ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต
#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แก้ไขครั้งที่1: 7 กันยายน 2567
มีการเพิ่มเนื้อเรื่องไป และเปลี่ยนอัตลักษณ์ตัวละครอย่างอดิสรณ์อย่างแต่ก่อนคือตาสีน้ำตาลตอนนี้เปลี่ยนเป็นตาฟ้า เพื่อเอกลักษณ์ที่แตกต่างนะคะ (≧▽≦) เนื้อหายังคงเดิมเพิ่มเติมและเปลี่ยนนิดหน่อยคนที่อ่านไปก่อนไม่ต้องกังวลไปนะคะ ( ╹▽╹ )
รถยนต์เก้งคันสีดำได้ขับมาจอดที่บ้านหรูหลังใหญ่ตั้งเดี่ยวในชานเมืองกรุงเทพ ปวริศ อมาตยกุลได้ลงจากคนขับและเปิดประตูหลังคนขับที่มีหญิงสาวในชุดสีเอิร์ธโทนสลบพร้อมกับเลือดเลอะกางเกงที่ยากจะซักขัดให้ออก
ชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวออกมาจากรถมาพาดไหล่กว้างของเขา พร้อมกับกดกริ่งหน้าบ้านซึ่งคนที่มาต้อนรับไม่ใช่ใคร เป็นน้องชายของเขาที่ตัวสูง 205 เซนติเมตร
“นั่นใคร?”
อดิสรณ์ อมาตยกุล หนุ่มลูกครึ่งเชื้อสายไทยและแคนาดา เจ้าของผมสีดำ ตาสีเฮเซลสีฟ้าและผิวที่ขาวได้ถามพี่ชายตัวเองที่แบกใครสักคนมาที่บ้านพวกเขา
“คนรู้จักน่ะเอดดี้ เตรียมยาและที่นอนรักษาเธอด้วย”
“เธอเหรอ?”
หนุ่มลูกครึ่งขมวดคิ้วพร้อมกับเรียกสรรพนามที่อีกฝ่ายพูดขึ้นเมื่อกี้ โดยปกติแล้วพี่ชายคนโตไม่เคยพาใครมาบ้าน ยกเว้นลูกคนที่สาม รังสิมันต์ อมาตยกุลที่ชอบพาเหยื่อที่ไม่ตายสนิทมา
แต่ก็เปิดทางให้พี่ชายคนโตของบ้านเดินเข้าไปในห้องที่มีที่นอน ก็คงไม่พ้นห้องนั้น
ห้องสำหรับแขกไว้ฝากขัง
ถึงเป็นชื่อที่ดูน่ากลัวก็จริงแต่มันเป็นเพียงห้องที่นอนพักไว้เฉยๆ มีทุกอย่างแสนอำนวยความสะดวก ถ้าไม่นับที่มันล็อคจากด้านนอก ร่างสูง2.5เมตร ได้เปิดห้องและเตรียมยากับอุปกรณ์รักษาให้ตามที่ปวริศขอไว้
อดิสรณ์มองแผ่นหลังพี่ชายที่วางหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้อย่างนุ่มนวล ในสายตาคนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กนั้น
ช่างเป็นการกระทำที่แปลกตา…
ปวริศ อมาตยกุล เขาเป็นพี่ชายคนโตที่ใจร้ายมากที่สุด เขาไม่มีความเอื้ออารีต่อพี่น้องด้วยกันเอง ยิ่งคนอื่นนั้นเป็นไปไม่ได้เลย อดิสรณ์ยกยิ้มบางและอยากรู้เหลือเกินว่า หญิงสาวตรงหน้าที่แสนบอบบางคนนั้นเป็นใคร
“ออกไปได้แล้ว พี่รบกวนนายเท่านี้”
“เธอชื่ออะไรเหรอพี่ริท?” อดิสรณ์ถามพลางชำเลืองมองหญิงสาว
“ปลายฟ้า”
“ชื่อโหลจัง เขาเป็น–”
อดิสรณ์ยังถามไม่จบดี ลูกดอกเข็มได้ผ่านหน้าเขาระหว่างหูไปโดยไม่ทันตั้งตัวแบบเฉียด การโจมตีที่ไม่ปราณีและรวดเร็วยังคงเป็นเอกลักษณ์ของพี่ชายคนโตอย่างปวริศเหมือนเดิม
หนุ่มลูกครึ่งยักไหล่ก่อนจะยิ้มกว้างและมองตาที่แสนว่างเปล่าทว่าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อดิสณ์ไม่เคยเห็นในตัวพี่ชายคนโตของเขามาก่อน
“แหม น้องชายตัวน้อยแค่ถามเองนะ”
พูดเสร็จชายสูง 2.5เมตรก็ได้ออกไปโดยไม่ลืมปิดประตูให้เขา ปวริศที่สัมผัสเสียงฝีเท้าไปได้ไกลแล้วเจ้าตัวก็มองปลายฟ้า รินใจที่สลบจากการถูกเขาสับคอโดยไม่ถึงชีวิต สายตาอันนิ่งเฉยได้มองแผลที่ขาที่โดนยิง เขาก็ทำการรักษาให้เรียบร้อย
รวมไปถึงการเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยใช้เสื้อยืดไซส์ของชายหนุ่มและเช็ดตัวอาบน้ำให้หญิงสาว
ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปวริศก็เอาปลายฟ้าที่นอนไม่รู้สึกอะไรไปที่นอนอีกห้องในข้างในนั้นอีกที และเอาโซ่ตรวนกับที่ล็อคข้อเท้าที่แขวนไว้ตรงชั้นกำแพง มาล็อคขาทั้งสองข้างเล็กของหญิงสาว
“ขนาดความยาวคงออกไปได้แค่ห้องข้างนอกนี้”
ปวริศวัดความยาวโซ่นี้แล้วมองแผลที่ทุกอย่างเรียบร้อยดี ชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งก็ออกไปข้างนอกพร้อมกับปิดไฟให้ห้องนี้มืดสนิทและโดนล็อคห้องนี้ไว้จากด้านนอกยกเว้นห้องชั้นในที่ปลายฟ้า รินใจนอนสลบโดยไม่รู้สึกอะไร
ชายหนุ่มในชุดดำล้วนที่กำลังขึ้นไปห้องนอนตัวเอง เขาก็ได้พบ วสันต์ อมาตยกุลในเสื้อยืดสีขาวและทรงผมเสยขึ้นทรงเรียบร้อยสีดำ ผิวขาวมากที่สุดในบรรดาพี่น้อง นัยน์ตาสีเฮเซลน้ำตาลอ่อนมองปวริศอย่างไม่เข้าใจ
“พาใครมาเหรอครับพี่ปวริศ”
“ผู้หญิง”
“แปลกจังครับ ปกติพี่จะฆ่าหมดเลยนี่น่า ไว้ชีวิตเธอเพื่ออะไรเหรอครับ?”
“พอดีอยากพิสูจน์อะไรสักหน่อยน่ะ”
“พี่มีเรื่องที่ต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอครับ?”
วสันต์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ
“ใช่ นี่ก็ดึกแล้วพรุ่งนี้ต้องไปสืบพยานโจทก์ทำให้ดีล่ะ”
“ไม่ต้องห่วงงานผมหรอกครับ ผมเองก็มี…”
วสันต์เว้นช่วงพลางมองพี่ชายจากชั้นบรรไดที่เจ้าตัวอยู่สูงกว่า
“คนที่อยู่ในสาวตาของผม มันก็ไม่มีใครหน้าไหนรอดหรอกครับ พี่ปวริศ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ฉะฉานและมั่นใจแบบนั้นปวริศก็ไม่พูดอะไร เขาก็ขึ้นไปบนห้องตัวเอง วสันต์ก็ไม่ต่างกันแต่เขายังร่างฟ้องไม่เสร็จดีนัก
ชายหนุ่มตาสีเฮเซลน้ำตาลถอนหายใจเบาๆ และได้หยุดเดินตรงหน้าประตูบ้านเมื่อได้เห็นน้องชายที่เป็นลูกคนที่3 ของบ้านอยู่ในสภาพอิดโรยถึงบ้าน
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ รังสิมันต์”
วสันต์ทักทายหนุ่มตี๋ภายใต้หน้ากากครึ่งใบหน้ารูปทรงประหลาด ซึ่งเขาถอดหน้ากากออกและพ่นลมหายใจแรง ก่อนที่จะยิ้มเป็นกันเองให้พี่ชายของเขา
“ครับ พี่วสันต์”
“งานทำความสะอาดหลังงานจบเป็นไงบ้าง พี่ปวริศทำเละเทะไหมครับ?”
“ก็ไม่เท่าไหร่ หรือเพราะผมชินดีนะ?”
“ชินเหรอครับ คนขี้เกียจแบบน้องใช้คำนี้ด้วยรึครับเนี่ย?”
เพราะรังสิมันต์ อมาตยกุลเป็นคนที่นับได้ว่าไม่ชอบออกแรงมากที่สุดในบรรดาพี่น้องทั้งหมดนี้ เขาเป็นพวกทำอะไรได้ไวและไม่เชื่องช้าแม้จะขึ้นชื่อว่าขี้เกียจ แต่ที่เป็นแบบนั้นแค่อยากพักเร็วเฉยๆ
เรียกได้ว่าย้อนแย้งในตัวเองเป็นอย่างมาก
"ก็นะ ช่วงนี้อยากเป็นคนขยันหน่อยน่ะ ไหนๆ วันนั้นก็ไม่ได้รับงานอะไร ก็ช่วยพี่น้องไปสักหน่อย และที่สำคัญ…”
รังสิมันต์หยิบกระเป๋าใบใหญ่ออกมา ทำให้ดึงดูดสายตาวสันต์จนเขาเดินไปหาน้องชาย และหนุ่มตี๋ก็ยิ้มพร้อมกับเปิดซิบออกมาก็พบกับศพหญิงสาวที่มีผมสีทอง ที่อยู่สภาพเริ่มบวมและรอยช้ำต่างๆ นาๆ ซึ่งวสันต์ดูยังไงศพคนนี้ก็โดนทุบจนตาย
“ศพนี่ใคร?”
“ดาริน แสงอุทัย ลูกสาวของปราณปรียา แสงอุทัย เธอโดนพี่ปวริศทุบจนตายน่ะ”
“ทุบจนตายเหรอ?” วสันต์หัวเราะในลำคอ “สงสัยเค้นถามแล้วยัยคนนี้ไม่ตอบเลยโดนไปเรื่อยๆ จนพูดหมดที่รู้ได้สินะครับ?”
“ไม่รู้สิ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์น่ะ แต่…สภาพเธอแค่ฟกช้ำ ส่วนอื่นยังใช้ได้อยู่ เหมาะแก่การทดลองสารนี้สักหน่อย”
“สารนั้นเหรอครับ?” วสันต์ขมวดคิ้ว
“ครับพี่”
หนุ่มตี๋ยิ้มรับ แค่มองก็เข้าใจโดยรวมว่าสิ่งที่รังสิมันต์หมายถึงอะไร วสันต์มองศพหญิงสาวอีกรอบและมองตาน้องชายตรงหน้าอย่างสงสัยครู่หนึ่ง
“แล้วศพเด็กลูกชายของปรานปรียาที่พี่ปวริศฆ่าไปน่ะ ผลเป็นไงบ้างครับ”
“น่าผิดหวังนิดหน่อย ก็เลยเอาไปใส่โหลดองแทน”
“ตายแล้วเหรอครับ?”
“ใช่ เสียดายมากเลยเพราะตอนที่ผมจะไปทำความสะอาด เด็กคนนั้นอึดมากแท้ๆ”
“เอาเถอะครับ เรื่องโหลอะไรนั่นวางให้เป็นที่ล่ะรังสิมันต์ กรกฎยิ่งซุ่มซ่ามอยู่นะครับ”
“ครับพี่วสันต์ รู้แล้วน่า~”
รังสิมันต์รับคำและรูดซิปปิดพร้อมกับยกกระเป๋าจะไปห้องทำงานใต้ดินของตน
“เดี๋ยวก่อนรังสิมันต์ พี่ขอถามอะไรหน่อยครับ” วสันต์เรียก
“ถามว่า”
“ผู้หญิงที่พี่ปวริศพามา น้องรู้จักไหมครับ?”
“ไม่เลย เธอเป็นคนนอก”
“คนนอก?”
“ครับ อาจจะเป็นคนที่พี่ริทน่าสนใจมั้ง”
รังสิมันต์คิดเดาบอกพี่ชายไป แล้วก็จากไปโดยให้วสันต์อยู่คนเดียวพลางคิดไปเกี่ยวกับหญิงสาวแปลกหน้า ที่น้องชายเขายืนยันแบบนั้นก็คงเป็นคนนอกจริงๆ สิ่งเดียวที่วสันต์ไม่เข้าใจคือ
ทำไมถึงพามา
เพราะปกติแล้วปวริศ อมาตยกุลเป็นคนที่ดับลมหายใจเหยื่อก่อนตลอด น้อยมากที่จะมีไม่ตายสนิท ถ้าไม่อึดมากพอแต่ก็ตายก่อนที่จะไปหาใครคนอื่นได้เสมอ
และทุกงานที่ชายหนุ่มได้รับแทบไม่มีใครมีชีวิตรอดไปได้
เว้นเสียแต่ว่า..
“ไม่มีทาง”
เพราะปวริศ อมาตยกุลเป็นชายหนุ่มที่ไร้เมตตาและเอื้ออารี ถ้าไม่ใช่ ‘คนสำคัญ’ วสันต์คิดไม่ออกเลยว่าหญิงสาวที่พามาเป็นสถานะไหน ทว่า..เขาก็คำพูดพี่ชายได้ตอนเจอกันเมื่อครู่แว่บเข้ามาในหัว
'พอดีอยากพิสูจน์อะไรสักหน่อยน่ะ’
ไม่รู้ว่าปวริศ พี่ชายเขาหมายถึงอะไร ถึงอย่างนั้นก็เรียกความตื่นเต้นให้กับวสันต์ อมาตยกุลไม่น้อยเลยทีเดียว
“เริ่มเป็นผู้เป็นคนแล้วเหรอ ขนลุกว่ะ”
วสันต์ไม่อยากเชื่อกับความคิดในหัวเท่าไหร่ เขาพยายามปฏิเสธมันออกไป เพราะคนอย่างปวริศ ให้คุยแล้วไม่รู้สึกว่าเหมือนตัวเองโดนฆ่าทุกวินาทีก่อนจะดีกว่า
ทั้งนัยน์ตาที่แสนว่างเปล่า
ลูกตาสีดำ ที่ไร้แวววับเมื่อสัมผัสต่อแสง
ใบหน้าที่ไร้อารมณ์ราวกับคนตาย
ด้วยสายเลือดฆาตกรไหลเวียนอยู่ในกายหยาบ
นี่คือบุคลิกและตัวตนเขาลูกชายคนโตของอมาตยกุล ชื่อนั้นคือปวริศ อมาตยกุล ชายเพียงหนึ่งเดียวที่มีชีวิตเพื่อชดใช้สายเลือดแสนสกปรกที่ได้เกิดมาบนโลกใบนี้
ดังนั้นมันยากที่จะคิดไปทางเรื่องความรักและเมตตาต่อหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้น
“จะพูดแบบนั้นก็แย่ไปหน่อย ฉันเองก็ไม่ต่างจากพี่ปวริศเหมือนกัน”
แม้เขาไม่มีสายเลือดแบบนั้นเหมือนปวริศแต่สถานะก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก