'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!

ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน - ตอนที่ 5 ลูกจ้างคนแรกและออเดอร์ 200 ชิ้น โดย จรรรักย์ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี

รายละเอียด

'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!

ผู้แต่ง

จรรรักย์

เรื่องย่อ


'วนา' ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยโดยไม่มีความฝัน ทุกวันนี้อยู่ในสังคมนี้ได้เพราะพ่อแม่ตามใจคอยหาทุกอย่างมาประเคนให้เพราะเขาเป็นลูกชายคนเดียว จู่ๆพ่อแม่ก็ประสบชีวิตจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ทำให้จากคนที่ไม่เคยทำอะไรเอง ต้องทำเองคนเดียว และทำให้วนารู้ว่า 'การจะหาเงินแต่ล่ะบาทมันเหนื่อยแค่ไหน'



เขาทำงานอย่างหนักเพื่อหาเงินมาใช้ในชีวิตประจำวันโดยไม่พักผ่อนทำให้ร่างกายทรุดโทรมและขาดสารอาหารอย่างรุนแรง แต่ เขาได้ย้อนกลับไปอดีตตอนที่เขามีอายุ 15 ปีและอยู่ในช่วงที่ต้องเลือกว่าจะเรียนอะไร



เมื่อได้ย้อนอดีตกลับมาแล้วเขากลับได้วงล้อสุ่มสกุลเงินที่มีค่ามากที่สุด เพียงแต่ว่าวิธีใช้ คือ "ต้องใช้เงินที่ตัวเองมีเท่านั้น" และกดวงล้อสุ่มสกุลเงินหนึ่งครั้งเพื่อสุ่มว่าเงินวันนี้ได้สกุลเงินอะไรและได้เงินเท่านั้น



(สมมุติ ถ้าได้เงินมา100 บาทและกดสุ่มได้สกุลเงินฟรังส์สวิสCHFเท่ากับว่า 100 ฟรังส์สวิส = 3,704บาท)


สารบัญ

ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 1 บทนำ,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 2 วงล้อสุ่มสกุลเงิน,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 3 พบกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 4 พี่เลี้ยงเด็กจำเป็น,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 5 ลูกจ้างคนแรกและออเดอร์ 200 ชิ้น,ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 6 Workshop 'WANA',ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน-ตอนที่ 7 รับนักศึกษาฝึกงาน

เนื้อหา

ตอนที่ 5 ลูกจ้างคนแรกและออเดอร์ 200 ชิ้น



ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วหลังจากที่กลับมาจากทริปเที่ยววนาก็ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตกับคิดถึงสินค้าในอนาคตที่จากมา เขาพบว่ามีสินค้าหนึ่งที่สมัยนี้ยังไม่มีนั้นคือเทียนหอมอโรม่ากับสบู่ออแกนิคที่มีส่วนผสมธรรมชาติ เขาลองสั่งซื้อส่วนผสมในการทำเทียนหอมกับหัวเชื้อกลิ่นมาหลายกลิ่นเพื่อมาทดลองทำจนทำให้ที่บ้านงงกับของในพัสดุที่ส่งมาถึงบ้าน เมื่อได้ของมาแล้ววนาก็ดูวิธีการทำที่ยูทูปของต่างประเทศเขาทดลองทำเทียนหอมมาหลายรูปแบบหลายกลิ่นและเอาไปให้ลูกค้าของแม่ที่มาทำผมลองใช้จนทำให้เทียนหอมของวนาที่เกิดจากการลองทำได้ตีตลาดในกลุ่มคู่แต่งงานใหม่และได้ออเดอร์จากกลุ่มนั้น




วนายินดีที่สินค้าของเขาตีตลาดได้จึงเอาเทียนหอมนั้นไปขึ้น อย.ในประเภทยาและเครื่องสำอางค์เพราะเทียนหอมของวนาถูกสำนักงานตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัยและมีสพรรคุณทางยาช่วยให้นอนหลับสบาย หายเครียดจากอาการปวดไมเกรน และหายใจโล่งขึ้น มีฤทธิ์ไล่แมลงมากวนใจ ทางบ้านวนาหลังจากที่ได้รูว่าลูกชายตัวเองมีออเดอร์ก็ยินดีแต่อีกใจก็เป็นห่วงตามประสาพ่อแม่ที่มีลูกคนเดียวพวกเขาห่วงและกลัวว่าลูกชายจะทำงานหนักจนไม่มีเวลาไปเรียนหรือพักผ่อน จนวนาต้องรับปากว่าจะไม่รับงานเยอะและจะพักผ่อนให้มากๆแล้วก็มาจนถึงวันที่ตัวเขาต้องย้ายไปอยู่บ้านในกรุงเทพที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง




รุ่งเช้าวนาตื่นขึ้นมาพร้อมกับออกกำลังกายเบาๆ เพื่อสุขภาพที่ดีพอออกกำลังกายเสร็จก็พักสักครู่ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวและไปเรียนโดยขึ้นรถเมล์




ร่างสูงที่เริ่มมีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายอยู่ภายใต้ชุดนัักเรียนของวิทยาลัย เขาตกลงที่จะเรียนวิทยาลัยศิลปกรุงเทพ สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก ก่อนที่มาเรียนที่นี้ได้เขาแทบจะอธิบายจนปากเปียกให้พ่อกับแม่ฟังเพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นห่วงบวกกับมีอคติต่อเด็กเทคนิคและไม่อยากให้เขาออกมาอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ




วนาต้องอธิบายถึงข้อดีของการเรียนอาชีพให้พวกท่านฟังจนเขาสามารถออกมาใช้ชีวิตในกรุงเทพได้แล้ว




ป้ายรถเมล์ที่มีแต่คนที่รอรถต่างชะโงกหน้ามองรถบนถนน และมีสายตาของนักเรียนสาวที่กำลังจ้องมองร่างสูงอย่างสนใจ พวกเธอกำลังสนใจวนาที่ยืนรอรถข้างหน้าก่อนที่หนึ่งในนั้นจะถูกเพื่อนๆในกลุ่มผลักออกไปขอเฟซบุ๊ค




วนาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเพราะเขาได้ยินเสียงซุบซิบของคนด้านหลังที่พูดถึงเขา มือที่เริ่มหยาบหยิบหูฟังแบบมีสายเชื่อมกับMP3 เตรียมพร้อมเข้าสู่โลกส่วนตัวของตนเอง ก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวขึ้นรถเมล์เมื่อมันมาจอดหน้าป้าย




ร่างสูงยืนโหนบนรถเมล์โดยที่รอบข้างก็เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่ขึ้นมาเบียดแน่นเป็นปลากระป๋อง แขนแกร่งเริ่มมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเพราะความเร็วของรถเมล์บวกกับความแน่นของผู้โดยสารในรถทำให้บางคนที่ทรงตัวได้ดีถึงกับถลามาเบียดให้แน่นกว่าเดิม




"โอ้ย!! ขอโทษด้วยคะๆ"




วนาขมวดคิ้วด้วยความจุกเมื่อโดนข้อศอกของผู้หญิงข้างหน้ามากระแทกที่ท้อง นัยน์ตาคมดุมองผู้หญิงตรงหน้าในชุดนักเรียนของโรงเรียนที่ไหนสักที่อย่างสังเกต แต่อีกฝ่ายที่เห็นสายตาของวนานั้นถึงกับสะดุ้งรีบยกมือขอโทษทันที




"ขอโทษค่า..อย่าฆ่าหนูเลยนะ" ผู้โดยสารรอบๆหันมามองอย่างสงสัยกับเสียงแต่พอเห็นหน้าตาของผู้ชายในชุดวิทยาลัยกับผู้หญิงชุดนักเรียนเรียบร้อยก็คิดไปเองว่าผู้ชายคนนี้ต้องรังแกผู้หญิงแน่ๆเลยโดยหารู้ไม่ว่าสงสารผิดคน




วนาพ่นลมอย่างหงุดหงิดกับสายตาทั้งคันที่มองมาที่เขา




"ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ จะร้อนตัวเพื่อ..."




"ไอ้หนู อย่ารังแกผู้หญิงสิว่ะ"




"ใช่ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า"




ยิ่งฟังแต่ละคนพูดเท่าไหร่วนาก็ยิ่งหงุดหงิด ก่อนที่วนาจะได้ทำอะไรก็มีเสียงจากผู้โดยสารที่นั่งข้างๆก็เปิดปากขึ้นมาเพราะเหตุการณ์มันเริ่มบานปลาย




"ทุกคนฟังก่อน! ฉันมองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเลยคะ"




คนรอบข้างเงียบทันทีและฟังจากปากของผู้หญิงคนหนึ่งที่ส่วมชุดกากี




"จริงๆแล้วน้องผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยคะ เขายืนมองน้องผู้หญิงคนนี้เฉยๆคะ" ผู้หญิงที่แสดงตัวว่าเป็นเหยื่อก็สะดุ้งเมื่อสายตาของทุกคนหันมามองที่เธอแทน




"กะ...ก็เขาตาดุ อ่ะคะ"




เมื่อได้ยินประโยคนั้นทุกคนก็หน้าแห้งมองวนาอย่างรู้สึกผิดแต่ก็ไม่มีใครมาขอโทษสักคน




"อื้อหือ! คนเรานี่มันหน้าด้านเนอะ"




"ช่าย~...ก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเองนี่แล้วไปโทษเขา พอรู้ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดก็เมินเลย"




"เนอะ คำขอโทษสักคำก็ไม่มี"




ประโยคแขวะจากกลุ่มวัยรุ่นสามคนนั้นทำคนรอบข้างหน้าบางจนไม่กล้าอยู่ต่อเลยลงรถป้ายหน้าจนข้างในรถผู้โดยสารเลยบางตาลงหน่อย




วนาถอนหายใจและหันมาขอบคุณกลุ่มนั้น




"ขอบคุณครับ"




สายตาทั้งสามคู่มองผู้ชายตรงหน้าแล้วเกิดอาการพูดไม่ออก พวกเขาช่วยเพราะเห็นจากข้างหลังว่าเขาใส่ชุดนักเรียนที่เหมือนกันเลยช่วยเพราะอาจจะเป็นเพื่อนร่วมวิทยาลัยแต่ไม่นึกว่า เวลาเห็นหน้าตาชัดๆจะหล่อขนาดนี้




"เรียนที่ศิปกรรมป่ะ?" วนาพยักหน้ายอมรับ




"จริงหรอ แต่ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะอยู่ปี1 ใช่มั้ย?"




"ใช่ครับ"




ทันทีที่ได้รู้ว่าวนาคือรุ่นน้องต่างก็กรีดร้องในใจแต่ล่ะคนหมายมั่นว่าจะเอาคนนี้มาเป็นรุ่นน้องให้ได้




เพราะที่วิทยาลัยที่นั่นมีประเพณีประเภทหนึ่งที่มีสายรหัสเหมือนกับมหาวิทยาลัย พอรถมาถึงป้ายที่ต้องลงแล้ววนาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าวิทยาลัยที่มีป้ายยินดีต้อนรับ รอบข้างมีบรรดาอาจารย์กับรุ่นพี่มาต้อนรับพร้อมกับให้ลงทะเบียนและบอกทางให้ไปห้องประชุม




ระหว่างที่วนาเข้าห้องแล้วก็กวาดสายตามองหาที่นั่งที่มีกระดาษสีตามเอกที่เข้า เพราะเขารู้มาว่าที่นี่จะมีสีตามสาขาอย่างคอมกราฟิกสีแดงส้ม ออกแบบสีฟ้า เครื่องหนังสีน้ำตาล และวิจิตรศิลป์สีทอง และมีอีกหลักสูตรคือทวิภาคี




"ตรงนี้มีคนนั่งไหม"




วนาเอียงหน้ามองและเห็นว่าเป็นผู้ชายที่ท่าทางอ้อนแอ้นก็ส่ายหน้า




"เธอชื่ออะไรหรอ? เค้าชื่อคลื่นนะ"




"วนา...ไม่มีชื่อเล่น"




"วนาหรอ...อืม....ชื่อไม่เหมือนใครดี แล้วมาจากที่ไหนหรอ?"




"...มาจากราชบุรีนะ"




"มาไกลมาก! เค้าเป็นคนที่นี้แหละ ถ้าวนาจะไปไหนบอกนะ เค้าจะเป็นไกค์ให้เลย"




ทันทีที่ได้เห็นอุปนิสัยของคนข้างๆ เขาก็ยิ้มมุมปากกับความร่าเริงราวกับเด็กๆทั้งที่อายุเท่ากัน เขานั่งฟังเพื่อนใหม่พููดไม่หยุดแม้กระทั่งมีผอ.มาพูดบรรยายแนวทางการเรียนหลายนาทีจนกระทั่งมาถึงห้องที่จะต้องใช้ตลอดสามปี




'หยุดพูดเถอะ ขอร้องล่ะ' 




สายตาว่างเปล่าของวนาที่เหม่อมองไวท์บอร์ดทำให้คนที่มองแล้วได้ฟังการพูดของเพื่อนใหม่ถึงกับเกิดความรู้สึกเดียวในใจกันทุกคน




"สวัสดีนักเรียนทุกคน ครูชื่ออุไร เรียกว่า'ครูอุ๊' นะ ครูสอนวิชาการออกแบบและเป็นครูที่ปรึกษาของห้องเราตลอดสามปีนะ"




"สวัสดีค่ะ/ครับ"




"เดี๋ยวครูขอเช็คชื่อนะ บอกชื่อเล่นกับมาจากที่ไหนด้วยนะทุกคน"




วนาที่นั่งท้าวคางจากด้านหลังแล้วฟังแต่ละคนยืนบอกชื่อเล่นเมื่อชื่อของเเต่ล่ะคนถูกเรียกจนมาถึงวนาที่เกือบจะอยู่เลขที่คนสุดท้าย




"เลขที่ 37 วนา สุวรรณเวชธาดา"




"ผมชื่อวนาครับ ไม่มีชื่อเล่น มาจากราชบุรีครับ"




"ไม่มีชื่อเล่น จริงๆหรอ แล้วที่บ้านเรียกจะว่าอะไร"




"ก็เรียก วนา นี่แหละครับ"




ครูอุ๊พยักหน้าแต่ก็พอเข้าใจได้เพราะมีบางครอบครัวที่พ่อแม่อาจจะตั้งชื่อจริงให้เป็นชื่อเล่นด้วย พอแต่ละคนฟังแล้วรับรู้ว่าเพื่อนในห้องชื่ออะไรกันบ้างก็ใช้เวลาในคาบมาทำความรู้จักกัน ครูที่ปรึกษาพูดเรื่องแนวทางการเรียนของแต่ละวิชาและให้เตรียมตัวเรียนในวันพรุ่งนี้เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเลยไม่ค่อยมีเรียนเท่าไหร่ มีแต่มาทำความรู้จักความเข้าใจในการเรียนเท่านั้น




"งั้นวันนี้จบแค่นี้นะ พรุ่งนี้อย่าลืมเอาคอมของตัวเองมานะ"




ทุกคนในห้องขานรับก่อนจะออกจากห้องเพราะผอ.ได้บอกว่าเรียนครึ่งวันเช้าเท่านั้น วนาที่เห็นว่าจบการเรียนแล้วก็เดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย เขาตั้งใจว่าจะไปซื้อของมาเติมไว้ในห้อง




"วนา!" เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อมีใครบางคนเรียกชื่อเขาเสียงดังระหว่างที่เขากำลังลงบันได สายตาคมตวัดไปมองจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก




"ขอโทษน๊า"




"มีอะไร?"




"วันนี้มีอะไรที่ต้องทำไหมวนา"




"ก็มีนะ จะไปซื้อของ"




"ไปไหนหรอ คลื่นขอไปด้วยสิ"




วนามองคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจแต่ก็พูดตัดกำลังใจออกไปไม่ได้ เขาได้แต่พยักหน้ายอมให้อีกฝ่ายไปด้วย




ห้างแห่งหนึ่ง




เมื่อเข้าห้างมาแล้วสิ่งแรกที่วนาต้องการคือไปโซนอิเล็กทรอนิกส์ เขาต้องการซื้อโน๊ตบุคเพื่อเอาไปใช้ในการเรียนร่างสูงเดินเข้าร้านไปหาพนักงานพร้อมบอกความต้องการทันทีจนพนักงานที่กำลังจะบรรยายถึงสเปคกับเพื่อนที่มาด้วยถึงกับงงแดก




"วนา แกจะไม่บอกที่บ้านหรอ"




"บอกเรื่องอะไร"




"แกซื้อคอมไง ราคามันไม่ได้ถูกๆนะ"




"ฉันบอกที่บ้านตั้งแต่ที่มาเรียนที่นี้แล้ว แต่ที่ยังไม่ซื้อเพราะยังไม่มีเวลา"




"...ดีจัง คลื่นต้องรอพ่อกับแม่อนุญาติก่อนถึงจะได้"




วนาไม่พูดอะไรเขารอพนักงานเช็คเครื่อง ลงโปรแกรมให้เรียบร้อยก่อนจะจ่ายสดทำให้เซลขายถึงกับเบิกตากว้างเพราะไม่เคยเห็นวัยรุ่นคนไหนที่ถือเงินสดมาจ่ายทีเดียวจบ




"พ่อแม่ให้เงินน้องมาเยอะจังนะ"




"อ่อ เปล่าครับผมทำงานเก็บเงินเองครับไม่เกี่ยวกับพ่อแม่หรอกครับ" คลื่นที่ได้ยินเพื่อนใหม่ตอบถึงกับตาโตอ้าปากค้างเขาอยากรู้มากว่าเพื่อนใหม่คนนี้ทำงานอะไรถึงเก็บตังได้เยอะขนาดนี้ พอเห็นว่า วนาจ่ายตังค์และรับถุงมาเรียบร้อยและกำลังจะออกจากร้านก็รู้สึกตัวแล้วเดินตามไปด้วย




"วนาทำงานอะไรหรอ? บอกบ้างสิเค้าจะได้ไปทำด้วย" คลื่นถามแล้วมองคนข้างๆอย่างสังเกตไปด้วย




คลื่นพึ่งรู้ว่าเพื่อนใหม่คนนี้หน้าตาหล่อเข้มบวกกับมีสายตาเรียวคมและสีผิวที่ออกสีน้ำผึ้งยิ่งทำให้ดูไปทางอาหรับมากกว่า ก่อนที่วนาจะได้ตอบเขาก็ได้เจอกับลูกค้าของแม่ที่มาเดินที่ห้างซะก่อน




"อ้าว วนามาซื้อของคนเดียวหรอ?"




"สวัสดีครับ ป้าแก้ว...ผมมากับเพื่อนนะครับ" หญิงวัยกลางคนมองคลื่นอย่างใจดี




"จริงสิวนา ช่วงนี้หนูรับออเดอร์ไหม" วนาที่ได้ยินคำถามก็มองคู่รักวัยสามสิบต้นๆข้างกายป้าแก้ว เขามองเห็นได้ถึงออร่าแห่งความรักและแสงดวงเล็กๆสามดวงที่ริบหรี่ในท้องของผู้หญิงคนนั้น




"รับครับป้าแก้ว"




"ดีเลย งั้นไปคุยเรื่องออเดอร์ที่สตาบัสกันเดี๋ยวป้าเลี้ยงน้ำเอง" หนึ่งคู่รักกับคลื่นสงสัยปนงุนงงเพราะไม่เข้าใจว่าแม่ตัวเองคุยอะไรกัน ป้าแก้วเดินนำหน้าลูกชายกับลูกสะใภ้อย่างร่าเริง ส่วนวนาก็เดินตามหลังโดยมีคลื่นเดินอยู่ข้างๆ




"อยากทำงานใช่ไหมคลื่น" คลื่นพยักหน้าหงึกหงัก




"นายได้สิทธ์นั้นแล้ว" วนาเอ่ยแค่นั้นก็เดินตัวปลิวเข้าร้านสตาบัสโดยที่ทิ้งเพื่อนตัวเองที่ยืนทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจในคำตอบนั่น ก่อนที่จะมาเข้าใจทีหลังในตอนที่วนาพูดคุยกับป้าแก้วและคู่รักคู่นั้นถึงออเดอร์เทียนหอมอโรม่า คลื่นมองดูและฟังเพื่อนตัวเองที่ออกแบบพร้อมกับฟังความต้องการเรื่องกลิ่นแบบไหน โทนสีไหน ธีมอะไรและวัสดุที่ต้องการเป็นอะไร จำนวนเท่าไหร่




"ผมขอทวนอีกครั้งหนึ่งนะครับ พี่กับแฟนพี่ต้องการเทียนหอมกลิ่นกุหลาบกับชาเขียว โทนสีชมพูอ่อน ธีมธรรมชาติและวัสดุต้องเป็นของที่มาจากธรรมชาติและย่อยสลายได้จำนวน 200 ชิ้นใช่ไหมครับ"




"ใช่ น้องทำได้แน่นะ" พี่ผู้ชายถามอย่างไม่แน่ใจเพราะเขาเพิ่งรู้มาจากปากของผู้เป็นแม่ว่าเด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีตรงหน้าเป็นเจ้าของแบรนด์เทียนหอมอโรม่าที่กำลังดังในหมู่คู่แต่งงานใหม่ เขาเคยได้ยินมาว่าคนที่ใช้เทียนหอมของแบรนด์'WANA' บางคนจะนอนหลับสบายขึ้น บางคนก็อธิษฐานก่อนจุดเทียนว่าขอให้มีลูก บางคนก็อธิษฐานว่าขอให้สมปรารถนาแล้วผลลัพธ์นั้นก็สมหวังกันทุกราย




"ทำได้พี่ ผมได้ลูกจ้างให้มาช่วยได้แล้ว"




"หรอ งั้นพี่ฝากด้วยนะ"




"ได้ครับ อีกหนึ่งอาทิตย์ผมส่งตัวอย่างไปให้ดูนะครับ ถ้าคอนเฟิร์มแล้วพี่ก็จ่ายมัดจำ30% ผมจะได้เร่งทำแล้วส่งให้ครบตามกำหนดเลย"




"ขอบใจนะวนา พี่กับแฟนได้สบายใจซะที"




วนาส่งยิ้มให้กับคู่รักที่กลายเป็นลูกค้าตรงหน้า เขาดูออเดอร์ในสมุดบันทึกก่อนจะหันมามองคลื่นที่นั่งนิ่งไม่ส่งเสียงอะไรตั้งแต่ที่เขาเริ่มพูดเรื่องออเดอร์กับลูกค้า ดวงตาสีน้ำตาลมองว่าที่ลูกจ้างแล้วขำกับรีแอดชั่นที่แสดงออกทางหน้า




"เป็นไงคลื่นทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้บอกนะ ฉันจะได้หาลูกจ้างคนใหม่แทน" สิ้นประโยคนั้นคลื่นก็ได้สติรีบหันไปบอกว่าทำได้




"ทำได้ คลื่นทำได้ วนาอย่าเลิกจ้างสิ"




"ดีมาก พรุ่งนี้เลิกเรียนไปซื้อของกับฉันด้วย อ่อ..ค่าจ้างคิดเป็นรายชั่วโมงนะ ชั่วโมงล่ะ100 บาท ทำได้กี่ชั่วโมงกี่วันก็คิดตามนั่น"




"จริงๆหรอ วนา...แกไม่ขาดทุนใช่ไหมอ่ะ"





"ไม่เอาหรอ งั้น...คิดวันล่ะ 300 บาทดีไหม?"




"..... เอาแบบเดิมดีกว่า" เจ้าตัวพูดก่อนจะเดินอย่างตื่นเต้นดีใจ ทำให้วนาอมยิ้ม




"กลับไปพูดกับที่บ้านด้วยล่ะ เดี๋ยวพวกเขาหาว่าเธอขโมยเงินมาจากไหน"


คลื่นรับปาก ตอนนี้ตัวเขากลายเป็นลูกจ้างคนแรกของวนาแล้วและในอนาคตตัวคลื่นเองก็จะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ดังที่สุดและเป็นคนที่ทำให้แบรนด์'WANA' นั่นกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนดัง