'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!
ชาย-ชาย,แฟนตาซี,ครอบครัว,ไทย,มหาเศรษฐี,สกุลเงิน,วงล้อ,นิยายวาย,แฟนตาซี,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ย้อนอดีตไปเป็นคนใหม่กับวงล้อสุ่มสกุลเงิน'วนา' ชายหนุ่มอายุ 29ปี ที่ได้ย้อนเวลากลับมายังอดีตเมื่อ 15 ปีก่อน เขาย้อนกลับมาพร้อมกับวงล้อสุ่มสกุลเงินทั่วโลก!!
ผ่านไปเดือนหนึ่งแล้วหลังจากที่กลับมาจากทริปเที่ยววนาก็ค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตกับคิดถึงสินค้าในอนาคตที่จากมา เขาพบว่ามีสินค้าหนึ่งที่สมัยนี้ยังไม่มีนั้นคือเทียนหอมอโรม่ากับสบู่ออแกนิคที่มีส่วนผสมธรรมชาติ เขาลองสั่งซื้อส่วนผสมในการทำเทียนหอมกับหัวเชื้อกลิ่นมาหลายกลิ่นเพื่อมาทดลองทำจนทำให้ที่บ้านงงกับของในพัสดุที่ส่งมาถึงบ้าน เมื่อได้ของมาแล้ววนาก็ดูวิธีการทำที่ยูทูปของต่างประเทศเขาทดลองทำเทียนหอมมาหลายรูปแบบหลายกลิ่นและเอาไปให้ลูกค้าของแม่ที่มาทำผมลองใช้จนทำให้เทียนหอมของวนาที่เกิดจากการลองทำได้ตีตลาดในกลุ่มคู่แต่งงานใหม่และได้ออเดอร์จากกลุ่มนั้น
วนายินดีที่สินค้าของเขาตีตลาดได้จึงเอาเทียนหอมนั้นไปขึ้น อย.ในประเภทยาและเครื่องสำอางค์เพราะเทียนหอมของวนาถูกสำนักงานตรวจสอบแล้วว่าปลอดภัยและมีสพรรคุณทางยาช่วยให้นอนหลับสบาย หายเครียดจากอาการปวดไมเกรน และหายใจโล่งขึ้น มีฤทธิ์ไล่แมลงมากวนใจ ทางบ้านวนาหลังจากที่ได้รูว่าลูกชายตัวเองมีออเดอร์ก็ยินดีแต่อีกใจก็เป็นห่วงตามประสาพ่อแม่ที่มีลูกคนเดียวพวกเขาห่วงและกลัวว่าลูกชายจะทำงานหนักจนไม่มีเวลาไปเรียนหรือพักผ่อน จนวนาต้องรับปากว่าจะไม่รับงานเยอะและจะพักผ่อนให้มากๆแล้วก็มาจนถึงวันที่ตัวเขาต้องย้ายไปอยู่บ้านในกรุงเทพที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง
รุ่งเช้าวนาตื่นขึ้นมาพร้อมกับออกกำลังกายเบาๆ เพื่อสุขภาพที่ดีพอออกกำลังกายเสร็จก็พักสักครู่ก่อนจะไปอาบน้ำแต่งตัวและไปเรียนโดยขึ้นรถเมล์
ร่างสูงที่เริ่มมีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายอยู่ภายใต้ชุดนัักเรียนของวิทยาลัย เขาตกลงที่จะเรียนวิทยาลัยศิลปกรุงเทพ สาขาคอมพิวเตอร์กราฟิก ก่อนที่มาเรียนที่นี้ได้เขาแทบจะอธิบายจนปากเปียกให้พ่อกับแม่ฟังเพราะพวกเขาทั้งคู่ต่างเป็นห่วงบวกกับมีอคติต่อเด็กเทคนิคและไม่อยากให้เขาออกมาอยู่คนเดียวในกรุงเทพฯ
