ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์) โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ


วิปลาสทรชน

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก 

อัพตอนใหม่ ทุกวันพุธกับเสาร์

ปลดตอนอ่านฟรี 1 วันรอแจ้งนะคะ


วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด


แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล



คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต


#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ




นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้


ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ประกาศ หยุดอัพนิยายชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือนหน้า,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ประกาศรีไรท์ ตอนใหม่+เนื้อหาที่เปลี่ยนเล็กน้อย+ติดเหรียญ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-แจ้งวันอัพนิยายอย่างเป็นทางการ และวันปลดอ่านฟรี,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1)

เนื้อหา

ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์)

แก้ไขครั้งที่1: 11 กันยายน 2567

เพิ่มไปเยอะมากค่ะ นั่นก็คืออดีตของนางเอกเรานั่นเอง



ปกติคนเราจะไม่บอกชื่อจริงตอนอยู่ในช่วงล่านี่น่า ทำไมกัน


ในขณะเดียวกันหนุ่มตี๋กับทรงผมสกินเฮดสีแดงไล่เฟดของเขาได้เข้าห้องนอนของปลายฟ้า รินใจที่อยู่ชั้นล่างมุมขวาของบ้านในสุด ตอนนี้เขาเข็นอาหารมานั้นชายหนุ่มพึ่งนึกได้ว่า หญิงสาวจะชอบอาหารมื้อนี้รึเปล่าอยู่เลย แต่สนใจด้วยเหรอก็ไม่

มือหนายกมาจะเคาะประตูแต่ลืมไปเลยว่าตอนนี้น่าจะหลับอยู่ รังสิมันต์เลยถือวิสาสะเข้าไป

“สวัสดีครับ ขอเข้าไปหน่อยนะ”

แม้ภายในห้องจะมีห้องนอนซ้อนข้างในอยู่ถ้าไม่สังเกตจะนึกว่าเป็นห้องเก็บของ แต่ความจริงแล้วมันคือห้องนอนที่เปิดได้จากประตูด้านนอกเท่านั้น มือหนาเปิดประตูแล้วพบหญิงสาวในสภาพที่ข้อมือไปจนถึงศอกถูกพันแผลรักษาไว้เพราะกระดูกหัก แถมท่าทางปลายฟ้าดูสะดุ้งกลัวตกใจเมื่อเจอเขา

นัยน์ตาสีเขียวของหญิงสาวได้ทอดมองมาเหมือนเขาเป็นคนที่จะมาทำร้ายเธออย่างไรอย่างนั้น ทั้งทีเจ้าตัวก็ไม่ได้ล่ามโซ่เธอไว้ตอนที่ปฐมพยาบาลให้

“น่าน้อยใจน้า ฉันไม่ทำอะไรคนในบ้านเดียวกันหรอก” 

หนุ่มตี๋ยิ้มให้และเอาอาหารมาวางตรงที่วางของด้านขวามือตรงเตียง ปลายฟ้ามองพะวงใจให้รังสิมันต์ไม่น้อย

“อาหารเช้าวันนี้คือต้มจืดฟักหมูบดและเต้าหู้ไข่นึ่งสุกแยกไว้ 10ก้อนต่างหาก”

รังสิมันต์ยิ้มเป็นกันเองพลางอธิบายเมนูอาหารให้ แต่ปลายฟ้าก็ยังมองระแวงอีกเช่นเคย แล้วเขาสนใจเหรอก็ต้องไม่อยู่แล้ว

“ให้ฉันป้อนให้ไหม?”

รังสิมันต์ถามยิ้ม ปลายฟ้าส่ายหน้าเป็นคำตอบทำให้เขาหัวเราะในลำคอใส่

“เหรอ สรุปคือจะทานเอง?”

“ค่ะ”

หญิงสาวตอบทันทีแต่เสียงเธอนั้นยังมีความสั่นกลัวอยู่ หนุ่มตี๋ทิ้งตัวลงขอบที่นอนแล้วเอาช้อนตักอาหารพอดีคำขึ้นมาแล้วเอาเข้าปากปลายฟ้า โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวจนเกือบสำลักมัน

“ท..แค่ก..ทำอะไรน่ะ”

“ป้อนข้าวไง ข้อมือหักแบบนั้นทานไม่สะดวกหรอกนะ”

“ไม่ต้อง..แค่ก..ขอบคุณค่ะ”

“เธอปฏิเสธน้ำใจฉันเหรอปลายฟ้า”

