แอคชั่น,แฟนตาซี,ผจญภัย,ไซไฟ,อาชญากรรม,แอคชั่น,พลังพิเศษ,หน่วยรบพิเศษ,ทหาร,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
ถ้าคิดจะโค่นต้นไม้ที่ทั้งสูงและแข็งแรงได้
นายต้องจัดการที่รากเสียก่อนเพราะนั้นคือจุดอ่อนของมัน
ยิ่งมันสูงใหญ่แค่ไหนรากของมันก็จะยิ่งอ่อนแอมากเท่านั้น และง่ายต่อการโค่น
นี่แหละที่มาของคำว่า "ถอนรากถอนโค่น"
สารวัตรชาญฉลาด
ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลเดินตามร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอ ออกจากสำนักงานมายังร้านอาหารบะหมี่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสำนักงานตำราจเท่าไหร่ ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลเงยหน้ามองป้ายร้านซึ่งมันเขียนว่า "ร้านบะหมี่ทอง ขอต้อนรับลูกค้าทุกท่าน" ใครมันช่างคิดตั้งชื่อร้านกัน ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจหลังจากที่เดินเข้ามาในร้านแล้ว ร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอก็หันมาบอกให้ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหล ไปจองที่นั่งไว้แล้วตนจะไปสั่งอาหารมากิน พูดจบก็เดินตรงไปยังเคาร์เตอร์เพื่อสั่งอาหาร ระหว่างที่นั่งรอความสงสัยและคำถามมากมาย ผุดขึ้นมาในใจของเขาจนแทบนับไม่ทัน ถึงกระนั้นเขาก็มักระแวงระวังภัยอยู่เสมอเนื่องจากช่วงที่ผ่านมา มีตำรวจมือปราบถูกสังหารไปหลายนายแล้วนั้นเอง
ทันใดนั้นประตูร้านก็เปิดออกพร้อมการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง และเมื่อหมวดหลี่เอินไหลเห็นชายคนนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพทันที มันก็เพราะชายที่เข้ามาในร้านคือ พลตำรวจโทชาญฉลาด หรือ สารวัตรชาญฉลาด ซึ่งอีกฝ่ายแค่พยักหน้ารับและเชิญให้นั่งตามสบาย แถมยังมานั่งร่วมโต๊ะกับร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลด้วย โอ้ นับเป็นเกียรติของตำรวจบ้านนอกอย่างเขาจริง ๆ ไม่นานร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอเดินมาก็นั่งข้างเขา พร้อมบอกว่าอีก 10 นาทีอาหารถึงจะมาส่ง ก่อนจะหันมาก้มศีรษะให้สารวัตรชาญฉลาดเล็กน้อย ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลแทบไม่อยากเชื่อในสายตาว่า เพื่อนสนิทของตนจะรู้จักกับอีกฝ่ายด้วย
เท่าที่เขารู้มาคร่าว ๆ ว่าสารวัตรชาญฉลาดเป็นมือดีของกรมปราบปรามอาชญากรรม และมีดีกรีที่จะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อจาก พลตำรวจเอกรูฟิโน่ อามารัล ที่กำลังจะเกษียณในปีหน้า แต่ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าคือหมวดหลี่เอินไหลไม่คิดว่าคนที่อยากพบเขา จะเป็นคนระดับสารวัตรชาญฉลาดคนนี้ นึกแล้วก็อยากหยิบแก้มตัวเองให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝันไป ครู่ต่อมาอาหารก็ถูกเสิร์ฟมาที่โต๊ะซึ่งบะหมี่ที่ได้ เป็นบะหมี่เหลืองเส้นหนานุ่มพร้อมกลิ่นน้ำซุป โชยเข้าจมูกมาอย่างยั่วยวนเชิฐชวนให้รับประทานอาหารเหลือเกิน
"คนนี้นะเหรอเพื่อนนายที่เล่าให้ฟังนะ" สารวัตรชาญฉลาดหันมาถามร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอ
"ใช่ครับ เขาชื่อ หลี่เอินไหล ไว้ใจเขาได้ครับ ผมรับรอง" ร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอตอบอย่างหนักแน่น แต่ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
"เดี๋ยวก่อน ! นี่มันเรื่องอะไรกันฮันซอ ฉันงงไปหมดแล้ว" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลถาม อันที่จริงเขาสงสัยตั้งแต่ตอนที่เพื่อนเขาโทรมาโดยไม่โชว์เบอร์แล้ว
สารวัตรชาญฉลาดเลือกที่จะไม่ตอบและยื่นเอกสารลงบนโต๊ะ ซึ่งร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลหันมาเห็นว่าเจ้าของร้านเดินไปพลิกป้ายที่แขวนบนประตูว่า "ปิด" ทั้งที่ในร้านยังมีลูกค้านั่งกินอยู่ ด้านร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอก็กล่าวกับเขาว่าไม่ต้องกังวล และขอให้เขาดูเอกสารนี้ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลนั่งครุ่นคิดครู่หนึ่งและก้มมองเอกสารตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจเปิดอ่านแฟ้มนั้นดูแค่เปิดหน้าแรกมา
ดวงตาของตำรวจหนุ่มก็ถึงกับเบิกตาโตเลยทีเดียว และพอเปิดอ่านไปเรื่อย ๆ แม้จะเป็นการอ่านแบบผ่าน ๆ แต่มันก็ทำให้ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลรู้ว่า แฟ้มเอกสารนี้คือข้อมูลที่เกี่ยวกับแก๊งอาชญากรนามว่า แก๊งขวานซิ่ง ซึ่งอยู่ในรายชื่ออันดับต้น ๆ ของบัญชีดำในกรมปราบปราม แถมยังมีอิทธิพลในเขตที่ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลอยู่เสียด้วย
ผู้ก่อตั้งแก๊งขวานซิ่งคือ สวี่จินหยวน อดีตเป็นผู้อพยพมาจากเมืองฝอซาน ประเทศชิน จากเด็กขัดรองเท้ากลายมาเป็นมาเฟียทรงอิทธิพลคนหนึ่ง และถูกขึ้นบัญชีดำหลังจากที่ได้ลงมือสังหาร พลโทแมทธิว แอดดิงตัน บุคคลสำคัญของกองทัพบก แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีใครสามารถทำอะไรกับแก๊งขวานซิ่งได้ เนื่องจากมีแบ็คกราวเป็นผู้มีอำนาจในรัฐสภาของฟรอนร์เทียร์
ซึ่งยังไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครจนกระทั่งตอนนี้ มีการเรียกร้องให้มีการสืบสวนเบื้องหน้าเบื้องหลังมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน และจากเนื้อหาในแฟ้มเอกสารนี้ดูเหมือนว่ามีการสืบเสาะหาเบาะแสมาช้านานแล้ว ราวกับภารกิจการสืบคดีนี้เป็นภารกิจลับไม่อาจแพร่งพรายได้ แปลอีกนัยคืออาจมีไส้ศึกแฝงตัวอยู่
สวี่จินหยวนมีทายาททั้งหมดห้าคนเป็นชายสี่คนโต ได้แก่ สวี่ฮั่ว ลูกคนโตที่ปัจจุบันได้ขึ้นมาคุมแก๊งขวานซิ่งต่อจากพ่อ สวี่หลงชี ลูกชายคนที่สองทำหน้าที่เป็นรองหัวหน้า โดยมี สวี่เทียน และ สวี่จั่ว น้องชายทั้งสองทำหน้าที่เป็นมือซ้ายกับมือขวา หลังจากนั้นสวี่ฮั่วก็ใช้เวลาเพียงเก้าวันก็ทำให้แก๊งขวานซิ่งมีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองเมตน์
ส่วนลูกสาวคนเล็กของสวี่จินหยวนมีชื่อว่า สวี่ชิงหยู่ ที่เรียกได้ว่ามีนิสัยแตกต่างจากพี่ชายทั้งสามและพ่อชนิดฟ้ากับเหวขุมนรก อาจเพราะเธอมีเลือดดีอันได้มาจาก เฉินหย่า ผู้เป็นแม่ ทว่าด้วยความที่เกิดมาเป็นสตรีจึงถูกมองว่าไร้ประโยชน์สำหรับแก๊ง สวี่จินหยวนต้องการให้สวี่ชิงหยู่หมั้นหมายกับ เย่ซื่อตง ว่าที่ผู้นำแก๊งมังกรฉลามเพื่อยุติความขัดแย้ง เหตุการณ์นั้นสวี่ชิงหยู่พึ่งจะอายุแค่เพียงสิบหกปีเท่านั้น
เธอไม่ต้องการที่จะเป็นเครื่องมือของพ่อ จึงได้หลบหนีระหว่างเดินทางไปดูตัว และหายตัวเข้าไปในกลีบเมฆจนถึงปัจจุบัน ซึ่งพวกแก๊งขวานซิ่งก็พลิกแผ่นดินตามหาวุ่นวายไปทั่ว ก็ไม่อาจหาเธอพบได้ทำให้ความขัดแย้งของสองแก๊งยังคงอยู่ หมวดหลี่เอินไหลหันมาดูภาพถ่ายของสวี่ชิงหยู่ ในภาพถ่ายยังเป็นสมัยที่เธอยังเป็นนักเรียนอยู่
สวี่ชิงหยู่ไว้ผมยาวผูกหางม้ามีผิวขาวเหลือง ใต้ภาพยังเขียนกำกับไว้ว่า "พยานคุ้มครอง" หมวดหลี่เอินไหลจึงเงยหน้ามองหมวดปาร์กฮันซอ โดยอีกฝ่ายอธิบายว่าสวี่ชิงหยู่เดินทางข้ามครึ่งประเทศมาที่เมืองหลวง เพื่อมาขอการคุ้มครองจากกรมตำรวจ ซึ่งปัจจุบันเธอได้รับการคุ้มครองอย่างดี และเรื่องสถานะของเธอไม่มีใครรู้
ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลพยักหน้าเข้าใจและพลิกเอกสารไปอีกหน้า เป็นภาพชายวัยฉกรรจ์มีรอยแผลบากบนหน้า ซึ่งหมวดหลี่เอินไหลยังจำได้ดีว่านี่คือ สวี่หมิงล่าง ลูกนอกสมรสของสวี่จินหยวนกับ หลี่ชูหรัน ญาติห่าง ๆ ของเฉินหย่า หลังจากที่สวี่หมิงล่างเกิดมาไม่กี่เดือนหลี่ซูหรันผู้เป็นแม่ พยายามที่จะหอบลูกชายหนีแต่ไม่สำเร็จจึงถูกสวี่จินหยวนฆ่าตาย ในปัจจุบันสวี่หมิงล่างขึ้นมามีอำนาจมากที่สุดในเมืองโฮรุก จากการไปยึดอำนาจของมาเฟียตระกูลการาเยฟ และก็เป็นไอ้หน้าบากนี้เช่นกันที่ทำลายภาพลักษณ์ของตำรวจไม่เหลือ
ถึงแม้สวี่หมิงล่างจะถูกจับเข้าเรือนจำในข้อหา ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจนถึงแก่ความตายไปถึงสิบเอ็ดนาย แต่สุดท้ายแล้วอำนาจก็ถูกส่งต่อมาที่ สวี่เฟิ่ง ลูกชายเพียงคนเดียวของสวี่หมิงล่าง ขึ้นมาดูแลแก๊งแทนพ่อที่อยู่ในคุกยิ่งตอกย้ำให้ตำรวจดี ๆ หลายคนท้อแท้และพากันโยกย้ายหนี จะมีก็แค่หมวดหลี่เอินไหลที่ยังประจำการอยู่ที่นี่ ส่วนประชาชนก็ยังอยู่ในความกลัวต่อไป โดยที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้แก่พวกเขาได้ ทว่าสิ่งที่ตำรวจหนุ่มยศนายร้อยสงสัยคือ ทำไมสารวัตรชาญฉลาดถึงมีเบาะแสข้อมูลขนาดนี้ได้อย่างไร แถมยังเอามาให้เขาอ่านแบบง่าย ๆ อีกด้วย
"กำลังสงสัยอยู่ใช่ไหมว่า ทำไมถึงเอามาให้นายอ่าน" สารวัตรชาญฉลาดถาม ราวกับรู้ความคิดของอีกฝ่ายทำเอาร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลมีสะดุ้งพอสมควร
"คือผม..." ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลถึงกับพูดไม่ออก
"ไม่เป็นไรหมวด คืองี้นะนี่เป็นข้อมูลที่ฉันได้มาจากเพื่อนที่ไว้ใจได้ หมอนี้ตามสืบมาตั้งแต่คดีลอบสังหารนายพลแมทธิวแล้ว แต่เนื่องจากสถานการณ์ที่ไม่สู้ดีนักในเมืองหลวง เพื่อนฉันไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้มากนัก เพราะถูกจับตามองจึงมาขอให้ฉันหาคนที่ไว้ใจได้อยู่ที่นี่มาคนหนึ่ง ในการทำคดีของแก๊งขวานซิ่งและหมวดปาร์กฮันซอ เป็นคนที่เสนอชื่อของนาย ผู้หมวด" สารวัตรชาญฉลาดอธิบาย ด้านร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลหันมาทางเพื่อนสนิทที่นั่งข้าง ๆ
"ที่ฉันเสนอชื่อนายเพราะฉันรู้ว่านายอึดอัดคับข้องใจ ที่นายไม่สามารถทำหน้าที่ของตำรวจได้ ยิ่งถ้ามีโอกาสและจังหวะที่เหมาะเจาะ นายก็อยากจับพวกมันเข้าคุกให้หมดจริงไหม" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลที่ได้ฟังก็ถอนหายใจก่อนจะวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะ
"ฮันซอ นายพูดถูกเรื่องที่ฉันอึดอัดคับข้องใจมากแค่ไหน แต่นายคงลืมไปว่าตอนนี้คนอื่น ๆ ในสำนักงานกลายเป็นสุนัขรับใช้สวี่เฟิงหมดแล้ว เหลือแค่ฉันคนเดียวที่หัวเดียวไม่มีตัวช่วยเลย แล้วไหนจะครอบครัวฉันอีกล่ะ ใครจะรับรองความปลอดภัยพวกเขา" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลพูดสิ่งที่อยู่ในใจ
ร้อยตำรวจโทปาร์คฮันซอนิ่งไปครู่หนึ่งพลางนึกอยากตบหัวตัวเองจริง ๆ ว่าตนเองหลงลืมไปได้อย่างไรว่าตอนนี้ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลแต่งงานมีครอบครัวแล้ว หากหมวดหลี่เอินไหลต้องทำคดีนี้จริงความปลอดภัยของ หลิวลั่วหาน ภรรยาและลูกสาวสองคนอย่าง หลี่ชิงชิง และ หลี่ลู่ เป็นสิ่งอาจรบกวนจิตใจเพื่อนของตนในระหว่างทำคดีอยู่ก็เป็นได้ ดังนั้นการที่หมวดหลี่เอินไหลมีท่าทีจะปฏิเสธก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หมวดปาร์คฮันซอตัดสินใจว่าจะหาคนอื่นมาทำแทนจะดีกว่า เพื่อที่จะได้ไม่พาครอบครัวของร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลมาเสี่ยงด้วย ทว่ายังไม่ทันจะเปิดปากสารวัตรชาญฉลาดชิงพูดเสียก่อน
"ฉันขออนุญาตถามหน่อยนะหมวด นายมีลูกกี่คน" สารวัตรชาญฉลาดถาม
"ผมมีลูกสาวสองคนครับ และตอนนี้ภรรยากำลังท้องลูกคนที่สาม" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลตอบ
"แล้วชื่ออะไรบ้างละ มีภาพถ่ายพวกเขาไหมจะว่าอะไรหรือเปล่า หากฉันขอดู" สารวัตรชาญฉลาดถามต่อ
"ออ ไม่มีปัญหาครับ ลูกสาวผมชื่อ หลี่ชิงชิงกับหลี่ลู่ครับ ส่วนลูกคนที่สามผมยังไม่ได้ตั้งชื่อเลย" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลตอบพร้อมกับยื่นภาพถ่ายลูกทั้งสองให้กับอีกฝ่าย
เมื่อสารวัตรชาญฉลาดหันมาดูภาพถ่ายก็ต้องถึงกับเบิกตาโต ทำเอาตำรวจยศนายร้อยทั้งสองพากันขมวดคิ้ว ครู่ต่อมาพวกเขาก็เห็นรอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของสารวัตร จากนั้นอีกฝ่ายก็ส่งคืนให้กับหมวดหลี่เอินไหลตามเดิม พลางคิดในใจว่าการที่เขากับตำรวจนายนี้ได้เจอกัน คงไม่ใช่ความบังเอิญเสียแล้วกระมั่ง คิดแบบนั้นสารวัตรชาญฉลาดก็ยังต้องการให้หมวดหลี่เอินไหลมาเข้าร่วมด้วย โดยเรื่องความปลอดภัยของครอบครัวตนจะเป็นคนคุ้มครองให้ เพื่อให้สามารถทำคดีนี้ได้โดยที่ไม่ต้องกังวล และแน่นอนว่าพวกเขาไว้ใจได้หายห่วง
"แต่สารวัตรครับ....." ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลทำท่าจะค้านแต่สารวัตรชาญฉลาดชิงตัดบทก่อน
"ฉันรู้ว่าลูกสาวนายเลือกเป็นทหารทั้งคู่แต่ไม่ต้องห่วงหรอก เพราะไม่มีใครกล้าทำอะไรลูกสาวของนายแน่นอน" สารวัตรชาญฉลาดพูดอย่างมั่นใจ หมวดหลี่เอินไหลเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
"สารวัตรมั่นใจได้อย่างไรครับ" ร้อยตำรวจโทหลี่เอินไหลถาม
"เพราะพวกเธอมีผู้พิทักษ์เป็น "นกฟินิกซ์" นะสิ"
🌪🌪🌪🌪