'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!

ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน - ตอนที่ 4 พี่เลี้ยงเด็กจำเป็น โดย จรรรักย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี

รายละเอียด

'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!

ผู้แต่ง

จรรรักย์

เรื่องย่อ


'วนา' ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีความฝัน ทุกวันนี้อยู่ในสังคมนี้ได้เพราะพ่อแม่ตามใจคอยหาทุกอย่างมาประเคนให้เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียว จู่ๆพ่อแม่ก็ประสบชีวิตจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทำให้จากคนที่ไม่เคยทำอะไรเอง ต้องทำเองคนเดียว และทำให้วนารู้ว่า 'การจะหาเงินแต่ล่ะบาทมันเหนื่อยแค่ไหน'



เขาทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันโดยไม่พักผ่อนทำให้ร่างกายทรุดโทรมและขาดสารอาหารอย่างรุนแรง แต่ เขาได้ย้อนกลับไปอดีตตอนที่เขามีอายุ 15 ปีและอยู่ในช่วงที่ต้องเลือกว่าจะเรียนอะไร



เมื่อได้ย้อนอดีตกลับมาแล้วเขากลับได้วงล้อสุ่มสกุลเงินที่มีค่ามากที่สุด เพียงแต่ว่าวิธีใช้ คือ "ต้องใช้เงินที่ตัวเองมีเท่านั้น" และกดวงล้อสุ่มสกุลเงินหนึ่งครั้งเพื่อสุ่มว่าเงินวันนี้ได้สกุลเงินอะไรและได้เงินเท่านั้น



(สมมุติ ถ้าได้เงินมา100 บาทและกดสุ่มได้สกุลเงินฟรังส์สวิสCHFเท่ากับว่า 100 ฟรังส์สวิส = 3,704บาท)


สารบัญ

ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 1 บทนำ,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 2 วงล้อสุ่มสกุลเงิน,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 3 พบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 4 พี่เลี้ยงเด็กจำเป็น,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 5 ลูกจ้างคนแรกและออเดอร์ 200 ชิ้น,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 6 Workshop 'WANA',ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 7 รับนักศึกษาฝึกงาน

เนื้อหา

ตอนที่ 4 พี่เลี้ยงเด็กจำเป็น




'ระบบ...ผมขอกดวงล้อตอนนี้เลย'




วนาพูดกับระบบในใจเพราะตอนนี้เขาอยู่ในรีสอร์ทคนเดียว ส่วนพ่อกับแม่อยู่อีกหลัง วนาไม่อยากอยู่รบกวนเวลาสวีทของพ่อแม่เลยแยกออกมานอนคนเดียว




หน้าจอโฮโลแกรมที่ฉายภาพวงล้อที่กำลังหมุนอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดอยู่ที่ช่อง'ดอลลาร์แคนาดา'




[ยินดีด้วย! โฮสต์กดได้รับสกุลเงินดอลลาร์แคนาดา เงิน 5,000 ที่โฮสต์มีจะมีค่าเท่ากับ 123,860 บาท เงินจะถูกส่งไปยังกระเป๋าสตางค์ของโฮสต์ และกดได้อีกครั้งภายในเวลา 24:59:59]




คราวนี้ก็ได้เงินหลักแสนเหมือนเดิม วนามองดูแบงค์เทาในกระเป๋าสตางค์แล้วก็ยิ้มจนปากถึงหู เขาคิดในใจว่าจะเอาเงินส่วนนี้ไปทำอะไรดี




ก๊อก ก๊อก ก๊อก




วนาหันไปมองประตูและเก็บเงินใส่กระเป๋าตัวเองอย่างไม่รีบร้อน ยิ่งรีบร้อนเท่าไหร่ยิ่งมีพิรุธมากขึ้นเท่านั้น เขาเดินไปเปิดประตูออกและเห็นว่าคนที่เคาะเมื่อกี้เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนทำตัวไม่ถูก




"มีอะไรหรือป่าว? เติ้ล"




"ผมอยากมาดูห้องของพี่ฮะ"




วนาเห็นสายตาอ้อนๆคล้ายลูกหมาของเด็กตรงหน้าก็อดใจอ่อนไม่ได้ มือก็เปิดประตูให้กว้างขึ้นพอจะให้เด็กเข้าห้องได้




"โหว! ห้องใหญ่อ่ะ พี่วนานอนคนเดียวหรอฮะ" เติ้ลมองพี่ชายเจ้าของห้องอย่างตาเป็นประกาย เพราะห้องของวนามีระเบียงที่มองเห็นแม่น้ำได้




"แล้วพ่อแม่เราล่ะ ทำไมปล่อยออกมาข้างนอกได้"




".....พ่อไปถ่ายรูปกับม๊ามี๊แถวๆนี้แหละฮะ"




วนาถอนหายใจอย่างรู้สึกสงสารพ่อบ้านใจกล้า เขารู้ดีว่าพ่อของเด็กคนนี้ไปเป็นช่างถ่ายรูปประจำตัวภรรยาอย่างขัดขืนไม่ได้ เด็กมันคงเบื่อที่ต้องดูแม่เป็นนางแบบเลยเข้ามาหาเพราะเขาอายุใกล้เคียงกัน




ก๊อก ก๊อก ก๊อก




เสียงเคาะประตูรอบที่สองดังขึ้น วนามองเติ้ลอย่างสงสัยเพราะตอนนี้เหมือนกำลังปรากฏการณ์เดจาวู




"วนา อยู่ไหมลูก?" วนาเดินไปเปิดประตูและเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อุ้มเด็กผู้หญิงประมาณห้าขวบในอ้อมกอด




"อาฝากลูกสาวสักพักได้ไหม พอดีแม่พี่จะไปตลาดโบราณเลย"




"ได้เวลาไปแล้วหรอครับ?" วนาเลิกคิ้วสูงก่อนจะดูนาฬิกาแต่มันบอกเวลาอยู่ที่สิิบเอ็ดโมง




"ที่จริงมันต้องไปหลังกินข้าวกลางวันแต่แม่ของอาคุยกับคนอื่นๆรวมทั้งพ่อแม่เราด้วยว่าจะไปก่อน ส่วนเด็กๆจะฝากกับวนาไว้ที่นี้"




อาผู้ชายพูดเสร็จก็มีแม่วารีที่มาพร้อมกับคนที่น่าจะเป็นพ่อแม่ของเติ้ลเพราะหน้าตาคล้ายคลึงกัน




"พี่ป่า แม่จะไปตลาดโบราณกับพวกลุงๆป้าๆเค้า ลูกดูแลน้องได้มั้ย?"




"ไม่กินข้าวหรอครับ?"




"อ๋อ...ว่าจะไปหาอะไรกินที่นู้นนะ"




"....มันก็ได้อยู่หรอก แล้วน้องแพ้อะไรหรือเปล่าครับถ้าจะไปกินข้าวกลางวัน"




วนาบอกแล้วมองเด็กผู้หญิงในอ้อมกอดของพ่อที่มองหน้าวนาแบบเขินอาย เด็กน้อยมีใบหน้ากลมแก้มป่อง ตาโตเหมือนตุ๊กตา ใส่ชุดเดรสลูกไม้สีชมพูมีโบว์ผูกเอว เขาเห็นหน้าตาของน้องแล้วอมยิ้ม




"น้องชื่อ 'ข้าวจ้าว' นะวนา น้องไม่แพ้อะไรแต่ไม่ชอบกินผักพวกใบเขียวนะ ถ้าเป็นพวกแครอทหรือมันฝรั่ง น้องกินได้"




"ส่วนลูกของน้า...เติ้ลแพ้อาหารทะเลประเภทหอยนะ นอกนั้นกินได้หมด"




ทันทีที่รู้ว่าน้องแต่ละคนแพ้อะไร ทานอะไรได้บ้างก็พยักหน้ารับรู้ แล้วรับน้องข้าวจ้าวมาอุ้ม




"ข้าวจ้าวอยู่กับพี่เขาก่อนนะเดี๋ยวพ่อกลับมา หนูรอพ่อได้ไหมค่ะ" ข้าวจ้าวมองหน้าพ่อแล้วพยักหน้าน้อยๆ มือเล็กๆเอื้อมไปจับเสื้อ




"ตุดต๊า~"




"ได้ครับ เดี๋ยวพ่อซื้อมาให้ เอาตุ๊กตาหมีเนอะ"




"อือ!"




"หนูเติ้ล...ม๊ามี๊กับพ่อจะไปตลาด หนูจะเอาอะไรไหมครับ?" คุณแม่ของเติ้ลก้มคุยกับเติ้ลที่ออกมาทีหลัง




"เอาขนมฮะ ม๊ามี๊"




"ได้ครับลูก เดี๋ยวม๊ามี๊จะซื้อขนมมาฝากเยอะๆนะครับ ลูกอยู่กับพี่วนาอย่าดื้อนะครับ"




"ฮะ~ ม๊ามี๊" สองแม่ลูกคุยกันแล้วน่ารักดีในสายตาของคนอื่นๆ




"พี่ป่าล่ะ จะเอาอะไรไหม?"




วนาส่ายหน้าเมื่อแม่วารีถามถึงของฝากจากเขา ผู้ใหญ่สามครอบครัวฝากฝั่งวนาให้ดูแลลูกของพวกเขาดีๆก่อนที่จะออกตัวไปที่จุดนัดพบ ทิ้งเด็กๆสามคนไว้ที่ห้อง




พอผู้ปกครองหายไปจากสายตาวนาที่อุ้มน้องข้าวจ้าวก็เข้าไปในห้องพร้อมๆกับเติ้ล หลังจากวางน้องบนเตียงแล้วก็นิ่งอยู่ตรงนั่นเขาไม่รู้จะทำอะไรต่อ




เติ้ลที่เห็นอาการของพี่ตัวโตก็นิ่งไปด้วยก่อนที่เสียงใสๆจะดังขึ้น




"ปี้~ นุ๊ปวดจี่"




วนาก้มมองน้องข้าวจ้าวที่นั่งกระมิดกระเมี้ยนบนเตียงก็อุ้มเด็กน้อยไปที่ห้องน้ำใกล้ๆ พอเข้าห้องน้ำแล้วก็วางน้องให้ยืนบนพื้นก่อน




"พี่ขอถอดกางเกงในหนูก่อนนะข้าวจ้าว" วนาพูดเสียงสองเสียงสามกับเด็กน้อยที่ชูมือให้พี่ชาย เขาอุ้มน้องมาวางบนริมชักโครกและปล่อยให้น้องทำธุระให้เสร็จ ล้างและส่วมกางเกงให้เหมือนเดิมแล้วก็ออกมา




"หิวข้าวยัง ข้าวจ้าว เติ้ล?"




"อิว~"




"หิวฮะ"




สองเด็กน้อยตอบเสียงใสทำให้วนายิ้มออกมาเขาหยิบกระเป๋าประจำตัวและอุ้มข้าวจ้าวไปด้วยโดยมีเติ้ลเดินตามหลังมา วนาล็อคประตูด้วยกุญแจห้องก่อนจะจูงเติ้ลไปที่ห้องอาหารของรีสอร์ท




ห้องอาหารของรีสอร์ทเป็นแบบเปิดโล่งมีโต๊ะไม่กี่ตัว มีระเบียงสามารถมองออกไปดูวิวแม่น้ำแม่กลองได้ วนาสั่งอาหารมาสองสามอย่างกับทางร้านแล้วนั่งรอที่โต๊ะ จนกระทั่งอาหารมาถึงเรียบร้อยแล้ว วนาก็ป้อนอาหารให้กับข้าวจ้าวสลับกับป้อนเข้าปากตัวเองตบท้ายด้วยขนมหวานเย็นชื่นใจ




พอหนังท้องอิ่มหนังตาก็หย่อน วนามองเด็กน้อยทั้งสองหนังตาเยิ้มก็จูงเติ้ลที่ขยี้ด้วยความง่วงนอน ไปนอนที่ห้องตัวเอง




นอนบ้างดีกว่า




บนเตียงขนาดคิงไซส์กลางห้องที่มีร่างของเด็กทั้งสามนอนหลับด้วยสีหน้ามีความสุข ทั้งพี่ทั้งน้องหลับลึกแบบไม่รู้ตัวว่าในห้องนั้นมีใครบางคนมองอย่างเอ็นดูผ่านทางระเบียงก่อนจะหายไปในมุมมืด




อีกฝั่งหนึ่งที่ผู้ใหญ่ไปเดินเที่ยวตลาดโบราณแต่ละคนก็หอบหิ้วซื้อของฝากเต็มไม้เต็มมือ แม่วารีที่ในตอนนี้กินก๋วยเตี๋ยวเรือกับสามีได้เหลือบไปเห็นร้านเสื้อผ้าอยู่ร้านหนึ่ง ด้วยรูปแบบที่เป็นเสื้อเชิ้ตและเป็นเนื้อผ้าโปร่งก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปดู และได้ซื้อมาหลายชุด จนกระทั่งได้เวลากลับรีสอร์ท พวกคู่สามีภรรยาที่ได้ฝากลูกไว้กับวนาก็เดินมากับวารีที่กำลังเอาของไปให้ลูกตัวเอง




ก๊อก ก๊อก ก๊อก




"พี่ป่าอยู่มั้ยลูก แม่กลับมาแล้วนะ"




วารีส่งเสียงพร้อมกับเคาะประตู สักพักหนึ่งในห้องก็มีเสียงเล็กๆดังขึ้นมา




แกร๊ก




ประตูห้องเปิดออกพร้อมกับร่างของวนาที่หัวฟู หน้าตาเหมือนกำลังเพิ่งตื่น




"เข้ามาเลยครับแม่ หาว~"




วนาหาวจนน้ำตาเล็ดแล้วถอยออกมาให้แม่ตัวเองเข้ามาในห้องตามมาด้วยผู้ปกครองสามคน




"ตายแล้ว เด็กๆนอนกันน่ารักจริงๆ" วารีส่งเสียงเบาอย่างเอ็นดูก่อนที่จะยืนของฝากให้ลูกตัวเอง




วนารับมันมาดูก่อนจะเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าเนื้อโปร่งตามแบบที่เขาชอบก็ถูกใจรีบขอบคุณแม่ทันที




วารียิ้มหวานเมื่อเห็นอาการร่าเริงของลูกชายตรงหน้า เธอคิดถูกแล้วที่ได้ซื้อเสื้อแบบเนื้อโปร่ง เพราะทั้งลูกชายทั้งสามีต่างมีรสนิยมที่เหมือนกันเป๊ะๆ ไม่ว่าจะความชอบเสื้อผ้า งานอดิเรก หรือแม้แต่การกิน




"อาขอบใจนะวนา ที่ดููแลน้องให้"




พ่อของข้าวจ้าวเปิดปากโดยที่อุ้มร่างของลูกสาวที่เริ่มงอแง ส่วนอีกคนก็หลับลึกจนไม่สนใจว่าจะถูกใครอุ้ม




"เดี๋ยวไปกินข้าวตอนเย็นประมาณหกโมงนะพี่ป่า"




"ได้ครับแม่" จบประโยควนาก็ปิดประตูกลับไปนอนเล่นโทรศัพท์




ตอนนี้เป็นเวลาหกโมงครึ่งที่แม่วารีนัดให้ไปกินข้าวเย็นที่ห้องอาหาร เขาเหลือบมองดูเวลาในโทรศัพท์หลังจากที่ดูยูทูปมาต่อเนื่องหลายชั่วโมง




วนาหยุดเล่นแล้วคลึงสันจมูกเพราะอาการปวดตาที่จ้องแสงสีฟ้าก่อนจะลุกขึ้นไปทำธุระในห้องน้ำก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปห้องอาหารที่เต็มไปด้วยลุงๆป้าๆที่เริ่มทยอยเข้ามาเต็มพื้นที่ เขาชะเง้อมองหาครอบครัวของตัวเองพอเห็นว่าอยู่ที่ไหนก็เดินเข้าไปหา




เมื่อทุกคนได้เข้ามานั่งที่โต๊ะจบครบแล้วก็สั่งอาหารมากินระหว่างนั้นก็พูดเรื่องสถานที่เที่ยวต่อไป




"พี่วารี เราจัดทริป 3วัน2คืนใช่มั้ย"




"ใช่จ้า มีอะไรหรือเปล่า?"




"พรุ่งนี้ตอนที่ไปเที่ยวตอนเช้าขากลับแวะไปส่งหนูที่ท่ารถตู้หน่อยได้ไหม"




"อ้าวทำไมล่ะ ปุ้ย"




"ที่ทำงานเรียกหนูให้ไปทำงานล่วงหน้าคะ งานมันเร่งด่วน ต้องกลับบ้านพรุ่งนี้เลย"




"งานเร่งขนาดไหนกัน เราขอลาล่วงหน้าแล้วไม่ใช่รึ"




"ลาแล้วค่ะ แต่งานนี้ท่านอธิบดีขอด่วนไงคะ หนูขัดใจท่านไม่ได้"




บรรยากาศที่ครึกครื้นกลายเป็นเงียบกริบเพราะมีลูกทริปคนหนึ่งขอกลับก่อน สีหน้าของคนอื่นก็เริ่มไม่สนุกเพราะทุกคนต่างเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือกันและกันมาโดยตลอด




"ถ้าอย่างนั้น แม่วารี...เราเที่ยวพรุ่งนี้เป็นวันสุดท้ายเลยล่ะกันนะ ป้าไม่อยากไปเที่ยวแล้วถ้ามีคนกลับบ้านไปคนหนึ่ง"




"นั่นน่ะสิ ถ้าพวกป้าสนุกกันแต่ปุ้ยไม่ได้อยู่สนุกด้วยมันคงไม่มีประโยชน์"




"ที่มาเที่ยวที่นี้คือพาหลานวนามาหาท่านไม่ใช่รึ นี่ก็มาหาท่านเรียบร้อยแล้ว"




พวกลุงๆป้าๆเปิดปากทำให้หญิงสาวที่ขอตัวกลับบ้านก่อนคนหนึ่งถึงกับตื้นตันใจที่พวกเขาไม่โทษเธอ แม่วารีที่ฟังประโยคนั้นก็พยักหน้ายอมรับ




"ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้เราไปเที่ยวสถานที่สุดท้ายล่ะกันนะ พี่อาจ...เดี๋ยวพี่ไปขอแคนเซิลพรุ่งนี้เลยนะ ส่วนเงินถ้าคืนได้ก็ดี ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นค่าเสียเวลาให้เขา"




"ได้จ๊ะ"




"เดี๋ยวหนูจะคืนตังค์ที่เหลือคืนนะ ป้าๆ"




แต่ละคนตกลงและมาสนุกอย่างเต็มที่ในคืนวันสุดท้าย วนาที่เป็นคนจัดหาสถานที่ก็ต้องขีดสถานที่ที่ต้องไปพรุ่งนี้ออกแล้วก็คิดไว้ว่าจะไปที่ไหนดี พอปรึกษากับครอบครัวและคนขับรถก็ตกลงกันว่าจะไปไหว้พระพิฆเนศกายสีชมพูองค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตามด้วยตลาดคลองสวน




เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วตบท้ายด้วยของหวานแต่ละคนก็หอบพุงที่ยืนออกมาอย่างกับคนท้องกลับที่พักตัวเอง วนาที่ตามหลังมาเป็นคนสุดท้ายก็เดินไปขอยาแก้ปวดท้องกับน้ำที่เลาจน์เพราะอึดอัดหลังจากที่กินไปเยอะจนจุก




วันต่อมาหลังจากที่ได้ทานข้าวเช้าเบาๆอย่างโจ๊กหรือข้าวต้มทะเล หรืออาจจะเป็นซีเรียลกับนม ทุกคนก็อิ่มพร้อมสำหรับไปเที่ยวสถานที่ต่อไปอย่างวัดสมานรัตนารามตามด้วยตลาดคลองสวน




วนายิ้มมุมปากเมื่อมาถึงบริเวณวัดที่มีรูปปั้นองค์พระพิฆเนศกายสีชมพูนอนพิงบนฐาน เขามองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ถึงออร่าแห่งความใจดี ความสุขุม ความอ่อนโยนขององค์

พระพิฆเนศ




...ยินดีต้อนรับ...




น้ำเสียงอ่อนโยน นิ่มนวลดังขึ้นเข้าหู ทำให้เขายิ้มออกมา วนานั่งฟังเสียงที่คนส่วนมากไม่ได้ยินก่อนจะหลุดหัวเราะเมื่อท่านบ่นถึงคำขอของพ่อที่ขอให้ตัวเองมีลูกอีกคน




เมื่อถึงเวลากลับเขาก็ได้คำอวยพรจากท่านที่ลอยตามลม




...ขอให้ลูกมีความสุขทั้งกายและใจ มีร่างกายที่แข็งแรงดังพญาราชสีห์ คิดสิ่งใดขอให้สมปราถนาในสิ่งนั้น...