จิตติพัฒน์ เด็กหนุ่มที่ปิดกั้นหัวใจจากความรักเพราะบาดแผลในอดีต และเธอ แพรววา เด็กสาวผู้ที่เข้ามาทำให้หัวใจเย็นชาต้องสันไหว
รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ไทย,แฟนตาซี,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
เธอลองเปิดใจอีกครั้งสิ
แล้วเธอจะพบว่า "ความรัก" น่ะ
มันหลายล้อมตัวเธออยู่ตลอดเวลาเลย
แพรววา
กลุ่มจิตติพัฒน์พากันมานั่งกินอาหารฟาสต์ฟู้ดในร้านอาหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑ์ศิลปะกับงานประมูลอัญมณีเผื่อว่า หากมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นพวกเขาจะสามารถเข้าไปช่วยทันท่วงที พงศ์ดนัยเริ่มอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะพวกสุพิศาจเบี่ยงเบนไปคุยเรื่องอื่น ระหว่างที่คนอื่น ๆ พูดคุยกันอยู่มีเพียงจิตติพัฒน์ที่ยังคงนั่งเงียบอยู่ เหตุการณ์ในร้านหนังสือมันค่อนข้างรบกวนจิตใจเด็กหนุ่มพอสมควร
เขามั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาดไปที่นิ้วนางมือขวาของมงคลพัสมีเส้นผูกวิญญาณปรากฏแล้ว แต่มันยังเบาบางจนยังมองเห็นไม่ชัดเจนและคนที่เพื่อนเขาเผลอไปผูกวิญญาณด้วย คงไม่พ้นเด็กสาวที่เข้ามาในร้านหนังสือแน่นอน จู่ ๆ ความวิตกกังวลก่อเกิดขึ้นในใจของจิตติพัฒน์ ภาพความทรงจำในอดีตที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเอง เด็กหนุ่มยอมรับว่าเขากลัวแทนมงคลพัสทั้งที่ความจริง มันไม่ใช่เรื่องของเขาเลยด้วยซ้ำแต่อย่างไรก็ตาม จิตติพัฒน์เลือกที่จะไม่พูดเรื่องที่ตนเห็นเส้นผูกให้ใครฟังแม้แต่กับตัวเพื่อนสนิทของเขาเองด้วย
"อารมณ์ดีขึ้นแล้วใช่ไหม" เสียงของสุพิศาลดึงสติของจิตติพัฒน์กลับมาอีกครั้ง เขาหันไปเห็นพงศ์ดนัยที่กำลังนั่งกินแฮมเบอร์เกอร์แฮมไข่ดาวอย่างเอร็ดอร่อย
"อืม" พงศ์ดนัยขานรับเป็นสัญญาณบอกว่าเขาใจเย็นขึ้นแล้ว
สุพิศาลพยักหน้าและหันมาเห็นว่าจิตติพัฒน์ทำหน้านิ่งแปลก ๆ "นายไม่หิวหรือไงเจต ฉันไม่เห็นนายแตะอาหารบนโต๊ะเลยนะ"
จิตติพัฒน์ก้มมองอาหารบนจาน เด็กหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารมากเท่าไหร่ เรื่องที่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาที่นี่เพื่อจะได้ทำภารกิจเป็นครั้งสุดท้าย ในฐานะยุวชนทหารเสียหน่อยแต่กลายเป็นว่าต้องยกให้คนอื่น จิตติพัฒน์ไม่ได้ต้องการมาเสียเวลาตั้งเจ็ดวันแบบนี้เลย เมื่อลองนึกย้อนกลับไปในเหตุการณ์ที่พงศ์ดนัยกับศรศิลป์จะมีเรื่องกับทีมร้อยเอกจันฮุน
เขาไม่น่าเข้าไปห้ามปรามเพื่อนทั้งสองคนเลยน่าจะปล่อยให้จัดการซะให้เข็ดหลาบ ด้านคชสีห์ก็ได้อาศัยจังหวะที่จิตติพัฒน์มองไปทางอื่น คชสีห์ได้ยื่นมือเข้ามาหวังจะแย่งแฮมเบอเกอร์ของจิตติพัฒน์ ทว่ายังไม่ทันจะเอื้อมถึงจานอาหารฝั่งของจิตติพัฒน์ที่รู้ทัน ก็เอาฝ่ามือตีไปที่มือของคชสีห์ดัง "เพียะ" ทำให้คชสีห์จำต้องชักมือกลับทันที สุพิศาลส่ายหน้าเล็กน้อย
"ถ้ายังไม่อิ่มก็แค่สั่งเพิ่มสิ ไอ้ค้ำ จะแย่งของไอ้เจตมันทำไม" สุพิศาลตำหนิอีกฝ่าย
"อ้าว ก็เห็นมันไม่กินสักทีนี่หว่า เลยนึกว่าไม่อยากกินแล้ว" คชสีห์พูดและเอามืออีกข้างถูกมือที่โดนจิตติพัฒน์ตีไปเมื่อครู่
"ฉันแค่ไม่อยากอาหารไม่ได้แปลว่าไม่หิว และนายไม่ควรทำแบบนี้ด้วยค้ำจุน" จิตติพัฒน์พูด
คชสีห์ยักไหล่ให้ก่อนจะลุกจากเก้าอี้เพื่อไปสั่งอาหารเพิ่ม ผ่านไปสักพักจิตติพัฒน์ตัดสินใจหันมาจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ ฝั่งภานุวัชร์ที่นั่งเงียบอยู่นานจู่ ๆ ก็ถามใส่จิตติพัฒน์ขึ้นมาว่า "เจต ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ"
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองเพื่อนตัวเองด้วยความฉงนใจ "นายจะถามอะไรฉันเหรอ"
ภานุวัชร์หยิบทิชชูออกมาเช็ดคราบซอสที่เปื้อนมือตัวเอง "นายจะไม่ขานรับโซลเมทที่จะกลายเป็นคู่ผูกของนายในอนาคตจริง ๆ เหรอเพื่อน"
คำถามนี้เล่นเอาทั้งกลุ่มพากันเงียบโดยไม่ได้นัดหมาย จิตติพัฒน์นึกแปลกใจที่ทำไมภานุวัชร์ถึงถามเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้มีท่าทางที่จะโกรธหรือไม่พอใจ เพราะเด็กหนุ่มมองว่าทุกคนในกลุ่มมีสิทธิ์ที่จะสงสัยเรื่องนี้ได้ ขณะเดียวกันฝั่งคนที่เพิ่งตั้งคำถามไปก็เริ่มไม่อยากได้คำตอบ เมื่อสังเกตบรรยากาศในกลุ่มที่เปลี่ยนไป
"ทำไมนายถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะ ภาพฟ้า" จิตติพัฒน์ถามเสียงปกติ
"ถ้านายไม่สะดวกใจจะตอบก็ไม่เป็นไรนะเพื่อน" ภานุวัชร์พูด
"ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธนายแต่แค่รู้เหตุผลก่อนตอบคำถาม"
ภานุวัชร์พยักหน้าเข้าใจและเริ่มอธิบายให้เพื่อนเขาฟัง
"ตอนที่นายเล่าให้พวกเราฟังว่าช่วงที่นายหูดับ โซลเมทของนายเหมือนเธออยากรู้จักกับนายมากเลยนะ ไม่ลองเปิดใจหน่อยเหรอเพื่อน"
"สมัยพ่อกับแม่ฉันก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนไม่ใช่เหรอ"
อย่างที่ทุกคนในแก๊งภูเขาไฟรู้กันดีว่าเรื่องของร้อยเอกจตุพักต์ มันกัดกินจิตใจของจิตติพัฒน์อย่างมากแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน มันแสดงให้พวกเขารู้เลยว่าตัวของจิตติพัฒน์ยังคงอยู่ในอดีต และมงคลพัสยังรู้ด้วยว่าพันโทมนต์ธนัทพยายามสืบตามหาปรรณรักอยู่ เรื่องนี้เขาไม่เคยคิดจะบอกจิตติพัฒน์
"ฉันเข้าใจนายนะเพื่อนว่าเรื่องนี้มันทรมานนายมากแค่ไหน แต่มันไม่ได้หมายความว่าเรื่องราวของนายกับเธอคนนั่นจะต้องลงเอยเหมือนพ่อนี่ จริงไหม" รพีธรรมเสริม
จิตติพัฒน์นั่งนิ่งยังไม่พูดอะไรก่อนที่สามนาทีต่อมา พวกเขาก็ได้ยินเสียงโวยวายมาจากฝั่งเคาร์นเตอร์สั่งอาหาร มันเป็นเสียงของคนกำลังทะเลาะกัน และมันเป็นเสียงของคชสีห์
❤️❤️❤️❤️
หลังจากที่จบงานทัศนศึกษาที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะ อาจารย์ได้ปล่อยให้นักเรียนแยกย้ายไปตามอัธยาศัย และให้กลับมารวมตัวกันที่หน้าพิพิธภัณฑ์เพื่อรอขึ้นรถบัสกลับ แต่แพรววากับพิมพ์พรรณและพวกมณีอรทำการแจ้งอาจารย์แล้วว่า โทบี้จะขับรถมารับพวกเธอเองทำให้มีเวลามากกว่าคนอื่น อีกสาเหตุหนึ่งคือแพรววาไม่ต้องการเจอกลุ่มเบลล่า หรือแม้แต่กับเสมอแมนเพราะดูเหมือนว่าหลังจากที่เธอโพร่งประโยคนั้นไป
เสมอแมนพยายามที่จะเข้ามาหาตลอดเวลา รวมทั้งหลังจากที่รู้ว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ชั้นสอง แถมคติยากับยุวดีเผลอไปได้ยินกลุ่มเบลล่านินทากันว่า แพรววาสร้างสถานการณ์เพื่อให้เสมอแมนหันมาสนใจ มันช่างเป็นคำพูดและความคิดที่ระคายสมองของเด็กสาวไม่น้อย แพรววาเล่าเรื่องนี้ให้พิมพ์พรรณฟังจึงพากันแก้ปัญหาด้วยการโทรตามโทบี้ให้มารับ ซึ่งแพรววาส่งข้อความบอกกับพศพัชร์ไว้แล้ว ทันทีที่แจ้งกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วทั้งหมดพากันเดินแยกตัวมายังศูนย์ร้านอาหารในทันที นาถชญาก็เดินบ่นตลอดทางว่าหิวมากแค่ไหน
"เลิกบ่นได้แล้วยัยน้ำชา ถึงร้านอาหารแล้วอยากกินอะไรไปสั่งเลย" คติยาหันมาพูดใส่นาถชญาที่อยู่ข้าง ๆ
ต้องยอมรับว่าสำหรับนาถชญาแล้วเรื่องกินคือเรื่องใหญ่ นาถชญาตัดสินใจฝากกระเป๋าเรียนไว้กับหยาดรุ้ง แล้วก็รีบเดินไปที่เคาร์นเตอร์ในขณะเดียวกันกลุ่มแพรววาก็พากันมาจองที่นั่งเพื่อรอนาถชญากลับมา
"เอาน่า ก็ข้าวกล่องของทางโรงเรียนมันไม่อยู่ท้องน้ำชานี่นะ" มณีอรว่า
"ใช่ แถมรสชาติยังเหมือนพวกตัวทากอีกต่างหาก" อนัญลักษณ์เสริม
"แต่พี่น้ำชากินเก่งจังเลยนะคะ คงใช้พลังงานเยอะมากแน่ ๆ" ลวิตตานั่งอยู่ข้างขวาของมณีอรพูดขึ้น
"ลูกปัด ฟังพี่ไว้นะ" คติยาพูดและมองไปที่นาถชญา "ยัยนั่นน่ะบ้าพลัง ลูกปัดอย่าไปเลียนแบบเชียวล่ะ"
มณีอรตีมือคติยาเบา ๆ เชิงตำหนิ
"อะไรของเธอเล่า ยัยมั่นฉาย"
"ไม่ดีเลยนะยัยครีม ไปว่ายัยน้ำชาลับหลังแบบนี้ได้ไง"
คติยากำลังจะโต้เถียงแต่เสียงคนทะเลาะกันกลับดังขึ้นเสียก่อน แถมยังเป็นเสียงของนาถชญาที่เหมือนกำลังเถียงกับใครอยู่ มณีอรหันมาบอกให้ลวิตตานั่งอยู่ตรงนี้แล้วก็ตามกลุ่มแพรววามา จึงได้เห็นว่านาถชญากำลังเถียงกับเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกัน กลุ่มแพรววาที่วิ่งมาถึงก็แทบจะเป็นลมอยู่ตรงนั้นเพราะคนที่นาถชญากำลังมีเรื่องด้วย คือยุวชนทหารฟรอนเทียร์และเมื่ออนัญลักษณ์ก้มมองพื้น
มีถาดอาหารตกกระจายพื้นเต็มไปหมดทำให้เข้าใจเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนที่พวกเธอจะมาถึง หยาดรุ้งกับมณีอรช่วยกันจับนาถชญาแยกออกมา ไม่นานกลุ่มเพื่อนยุวชนทหารก็ตามมาสมทบและหนึ่งในนั้นคือยุวชนทหารที่ช่วยแพรววาเอาไว้ เพื่อนฝั่งยุวชนทหารที่มีเรื่องกับนาถชญาต่างเข้ามาห้ามปรามไม่ให้ใช้อารมณ์
"เฮ้ย ไอ้ค้ำจุน นายทำบ้าอะไรทำไมไปมีเรื่องกับผู้หญิงได้ละ" หนึ่งในกลุ่มถามเสียงเครียด
"ก็ยัยนั่นนะสิ ! มาจากไหนไม่รู้มาเดินชนฉันจนอาหารฉันตกพื้นหมดเลย"
ด้านนาถชญาก็ไม่ยอมจึงพูดสวนกลับใส่ว่า
"ฉันผิดที่ชนนายและฉันตั้งใจจะขอโทษอยู่แล้ว แต่นิสัยชอบโวยวายหาเรื่องกันแบบนี้ไม่อยากขอโทษแล้ว" ยุวชนทหารคนนั้นชะงักไปเล็กน้อยแล้วสักพักยุวชนทหารคนหนึ่ง เหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ปรากฏตัวออกมา
"พอได้แล้ว แค่อาหารตกพื้นนายถึงกับต้องหาเรื่องผู้หญิงเลยเหรอ"
เมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปยุวชนทหารคนนั้นก็หันมาทางกลุ่มแพรววา มณีอรเห็นป้ายชื่อเขียนว่า "สุพิศาล" ซึ่งยุวชนทหารคนดังกล่าวพูดแค่เพียงว่า "ผมต้องขอโทษแทนเพื่อนด้วยนะครับ อย่าถือสามันเลยนะครับ"
พูดจบเขาก็โค้งก้มหัวขอโทษทำเอาเหล่าเด็กสาวทำตัวไม่ถูก ในจังหวะนั้นอนัญลักษณ์ก็หันไปเห็นยุวชนทหารอีกคนกำลังลากเพื่อนไปที่เคาร์นเตอร์ "แค่ไอ้ศิลป์กับไอ้พลับพอแล้วมั่ง ตำแหน่งหางานนะนายไม่ต้องแตะมันเลยนะ"
เธอชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่ายแต่ก็กลับมาโฟกัสปัจจุบัน หลังจากที่ฝ่ายยุวชนทหารขอโทษแล้วพวกแพรววาต่างก็พากันกลับมาที่โต๊ะตามเดิม นาถชญายังอารมณ์เสียไม่หายแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไรมาก เพราะภายหลังมณีอรกับอนัญลักษณ์ช่วยกันขนอาหารมาให้เอง อนัญลักษณ์หันมาเห็นยุวชนทหารที่เคยช่วยแพรววาในพิพิธภัณฑ์อยู่กลุ่มนี้ด้วย
"คนนั่นนะเหรอที่ช่วยยัยแพรวไว้ หล่อน่ารักดีนะ" หยาดรุ้งพูด
"เดี๋ยวเถอะ ยัยรุ้ง" ยุวดีหันมาตำหนิ "ยัยน้ำชาพึ่งไปมีเรื่องกับเขามานะ ยังจะไปแหล่มองอีก"
"เห็นเพื่อนเรียกเขาว่า เจต คงจะเป็นชื่อเล่นเขาละมั่ง" มณีอรว่า
"แต่เมื่อกี้นี้ฉันเห็นนะว่าเขาแอบมองยัยแพรวอยู่ สงสัยจะสนใจเธอแล้วมั่ง"
จู่ ๆ แพรววาก็เงียบไปทำให้ทั้งกลุ่มพากันหันมามอง แพรววากำลังจัดการกับอาหารบนจานของตัวเองอยู่ คติยาจึงสะกิดตัวเธอและเมื่อเห็นสีหน้าฉงนบนหน้าเด็กสาวแล้ว ทำให้ทุกคนลงความเห็นว่าแพรววากำลังหูดับอีกแล้ว สุดท้ายทุกคนจึงใช้วิธีด้วยการใช้ข้อความแชทในการพูดคุยกัน ทุกอย่างเหมือนจะปกติจนกระทั่ง...
บึ้ม !
เสียงระเบิดดังขึ้นไม่ไกลจากร้านอาหารมากนัก แม้แพรววาจะไม่ได้ยินเสียงแต่เธอดูสีหน้าของเพื่อน ๆ จึงดูออกว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นและไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่เข้ามาในร้านพร้อมสั่งให้มีการอพยพ สาว ๆ ต่างพากันเก็บกระเป๋าเรียนและเดินออกจากร้านไปยังที่ที่ปลอดภัย เมื่อพวกเธอเดินออกมาก็ต้องเบิกตาโตด้วยความตกใจ ภาพเบื้องหน้าคือกลุ่มควันสีดำที่พวยพุ่งขึ้นฟ้าในระดับที่สูงมาก นี่เป็นครั้งแรกของแพรววาที่ได้เห็นอะไรแบบนี้ในระยะเผาขน
แต่แล้วความสนใจของแพรววาก็เปลี่ยนไปเมื่อมีเสียงหนึ่ง ดังเข้ามาในโสตประสาทรับเสียงทั้งที่ตอนนี้เธอแทบไม่ได้ยินเสียงรอบข้างเลย นอกจากเสียงของใครสักคนที่ไม่ต้องคาดเดาให้เสียเวลา คนเดียวที่เธอจะได้ยินเสียงคือโซลเมทเท่านั้น และบางอย่างบอกกับเด็กสาวว่าโซลเมทคนนั้นอยู่ที่นี่ใกล้ ๆ กับเธอ
[รีบไปช่วยผู้กองฟรีโกชินกับหมวดปฏิญญา เร็วเข้า ! ]
❤️❤️❤️❤️