รังสิมันต์ถามด้วยรอยยิ้ม แทนที่จะเป็นคำพูดที่ดีให้เธอไม่รู้สึกอะไร ทว่าเมื่อจ้องไปย้งแววตาที่คมคายของเขา ปลายฟ้ารู้สึกถึงอันตรายบางอย่างที่เธอคาดเดาไม่ได้ จนพยายามสงบสติและคิดว่าควรทำยังไงกับคนตรงหน้า

ซึ่งเธอจำได้เรื่องที่อดิสรณ์พูดวันนั้นในเรื่องจะให้เธอเป็นตัวทดลองอะไรสักอย่าง สิ่งนั้นทำให้ปลายฟ้ากลัวไม่น้อย

“เงียบนานเลยนะกำลังคิดว่า ‘ฉันจะทำอะไรเธอรึเปล่า’ สินะ?”

“ไม่ค่ะ!” ปลายฟ้าตอบทันควัน

“ก็ดีแล้ว เธอไม่ต้องกลัวหรอกนะ ตราบใดที่อยู่เป็นคนในบ้านหลังนี้ ไม่มีใครทำอะไรหรอก”

คำพูดด้วยน้ำเสียงแสนใจดีของรังสิมันต์ อมาตยกุลและรอยยิ้มของเขาที่สร้างบรรยากาศความเป็นกันเองให้ปลายฟ้า รินใจคลายกังวลไป เธอมองตาเขาและปลายฟ้ารู้เสมอว่าแววตาไม่เคยโกหก

“ดีมาก ฉันป้อนข้าวให้”

พูดเสร็จหนุ่มตี๋ก็เอาถ้วยมาป้อนข้าวพอดีคำให้เธอ แม้จะมีอาการกังวลใจอยู่บ้าง จนได้กินหมดถ้วย

“กินหมดเลยเหรอเนี่ย แสดงว่าหิวมากเลยสินะ”

ชายหนุ่มมองอาหารที่เขาเอามาแล้วชมการกินอาหารของเธอ ที่ดูเป็นคนกินง่ายกว่าที่คิด ต่างจากกรกฎน้องชายคนเล็กของเขาที่กินยากแถมเลือกกินมากอีกต่างหาก

“ค่ะ”

“ฮ่ะๆ พูดตามสบายได้เลย มีอะไรสงสัยถามได้เลยนะ”

“จริงเหรอคะ…”

“ยกเว้น เรื่องจะหนีไปจากที่นี่นะ”

ยังไม่มันได้เอ่ยถาม โดนดักคอเสียก่อนเลยแต่ถึงอย่างนั้นต่อให้หนีไปปลายฟ้าก็นึกไม่ออกอยู่ดีว่าตัวเองจะหนีพวกเขายังไง เพราะพวกเขาคงเป็นคนที่ตามหาเธอได้ไม่ยาก

ที่สำคัญสายตาคมเล็กของรังสีมันต์มองมาที่เธอ เหมือนกำลังจะบอกว่า ห้ามโกหกและต้องพูดจริงเสมอ เหมือนถูกบังคับโดยไม่ต้องพูดหรือสั่งอะไร แต่กลับใช้สายตาและการมองหน้าแทน

น่ากลัว…ถึงจะไม่เท่าพี่ปวริศแต่อีกฝ่ายคือน้องชายของเขา คงเป็นพวกประเภทเดียวกัน ที่ไม่ปราณีและฆ่าคนได้โดยไม่รู้สึกผิด

“ไม่หรอกค่ะ บ้านฉันมีแค่ฉันคนเดียวอยู่หนีไปก็ไม่เจอใครหรอกค่ะ”

“อยู่คนเดียว ไม่มีญาติคนอื่นเหรอ”

“ไม่มีค่ะ หนูเสียพ่อแม่ไปนานแล้ว ที่ยังอยู่มาได้เพราะเงินที่หาจากการทำงานในวัยเรียนล้วนๆค่ะ โชคดีที่พ่อแม่มีบ้านให้ไม่ต้องไปเช่าที่อื่น”

ปลายฟ้าบอกตามความจริง แต่มีอีกเรื่องที่ไม่ได้ใส่ลงไปนั้นคือ หลังจากที่พ่อแม่ตายได้ 3ปี นอกจากเงินจากการทำงานในวัยเรียนแล้ว ยังมีเงินอุปถัมภ์โอนมาให้เธอใช้ทุกเดือนเดือนละ 10,000 บาทถ้วน จนถึงช่วงเรียนมหาลัย แต่พอจบมาเงื่อนไขนั้นก็จบลง

