จิตติพัฒน์ เด็กหนุ่มที่ปิดกั้นหัวใจจากความรักเพราะบาดแผลในอดีต และเธอ แพรววา เด็กสาวผู้ที่เข้ามาทำให้หัวใจเย็นชาต้องสันไหว
รัก,แฟนตาซี,วัยว้าวุ่น,ไทย,แฟนตาซี,รักวัยรุ่น,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ขนาดพ่อกับแม่ที่เป็นคู่ผูกวิญญาณ
ผูกพันด้วยพันธะสัญญามากมายแต่ก็ยังกล้าทรยศกันได้
แล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องราวของฉัน มันจะไม่มีวันซ้ำรอยเหมือนพ่อ
จิตติพัฒน์
หลังจากที่ฝนหยุดตกแล้วจิตติพัฒน์ก็ตามมาสมทบกับกลุ่มมงคลพัส พวกเขากินอาหารยังไม่ทันจะอิ่มปรากฏว่าร้อยโทปฏิญญาส่งข้อความ ให้พวกเขามารวมพลกันที่โรงพยาบาลชื่อ "อรามิตา" เป็นโรงพยาบาลของรัฐ ที่รับรักษาทั้งชาวฟรอนเทียร์และพลเรือนซึ่งอยู่ที่เมืองราฟของเขต A-03 เนื่องจากทีมของร้อยเอกจันฮุนรักษาตัวกันที่นี่และจะมีผลสรุปของการทำภารกิจด้วย ได้ยินแบบนั้นก็ทำให้แก๊งภูเขาไฟต้องพากันกลับไปที่โรงแรมเพื่อเปลี่ยนมาสวมใส่เครื่องแบบยุวชนทหาร และรีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลดังกล่าวด้วยรถของกองทัพที่จัดเตรียมไว้ ภานุวัชร์ได้ทำการค้นประวัติของโรงพยาบาลอรามิตาไปพลาง ๆ
ซึ่งข้อมูลที่ได้มามันเป็นโรงพยาบาลที่ถูกก่อตั้งโดย อรามิตา มิลเลอร์ ภรรยาของ พลตรีไมค์ คูลิน่า ปัจจุบันเธอเสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารโดยผู้มีอิทธิพล และเพื่อไม่ให้การเสียสละของภรรยาต้องสูญเปล่าด้านพลตรีไมค์ก็รักษาโรงพยาบาลแห่งนี้เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ผู้เข้ามาบริหารเป็นน้องชายของอรามิตา เจฟฟี่ มิลเลอร์
ทั้งหมดก็มาถึงตัวโรงพยาบาลที่ตอนนี้ได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้ทันสมัยยิ่งขึ้น ทั้งหมดพากันตะลึงเกือบจะอ้าปากค้างในความโออ่าของอาคารโรงพยาบาล เนื่องจากในอดีตที่แห่งนี้ถูกโจมตีโดยกลุ่มไม่หวังดีบ่อยครั้ง ทำให้กาลเวลาต่อมามันจึงถูกห่อหุ้มด้วยเหล็กจากแร่ไวเบรเนี่ยมที่สกัดมาจากอุกกาบาต ป้องกันทั้งกระสุนและแรงระเบิดอย่างดีแถมยังมีการลงอาคมเอาไว้เผื่อผู้ก่อเหตุจะเป็นจอมเวท และกระจกตามอาคารต่าง ๆ ก็ล้วนเป็นกระจกกันกระสุนอย่างดี นอกด้านว่าอลังการแล้วด้านในไม่ต้องพูดถึงมีระบบรักษาความปลอดภัยหนาแน่น
หน่วยรักษาความปลอดภัยก็คือเหล่านักรบจากกองทัพฟรอนเทียร์ที่ได้รับการฝึกมาดี ตรงทางเข้าบนผนังของอาคารมีภาพถ่ายของอรามิตา มิลเลอร์ติดเอาไว้ จิตติพัฒน์ยอมรับว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งามทั้งภายนอกและภายใน เธออาจจะไม่ได้มีผิวสีขาวนวลออกจะแทนน้ำผึ้งอ่อน ๆ ผมยาวสีน้ำตาลโค้กผูกผมหางม้า และสวมชุดหมอสีขาวเหมือนหมอคนอื่น ๆ ที่กำลังเดินไปมาภายในอาคาร
"ไอ้ภาพ หมวดเขานัดไว้ที่ไหน" สุพิศาลหันมาถาม
"ขอเวลาสักครู่" ภานุวัชรนำข้อความที่ร้อยโทปฏิญญาส่งมา "มันอยู่ชั้นสี่หมายเลขห้องสามสองแปด"
"งั้นอย่ามัวเสียเวลาเลย ไปกันดีกว่า" พงศ์ดนัยพูดและเดินนำก่อนใครเพื่อน
บุญทรัพย์มองตามหลังแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย
"หมอนี้จะใจร้อนไปถึงไหนนะ"
ทั้งกลุ่มตัดสินใจใช้บันไดเลื่อนแทนที่จะเป็นลิฟท์ทำให้มาถึงที่หมายได้รวดเร็ว และพวกเขาก็มาถึงหน้าห้องสามสองแปดซึ่งสุพิศาลทำการเคาะประตูสามครั้งพร้อมเสียงขานรับว่า "เข้ามา" สุพิศาลเป็นคนเปิดประตูเข้าไปคนแรกตามด้วยคนอื่น ๆ ดูเหมือนว่าห้องนี้จะมีขนาดกว้างมากพอให้มีเตียงนอนถึงสามเตียง ซึ่งภายในห้องก็จะมีทั้งร้อยโทปฏิญญา ร้อยเอกฟรีโกชินกับลูกทีมที่ติดตามมาด้วยสองคน และร้อยเอกจันฮุนกับลูกทีมที่ไม่ได้รับบาดเจ็บกำลังนั่งข้างเตียงเพื่อนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
มีเพียงหนึ่งคนที่ได้สติแต่ก็ยังอาการไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ พงศ์ดนัยกับศรศิลป์ยอมรับว่าช่วงแรก ๆ ทั้งสองรู้สึกหมั่นไส้กลุ่มร้อยเอกจันฮุน ทว่าพอมาเห็นสภาพของทหารสามคนที่นอนเจ็บอยู่ ก็ทำให้ทั้งคู่รู้สึกเห็นใจเหมือนกันในฐานะที่เป็นทหาร แก๊งภูเขาไฟทำความเคารพต่อทหารยศสูงทั้งสามซึ่งร้อยโทปฏิญญาพูดว่า "ตามสบายทุกคน"
"พวกเขาเป็นยังไงบ้างครับ" พงศ์ดนัยถามร้อยเอกจันฮุน สร้างความประหลาดใจให้กับร้อยเอกจันฮุนพอสมควรเพราะก่อนหน้านี้ยุวชนหทารตรงหน้า แสดงออกชัดเจนว่าไม่ค่อยเป็นมิตรกับตน
"สาหัสพอสมควรเลย อีกสองคนที่ยังไม่ได้สติเพราะรับแรงระเบิดมากที่สุด" ร้อยเอกจันฮุนบอก
"ผมเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับคนของผู้กองครับ" พงศ์ดนัยกล่าวซึ่งน้ำเสียงของเด็กหนุ่ม เหล่าทหารของแสนปุระรับรู้ได้ถึงความจริงใจ
"ว่าแต่ที่เรียกพวกผมมา มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ" สุพิศาลพูดเข้าประเด็นทันที
ทหารยศนายร้อยทั้งสามต่างหันมามองหน้ากันและกำลังจะเริ่มเข้าเรื่อง แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ของมงคลพัสกลับดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มจำต้องออกไปด้านนอก เพื่อที่จะรับสายจากปรรณรักแม่ของเขาซึ่งคิดว่าน่าจะโทรมาเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเขาไม่ได้ติดต่อหาปรรณรักเพราะมัวแต่คอยช่วยเจ้าหน้าที่เคลียร์พื้นที่ในตอนนั้น ทันทีที่มงคลรับสายน้ำเสียงอันโล่งใจของปรรณรักก็ดังขึ้น บ่งบอกว่าเธอกังวลต่อความปลอดภัยของลูกชายมากแค่ไหน
เล่นเอามงคลพัสรู้สึกผิดที่ดันลืมโทรบอกแม่ว่าเขาปลอดภัยดี สองแม่ลูกพูดคุยกันอยู่สองชั่วโมงกว่าจะวางสายซึ่งพอดีกับที่ห้องคนป่วยที่อยู่ไม่ไกลมากนักเปิดออก พร้อมกับมีสองคนเดินออกมาและตรงจังหวะที่มงคลพัสหมุนตัวจะกลับไปสมทบกับคนอื่น แต่แล้วเด็กหนุ่มก็ต้องชะงักนิ่งไปเมื่อพบว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับเด็กสาวเจ้าของชื่อ พิมพ์พรรณ อีกครั้งและนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว มงคลพัสตกใจมากไม่คิดว่าจะได้เจอกับเธอคนนี้อีก เช่นเดียวกันกับพิมพ์พรรณที่ดูแปลกใจมากไม่ต่างจากมงคลพัส ทว่าที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือพิมพ์พรรณไม่ได้อยู่คนเดียวและคนที่อยู่ด้วย ก็คือเด็กสาวที่จิตติพัฒน์เคยช่วยไว้ในพิพิธภัณฑ์ และเธอคือโซลเมทของเขาอีกด้วย
[ให้ตายสิ นี้มันบุพเพอาละวาดชัด ๆ] มงคลพัสคิด
"สวัสดี" พิมพ์พรรณทักทายอย่างเป็นมิตร
"ครับ สะ สะ สวัสดีครับ" มงคลพัสขานรับ
"มีคนรู้จักรักษาตัวอยู่ที่นี่เหรอ" พิมพ์พรรณถาม ท่าทางของพิมพ์พรรณสร้างความฉงนใจให้กับแพรววาที่อยู่ด้วยมาก
ด้านมงคลพัสที่เริ่มมีอาการน้ำท่วมปากก็ทำได้แค่พยักหน้าตอบ จนกระทั่งเสียงประตูดังขึ้นและศรศิลป์เดินออกมาเรียกให้มงคลพัสกลับเข้ามาได้แล้ว ทำให้มงคลพัสจำต้องขอตัวและวิ่งกลับหายเข้าไปในห้องนั้น แพรววาที่หันมามองพี่สาวก็ถึงกับต้องเลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นพิมพ์พรรณยิ้มและหัวเราะด้วย มันดูคล้ายอาการเดียวกับพจนวีร์ที่ทำกับพศพัชร์ แพรววารีบสลัดไล่ความคิดแบบนั้นออกไปและพอดีกับที่พิมพ์พรรณเรียกให้เธอตามไปที่ลิฟท์ ใจหนึ่งแพรววาก็ไม่อยากจะจับผิดแต่มันก็อดไม่ได้ที่จะสังเกตว่า
หลังจากที่เจอกับเด็กหนุ่มเมื่อครู่แพรววารับรู้ได้ว่าพี่สาวของเธออารมณ์ดีกว่าที่เคยเห็น และพอประตูลิฟท์เปิดออกสองพี่น้องก็พากันเดินเข้าไปด้านในซึ่งไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเธอ พิมพ์พรรณสังเกตเห็นท่าทางของแพรววาผ่านกระจกหลังลิฟท์
"ยัยแพรว พี่เคยบอกแล้วนี่ว่าถ้าสงสัยอะไรให้ถาม" พิมพ์พรรณว่า
แพรววาสะดุ้งโขยงเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะโดนทักขนาดนี้ เธอหันมายิ้มเหย ๆ ให้กับพิมพ์พรรณเล็กน้อย
"โธ่พี่พิม มันเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่นี่" แพรววาบอก "ใครมันจะไปกล้าถามกันเล่า"
พิมพ์พรรณถอนหายใจเล็กน้อย "สำหรับพ่อพี่นะใช่มันคือเรื่องส่วนตัวของพี่" ประตูลิฟท์เปิดออกแล้วสองพี่น้องก็เดินออกมา เพื่อจะไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหาของกิน
ด้านพิมพ์พรรณก็หันมาทางแพรววา "แต่ไม่ใช่กับเธอสักหน่อยจริงไหม ในเมื่อเธอกล้าเล่าความลับของตัวเองให้พี่ฟังได้ ทำไมพี่ต้องหวงความลับของพี่ด้วยล่ะ"
แพรววาเงียบไปครู่หนึ่งสิ่งที่พิมพ์พรรณพูดมันก็ไม่ผิดเสียทีเดียว หลังจากที่พ่อแสดงความขี้กังวลและความหวงเหมือนไข่ในหินมากเกินไป มันทำให้เด็กสาวไม่กล้าที่จะบอกอะไรกับพ่ออีกเลย ดีหน่อยที่ยังมีพิมพ์พรรณที่เป็นเสมือนพื้นที่ปลอดภัยที่เธอไว้ใจมาก โดยหนึ่งในนั้นคือเรื่องที่เธอมีอาการหูดับแน่นอนว่าหากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของพศพัชร์ละก็ แพรววาไม่อยากนึกภาพสีหน้าของพ่อในตอนนั้นเลยดังนั้นเด็กสาวจึงตัดสินใจบอกพิมพ์พรรณเป็นคนแรก
ซึ่งพิมพ์พรรณที่รู้ก็ตกใจพอสมควรและยินดีที่จะเก็บไว้เป็นความลับ เนื่องจากพิมพ์พรรณเข้าใจดีว่าการมีพ่อขี้หวงมากเกินไปมันรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหน เพราะพงศ์กิตติ์พ่อของพิมพ์พรรณก็หวงลูกสาวไม่แพ้พศพัชร์เลย สองสาวจึงคิดว่าสมแล้วที่พ่อของทั้งสองเป็นพี่น้องกันจริง ๆ และด้วยความที่มีพ่อขี้หวงทำให้พิมพ์พรรณเองก็มีความลับบางอย่างกับพ่อเช่นกัน แล้วคนแรกที่รู้เรื่องนี้ก็คงไม่พ้นแพรววาเพราะพิมพ์พรรณอยากให้น้องสาวเชื่อใจเธอว่าจะไม่เอาความลับไปบอกอา
และความลับที่ว่านั้นก็คือพิมพ์พรรณก็เจอสัญญาณของโซลเมทเหมือนกัน เพียงแต่ของพิมพ์พรรณจะไม่เหมือนกับของแพรววาตรงที่เธอเห็นผ่านความฝัน และในฝันโซลเมทของเธอจะมีตราสัญลักษณ์อยู่หลังมือ มันคือตราลักษณะเหมือนนกฟีนิกซ์สยายปีกกำลังบิน พิมพ์พรรณเลยแอบไปหาคนรู้จักที่มีพลังในการอ่านคำทำนายผ่านแผ่นเม็ดทราย
และมันบอกกับพิมพ์พรรณว่าโซลเมทที่เธอเห็นผ่านความฝันนั้น เป็นชาวฟรอนเทียร์และสัญลักษณ์ที่ปรากฏบนหลังมือของโซลเมทกับมือของพิมพ์พรรณ มีแค่เธอกับเขาคนนั้นแค่สองคนที่จะมองเห็นกัน พอนึกถึงเหตุการณ์ที่พิมพ์พรรณเล่าความลับเรื่องนี้ก็ทำให้เด็กสาวหยุดเดินทันที ทำเอาคนที่เผลอเดินนำหน้าต้องหันมามองว่าเป็นอะไรหรือเปล่า ส่วนแพรววาที่กำลังปะติดปะต่ออะไรบางอย่างอยู่สามนาที สีหน้าของแพรววาได้บอกกับพิมพ์พรรณว่าอีกฝ่ายเจอคำตอบของคำถามแล้ว
"พี่พิม... อย่าบอกหนูนะว่า" แพรววาเกิดอาการพูดไม่ออกเล็กน้อย "เด็กคนนั่น... คือโซลเมทของพี่"
คำตอบที่พิมพ์พรรณคือรอยยิ้มที่มุมปากทำเอาแพรววาวิ่งมาประชิดตัวพี่สาวทันที
"พี่รู้ได้ยังไงว่าเป็นเขาล่ะ พี่เห็นสัญลักษณ์บนมือเขาเหรอ" แพรววาถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเพราะแม้เธอจะได้ยินเสียงของโซลเมทก็จริงแต่ก็ยังไม่ได้เจอตัวจริง
"ตอนไปทัศนศึกษา" พิมพ์พรรณอธิบาย "จังหวะที่เขาทำแว่นตกแล้วพี่เก็บให้เขา พอดีพี่เห็นสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์บนหลังมือเขาและมันเรืองแสงสีทองให้ แล้วสัญลักษณ์นกฟีนิกซ์บนหลังมือของพี่ก็เรืองแสงตอบน่ะ"
"พี่เลยมั่นใจว่าเป็นเขาสินะ แล้วพี่จะทำยังไงต่อละ" แพรววาถาม
สีหน้าที่ยิ้มแย้มของพิมพ์พรรณก็หายไปในทันที เมื่อเธอเผลอนึกถึงพงศ์กิตติ์ผู้เป็นพ่อขึ้นมาทันที พิมพ์พรรณมั่นใจว่าหากพ่อรู้เรื่องนี้คงต้องทำทุกวิถีทางที่จะไม่ให้เธอกับโซลเมทเจอกันแน่นอน บางครั้งพิมพ์พรรณก็อดสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมทั้งพ่อของเธอกับพ่อของแพรววา ถึงทำแบบนี้ด้วย ด้านแพรววาที่เห็นสีหน้าของพิมพ์พรรณก็ไม่รู้จะปลอบโยนพี่สาวอย่างไรดี นอกจากจับมือของพิมพ์พรรณไว้เท่านั้น
❤️❤️❤️❤️