วนาต้องอธิบายถึงข้อดีของการเรียนอาชีพให้พวกท่านฟังจนเขาสามารถออกมาใช้ชีวิตในกรุงเทพได้แล้ว
ป้ายรถเมล์ที่มีแต่คนที่รอรถต่างชะโงกหน้ามองรถบนถนน และมีสายตาของนักเรียนสาวที่กำลังจ้องมองร่างสูงอย่างสนใจ พวกเธอกำลังสนใจวนาที่ยืนรอรถข้างหน้าก่อนที่หนึ่งในนั้นจะถูกเพื่อนๆในกลุ่มผลักออกไปขอเฟซบุ๊ค
วนาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจเพราะเขาได้ยินเสียงซุบซิบของคนด้านหลังที่พูดถึงเขา มือที่เริ่มหยาบหยิบหูฟังแบบมีสายเชื่อมกับMP3 เตรียมพร้อมเข้าสู่โลกส่วนตัวของตนเอง ก่อนที่ขาเรียวยาวจะก้าวขึ้นรถเมล์เมื่อมันมาจอดหน้าป้าย
ร่างสูงยืนโหนบนรถเมล์โดยที่รอบข้างก็เต็มไปด้วยผู้โดยสารที่ขึ้นมาเบียดแน่นเป็นปลากระป๋อง แขนแกร่งเริ่มมีเส้นเลือดปูดขึ้นมาเพราะความเร็วของรถเมล์บวกกับความแน่นของผู้โดยสารในรถทำให้บางคนที่ทรงตัวได้ดีถึงกับถลามาเบียดให้แน่นกว่าเดิม
"โอ้ย!! ขอโทษด้วยคะๆ"
วนาขมวดคิ้วด้วยความจุกเมื่อโดนข้อศอกของผู้หญิงข้างหน้ามากระแทกที่ท้อง นัยน์ตาคมดุมองผู้หญิงตรงหน้าในชุดนักเรียนของโรงเรียนที่ไหนสักที่อย่างสังเกต แต่อีกฝ่ายที่เห็นสายตาของวนานั้นถึงกับสะดุ้งรีบยกมือขอโทษทันที
"ขอโทษค่า..อย่าฆ่าหนูเลยนะ" ผู้โดยสารรอบๆหันมามองอย่างสงสัยกับเสียงแต่พอเห็นหน้าตาของผู้ชายในชุดวิทยาลัยกับผู้หญิงชุดนักเรียนเรียบร้อยก็คิดไปเองว่าผู้ชายคนนี้ต้องรังแกผู้หญิงแน่ๆเลยโดยหารู้ไม่ว่าสงสารผิดคน
วนาพ่นลมอย่างหงุดหงิดกับสายตาทั้งคันที่มองมาที่เขา
"ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลยนะ จะร้อนตัวเพื่อ..."
"ไอ้หนู อย่ารังแกผู้หญิงสิว่ะ"
"ใช่ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า"
ยิ่งฟังแต่ละคนพูดเท่าไหร่วนาก็ยิ่งหงุดหงิด ก่อนที่วนาจะได้ทำอะไรก็มีเสียงจากผู้โดยสารที่นั่งข้างๆก็เปิดปากขึ้นมาเพราะเหตุการณ์มันเริ่มบานปลาย
"ทุกคนฟังก่อน! ฉันมองเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเลยคะ"
คนรอบข้างเงียบทันทีและฟังจากปากของผู้หญิงคนหนึ่งที่ส่วมชุดกากี
"จริงๆแล้วน้องผู้ชายคนนี้เขาไม่ได้ทำอะไรเลยคะ เขายืนมองน้องผู้หญิงคนนี้เฉยๆคะ" ผู้หญิงที่แสดงตัวว่าเป็นเหยื่อก็สะดุ้งเมื่อสายตาของทุกคนหันมามองที่เธอแทน
"กะ...ก็เขาตาดุ อ่ะคะ"
เมื่อได้ยินประโยคนั้นทุกคนก็หน้าแห้งมองวนาอย่างรู้สึกผิดแต่ก็ไม่มีใครมาขอโทษสักคน
"อื้อหือ! คนเรานี่มันหน้าด้านเนอะ"
"ช่าย~...ก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นเองนี่แล้วไปโทษเขา พอรู้ว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิดก็เมินเลย"
"เนอะ คำขอโทษสักคำก็ไม่มี"
ประโยคแขวะจากกลุ่มวัยรุ่นสามคนนั้นทำคนรอบข้างหน้าบางจนไม่กล้าอยู่ต่อเลยลงรถป้ายหน้าจนข้างในรถผู้โดยสารเลยบางตาลงหน่อย
วนาถอนหายใจและหันมาขอบคุณกลุ่มนั้น
"ขอบคุณครับ"
สายตาทั้งสามคู่มองผู้ชายตรงหน้าแล้วเกิดอาการพูดไม่ออก พวกเขาช่วยเพราะเห็นจากข้างหลังว่าเขาใส่ชุดนักเรียนที่เหมือนกันเลยช่วยเพราะอาจจะเป็นเพื่อนร่วมวิทยาลัยแต่ไม่นึกว่า เวลาเห็นหน้าตาชัดๆจะหล่อขนาดนี้
"เรียนที่ศิปกรรมป่ะ?" วนาพยักหน้ายอมรับ
"จริงหรอ แต่ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลยล่ะอยู่ปี1 ใช่มั้ย?"
"ใช่ครับ"
ทันทีที่ได้รู้ว่าวนาคือรุ่นน้องต่างก็กรีดร้องในใจแต่ล่ะคนหมายมั่นว่าจะเอาคนนี้มาเป็นรุ่นน้องให้ได้
เพราะที่วิทยาลัยที่นั่นมีประเพณีประเภทหนึ่งที่มีสายรหัสเหมือนกับมหาวิทยาลัย พอรถมาถึงป้ายที่ต้องลงแล้ววนาก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าวิทยาลัยที่มีป้ายยินดีต้อนรับ รอบข้างมีบรรดาอาจารย์กับรุ่นพี่มาต้อนรับพร้อมกับให้ลงทะเบียนและบอกทางให้ไปห้องประชุม
ระหว่างที่วนาเข้าห้องแล้วก็กวาดสายตามองหาที่นั่งที่มีกระดาษสีตามเอกที่เข้า เพราะเขารู้มาว่าที่นี่จะมีสีตามสาขาอย่างคอมกราฟิกสีแดงส้ม ออกแบบสีฟ้า เครื่องหนังสีน้ำตาล และวิจิตรศิลป์สีทอง และมีอีกหลักสูตรคือทวิภาคี
"ตรงนี้มีคนนั่งไหม"
วนาเอียงหน้ามองและเห็นว่าเป็นผู้ชายที่ท่าทางอ้อนแอ้นก็ส่ายหน้า
"เธอชื่ออะไรหรอ? เค้าชื่อคลื่นนะ"
"วนา...ไม่มีชื่อเล่น"
"วนาหรอ...อืม....ชื่อไม่เหมือนใครดี แล้วมาจากที่ไหนหรอ?"