แม้จะไม่เคยเห็นหน้า ปลายฟ้า รินใจก็จำชื่อได้อย่างมั่นใจนั่นคือ ปริญ ชื่อนี้จะไม่มีวันหายไปไหนจนกว่าสิ้นชีวา ผู้อุปถัมภ์ตอนเรียนมหาลัย

สาเหตุที่ไม่เอ่ยไปนั้น ปลายฟ้ากลัวที่จะโดนพวกไม่ปกติไปกระทำผู้มีพระคุณของเธอ ในส่วนเรื่องญาติก็โกหกเช่นกัน ถึงพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนดีอะไรขนาดนั้น ก็ไม่อยากให้เป็นอะไรไปอยู่ดี แม้พวกเขาจะรวยใช้ชีวิตได้หรูหราต่างจากหญิงสาวที่ต้องมีชีวิตให้ดีกว่าเดิม เลยกัดปากฟันถีบสู้ชีวิตเอา

“พวกเขาตายได้ยังไงเหรอ?”

“ตาย..เหรอคะ?”

“ใช่ ทำไมถึงตายทั้งคู่ล่ะ อุบัติเหตุเหรอ”

รังสิมันต์เท้าคางถามและมองไปยังแววตาสวยหวานของปลายฟ้า มื่อรู้ว่าตาสีเขียวสวยของเธอถูกจ้องก็หลบหน้าหนีแต่ก็โดนมือหนาจับปลายคางให้หันตรง

“มารยาทไม่มีเลยนะ หลบตาคุยแบบนั้นน่ะ”

'ให้ตายสิ อาหารที่กินไปมันจะอ้วกแทนแล้วเนี่ย…’ ปลายฟ้าบ่นในใจมือบางก็กำแน่นไม่รู้จะระบายความเครียดนี้ไปที่ไหน

“ขอโทษค่ะ คือมัน..จำไม่ได้จริงๆ มันนานแล้ว” เธอพูดและหันลูกตาหนีแทน

“งั้นเหรอ ขอแสดงความเสียใจด้วยนะ”

รังสิมันต์ยิ้มแย้มให้เธอพร้อมกับปล่อยมือที่จับคางออก ซึ่งคนได้ยินก็พยักหน้าตอบ

“ในเมื่อเธอเล่าของเธอแล้ว มีอะไรอยากรู้เรื่องของพวกฉันไหม?”

“รู้เรื่องของคุณเหรอคะ?”

“ใครก็ได้ในบ้านนี้ ยังไงเราก็อยู่ด้วยกันแล้ว จะรู้อะไรสักหน่อยก็ไม่เป็นไรนี่ถูกไหม?”

“ถามได้ทุกอย่างเลยเหรอคะ?”

“ใช่” รังสิมันต์ยิ้ม

“อา..งั้น..พี่ริทกับพี่ไนซ์คือเขามีสองชื่อเหรอคะ?”

“ไนซ์ เขมทัศเป็นชื่อของคนที่พี่ริทไปจัดการเพื่อเอาตัวตนเขามาใช้น่ะ”

“จัดการ..ฆ่าเหรอ!?”

“ใช่ การที่เราจะไปทำงานที่ไหนแล้วเข้าใกล้เหยื่อ พวกเราต้องหาผู้โชคร้ายสักหน่อย แล้วก็เปลี่ยนเอกสารเล็กน้อยจากนั้นค่อยลบข้อมูลทิ้งจากระบบ และฆ่าคนที่เกี่ยวข้องจัดการเรื่องข้อมูล”

“เดี๋ยวนะคะ ฆ่าคนที่เกี่ยวข้องจัดการเรื่องข้อมูล…เป็นใครบ้างเหรอคะ?”

“หื้ม พวกคนที่จัดการคนที่รับสมัครงานหรือพวก HR อะไรแบบนี้น่ะ”

“ขนาดนั้นเลยเหรอคะ…”

“แค่กันไว้ก่อนเฉยๆแต่ไม่ได้ทำหรอก เพราะว่าเราเสร็จงานแล้วก็จะลาออกเลยโดยไม่มีใครรู้น่ะสิ”

“ค่อยยังชั่วค่ะ นึกว่าจะไปฆ่าพวกคนออกทะเบียนราษฎร์”

ปลายฟ้าถอนหายใจโล่งอกที่ไม่ลามไปถึงตรงนั้น แต่พอได้เห็นสีหน้าของหนุ่มตี๋ที่ได้ยินเหมือนกับว่าเขาได้ยินเรื่องประหลาดใจจนหลุดหัวเราะเสียงดังใส่

“ข..ขำทำไมคะ?” ปลายฟ้าขมวดคิ้ว

“มันก็ ฮ่าๆ ทีแรกพวกเราไม่ได้คิดจะไปทำถึงตรงนั้นเลยนะ ไว้วันหน้าจะลองทำดู”

“ไม่ต้องค่ะ!!! ไม่ต้อง!!!!”

ไม่น่าเชื่อว่าตัวปลายฟ้าจะเป็นคนจุดประเด็นเรื่องแบบนี้เฉย ท่าทีของเธอมันก็ลุกลี้ลุกลนกับสิ่งที่เขาพูดไปเรื่อยทันที ทำให้รังสิมันต์ขำเหมือนโดนเส้นมากกว่าเดิม สารภาพจากใจปลายฟ้าไม่เข้าใจเท่าไหร่ทำไมถึงเป็นเรื่องน่าตลกได้ล่ะเนี่ย

“โอ๊ยย ตลกเป็นบ้า เลยฮ่าๆๆ”

“ค่ะ ตลกก็ตลก”

ถึงไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอโล่งอกมันตลกตรงไหนก็ตาม ชายหนุ่มที่เห็นไม่พูดอะไรก็พยายามหยุดหัวเราะใส่แล้วก็เก็บอารมณ์ให้นิ่ง

“โทษทีนะ มีอะไรอยากถามอีกไหม?”

“ก็..” 

สารภาพจากใจปลายฟ้าไม่รู้จะถามอะไรต่อเลย และแล้วในหัวเธอก็ได้นึกอย่างหนึ่งขึ้นมานั่นก็คือคำถามที่ปวริศไม่ตอบเธอ

“คือว่าตอนที่หนูไปสัมภาษณ์งาน หนูเจอพี่ปวริศค่ะ”

“อืม…แล้ว”

“ตอนนั้นหนูถามชื่อเขา แทนที่เขาจะตอบเป็นชื่อตัวเองว่าไนซ์ เขมทัศแต่ทำไมถึงเขาบอกชื่อตัวเองเหรอคะ”

“บอกชื่อตัวเองเหรอ?”

รังสิมันต์ทวนคำถามแล้วคิดตามในสิ่งที่เธอพูด มาประมวลผลกับนิสัยของพี่ชายคนโตแล้วมันเป็นเรื่องแปลกจนน่าแปลกใจ

‘ปกติคนเราจะไม่บอกชื่อจริงตอนอยู่ในช่วงล่านี่น่า ทำไมกัน’

หนุ่มตี๋คิดในใจและงุนงงกับการกระทำของปวริศ แม้พี่ชายคนโตจะมีมุมแปลกบ้าง แต่เรื่องนี้มันคือสิ่งที่รังสิมันต์ไม่เข้าใจการกระทำของพี่เขาอันนี้ได้เลย

‘หรือว่า…ถูกใจเหรอ?’

ชายหนุ่มมองหน้าปลายฟ้าและครุ่นคิดไปด้วยซึ่งพอเห็นสภาพหญิงสาวที่ตัวผอมบอบบาง ดูไม่น่ามีแรงอะไรแถมผิวก็ขาวเนียน ผมเรียบตรงสีดำสนิทเหมือนขนนกอีกาแถมยังยาวไปถึงกลางหลัง ใบหน้าก็หวานตาโตพอเหมาะ เรียกได้ว่าน่ารักเลยก็ว่าได้ ไม่อยากเข้าข้างเท่าไหร่แต่อันนี้เป็นไปได้มากสุดว่าถูกใจหน้าตา

แต่…มันก็ไม่สามารถยืนยันได้อยู่ดีทำไมถึงบอกชื่อจริงตัวเองไป

“ไม่รู้สิ คงเพราะจะฆ่าเธอล่ะมั้ง”

เขาพูดเสียงหยอกล้อใส่และเก็บจานอาหารไปที่รถเข็น ร่างสูงก็เดินออกไปโดยที่เปิดประตูไว้ให้ แต่คนฟังอย่างปลายฟ้าหน้าซีดออกมาหลังได้ยิน หัวใจแทบหล่นตุบไปพื้น

แถมรังสิมันต์จากไปด้วยรอยยิ้มเป็นกันเองให้ทำเอาเธอแทบจะกรี๊ดให้ดังสุดเสียงเสียเหลือเกิน แต่มันทำไม่ได้เนี่ยสิ

ระหว่างที่ชายหนุ่มจะเข็นรถไปข้างนอกเพื่อออกจากห้องอีกที รังสิมันต์ได้เจอกับปวริศชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งได้เดินเข้ามาในอยู่ตรงหน้าห้องพอดี

“ทานข้าวรึยังครับพี่ริท”

“ยัง ว่าจะมาดูเธอสักหน่อย”

“ขอถามอะไรหน่อยสิครับ”

ปวริศหยุดเดินทันที หลังรังสิมันต์ทักขึ้นมา

“ทำไมถึงบอกชื่อจริงกับเธอตอนเจอครั้งแรกเหรอ?”

รังสิมันต์ถามด้วยรอยยิ้มมุมปาก ดูเหมือนว่าคำถามเขาทำให้คนเป็นพี่ใหญ่ของบ้านหันมามองด้วยปลายตานิ่งเฉยเหมือนทุกที ถึงอย่างนั้นปฏิกิริยาตอบโต้ก็ไวเช่นเดียวกัน หนุ่มตี๋เข้าใจเลยว่าพี่ใหญ่คนนี้มีอะไรดลใจที่ทำอย่างนั้นแน่นอน

“รู้แล้วนายจะได้อะไร”

“ไม่…ก็แค่อยากรู้เฉยๆ”

“ไม่มี”

“หื้อ? ไม่มีเหรอ?” 

รังสิมันต์เอียงคอยิ้มหวานมุมปากให้รู้เลยว่าพี่ชายตรงหน้าเขามีเรื่องปิดบังอีกแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นพูดไปมันก็ไม่ได้เพราะทุกคนในบ้านมีเรื่องปิดบังตลอดอยู่แล้วจะบอกก็ตอนที่อยากจะบอกเท่านั้นเลย

“ใช่ จะถามอะไรอีกไหม”

ทั้งสองหนุ่มพี่น้องมองหน้ากันแค่เพียงสบตาก็รู้ว่าควรทำตัวแบบไหน โดยเฉพาะรังสิมันต์ อมาตยกุลเขาก็หยักไหล่แล้วเดินจากไปพร้อมกับรถเข็นอาหาร

เมื่อไม่ได้ยินเสียงแล้วชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งก็เข้าไปข้างในห้องที่เปิดทิ้งไว้ เขาก็เจอปลายฟ้าที่นั่งมองตักตัวเองก่อนจะเงยหน้าปาดน้ำตามองมาที่แขกหน้าประตู

“พี่ปวริศ..” หญิงสาวเรียกชื่อเขาแผ่วเบา

“มีตอนไหนบ้างไหม ที่เจอฉันแล้วจะไม่ร้องไห้”

“ฮึก…ฮือ หนูแค่กลัวค่ะ”

ปลายฟ้าตอบจากก้นบึ้งของหัวใจไป เธอรู้ว่าชีวิตตัวเองตอนนี้เหมือนเดินอยู่บนเชือกที่หน้าผา ไม่รู้จะตายเมื่อไหร่ ปวริศที่เห็นสภาพปลายฟ้าแล้วก็พอเดาไปอย่างหนึ่งได้คือ

หญิงสาวยังกลัวเขาและไม่กล้าที่จะให้ความร่วมมือในการทำงานแน่ๆเหตุผลสั้นๆคือกลัวนั่นเอง

ซึ่งปวริศ อมาตยกุลไม่ใช่พวกที่อยากทำงานแล้วมีอะไรติดขัดแบบเช่นนี้ จำเป็นต้องปรับความเข้าใจหญิงสาวผู้แสนอ่อนแอตรงหน้า โดยปกติแล้วเขาไม่ทำแต่ปลายฟ้าเป็นข้อยกเว้น

“ขอโทษ”

“คะ?”

“ข้อมือเล็กตรงนั้นฉันทำมันหัก เธอเลยยังกลัวฉันสินะ?”

“เอ่อ..”

“ใช่ไหม?” 

ปวริศเน้นเสียงถามมันทำให้ปลายฟ้าสัมผัสได้ถึงความกดดัน จนเธอหลบหน้าปลายตาหันไปทางอื่น

“ค่ะ…” ปลายฟ้าตอบเสียงเบา

“ไม่ได้ยิน”

“ค่ะ..” เธอบีบเสียงให้ดังขึ้นมาหน่อยหนึ่ง

“เลิกกลัวได้แล้ว ฉันขอโทษที่ทำเธอข้อมือหัก ก็ตอนนั้นเธอ…”

“ตอนนั้นทำไม..เหรอคะ?”

ปลายฟ้าถามด้วยใบหน้าที่สงสัยอย่างเห็นได้ชัด ปวริศเองก็มองดูแล้วเหมือนคนตัวเล็กตรงหน้าจะจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้ว่าตัวเองพลั้งมือจะมาบีบคอเขา จนชายหนุ่มจับเธอดันลงพื้นและหักข้อมือจนอยู่ในสภาพเข้าเฝือกนี้

“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าฉันขอโทษ พอจะทำให้หายกลัวไหม?”

“อืม…ไม่ค่ะยังกลัวอยู่” ปลายฟ้าพูดเสียงเบาอีกครั้ง

“ไม่ได้ยิน”

“ยังกลัวอยู่ค่ะ!”

“ดี ตอนนี้ฉันขอโทษเธอแล้ว ถึงคราวเธอบ้าง”

“คะ?”

ปวริศเดินเข้ามาและทิ้งตัวบนนั่งลงที่นอนมาอยู่ข้างๆปลายฟ้า ซึ่งตัวชายหนุ่มนั้นตัวสูงใหญ่กว่าเธอมากทำให้ระแวงไม่น้อยเลยจะโดนอะไรหลังจากนี้

“ฉันรู้สึกว่าเธอมีความลับกับฉัน”

“ความลับเหรอคะ?”

“ใช่ เธอคุยอะไรกับรังสิมันต์”

“แค่ถามน่ะค่ะ”

“ถามว่า..”

ช่างเป็นการเค้นคำพูดจากเธอด้วยน้ำเสียงแสนเรียบแต่มันดันทำให้ปลายฟ้าผวาไปจนถึงจิตใจเลย ภาพลูกดอกที่ยิงแทงลูกตาปรานปรียาด้วยฝีมือปวริศมันยังติดตาเธอจนจิตใจมันไม่สงบเลย

“พี่ปวริศจะฆ่าหนูเหรอคะ..”

แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เธอคุยกับรังสิมันต์ แต่มันคือคำถามจากเธอที่มีให้ปวริศ ซึ่งตัวเขาพอจะรู้ว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่คุยกับน้องชายเขา

“ฉันจะฆ่าเธอทำไมในเมื่อฉันดูแลเธออยู่”

เขาบอกด้วยเสียงที่นิ่งเหมือนทุกครั้ง ปลายฟ้ามองปวริศที่ดวงตากลมสวยยังสั่นอยู่แม้จะได้ยินในเรื่องบวกแบบนั้น มันไม่ได้สร้างความสบายใจอะไร

สิ่งที่เธอไม่อยากยอมรับคือใบหน้าของชายหนุ่มที่เกลี้ยงเกลาและดวงตาสีดำสนิทเหมือนไร้จิตใจดั่งสีนัยน์ตานั้น ปลายฟ้าที่ชอบดูแววตาคนเป็นอย่างแรกนั้น ปวริศ อมาตยกุล ดูไม่ออกเลยเหมือนกับว่าโลกใบนี้เป็นสีดำสนิทเหมือนดั่งสีตาของเขาที่มืดจนไม่เห็นอะไร

น่าแปลกตอนที่เขาอยู่ในบทบาทของไนซ์ เขมทัศ ดูมีชีวิตชีวาและน่าเข้าหารู้สึกเป็นมิตร 

ไม่สิ…นั่นไม่ใช่เขา...

เพราะที่เห็นตอนนั้นคือตัวตนของไนซ์ เขมทัศพี่ชายตรงหน้าไปสังหารเพื่อเอาตัวตนเขามาไม่ใช่ปวริศ อมาตยกุลที่อยู่ตรงหน้าเธอ

"ฉันจะบอกอะไรเธอสักอย่าง เกี่ยวกับรังสิมันต์"

"ว่ามาเลยค่ะ"

“อย่าไปคุยกับเจ้านั่นเยอะ มันไม่ใช่คนดีเข้าใจไหม”

“ค่ะ”

ปลายฟ้าอยากจะขำเสียเหลือเกิน พูดเหมือนตัวเองเป็นคนดีซะงั้น คนที่หญิงสาวพึงระวังมากที่สุดคือปวริศ อมาตยกุลชายตรงหน้าเธอต่างหาก

To be continued