ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์ โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ


วิปลาสทรชน

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก 

อัพตอนใหม่ ทุกวันพุธกับเสาร์

ปลดตอนอ่านฟรี 1 วันรอแจ้งนะคะ


วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด


แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล



คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต


#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ




นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้


ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ประกาศ หยุดอัพนิยายชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือนหน้า,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ประกาศรีไรท์ ตอนใหม่+เนื้อหาที่เปลี่ยนเล็กน้อย+ติดเหรียญ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-แจ้งวันอัพนิยายอย่างเป็นทางการ และวันปลดอ่านฟรี,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1)

เนื้อหา

ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์

แก้ไขครั้งที่1: 9 กันยายน 2567

เนื้อหาไม่มีอะไรมากค่ะ เพิ่มไปนิดหน่อยเท่านั้นนะคะตรงที่ลืมดีเทลขาน้องปลายฟ้าเจ็บ55555


“อะไรนะคะ?”

“เป็นครอบครัวเดียวกันไง”

ปลายฟ้าที่ได้ยินคำพูดจากชายแก่ เธอก็สับสนและไม่เข้าใจเลยทีเดียว ทำไม่ถึงอยากได้เธอกันแค่หญิงสาวบอกความเจ็บปวดของร่างกาย มันเป็นเรื่องที่ดูไม่ยากเลยแท้ๆ

“คือ..เอ่อ…”

“จะปฏิเสธเหรอ อย่าดีกว่าพ่อเราไม่ชอบคนที่พูดไม่รู้เรื่องน่ะ”

กรกฎพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเตือนด้วยความหวังดีแบบสัมผัสได้ หญิงสาวหันไปตามเสียงก็เห็นสีหน้าเขาเป็นคำตอบให้ตอบตกลงจะดีกว่า และเหมือนจะไม่ใช่ชายหนุ่มตรงหน้าเธอคนเดียว คนอื่นๆ ในห้องยกเว้นปวริศและชายแก่ที่ดูไม่ได้มีอะไรมากนัก

ปลายฟ้า รินใจสัมผัสได้ถึงความรู้สึกกดดันจนหัวใจเต้นรัว ปากก็เม้มแน่นเพราะต้องกลั่นสั่นกลัวนี้ไว้

“ค่ะ…หนูชื่อปลายฟ้านะคะคุณลุง ขอบคุณที่ให้อยู่ที่นี่ค่ะ”

เสียงหวานเอ่ยอย่างสั่นเทา ปลายฟ้ามองตักตัวเองหลบสายตาของชายแก่ตรงหน้า

“ดีมาก เอาล่ะต่อไปนี้ ผู้หญิงคนนี้คือครอบครัวเดียวกับพวกเรา หวังว่าจะไม่ทำตัวแย่ใส่นะ” สิระเอ่ย

“ไม่รับปากครับ” อดิสรณ์พูดขึ้น

“พูดเล่นอีกแล้วนะเด็กคนนี้”

“เปล่าสักหน่อย ให้คนที่ไม่รู้จักอะไรเลยแบบนี้มาอยู่ไป เดี๋ยวก็สิ้นใจตายก่อนแน่ๆ ดูทรง”

หนุ่มลูกครึ่งพูดไม่สบอารมณ์ให้กับพ่อของเขา ซึ่งสิระเข้าใจได้

“ถ้าเธอตายจากสิ่งโดยนอกไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เธอแค่ขึ้นตรงต่อตระกูลเรา แต่ไม่ใช่คนที่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร”

“หมายความว่าเป็นแค่ลูกจ้างประจำอะไรแบบนี้เหรอครับ?” วสันต์ถาม

“ใช่ แต่ไม่มีเงินเดือนให้”

“แล้วเธอจะกินอยู่ยังไงเหรอครับ ไม่มีให้แบบนี้?”

ลูกชายคนที่สองไม่เข้าใจพ่อตัวเองจริงๆ จุดนี้ ให้เข้ามาในครอบครัวแต่ไม่มีให้อะไรเลย เหมือนไม้ประดับอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ยาก เพราะให้ปวริศจัดการยังไงล่ะ”

เหล่าพี่น้องรวมไปถึงปลายฟ้าหันไปที่ชายหนุ่มผิวแทนในชุดคอเต่าแขนยาวสีดำเป็นตาเดียว แล้วพวกเขาร้องอ๋อเหมือนเข้าใจกันเอง ซึ่งปลายฟ้างงอยู่คนเดียว

“เข้าใจแล้ว พี่ริทดูแลเธอด้วยนะครับ”

อดิสรณ์บอกพี่คนโตด้วยรอยยิ้มเหมือนสบายใจแน่นอนว่าปวริศยังไร้การตอบสนองใส่

“ปวริศ เรื่องค่าใช้จ่ายหรืออะไรเกี่ยวกับเธอจัดการด้วยนะ” สิระพูด

“ครับพ่อ เรื่องของเธอผมจัดการเอง”

“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ” รังสิมันต์พูดขึ้นมา

"ความสามารถของเธอ พวกเราทุกคนจะใช้มันได้ไหมครับหรือยังไง ผมไม่เข้าใจเท่าไหร่”

"ไม่รู้สิ” สิระยิ้ม

“เอ๊ะ?” ลูกชายทั้ง 4คนร้องพร้อมกัน

“เพราะว่าปวริศพามาเอง แล้วก็เป็นคนที่ให้ทุกคนดูเองว่าเธอใช้มีประโยชน์อะไร ซึ่งพ่อถูกใจแล้วก็ให้เข้าอยู่ในบ้านหลังนี้ภายใต้การจัดการของปวริศ แน่นอนว่าพ่อไม่มีเงินเดือนให้ปลายฟ้ายกเว้นปวริศเป็นคนทำ”

“อ๋อ ของพี่ริทนี่เอง เข้าใจละ”

กรกฎน้องเล็กพูดพลางมองปลายฟ้าที่ตกใจจนหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด ในตอนนี้ปลายฟ้ากลัวจนไม่รู้จะพูดอะไรดี มือเล็กบางสั่นและร่างกายที่แข็งทื่อ ในหัวเธอมีแต่คำถามและไม่เข้าใจเต็มไปหมด และคำพูดของหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นยังพูดเรื่องน่ากลัวอีก ราวกับว่าชีวิตเธอจะเป็นยังไงก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้นคำพูดของสิระเกี่ยวกับการจัดการทั้งหมดของปลายฟ้าคือ ปวริศ

มันเป็นเรื่องที่เธอไม่สามารถรับได้เหลือเกิน เพราะภาพติดตาตอนที่เขาได้ฆ่าคนนั้นมันไร้เมตตาและไม่มีความเอื้ออารีแต่อย่างใด โดยเฉพาะลูกดอกที่แทงตาทำเอาเธอผวาจนไม่กล้าคิดในเรื่องอื่นจริงๆ

ให้เขาดูแลทุกอย่างด้วยมันก็น่ากลัวอีกเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่หรือจะทำเรื่องไร้เมตตาตอนไหน

“กลัวเหรอ?” อดิสรณ์ถามและปลายฟ้าสะดุ้งหันไป

“ไม่ค่ะ ไม่กลัวเลย” เธอตอบเสียงแอบสั่น

“ถ้ากลัวก็บอกนะ พวกเราจะได้ปรับตัวถูกน่ะ”

หนุ่มลูกครึ่งยิ้มให้ ปลายฟ้างุนงงเหลือเกินเพราะเมื่อกี้ตัวเขายังไม่อยากให้เธออยู่ที่นี่เลย ทำไมถึงมาพูดปลอบใจแบบนี้หรือว่าหญิงสาวแสดงออกชัดว่ากลัวให้พวกเขาเห็น

“ข..ขอบคุณค่ะ”

ไม่มีอะไรจะตอบนอกจากคำนี้ผนวกกับรอยยิ้มลงไปด้วย

“เอาล่ะ ไปทำงานของพวกลูกได้แล้วนะ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีล่ะ”

คำจากลาแสนสั้นของสิระ อมาตยกุล ลูกทุกคนของเขารวมไปถึงปลายฟ้าได้ออกจากห้องนั้นด้วยกัน ชายหนุ่มทั้ง 5คนที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองก็มองหน้ากันก่อนที่จะหันไปถามปวริศ พี่คนโต

“พี่ริทครับ ผมอยากรู้ว่าพี่จะทำยังไงกับเธอเหรอ?” กรกฎถาม

“....”

“ที่งี้เวลาแบบนี้ดันไม่พูดซะงั้น!” ลูกคนเล็กเริ่มหัวเสียใส่

“ไม่ใช่ว่าคำถามไม่น่าตอบหรอกเหรอ?” อดิสรณ์พูดติดหัวเราะ

“มันไม่น่าตอบตรงไหน”

“ต้องถามแบบนี้ต่างหาก พี่ปวริศครับเราจะใช้งานเธอยังไงเหรอ? ให้เป็นตัวทดลองของพี่รังสิมันต์ไหม”

“ตัวทดลองอะไรคะ?” ปลายฟ้าถามทันทีหลังที่ได้ยิน

“ก็คงเป็นเรื่องทดลองยาตัวใหม่ที่ผสมกันล่ะมั้งครับ” วสันต์เอ่ยปลายฟ้าหน้าซีดแทน ไม่อยากนึกภาพอะไรต่อจากนี้เลยจริงๆ

“...”

แม้แต่อดิสรณ์ถามก็ยังไม่ได้คำพูดอะไรจากพี่คนโต ทำให้กรกฎกับรังสิมันต์ถึงกับกลั้นขำ

“อะไรกัน คำถามก็ไม่น่าตอบหรอกเหรอเนี่ย?”

กรกฎย้อน อดิสรณ์ก็ยิ้มหวานเหมือนแก้เขินให้ตัวเองแทน

“เดือนหน้าพวกเราจะไปเรือสำราญกัน”

"เรือสำราญเหรอ เรืออะไร?" รังสิมันต์ขมวดคิ้วถาม

"ยังไม่มีข่าว ถ้าได้เมื่อไหร่เราจะรวมตัวอกันอีกครั้ง ในส่วนเรื่องของปลายฟ้าพี่จัดการเอง พวกนายไปทำงานของตัวเองไป "

ปวริศพูดขึ้นเหล่าน้องๆ ทุกคนก็แยกย้ายไปตามหน้าที่ตัวเอง ทำให้เหลือ 2คนในตอนนี้คือเธอและเขา

“ตามฉันมา”

“ค่ะ…”

เธอตอบกลับแล้วตามไปเงียบๆโดยที่ต้นขาที่ถูกยิงมันระบมเจ็บ จนเดินไม่สะดวกแถมคนข้างหน้าก็เดินไม่รอปลายฟ้าเลยสักนิด และในช่วงเวลานี้หญิงสาวก็ได้มองบ้านนี้รอบๆก็ตกใจความอลังการและหรูหรา อีกทั้งยังใหญ่โตดูกว้างอย่างที่กรกฎบอกจริงๆ ในตอนนี้ปลายฟ้าไม่รู้เลยว่าเขาจะพาเธอไปไหน ทำได้แต่เตินกระเผลกตามโดยไม่คิดจะถามอะไร

“ไม่ถามอะไรหน่อยเหรอ?”

ปวริศเดินช้าลงเพื่อให้ปลายฟ้าที่พยายามเดินอยู่มาถึงตัวเขา

“คะ?”

“ก็ปกติจะชอบถามนี่ ไม่พูดอะไรเลยเหรอ?”

ปลายฟ้าไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดขึ้น ใครจะไปพูดอะไรในที่ๆ ตัวเองไม่รู้จักแถมโดนลักพาตัวมาอีก ไหนจะให้มาอยู่บ้านหลังนี้โดยที่ฝ่ายชายตรงหน้าเป็นคนจัดการทุกอย่าง ซึ่งไม่รู้ว่ามันดีหรือร้ายกันแน่

“คือ ไม่มีค่ะ”

“เหรอ ถ้างั้นนึกออกแล้วค่อยถามละกัน เพราะตอนนี้เธออยู่ภายใต้การดูแลของฉัน”

“ค่ะ”

“ฉันต้องบอกเธอก่อน ฉันไม่อนุญาตให้เธอเก็บไปคิดคนเดียว ห้ามสงสัยทุกอย่างในการกระทำของฉัน ถ้ามีฉันอนุญาตให้เธอถามได้ แต่จะตอบไหมนั้นอีกเรื่องหนึ่ง”

“ค่ะ”

“ห้ามมีความลับหรือสิ่งที่ไม่บอก เพราะถ้ามี…”

“ถ้ามี…ทำไมคะ?”

“จะเค้นเธอด้วยกำลัง หวังว่าเธอคงไม่เอาตัวเลือกสุดท้ายหรอกนะ?”

ปลายฟ้าที่ฟังก็นิ่งไปเลยทีเดียว ตอนที่ปวริศพูดน้ำเสียงของเขาเย็นชาไม่ใจดีเหมือนที่ตอนอยู่ที่ทำงานเลย ขนาดไม่หันหน้ามาคุยยังขนาดนี้ ถ้าหันหน้ามาเธอคงได้เจอสีหน้าที่นิ่งไร้อารมณ์เหมือนตอนที่เห็นเขาลงมือฆ่าปรานปรียา แสงอุทัยคนนั้น

“มีคำถามค่ะ…”

ปลายฟ้าไม่อยากตายเหมือนปรานปรียา เธอต้องห้ามมีความลับกับเขาแม้แต่เรื่องที่สงสัยด้วยเช่นกัน ไม่รู้ว่าจะตอบไหมแต่…เธออยากรู้เหลือเกิน

“พี่ชื่ออะไรเหรอคะ?”

“...”

“พี่ปวริศ…”

“...”

“หรือพี่ไนซ์คะ?”

“ปวริศ ฉันมีชื่อนั้นชื่อเดียว”

คำตอบด้วยเสียงที่เรียบทุ้มจากคนตัวสูง ทำให้เธอเข้าใจว่าเขาไม่ได้ชื่อไนซ์ เขมทัศ

“แล้วทำไมตอนที่เจอกันถึงบอกว่าชื่อปวริศคะ ทำไมถึงไม่บอกว่าชื่อพี่ไนซ์ไปเลย”

เขาไม่ตอบ ปลายฟ้าไม่ว่าอะไรเพราะชายหนุ่มบอกไปอยู่เมื่อกี้ ‘จะตอบไหม’ นั่นอีกเรื่องหนึ่ง ปลายฟ้าก็เดินตามเขาไปเงียบๆ จนในที่สุดถึงที่ลานจอดรถ ร่างสูงผิวน้ำผึ้งเปิดประตูหลังรถด้วยกุญแจ เขาเอาของที่เป็นของเธอโยนให้นั่นคือกระเป๋าสีเอิร์ธโทนตอนไปทำงานวันนั้น

และมันเลอะเลือด

ภาพตอนที่ปรานปรียาเลือดกระเซ็นตอนโดนแทงตาวันนั้นได้ผุดขึ้นมาในหัว ร่างบางสั่นเทาและหัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ หญิงสาวสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อให้ตัวเองใจเย็น จากนั้นปลายฟ้าก็สบตามองเขาที่ตอนนี้ปวริศมองเธอกอดอกให้ ในหัวสมองเธอตอนนี้ได้มีแต่ภาพการตายและเลือดที่เลอะไปทั่วพื้น รวมไปถึงศพในกระเป๋า

ศพ..

เลือด…

เสียงกรี๊ดร้อง…

และการตายเพียงแค่มือเดียวของปวริศ…

มันน่ากลัวจนไม่สามารถลบออกไปจากสมองและความจำปลายฟ้า รินใจได้เลย

“กระเป๋าฉัน…นี่คะ” เธอพูดหลบตามองพื้น

“ใช่ ของเธอฉันไม่ได้เอาไปทิ้ง ห้องนอนของเธอคือห้องที่กรกฎพาออกมา”

“...”

“เป็นอะไร?”

ปวริศถามขึ้นมาหลังเห็นสภาพร่างบางในชุดใหญ่ที่เขาใส่ให้ดูนิ่งและไม่ตอบอะไร เขาเดินไปใกล้ๆ แล้วจับไหล่บางให้ยืนตัวตรงพร้อมกับเอามือจับปลายคางให้เงยหน้าขึ้นมา เขาได้จ้องไปยังดวงตากลมของหญิงสาว จนน้ำตามันไหลออกมาเลอะหน้าหวานของเธอ ปวริศมองสถานการณ์โดยรอบเขาหาเหตุผลว่าทำไมเธอถึงร้องไห้อย่างไม่มีสิ่งเร้าแบบนี้ นอกเสียจากตอนที่เขาโยนกระเป๋าให้มันก็ไม่ได้โดนตัวเธอ

“ร้องทำไม?”

“หนู..ฮึก..กลัวเลือด..ค่ะ” ปลายฟ้าสะอื้นตอบ

“เธอกลัวเหรอ?”

ปลายหน้าพยักหน้าเป็นคำตอบ

“มันก็แค่เลือดเลิกร้องไห้ได้แล้ว”

พูดเสร็จปวริศก็ปล่อยมือที่จับคางเธอ ปลายฟ้าเข่าอ่อนทันทีหลังจากที่เขาให้ใบหน้าเธอเป็นอิสระ สิ่งที่หญิงสาวทำได้ตอนนี้คือเรียกขวัญให้ตัวเองใจเย็นและดึงสติไม่ฟุ้งซ่านในเรื่องนั้น

ต้องอยู่กับปัจจุบัน..

ปวริศย่อเข่าแตะพื้นลงพร้อมกับมองหญิงสาวที่อาการแปลกๆ โดยที่เขาก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก มีฉันอยู่ไม่ต้องน่ากลัวอะไรทั้งนั้น”

“ขอโทษ..ค่ะ”

“เธอกลัวเลือดขนาดนั้นเลยเหรอ”

คำตอบเป็นการพยักหน้าของปลายฟ้า จนกระทั่งหญิงสาวได้สบตาสีดำของปวริศที่ไร้อารมณ์และความน่าขนลุกไม่สามารถอธิบายได้ รู้แค่ว่าพอได้มองไปนานๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้มันรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ตัวเองได้ลืมเลือนไป หัวใจของเธอได้สั่งให้ร่างกายนั้นต้องทำอะไรสักอย่าง มือบางได้ยกขึ้นมาจับคอที่ชายหนุ่มพร้อมกับจะทับร่างเขา

ทว่าปวริศเองก็ไม่ใช่คนที่จะให้เรื่องพวกนั้นมันเกิดขึ้นง่ายๆ เขาจับล็อคหญิงสาวด้วยการหักข้อมือบางทันทีพร้อมกับจับร่างนอนกดกับพื้นโดยที่ปวริศไม่ได้ออกแรงอะไร แต่ความทรมานข้อมือที่ผิดรูปจากการโดนหักไปนั้นก็เรียกเสียงร้องกรี๊ดที่เจ็บปวดออกมา

“ใจกล้าดีนี่ที่จะบีบคอฉันด้วยมือเล็กๆ แบบนั้น แต่เธอฆ่าฉันไม่ได้หรอกนะ ปลายฟ้า”

“ฮึก ฮือออ ปล่อย”

เธอร้องไห้โฮดังให้ปวริศ ชายหนุ่มก็รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องกลัวและอยากหนีไปจากที่ไม่คุ้นตาแบบนี้ เป็นใครก็ไม่สบายใจที่จะอยู่ด้วยความกลัวและความไม่แน่นอนว่าชีวิตจะอยู่ถึงเมื่อไหร่

“ไม่ต้องกลัวไปหรอก บอกแล้วไง”

“...”

“มีฉันอยู่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น”

ปวริศพูดพร้อมกับมองตากลมสวยของปลายฟ้าที่เลอะน้ำตาด้วยไม่ละไปที่อื่น เขาจ้องมันและมองไปยังสุดลึกถึงก้นหัวใจที่สามารถสัมผัสได้ สร้างความกดดันให้เธอและให้คนแบบหญิงสาวตระหนักรู้ในส่วนที่เธอต้องเข้าใจมัน

นั่นคือไม่มีใครน่ากลัวไปกว่าปวริศ อมาตยกุล

สิ่งนี้คือการยืนยันด้วยสายตาที่จ้องมองเธอโดยไม่กระพริบแม้แต่น้อย

To Be Continued