"...มาจากราชบุรีนะ"
"มาไกลมาก! เค้าเป็นคนที่นี้แหละ ถ้าวนาจะไปไหนบอกนะ เค้าจะเป็นไกค์ให้เลย"
ทันทีที่ได้เห็นอุปนิสัยของคนข้างๆ เขาก็ยิ้มมุมปากกับความร่าเริงราวกับเด็กๆทั้งที่อายุเท่ากัน เขานั่งฟังเพื่อนใหม่พููดไม่หยุดแม้กระทั่งมีผอ.มาพูดบรรยายแนวทางการเรียนหลายนาทีจนกระทั่งมาถึงห้องที่จะต้องใช้ตลอดสามปี
'หยุดพูดเถอะ ขอร้องล่ะ'
สายตาว่างเปล่าของวนาที่เหม่อมองไวท์บอร์ดทำให้คนที่มองแล้วได้ฟังการพูดของเพื่อนใหม่ถึงกับเกิดความรู้สึกเดียวในใจกันทุกคน
"สวัสดีนักเรียนทุกคน ครูชื่ออุไร เรียกว่า'ครูอุ๊' นะ ครูสอนวิชาการออกแบบและเป็นครูที่ปรึกษาของห้องเราตลอดสามปีนะ"
"สวัสดีค่ะ/ครับ"
"เดี๋ยวครูขอเช็คชื่อนะ บอกชื่อเล่นกับมาจากที่ไหนด้วยนะทุกคน"
วนาที่นั่งท้าวคางจากด้านหลังแล้วฟังแต่ละคนยืนบอกชื่อเล่นเมื่อชื่อของเเต่ล่ะคนถูกเรียกจนมาถึงวนาที่เกือบจะอยู่เลขที่คนสุดท้าย
"เลขที่ 37 วนา สุวรรณเวชธาดา"
"ผมชื่อวนาครับ ไม่มีชื่อเล่น มาจากราชบุรีครับ"
"ไม่มีชื่อเล่น จริงๆหรอ แล้วที่บ้านเรียกจะว่าอะไร"
"ก็เรียก วนา นี่แหละครับ"
ครูอุ๊พยักหน้าแต่ก็พอเข้าใจได้เพราะมีบางครอบครัวที่พ่อแม่อาจจะตั้งชื่อจริงให้เป็นชื่อเล่นด้วย พอแต่ละคนฟังแล้วรับรู้ว่าเพื่อนในห้องชื่ออะไรกันบ้างก็ใช้เวลาในคาบมาทำความรู้จักกัน ครูที่ปรึกษาพูดเรื่องแนวทางการเรียนของแต่ละวิชาและให้เตรียมตัวเรียนในวันพรุ่งนี้เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เปิดเลยไม่ค่อยมีเรียนเท่าไหร่ มีแต่มาทำความรู้จักความเข้าใจในการเรียนเท่านั้น
"งั้นวันนี้จบแค่นี้นะ พรุ่งนี้อย่าลืมเอาคอมของตัวเองมานะ"
ทุกคนในห้องขานรับก่อนจะออกจากห้องเพราะผอ.ได้บอกว่าเรียนครึ่งวันเช้าเท่านั้น วนาที่เห็นว่าจบการเรียนแล้วก็เดินออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย เขาตั้งใจว่าจะไปซื้อของมาเติมไว้ในห้อง
"วนา!" เจ้าของชื่อสะดุ้งเมื่อมีใครบางคนเรียกชื่อเขาเสียงดังระหว่างที่เขากำลังลงบันได สายตาคมตวัดไปมองจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือก
"ขอโทษน๊า"
"มีอะไร?"
"วันนี้มีอะไรที่ต้องทำไหมวนา"
"ก็มีนะ จะไปซื้อของ"
"ไปไหนหรอ คลื่นขอไปด้วยสิ"
วนามองคนตรงหน้าอย่างเหนื่อยใจแต่ก็พูดตัดกำลังใจออกไปไม่ได้ เขาได้แต่พยักหน้ายอมให้อีกฝ่ายไปด้วย
ห้างแห่งหนึ่ง
เมื่อเข้าห้างมาแล้วสิ่งแรกที่วนาต้องการคือไปโซนอิเล็กทรอนิกส์ เขาต้องการซื้อโน๊ตบุคเพื่อเอาไปใช้ในการเรียนร่างสูงเดินเข้าร้านไปหาพนักงานพร้อมบอกความต้องการทันทีจนพนักงานที่กำลังจะบรรยายถึงสเปคกับเพื่อนที่มาด้วยถึงกับงงแดก
"วนา แกจะไม่บอกที่บ้านหรอ"
"บอกเรื่องอะไร"
"แกซื้อคอมไง ราคามันไม่ได้ถูกๆนะ"
"ฉันบอกที่บ้านตั้งแต่ที่มาเรียนที่นี้แล้ว แต่ที่ยังไม่ซื้อเพราะยังไม่มีเวลา"
"...ดีจัง คลื่นต้องรอพ่อกับแม่อนุญาติก่อนถึงจะได้"
วนาไม่พูดอะไรเขารอพนักงานเช็คเครื่อง ลงโปรแกรมให้เรียบร้อยก่อนจะจ่ายสดทำให้เซลขายถึงกับเบิกตากว้างเพราะไม่เคยเห็นวัยรุ่นคนไหนที่ถือเงินสดมาจ่ายทีเดียวจบ
"พ่อแม่ให้เงินน้องมาเยอะจังนะ"
"อ่อ เปล่าครับผมทำงานเก็บเงินเองครับไม่เกี่ยวกับพ่อแม่หรอกครับ" คลื่นที่ได้ยินเพื่อนใหม่ตอบถึงกับตาโตอ้าปากค้างเขาอยากรู้มากว่าเพื่อนใหม่คนนี้ทำงานอะไรถึงเก็บตังได้เยอะขนาดนี้ พอเห็นว่า วนาจ่ายตังค์และรับถุงมาเรียบร้อยและกำลังจะออกจากร้านก็รู้สึกตัวแล้วเดินตามไปด้วย
"วนาทำงานอะไรหรอ? บอกบ้างสิเค้าจะได้ไปทำด้วย" คลื่นถามแล้วมองคนข้างๆอย่างสังเกตไปด้วย
คลื่นพึ่งรู้ว่าเพื่อนใหม่คนนี้หน้าตาหล่อเข้มบวกกับมีสายตาเรียวคมและสีผิวที่ออกสีน้ำผึ้งยิ่งทำให้ดูไปทางอาหรับมากกว่า ก่อนที่วนาจะได้ตอบเขาก็ได้เจอกับลูกค้าของแม่ที่มาเดินที่ห้างซะก่อน
"อ้าว วนามาซื้อของคนเดียวหรอ?"
"สวัสดีครับ ป้าแก้ว...ผมมากับเพื่อนนะครับ" หญิงวัยกลางคนมองคลื่นอย่างใจดี
"จริงสิวนา ช่วงนี้หนูรับออเดอร์ไหม" วนาที่ได้ยินคำถามก็มองคู่รักวัยสามสิบต้นๆข้างกายป้าแก้ว เขามองเห็นได้ถึงออร่าแห่งความรักและแสงดวงเล็กๆสามดวงที่ริบหรี่ในท้องของผู้หญิงคนนั้น
"รับครับป้าแก้ว"
"ดีเลย งั้นไปคุยเรื่องออเดอร์ที่สตาบัสกันเดี๋ยวป้าเลี้ยงน้ำเอง" หนึ่งคู่รักกับคลื่นสงสัยปนงุนงงเพราะไม่เข้าใจว่าแม่ตัวเองคุยอะไรกัน ป้าแก้วเดินนำหน้าลูกชายกับลูกสะใภ้อย่างร่าเริง ส่วนวนาก็เดินตามหลังโดยมีคลื่นเดินอยู่ข้างๆ
"อยากทำงานใช่ไหมคลื่น" คลื่นพยักหน้าหงึกหงัก
"นายได้สิทธ์นั้นแล้ว" วนาเอ่ยแค่นั้นก็เดินตัวปลิวเข้าร้านสตาบัสโดยที่ทิ้งเพื่อนตัวเองที่ยืนทำหน้างงเพราะไม่เข้าใจในคำตอบนั่น ก่อนที่จะมาเข้าใจทีหลังในตอนที่วนาพูดคุยกับป้าแก้วและคู่รักคู่นั้นถึงออเดอร์เทียนหอมอโรม่า คลื่นมองดูและฟังเพื่อนตัวเองที่ออกแบบพร้อมกับฟังความต้องการเรื่องกลิ่นแบบไหน โทนสีไหน ธีมอะไรและวัสดุที่ต้องการเป็นอะไร จำนวนเท่าไหร่
"ผมขอทวนอีกครั้งหนึ่งนะครับ พี่กับแฟนพี่ต้องการเทียนหอมกลิ่นกุหลาบกับชาเขียว โทนสีชมพูอ่อน ธีมธรรมชาติและวัสดุต้องเป็นของที่มาจากธรรมชาติและย่อยสลายได้จำนวน 200 ชิ้นใช่ไหมครับ"
"ใช่ น้องทำได้แน่นะ" พี่ผู้ชายถามอย่างไม่แน่ใจเพราะเขาเพิ่งรู้มาจากปากของผู้เป็นแม่ว่าเด็กหนุ่มที่อายุไม่ถึงยี่สิบปีตรงหน้าเป็นเจ้าของแบรนด์เทียนหอมอโรม่าที่กำลังดังในหมู่คู่แต่งงานใหม่ เขาเคยได้ยินมาว่าคนที่ใช้เทียนหอมของแบรนด์'WANA' บางคนจะนอนหลับสบายขึ้น บางคนก็อธิษฐานก่อนจุดเทียนว่าขอให้มีลูก บางคนก็อธิษฐานว่าขอให้สมปรารถนาแล้วผลลัพธ์นั้นก็สมหวังกันทุกราย
"ทำได้พี่ ผมได้ลูกจ้างให้มาช่วยได้แล้ว"
"หรอ งั้นพี่ฝากด้วยนะ"
"ได้ครับ อีกหนึ่งอาทิตย์ผมส่งตัวอย่างไปให้ดูนะครับ ถ้าคอนเฟิร์มแล้วพี่ก็จ่ายมัดจำ30% ผมจะได้เร่งทำแล้วส่งให้ครบตามกำหนดเลย"
"ขอบใจนะวนา พี่กับแฟนได้สบายใจซะที"
วนาส่งยิ้มให้กับคู่รักที่กลายเป็นลูกค้าตรงหน้า เขาดูออเดอร์ในสมุดบันทึกก่อนจะหันมามองคลื่นที่นั่งนิ่งไม่ส่งเสียงอะไรตั้งแต่ที่เขาเริ่มพูดเรื่องออเดอร์กับลูกค้า ดวงตาสีน้ำตาลมองว่าที่ลูกจ้างแล้วขำกับรีแอดชั่นที่แสดงออกทางหน้า
"เป็นไงคลื่นทำได้ไหม ถ้าทำไม่ได้บอกนะ ฉันจะได้หาลูกจ้างคนใหม่แทน" สิ้นประโยคนั้นคลื่นก็ได้สติรีบหันไปบอกว่าทำได้
"ทำได้ คลื่นทำได้ วนาอย่าเลิกจ้างสิ"
"ดีมาก พรุ่งนี้เลิกเรียนไปซื้อของกับฉันด้วย อ่อ..ค่าจ้างคิดเป็นรายชั่วโมงนะ ชั่วโมงล่ะ100 บาท ทำได้กี่ชั่วโมงกี่วันก็คิดตามนั่น"
"จริงๆหรอ วนา...แกไม่ขาดทุนใช่ไหมอ่ะ"
"ไม่เอาหรอ งั้น...คิดวันล่ะ 300 บาทดีไหม?"
"..... เอาแบบเดิมดีกว่า" เจ้าตัวพูดก่อนจะเดินอย่างตื่นเต้นดีใจ ทำให้วนาอมยิ้ม
"กลับไปพูดกับที่บ้านด้วยล่ะ เดี๋ยวพวกเขาหาว่าเธอขโมยเงินมาจากไหน"
คลื่นรับปาก ตอนนี้ตัวเขากลายเป็นลูกจ้างคนแรกของวนาแล้วและในอนาคตตัวคลื่นเองก็จะกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์ที่ดังที่สุดและเป็นคนที่ทำให้แบรนด์'WANA' นั่นกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนดัง