวเอง
วนารับมันมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าเนื้อโปร่งตามแบบที่เขาชอบก็ถูกใจรีบขอบคุณแม่ทันที
วารียิ้มหวานเมื่อเห็นอาการร่าเริงของลูกชายตรงหน้า เธอคิดถูกแล้วที่ได้ซื้อเสื้อแบบเนื้อโปร่ง เพราะทั้งลูกชายทั้งสามีต่างมีรสนิยมที่เหมือนกันเป๊ะๆ ไม่ว่าจะความชอบเสื้อผ้า งานอดิเรก หรือแม้แต่การกิน
"อาขอบใจนะวนา ที่ดููแลน้องให้"
พ่อของข้าวจ้าวเปิดปากโดยที่อุ้มร่างของลูกสาวที่เริ่มงอแง ส่วนอีกคนก็หลับลึกจนไม่สนใจว่าจะถูกใครอุ้ม
"เดี๋ยวไปกินข้าวตอนเย็นประมาณหกโมงนะพี่ป่า"
"ได้ครับแม่" จบประโยควนาก็ปิดประตูกลับไปนอนเล่นโทรศัพท์
ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งที่แม่วารีนัดให้ไปกินข้าวเย็นที่ห้องอาหาร เขาเหลือบมองดูเวลาในโทรศัพท์หลังจากที่ดูยูทูปมาต่อเนื่องหลายชั่วโมง
วนาหยุดเล่นแล้วคลึงสันจมูกเพราะอาการปวดตาที่จ้องแสงสีฟ้าก่อนจะลุกขึ้นไปทำธุระในห้องน้ำก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปห้องอาหารที่เต็มไปด้วยลุงๆป้าๆที่เริ่มทยอยเข้ามาเต็มพื้นที่ เขาชะเง้อมองหาครอบครัวของตัวเองพอเห็นว่าอยู่ที่ไหนก็เดินเข้าไปหา
เมื่อทุกคนได้เข้ามานั่งที่โต๊ะจบครบแล้วก็สั่งอาหารมากินระหว่างนั้นก็พูดเรื่องสถานที่เที่ยวต่อไป
"พี่วารี เราจัดทริป 3วัน2คืนใช่มั้ย"
"ใช่จ้า มีอะไรหรือเปล่า?"
"พรุ่งนี้ตอนที่ไปเที่ยวตอนเช้าขากลับแวะไปส่งหนูที่ท่ารถตู้หน่อยได้ไหม"
"อ้าวทำไมล่ะ ปุ้ย"
"ที่ทำงานเรียกหนูให้ไปทำงานล่วงหน้าคะ งานมันเร่งด่วน ต้องกลับบ้านพรุ่งนี้เลย"
"งานเร่งขนาดไหนกัน เราขอลาล่วงหน้าแล้วไม่ใช่รึ"
"ลาแล้วค่ะ แต่งานนี้ท่านอธิบดีขอด่วนไงคะ หนูขัดใจท่านไม่ได้"
บรรยากาศที่ครึกครื้นกลายเป็นเงียบกริบเพราะมีลูกทริปคนหนึ่งขอกลับก่อน สีหน้าของคนอื่นก็เริ่มไม่สนุกเพราะทุกคนต่างเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือกันและกันมาโดยตลอด
"ถ้าอย่างนั้น แม่วารี...เราเที่ยวพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเลยล่ะกันนะ ป้าไม่อยากไปเที่ยวแล้วถ้ามีคนกลับบ้านไปคนหนึ่ง"
"นั่นน่ะสิ ถ้าพวกป้าสนุกกันแต่ปุ้ยไม่ได้อยู่สนุกด้วยมันคงไม่มีประโยชน์"
"ที่มาเที่ยวที่นี้คือพาหลานวนามาหาท่านไม่ใช่รึ นี่ก็มาหาท่านเรียบร้อยแล้ว"
พวกลุงๆป้าๆเปิดปากทำให้หญิงสาวที่ขอตัวกลับบ้านก่อนคนหนึ่งถึงกับตื้นตันใจที่พวกเขาไม่โทษเธอ แม่วารีที่ฟังประโยคนั้นก็พยักหน้ายอมรับ
"ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวสถานที่สุดท้ายล่ะกันนะ พี่อาจ...เดี๋ยวพี่ไปขอแคนเซิลพรุ่งนี้เลยนะ ส่วนเงินถ้าคืนได้ก็ดี ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาให้เขา"
"ได้จ๊ะ"
"เดี๋ยวหนูจะคืนตังค์ที่เหลือคืนนะ ป้าๆ"
แต่ละคนตกลงและมาสนุกอย่างเต็มที่ในคืนวันสุดท้าย วนาที่เป็นคนจัดหาสถานที่ก็ต้องขีดสถานที่ที่ต้องไปพรุ่งนี้ออกแล้วก็คิดไว้ว่าจะไปที่ไหนดี พอปรึกษากับครอบครัวและคนขับรถก็ตกลงกันว่าจะไปไหว้พระพิฆเนศกายสีชมพูองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามด้วยตลาดคลองสวน
เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วตบท้ายด้วยของหวานแต่ละคนก็หอบพุงที่ยืนออกมาอย่างกับคนท้องกลับที่พักตัวเอง วนาที่ตามหลังมาเป็นคนสุดท้ายก็เดินไปขอยาแก้ปวดท้องกับน้ำที่เลาจน์เพราะอึดอัดหลังจากที่กินไปเยอะจนจุก
วันต่อมาหลังจากที่ได้ทานข้าวเช้าเบาๆอย่างโจ๊กหรือข้าวต้มทะเล หรืออาจจะเป็นซีเรียลกับนม ทุกคนก็อิ่มพร้อมสำหรับไปเที่ยวสถานที่ต่อไปอย่างวัดสมานรัตนารามตามด้วยตลาดคลองสวน
วนายิ้มมุมปากเมื่อมาถึงบริเวณวัดที่มีรูปปั้นองค์พระพิฆเนศกายสีชมพูนอนพิงบนฐาน เขามองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความใจดี ความสุขุม ความอ่อนโยนขององค์
พระพิฆเนศ
...ยินดีต้อนรับ...
น้ำเสียงอ่อนโยน นิ่มนวลดังขึ้นเข้าหู ทำให้เขายิ้มออกมา วนานั่งฟังเสียงที่คนส่วนมากไม่ได้ยินก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อท่านบ่นถึงคำขอของพ่อที่ขอให้ตัวเองมีลูกอีกคน
เมื่อถึงเวลากลับเขาก็ได้คำอวยพรจากท่านที่ลอยตามลม
...ขอให้ลูกมีความสุขทั้งกายและใจ มีร่างกายที่แข็งแรงดังพญาราชสีห์ คิดสิ่งใดขอให้สมปราถนาในสิ่งนั้น...