ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต
#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แก้ไขครั้งที่1: 4 กันยายน 2657
เนื้อหาตอนนี้คือดูภาครวมแก้คำซ้ำที่มากไปหน่อยเท่านั้นค่ะ มีการเกลาคำแต่ไม่ต่างจากทีแรกนะคะ
ปลายฟ้า รินใจ ที่เหนื่อยใจกับตัวเองไม่รู้ทำไมถึงไปเสนอตัวแบบนั้น แถมตอนพูดไม่ดูเลยว่าฝ่ายชายเขาเอาไหมอีก
‘พี่เจ็บไหล่ซ้าย คงเพราะทำงานหน้าคอมมากไปสินะคะ ถ้าวันไหนพี่มาทำงานหนูจะช่วยนวดไหล่ให้พี่ดีขึ้นเองนะคะ’
ปลายฟ้าอยากหาหลุมสักทีที่ลึกมากพอจนเธอไม่ต้องออกมาสู่โลกภายนอกจริงๆ อับอายยันฟ้าดิน แม้ไนซ์ เขมทัศดูไม่ได้อะไรแต่สีหน้าและท่าทางชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งช่างนิ่งเหมือนคำพูดของหญิงสาวเป็นคำที่…กล้าหายชาญชัยมาก
อยากจะกรีดร้องให้ดังกับความกล้าที่ทำอะไรไม่คิด ปลายฟ้าถอนหายใจจนพาตัวเองมาที่ห้องน้ำพร้อมกับเก็บของทุกอย่างเรียบร้อยเพื่อที่จะกลับบ้าน ยังดีที่ปรานปรียาให้กลับเร็ว
ที่สำคัญพอมีให้เลิกงานเร็วแบบนั้นทุกคนต่างวุ่นวายมาก งานบางอย่างยังไม่เสร็จดีสำหรับบางคน โชคดีที่ปลายฟ้าทำงานแค่แอดมิน เธอแค่ทำส่งออเดอร์ครบและก็มาอยู่ในห้องน้ำแบบนี้เพื่อที่จะกลับบ้าน
“เห้อ อยู่ในนี้จนกว่าอยากจะออกไปแล้วกัน”
เพราะเธอรู้สึกไม่อยากออกไปบังเอิญเจอพี่ไนซ์เลย จริงอยู่ว่าเขา…
“แล้วเขามาทำงานทำไมสายๆอะ?”
หญิงสาวพึ่งมาคิดได้ ไหนๆ เขาก็น่าจะลาหยุดหรือเปล่าไม่มีใครรู้แต่ไนซ์ เขมทัศไม่มาทำงาน 2วันแล้วรวมถึงวันนี้ด้วย เหตุผลอะไรนั้นปลายฟ้าก็ไม่คิดอะไรมากแต่ที่มันอยู่ในหัวเธอคือการกระทำที่เสนอตัวนั่นต่างหาก
“งีบหน่อยแล้วกัน เมื่อวานฉันเองก็…”
ภาพความทรงจำที่เธอได้นึกถึงทุกครั้งที่ฝัน ปลายฟ้า รินใจ มักจะฝันในอดีตที่เธอไม่อยากจำมาตลอดเหมือนเป็นการย้ำเตือนอะไรเธอสักอย่าง ทว่าปลายฟ้าไม่ต้องการที่อยากรู้สึกถึงมันแต่อย่างใด นั่นก็เพราะว่าเธอ…กลัวเลือดมาก
เพียงแค่เห็นมันไม่ว่าจะน้อยหรือมาก ปลายฟ้าก็จะเป็นลมหรือผวาได้เลย และที่ทำให้เธอกลัวมาถึงทุกวันนี้คือกองเลือดที่เลอะพื้นและกำแพงจนไม่เห็นแม้แต่สีอื่นใดนอกจากสีขาว
“พอเถอะ อดีตมันก็คืออดีต..”
หญิงสาวหัวเราะในลำคอให้ตัวเองเล็กน้อย เพราะยังไงเรื่องนั้นมันก็ผ่านมานานมากแล้ว ปลายฟ้าต้องเดินหน้าต่อไปแม้จะมีความฝังใจในเรื่องพวกนี้ก็ตาม จากนั้นนัยน์ตากลมสวยได้หลับลงสนิทในที่สุดในห้องน้ำคนเดียวที่ไม่มีใครเข้ามา
แม้ในความฝันที่เธอหลับไปนั้นมันช่างว่างเปล่า เธอหลับไปโดยไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ กลิ่นเลือดได้ลอยมาแตะจมูกทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงียและมองรอบๆ มีแต่ความมืด สติของเจ้าตัวยังคงดีอยู่ ทำให้ทำอะไรใจเย็นได้ โชคดีที่ปลายฟ้า รินใจ ไม่มีความกลัวในที่มืดทำให้เธอมีสติมากพอ ทว่าก็อยากด่าตัวเองทำไมถึงต้องหลับจนไฟปิดแบบนี้ได้นะ
“กี่โมงแล้วเนี่ย”
ปลายฟ้าได้หยิบโทรศัพท์และเวลามันคือ 20.00น. หญิงสาวอึ้งไปเลยเธอรีบพลักประตูออกและออกไปทางประตูที่อยู่ไม่ไกล ปรากฏว่ามันล็อคจากด้านในทำให้ปลายฟ้าออกไปได้โดยที่ข้างนอกประตูมันมืดไม่มีแม้แต่แสงจากไฟที่เปิดสักดวง
แต่สิ่งที่ปลายฟ้า รินใจสัมผัสได้แต่ตอนก่อนตื่นคือกลิ่นเลือด
แม้จะเล็กน้อยแค่ไหนถ้าหากเจ้าตัวได้กลิ่นเลือดแล้ว ปลายฟ้าจะรู้ทันทีแต่กลิ่นที่เธอรู้ดีนั้นเป็นกลิ่นที่คนตายเท่านั้นแล้วมี ขาเล็กๆ ภายใต้กางเกงขายาวสีเอิร์ธโทนเขียวได้ก้าวออกมาพร้อมกับใจที่เต้นรัวอย่างไม่มีเหตุผล
“ทำไมฉันถึง…ได้กลิ่นเลือดน่ะ”
ความรู้สึกที่มันบอกว่าใช่แต่ในที่แห่งนี้เหรอ เธอหัวเราะและตลกตัวเองมากๆ ที่ดันมาคิดอะไรแบบนี้
“ปลายฟ้าเอ๊ย ไม่กินยาตามหมอสั่งสมองเลยคิดแต่เรื่องนี้เลยเห็นไหม?”
นอกจากจะตำหนิตัวเองแล้ว เธอพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วเปิดไฟฉายไปทางเดินหนีไฟแทน เธอจำได้ว่าทางออกบริษัทนี้มีทางหนีไฟไปด้านหลังตึกและเดินไปที่ป้ายรถเมล์ได้เลย แต่ปลายฟ้าดันได้กลิ่นเลือดที่เริ่มรุนแรงมากขึ้นจากทางฝั่งขวาของห้องเก็บของที่แปะป้ายว่า ‘เฉพาะคนที่เกี่ยวข้อง’
สาวในชุดเอิร์ธโทนได้กลืนน้ำลายลงคอและพยายามเดินผ่านตรงนั้นไปให้ไกลด้วยฝีเท้าที่เร่งความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดเธอก็ไปถึงทางหนีไฟที่แค่เปิดไปก็มืดมากเสียจนน่ากลัวจริงๆ
“นี่ขนาดไม่กลัวในที่มืดนะ ทำไมทางน่ากลัวจัง”
ปลายฟ้ารวบรวมความกล้าอย่างแน่วแน่พร้อมที่จะลงไปเพราะห้องน้ำที่เธออยู่คือชั้น 3เอง อีกไม่กี่ชั้นก็ถึงข้างล่างแล้วทว่าเธอได้ยินเสียงวิ่งดังขึ้นมาจนเท้าที่จะก้าวออกหยุดเดินและถอยหลังไป 2ก้าวทันที
‘มีคนมาเหรอ? เวลานี้เนี่ยนะ?’
เพราะตอนนี้มันคือเวลา 2ทุ่มน้อยมากที่จะมีงานที่บริษัท ปลายฟ้ารู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผลด้วยบรรยากาศที่เธอเดินผ่านไปที่มีกลิ่นเลือดไหนจะคนที่ขึ้นมาทางบันไดหนีไฟนี้อีก มือบางที่สั่นเทาได้ยกไฟฉายโทรศัพท์ส่องไปทางหนีไฟด้วยใจที่ยังหวั่น
“น่าจะคนลืมของเหมือนเราล่ะมั้ง”
ถึงจะคิดแบบนั้นแต่ใจมันเต้นสั่นกลัวไปหมดแล้ว และภาพตรงหน้าเป็นสิ่งที่ไม่อยากเชื่อนั่นคือหญิงสาวที่มีส่วนสูงไม่ต่างจากเธอเท่าไหร่และเป็นวัยกลางคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีในวันแรกที่มาทำงานที่นี่ แม้สภาพเธอจะดูเหน็ดเหนื่อยและสีหน้าร้อนรนเพราะน่าขึ้นบันไดมาด้วยตัวเอง
“คุณปรานปรียา?”
“เธอเป็นใคร พวกเดียวกับมันเหรอ?!”
เสียงของปรานปรียาดูถามเธอเหมือนตกใจและกลัวอย่างไรอย่างนั้น ปลายฟ้าโล่งใจที่อย่างน้อยก็เป็นคนที่เธอรู้จัก ก่อนที่ถอนหายใจ แต่ทำไมคำพูดเมื่อกี้เหมือนจำปลายฟ้าไม่ได้
“ก็ปลายฟ้าเองค่ะพี่ปราน หนูทำงานที่นี่ได้มา 1 อาทิตย์แล้วค่ะ”
“แล้วทำไมเธอถึงไม่กลับบ้าน มาอยู่อะไรที่นี่ดึกดื่นป่านนี้แล้ว?”
“อ..อา หนูเผลอหลับในห้องน้ำค่ะ”
“เหรอ?”
ปรานปรียามองสภาพหญิงสาวตรงหน้าและชั้นโถงทางเดินที่ไฟปิดสนิท มีเพียงแสงสว่างเดียวคือโทรศัพท์ที่สาวตรงหน้าที่ชื่อปลายฟ้าถือ และชั้นนี้คือชั้น3 เธออยู่คนเดียวโดยไม่มีใคร
“ขอโทษนะ” มือเรียวยาวที่เหี่ยวไปตามกาลเวลาได้หยิบปืนขึ้นมาจ่อหน้าปลายฟ้า “แต่ฉันไม่เชื่อเธอน่ะ”
“อะไรนะคะ?!”
ปลายฟ้าอึ้งจนเธอถอยหลังตกใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนปืนออกมาจ่อหน้าเธอแบบนั้น
“ไอ้เวรไนซ์นั่น มันซ่อนศพลูกฉันไว้ที่ชั้นนี้ บอกมาว่าอยู่ที่ไหน”
“ศพอะไรคะ?! หนูไม่รู้เรื่อง!”
ปลายฟ้างุนงงไปหมด ไม่เข้าใจสักอย่างที่ปรานปรียาพูดอะไรแถมสิ่งที่ออกมาจากปากเธอนั้นก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวจนผวาเป็นอย่างมาก และกลิ่นเลือดที่เธอได้กลิ่นก็ผุดขึ้นมาในหัวอย่างท่วงทัน หญิงสาวหันชำเลืองหลังไปยังที่เธอเดินผ่านมาที่ปลายฟ้าสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ ตรงนั้น
“แน่ใจนะ ว่าไม่รู้”
“คุณปรานปรียาคะ คือหนูไม่รู้จริงๆนะคะแต่…เหมือนจะมีกลิ่นแปลกๆ ที่หนูเดินผ่า—”
“พาไปตรงนั้นที่เธอบอกว่าได้กลิ่น”
“ตรงนั้นเหรอคะ?!”
ให้พูดจากใจคือไม่รู้ไม่สนอะไรทั้งสิ้น สติก็แทบจะประคองไม่ได้พอนึกถึงเลือดแต่สิ่งที่น่ากลัวในตอนนี้สำหรับปลายฟ้า รินใจคือปืนที่จ่อหน้าเธอเสียมากกว่า แม้หัวใจมันเต้นรัวโครมครามที่ผวาพร้อมกัน เจ้าตัวกลืนน้ำลายลงคอก่อนที่จะเดินนำไปด้วยร่างกายที่สั่นกระตุกแม้สติจะยังคงเท่าที่ไหว จนทั้งสองสาวต่างวัยไปถึงที่ดังกล่าว
‘กลิ่นเหม็นมากเลย’
หญิงสาวไม่อยากนึกสภาพเลยว่าถ้าตรงหน้าเป็นศพที่ปรานปรียาพูดจริงๆ มันต้องมีเลือดแน่นอนและปลายฟ้า รินใจกลัวเลือดมากจนเรียกได้ว่าเป็นการกลัวอย่างรุนแรงเลยก็ว่าได้
“เปิดเร็ว!”
ปรานปรียาขึ้นเสียงสั่งดังใส่ปลายฟ้า ทำเอาเธอตกใจจนร่างบางกระตุกใจขวัญหายคว่ำเลย
“ค…ค่ะ!”
มือบางได้จับที่เปิดประตูแต่เหมือนจะล็อคไว้ ปลายฟ้าหันไปมองปรานปรียา
“เปิดไม่ได้ค่ะ ดูเหมือนต้องเปิดด้วยกุญแจน่ะค่—กรี๊ด”
เสียงปืนดังลั่นโดยที่ปลายฟ้ายังพูดไม่ทันจบเธอก็ยิงใส่เสียแล้ว ถึงจะไม่โดนปลายฟ้าขวัญเสียแล้ว
“กูบอกให้เปิด!”
“ฮึก…ฮือ”
ปลายฟ้าร้องไห้อย่างกลั้นไม่อยู่ เธอกลัวจนทำอะไรไม่ถูกและตัวสั่นและผวาไปหมดราวกับคนบ้า ร่างบางก็ขาอ่อนจนนั่งลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงที่จะยืน สภาพปลายฟ้า รินใจ ในตอนนี้แทบไม่ต่างกับคนไร้สติร้องไห้ดังเสียงแห่บ
ปรานปรียา แสงอุทัยที่มองสภาพหญิงสาวด้วยสายตาที่ไม่พอใจยิ่งกว่าเดิม เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมคนตรงหน้าถึงต้องทำตัวไม่รู้เรื่องเช่นนี้ด้วย เพราะไม่ว่าจะดูยังไงก็เป็นพวกเดียวกันกับคนที่เอาศพดาริน แสงอุทัยลูกเขามาไว้ที่นี่แน่นอนแท้ๆ
“แสดงละครเก่งจริงๆนะ มีกลิ่นเน่าแบบนั้นดูยังไงก็มีศพลูกกูในนั้นแน่”
ปลายฟ้าที่ฟังปรานปรียาพูดก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงมั่นใจว่านั่นห้องที่ซ่อนศพลูกเขา และปืนนั้นก็ลั่นไก่อีกครั้งแต่คราวนี้ยิงไปที่ขาภายในกางเกงขายาวของปลายฟ้า 1 ครั้งจนเลือดอาบต้นขาและสร้างความทรมานจนหญิงสาวปล่อยเสียงกรี๊ดดัง ปลายฟ้าที่เห็นเลือดแล้วหัวใจเธอเต้นรัวมากๆ จนสมองและการได้ยินรอบด้านของเธอไม่ได้ยินอะไร
…นอกจากเสียงหัวใจตัวเองที่เต้นโครมครามดังรวมไปถึงลมหายใจ…
แม้จะพยายามประคองสติให้เท่าที่ไหวแล้วก็ตาม
'ไม่นะ เขายิงฉันทำไมล่ะ?!'
ปรานปรียาที่เห็นปลายฟ้าไม่มีท่าทีจะโต้ตอบหรือต่อสู้ใดๆได้ เธอก็ได้ใช้ขาเตะปลายฟ้าจนกระเด็นหลบทางประตูออกไป เธอใช้ปืนยิงกรประตูพร้อมกับเปิดออกและมีกระเป๋าใบใหญ่หล่นเสียงดังลงพื้น หญิงสาววัยกลางคนรีบเปิดซิบออกก็พบร่างที่ไร้ลมหายใจอยู่ในนั้น
ใบหน้าที่มีรอยแผลจากการโดนของมีคม ร่างกายที่ไร้เสื้อผ้าอาภรณ์กับผมสีทองสวยแสบตาที่ไม่แปรเปลี่ยน รอยฟกช้ำจากการถูกทุบตีและรอยแผลใหญ่ตรงคอกับหน้าอกและท้องที่ถูกเฉือนใหญ่มากพอที่จะทำให้เสียเลือดมาก แต่จุดที่คนเป็นแม่เห็นแล้วเจ็บปวดที่สุดคือ…เธอโดนทุบจนตาย
“ดาริน..ลูกสาวของแม่ ฮึก..”
ปรานปรียาใจสลายเมื่อเห็นสภาพดาริน แสงอุทัยลูกสาวแสนสวยได้ตายและถูกยัดลงกระเป๋าที่แสนอึดอัดแบบนี้ แม้ไฟทางเดินจะไม่เปิดให้เห็นชัดนัก แต่หัวใจคนเป็นแม่มันแตกสลายเมื่อเห็นลูกตัวเองเจอแบบนี้
ปลายฟ้าที่เห็นทุกอย่างนั้นไม่อยากเชื่อเลยจริงๆ ว่าที่เธอผ่านและได้กลิ่นจะเป็นศพจริงๆ ยิ่งเห็นแบบนี้แล้วความทรงจำของเธอได้ไหลเข้ามา
เลือดที่เต็มห้องสีขาวและรอยแผลใครสักคนที่มีทั่วตัว ยืนมองเธอโดยที่ใบหน้านั้นไม่สามารถจำได้
สมองได้แสดงความทรงจำที่ปลายฟ้า รินใจ อยากจะลืมมากที่สุด
ไม่นะ
ไม่นะ!!
อย่า!!!
ขอร้อง!!!!
ฉันกลัว…
ไฟทางเดินได้เปิด แสงสว่างได้เห็นทั่วทางเดินมันยิ่งทำให้เห็นสภาพหลายอย่างชัดมากกว่าเดิมทั้งศพ ทั้งเลือดและสภาพศพที่ออกมาจากกระเป๋าใหญ่ ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดสายตาเธอและปรานปรียาเป็นอย่างมาก
นั่นคือร่างชายหนุ่มที่สูงใหญ่เจ้าของผิวสีน้ำผึ้งสวยและชุดดำล้วนทั้งเสื้อคอเต่าแขนยาว กางเกงยีนส์สีดำสนิทและถุงมือเหมือนทุกครั้ง เขาเดินมาด้วยเสียงที่ลงน้ำหนักที่เท้าจนเกิดเสียงกระทบดัง
ปลายฟ้า รินใจจำได้ว่าเขาเป็นคนที่เดินเสียงเบามาก ไม่ว่าจะเจอกี่ครั้ง การเดินของเขาในวันแรกที่เจอแทบไม่ได้ยินเสียงเดินเลย
“ไอ้ไนซ์ มาจนได้นะ”
ปรานปรียาพูดด้วยเสียงแค้นใส่ชายหนุ่มที่มองเธอด้วยใบหน้าที่นิ่งเฉย ไม่แสดงออกอะไรรวมไปถึงแววตาเช่นกันราวกับว่าชายหนุ่มนั้นไม่มีความรู้สึกใดๆ
“เอกสารส่งมาแล้วใช่ไหม”
“กูส่งให้มึงแล้ว มึงก็ดูสิวะ”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไร เขาก็เดินมาใกล้ๆ โดยที่ปรานปรียาจะยกปืนขึ้นมาลั่นยิงใส่ไนซ์ เขมทัศ ทว่าลูกดอกนั้นมาแทงที่ตาทั้งสองของเธอจนภาพเบื้องหน้าของสาววัยกลางคนมืดสนิท มองไม่เห็นอะไรและปืนที่ถืออยู่ก็ตกพื้น ร่างกายก็ลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความทรมาน ปลายฟ้าที่เห็นก็ตกใจที่ลูกดอกนั่นมาจากไหนก็ไม่รู้
“พอดีไม่เห็นน่ะสิ ฉันเลยขึ้นมาหาเธอน่ะ”
เขาย่อตัวลงเอาเข่าขวาแตะพื้นพลางมองหญิงสาววัยกลางคนที่ทรมานอย่างเห็นได้ชัดจากการโดนแทงลูกตาเป็นๆ แค่ฟังเสียงก็รู้แล้วว่าเจ็บเหมือนตายทั้งเป็น
“ม..มันอยู่ในห้อง…ทำงานของฉัน”
“ไม่เจอ”
“ก็กูส่งไปแล้วจริงๆ มึงไม่เชื่อกูรึไง ไอ้ไนซ์”
“...”
ไนซ์ เขมทัศไม่พูดอะไรเขาก็ใช้มือดึงลูกดอกออกจากดวงตาพร้อมกับพลักปรานปรียานอนลงพื้นและเอามือที่สวมถุงมือดำมาบีบคอโดยร่างของปรานปรียาทั้งดิ้นต่อต้านทรมาน
จนหยุดขยับคามือของชายหนุ่มในที่สุด
ชายหนุ่มร่างสูงก็ค้นตัวเธอและได้หาโทรศัพท์จากกระเป๋าเสื้อข้างใน มือหนาเปิดหน้าจอก็พบว่ามันล็อครหัสอยู่ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของชายหนุ่มแต่อย่างใด เขาใช้นิ้วมือของปรานปรียาสแกนเปิดเครื่องพร้อมกับเอาสาย USB จากกระเป๋ากางเกงมาถ่ายข้อมูลส่งมาที่โทรศัพท์ตัวเอง
ปลายฟ้า รินใจที่เห็นชายหนุ่มดับลมหายใจด้วยมือเดียว ที่บ่งบอกถึงความชำนาญในการทำเรื่องแบบนี้เป็นอย่างมากนั้น ทำเอาเธอกลืนน้ำลายมองชายหนุ่มด้วยความรู้สึกที่อยากจะลุกหนีให้พ้น เขาน่ากลัวมากที่ทำโดยไม่แสดงสีหน้าอะไร
เหมือนเป็นเรื่องปกติที่เขาทำเป็นประจำอย่างไรอย่างนั้น
ปลายฟ้ากลัวจับใจ แต่เลือดมันก็เยอะจนเธอแทบจะทำให้เธอเป็นบ้าได้เช่นกัน ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มรูปร่างสูงอีกคนได้ปรากฏตัวขึ้น เจ้าของผมสีแดงเข้มผ่านการย้อมและใบหน้าที่สวมหน้ากากครึ่งหน้ารูปทรงแปลกตา นัยน์ตาสีดำและรูปตาทรงเล็ก ตาชั้นเดียว การแต่งตัวไม่ต่างจากไนซ์ เขมทัศแต่เหมือนจะมีกระเป๋าเป๋มาด้วย
ตอนนี้เขาได้สบตาเธอก่อนที่จะส่งยิ้มผ่านแววตาตี่นั่นให้ปลายฟ้า
“ผู้ประสบภัยเหรอพี่ปวริศ ไม่คุ้นเลย”
เขาพูดขึ้นมาและปลายฟ้าก็มองไปยังชายหนุ่มที่คาดว่าน่าจะเป็นคนที่มีชื่อนี้
ปวริศ..
คือชื่อที่ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งตรงหน้าเคยบอกชื่อเธอเป็นอันนี้มาก่อน ปลายฟ้าสับสนไปหมดตกลงแล้วคนตรงหน้าชื่ออะไรกันแน่
“ใช่”
“เอาไงดี เธอเห็นพวกเราแล้ว”
น้ำเสียงของหนุ่มตาตี่ดูนิ่ง ใจดีแต่ก็แอบติดเล่นหน่อย แต่น่าแปลกที่ปลายฟ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย
“พาเธอไปที่บ้านเรา”
“ที่บ้านเหรอ เธอเกี่ยวข้องกับงานนี้เหรอพี่ปวริศ”
“แค่อยากพิสูจน์อะไรสักหน่อย ตอนนี้ข้อมูลทั้งหมดได้มาแล้ว”
ปวริศหรือไนซ์ได้เอาสาย USB ออกและลบประวัติทุกอย่างในเครื่องรวมไปถึงล้างเครื่องทุกอย่างให้เป็นโรงงานแบบดั่งเดิม ชายหนุ่มได้ลุกขึ้นเต็มส่วนสูงของเขา
“แต่เธอเหมือนจะกลัวนะ น่าจะลุกไม่ไหวแล้วล่ะพี่ปวริศ”
ชายปริศนาบอกอย่างเหนื่อยใจ ซึ่งปวริศหรือไนซ์ก็รู้ว่าน้องชายเขาเป็นพวกไม่ชอบออกแรงเยอะ โดยเฉพาะพวกคนเป็นที่ยังมีเรี่ยวแรงอยู่
“เดี๋ยวพี่จัดการเองรังสิมันต์ แกล้างกลิ่นที่นี่และสร้างหลักฐานศพของปรานปรียา แสงอุทัยว่าเป็นการฆ่าตัวตายไป”
“ครับพี่”
รังสิมันต์ ได้หยิบเชือกออกจากกระเป๋าของเขาและยกศพของปรานปรียาให้แขวนคอตรงหน้าห้องที่พังกรประตู เขาที่เห็นสถานการณ์ตรงหน้าแล้วพูดได้เลยว่าคงเสร็จอีกทีคือตี3 แน่ๆ
ส่วนปวริศหรือไนซ์นั้นได้มาหาปลายฟ้าที่บาดเจ็บจากการโดนยิงที่ต้นขา เขามองหน้าหญิงสาวที่มองตัวเขาด้วยความรู้สึกที่หลากหลายแต่สิ่งที่เด่นชัดน่าจะเป็นความกล้วมากกว่า
“ช่วยหลับไปก่อนนะ”
“คะ?”
ปลายฟ้ายังไม่ทันได้ทำอะไร ทุกอย่างก็ภาพตัดและมืดในที่สุด