ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์ โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ


วิปลาสทรชน

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก 

อัพตอนใหม่ ทุกวันพุธกับเสาร์

ปลดตอนอ่านฟรี 1 วันรอแจ้งนะคะ


วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด


แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล



คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต


#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ




นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้


ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ประกาศ หยุดอัพนิยายชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือนหน้า,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ประกาศรีไรท์ ตอนใหม่+เนื้อหาที่เปลี่ยนเล็กน้อย+ติดเหรียญ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-แจ้งวันอัพนิยายอย่างเป็นทางการ และวันปลดอ่านฟรี,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1)

เนื้อหา

ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์

แก้ไขครั้งที่1 : 16 กันยายน 2567

แก้ไม่เยอะ แทบไม่ต่างจากตอนแรกค่ะ( ⁠。⁠•́⁠‿⁠•̀⁠。⁠)


อดิสรณ์ อมาตยกุล ชายหนุ่มเชื้อสายแคนาดาและไทยที่มีส่วนสูง 205 เซนติเมตรเขาได้เห็นรังสิมันต์ พี่ชายตัวเองเข็นอาหารออกมาจากห้องนอนของปลายฟ้า เจ้าตัวก็ตรงไปหาเขาทันที

“พี่รังสิมันต์”

ชายหนุ่มเรียกชื่อพี่ตัวเอง เจ้าของชื่อได้เก็บรถเข็นและตักอาหารมาวางโต๊ะเรียบร้อยก็หันตามเสียงมาแล้วเจออดิสรณ์นั่งรอเขาอยู่ตรงข้ามที่นั่งกินข้าวรังสิมันต์

“ให้อาหารเธอแล้วเหรอพี่” 

“ใช่ เธอกินง่ายดี”

รังสิมันต์พูดเสร็จเขาตักอาหารเข้าปากพอดีคำ

“เยี่ยมเลย แล้วเธอเป็นยังไงบ้างตอนกิน”

“ทีแรกเธอจะกินเอง แต่พี่ไม่ชอบเลยจะป้อนให้น่ะสิ”

“ทำแบบนั้นเดี๋ยวพี่ริทก็ไม่พอใจหรอกที่มายุ่งของเขาน่ะ”

“อย่าลืมสิเอ็ดดี้ พี่เป็นข้อยกเว้นของบ้านหลังนี้”

หนุ่มตี๋ยิ้มหวานให้ ซึ่งสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริงอย่างที่ใครๆ ก็รู้ แม้แต่คนเป็นพี่คนโตก็ให้ทำอะไรได้ตามใจชอบ เพียงเพราะรังสิมันต์ อมาตยกุลเป็นคนบุคคลที่มีความสามารถทางการแพทย์และการใช้ยาได้ทุกรูปแบบ ที่สำคัญเขายังสามารถจัดการศพตกแต่งรวมไปถึงสร้างหลักฐานการตายได้อย่างแน่บเนียน

ทำให้รังสิมันต์ อมาตยกุล เป็นข้อยกเว้นที่จะทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่กลัวปวริศจะลงโทษหรืออะไร นี่คือส่วนที่อดิสรณ์รู้ดีไม่แพ้กันกับพี่น้องคนอื่นๆ

“ก็จริง แล้วเธอไม่ต่อต้านเลยเหรอ ดูปรับตัวง่ายจังเลย”

“ใครบอก กลัวจนตัวสั่นจะเป็นบ้าแล้วต่างหาก”

“จริงเหรอพี่ ผมอยากเห็นจัง”

“ถ้าได้อ่ะนะ”

“ทำไมเหรอ พี่ริทเขาไม่ยอมเหรอครับ”

“ไม่ยอมเหรอ…”

รังสิมันต์ได้นึกถึงตอนที่ได้คุยกับปลายฟ้า เขาได้เกิดคำถามขึ้นมาในใจเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่คุ้นตา นั่นคือความใจดีที่รังสิมันต์แปลกใจตรงที่พาคนนอกกลับมา ถึงจะรับรู้ว่าทำไปเพื่อพิสูจน์ความสามารถของเธอก็ตาม 

และสิ่งที่สนใจอีกอย่างของวันนี้คงไม่พ้นเรื่องที่ปวริศบอกชื่อจริงตัวเองตอนเจอปลายฟ้าครั้งแรก มันยิ่งทำให้กระตุ้นความอยากรู้มากกว่าเดิมอีก แม้พี่ชายคนโตเขาจะบอกมาแล้วว่า ‘ไม่มี’ ก็ตาม

“พี่รังสิมันต์ครับ..เป็นอะไรรึเปล่าครับ สูดยาที่ผสมเยอะไปเหรอ” อดิสรณ์เรียกหลังจากที่เห็นพี่ตัวเองเงียบนาน

“อ๋อ ไม่มีน่ะพอดีมีเรื่องให้คิดนิดหน่อย”

“นิดหน่อย คนอย่างพี่เนี่ยนะ?” เพราะรังสิมันต์เป็นคนไม่คิดอะไรเลย ถ้ามีล่ะก็คงเป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อย

“เมื่อวันก่อนไปพี่จัดการศพให้ปรานปรียามา พี่ไม่ได้ทำให้เพอร์เฟคเท่าไหร่”

“ทำไมล่ะครับ ผมว่าตอนเห็นศพในข่าวใครก็คิดว่าฆ่าตัวตายหมดนะ”

“ถ้ามองด้วยตาเปล่าน่ะใช่ แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะรู้ว่ามีรอยตำหนิเฉพาะที่พี่ทิ้งไว้น่ะ”

“พูดแบบนี้พี่ตั้งใจล่อใครมาเหรอ?”

“แหม ดูออกด้วยเหรอเนี่ย ก็…คงเป็นพวกคนนอกที่อยากมีบทล่ะมั้ง”

“ใครหวะนั่น” อดิสรณ์ยักคิ้วสงสัย

“ฮ่าๆ น้องไม่รู้จักหรอกเพราะว่าเขาเป็นตำรวจสากลที่ตามล่าพี่ตอนที่ไปทำงานที่เนเธอร์แลนด์ คิดว่าตอนนี้เขาน่าจะมาถึงไทยแล้ว”

“เอษรา แซนเดอร์เหรอ?”

อดิสรณ์จำได้ว่าพี่ชายเขารังสิมันต์ อมาตยกุล ได้สังหารไปแล้วตอนที่อยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์กับภารกิจตามล่าพวกค้ามนุษย์และคนเก็บเอกสารวิจัยเรื่องเชื้อโรคที่เป็นภัยต่อมนุษย์ แน่นอนว่าเอกสารเหล่านั้นรังสิมันต์เป็นคนเก็บไว้ ซึ่งคนที่เกี่ยวข้องคือเอษรา แซนเดอร์ ตำรวจ CIA ที่ทำงานรับผิดชอบคดีนี้และเขาโดนรังสิมันต์ฆ่าไปแล้ว 

ทว่าเหมือนจะไม่เป็นอย่างนั้นเพราะคนนี้ทำให้หนุ่มตี๋สนุกทุกครั้งเวลาที่เขาทำให้เจ้าตัวประหลาดใจ แต่ทำไมพี่ชายเขาถึงบอกว่าไม่รู้จักได้ล่ะ หรืออาจจะเป็นคนละคนกัน

“อ้าวรู้จักเหรอ?” รังสิมันต์ทำหน้าประหลาดใจ

“พี่ลืมไปแล้วเหรอ ตอนนั้นพี่เล่าบ่อยมากตอนที่กลับมาจากเนเธอร์แลนด์นะ”

“อ๋อ ลืมแล้วว่าเล่าไปน่ะสิ”

นอกจากจะขี้ลืมแล้วยังมีหน้ามายิ้มหวานดูไม่รู้สึกอะไรอีก อดิสรณ์เองก็ถอนหายใจพี่ชายตัวเองอยู่หน่อย เอาเถอะเขาชินแล้วที่อีกฝ่ายเป็นแบบนั้น ถ้าจำได้หมดคงไม่ใช่รังสิมันต์

“มันยังไม่ตายเหรอ พี่ไม่ได้ฆ่ามันไปแล้วรึไงตอนนั้น”

“อืม…” รังสิมันต์เอามือจับคางครุ่นคิด “ตอนนั้นพี่ได้เอกสารแล้ว พี่เลยไม่ได้ฆ่าให้ตายสนิทน่ะพอดีขี้เกียจก่อน”

“อีกแล้วนะ นิสัยขี้เกียจกลางคันของพี่เนี่ย”

“ก็มันไม่จำเป็นต้องฆ่านี่นา พี่เลยไม่ได้ดับชีวิตเขาและตอนพี่จะกลับเขาบอกเองว่า ’จะตามล่า’ น่ะพี่ก็เลย…”

รังสิมันต์ยักไหล่ยิ้มท่าทางสบายใจเฉิบไม่ไหว คนเป็นน้องเห็นก็ถอนหายใจเหลือเกินเพราะหนุ่มตี๋ตรงหน้าเป็นพวกที่ขี้เกียจและไม่ค่อยจริงจังในบางครั้ง นับว่านี่เป็นข้อเสียก็ว่าได้

“เอาเถอะ ตอนนี้ข่าวการตายปรานปรียาว่อนเน็ตมาก ออกสื่อหลายสำนักพอตัวเพราะเป็นคนใหญ่คนโต นี่คงไม่ใช่ล่อให้มันมาที่เราจะไปกันในอีก 1เดือนนี้หรอกนะ”

“ใช่ พี่ทิ้งอันเป็นเอกลักษณ์ของพี่ไว้ ถ้าเป็นเอษราเขาดูออกแน่นอน”

“รับผิดชอบเองล่ะ ชอบทิ้งงานหยาบอยู่เรื่อย”

ถึงหนุ่มลูกครึ่งจะรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่ชายตัวเองนั้นเป็นพวกที่ไม่สนใจอะไรแล้วหากงานเสร็จ ต่างจากปวริศพี่คนโตที่ต่อให้งานจบถ้ามีปัจจัยอื่นมาขวาง คนเหล่านั้นไม่รอดสักรายทำให้ไม่มีใครรู้หรือเห็นใบหน้าแม้แต่เสียงก็ไม่มีใครทราบได้

“พอดีงานเสร็จแล้ว เขาแค่มาหลังจากนั้นน่ะสิพี่เลยไม่ได้ฆ่าเขา แค่นั้นเอง”

“เรื่องนั้นผมรู้น่า”

“จริงสิ พี่ขอถามอะไรหน่อยสิเอ็ดดี้”

“ครับ ถามมาได้เลย”

“พี่สงสัยตั้งแต่น้องมาหาพี่แล้วน่ะ ปกติแล้วน้องจะเป็นคนไม่ถามสารทุกข์สุกดิบคนนอกที่เข้ามาได้ไม่นาน ทำไมถึงถามหาเธอล่ะ?”

รังสิมันต์จ้องนัยน์ตาสีฟ้าของอดิสรณ์ที่สะท้อนตัวเขา หนุ่มลูกครึ่งยิ้มบางให้แล้วเอนหลังพิงเก้าอี้มองกลับไม่ลดละพอกัน

“ก็พอดีผมอยากรู้ว่าเธอจะเป็นหมากได้ดีไปจนถึงสุดท้ายของพวกเรารึเปล่า แค่นั้นเลยครับ”

“อ๋อ จะเข้าหาเธอสินะ…ไม่ยากหรอกเพราะพี่ริทไม่ได้ดูแลเธอดีขนาดนั้น”

แน่นอนว่าที่พูดไปเป็นเรื่องโกหกแต่เพราะเขาคือรังสิมันต์ อมาตยกุล เวลาพูดอะไรออกไปมันจะมีแต่ความน่าเชื่อถือไปหมดก็ตัวเขาคือข้อยกเว้นของบ้านหลังนี้ แล้วอดิสรณ์เป็นคนไม่สงสัยในการกระทำนี้ของพี่ชายตัวเองด้วย

“อ้าว นึกว่าจะดูแลดีซะอีก เพราะพี่ปวริศไม่เคยสนใจใครแบบนี้มาก่อน”

“ก็ไม่แปลกเพราะพี่ชายคนโตของเรา เคยดูแลใครเป็นที่ไหน”

สิ่งนี้คือความจริงที่รังสิมันต์ไม่โกหก ปวริศ อมาตยกุลเป็นคนที่ไม่มีความสามารถดูแลใครได้ดีขนาดนั้นถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมถึงพาคนนอกที่แทบช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อย่างปลายฟ้า รินใจมาที่นี่ด้วย

ในช่วงเวลานี้สำหรับรังสิมันต์มีแต่เรื่องไม่เข้าใจและน่าสนใจเต็มไปหมด

“พี่ พอผมรู้ว่าเอษราจะตามล่าพี่ผมเลยนึกอะไรดีๆ ออก”

เรื่องอะไรดีๆเหรอ?...รังสิมันต์มองหน้าหนุ่มลูกครึ่งที่ยิ้มแฉ่งให้เขา

“นึกอะไรเหรอ เราจะให้ปลายฟ้าเจอเอษราน่ะ คิดว่าไง”

“น่าสนใจนะ เธอเองก็กลัวพวกเราต้องหาทางหนีอยู่แล้ว อย่าบอกนะว่า…”

“ใช่ ผมจะขอพี่ริทดูแลเธอเองตอนไปที่เรือน่ะ”

อดิสรณ์ยิ้มแยกเขี้ยวให้พร้อมกับใบหน้าที่ความสนุกออกมาอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้คนฟังถึงกับอยากเห็นผลลัพธ์เหมือนกัน


เอษรา แซนเดอร์ ชายหนุ่มในชุดไปรเวทที่แต่งตัวกึ่งทางการ เจ้าของใบหน้าลูกผสมไทย-คิวบาอย่างเห็นได้ชัดทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่และใบหน้าที่ไปทางคิวบามากกว่าไทยหน่อยหนึ่งกับผิวพรรณสีผสม ซึ่งตัวเขาได้เดินเข้ามาในที่ทำงานกองการต่างประเทศพร้อมกับผบ.ตร จรณ์ ไกย์คุปต์เพื่อนสนิทของเอษรา

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังนั่งดูข่าวออกฉายทางทีวีเรื่องการตายของปรานปรียา แสงอุทัย ที่ห้องพักของตำรวจตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

“จอห์น คดีนั้นใครรับผิดชอบเหรอ?”

เอษราถามจรณ์ ไกย์คุปต์หรือชื่อเล่น จอห์น เพื่อนตัวเองที่ตอนนี้เขากำลังกินไส้หรอกทอดเข้าปากพอดี

“น่าจะพวกตำรวจในเขตนั้นน่ะ เดี๋ยวนี้คนฆ่าตัวตายเยอะเนอะ”

“ทำไมเธอถึงฆ่าตัวตายล่ะ”

“ลืมไปว่านายอ่านภาษาไทยไม่ได้ ในข่าวนั้นคือปรานปรียา เธอเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์ไอทีน่ะ เธอฆ่าตัวตายเพราะทำใจไม่ได้ที่ลูกสาวกับลูกชายไม่กี่ขวบเสียชีวิต”

“น่าสงสาร ขอให้เธอไปสู่อ้อมกอดพระเจ้าด้วยความรัก”

“เปลี่ยนช่องเถอะ ยังไงก็ไม่มาถึงมือฉันหรอกเพราะไม่ได้อยู่ในเขตนั้น”

“ก็จริง..”

เอษราก็ทำตามที่จอห์นบอก ซึ่งหนุ่มผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้สังเกตเห็นแผลตามตัวที่ได้รับการรักษาจนหายที่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้อย่างเห็นได้ชัด พอกินหมดแล้วเขาก็เดินไปหาเอษรา

“นี่เอษรา แผลเป็นของนายเยอะมากเลยนะ ไปโดนอะไรมาเหรอ”

“แผลพวกนี้น่ะเหรอ”

เอษราดูแผลตัวเอง เขาก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่ไปทำภารกิจที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ทันทีเลยเพราะของพวกนี้มาจากชายปริศนาที่สวมหน้ากันแก๊สสีแดงที่เกือบฆ่าเขาตายในตอนนั้น ซึ่งโชคดีมากที่เอษราติดต่อฝ่ายสนับสนุนได้ทันเวลา ทำให้เขาได้รับการรักษาจนรอดจากความตายมาได้แต่โชคร้ายที่ว่าเอกสารเกี่ยวกับเชื้อโรคที่องค์กรลับเนเธอร์แลนด์พัฒนาให้สหราชอาณาจักรตกไปอยู่ที่มือของชายสวมหน้ากากกันแก๊สสีแดงคนนั้น

ตั้งแต่นั้นมาเอษรา แซนเดอร์ได้ตามหาทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นการฆ่าและศพผู้เสียชีวิตเกี่ยวข้องกับชายคนนี้ ทั้งการเดินและนิสัยจากที่พอมีหลักฐานจนสามารถแกะรอยการเดินทางมาที่ประเทศไทย และชื่อของคนนั้นคือ เฟเทิล (Fatal)

และการเดินทางมาที่ประเทศไทยนี้ทำให้เขาได้เจอ จรณ์ ไกย์คุปต์ เพื่อนสนิทที่เคยเรียนในช่วงซัมเมอร์ด้วยกันที่ประเทศอังกฤษสมัยตอนที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนต้นที่ยังติดต่อไปมาหาสู่กันและจอห์นไม่รู้ว่าเอษราเป็นตำรวจสากล CIA เขารู้แค่ว่าเอษรา แซนเดอร์ทำงานท่าเรือแถวบ้านเท่านั้น

“ฉันดันเจอพวกวิ่งปล้นตอนไปเที่ยวบราซิลน่ะสิ” เอษราโกหกไปซึ่งจอห์นก็เชื่อ

“ดีนะ ที่รอดมาได้”

“ใช่ ตอนนั้นเกือบตายเลยมันกะเอาให้ตาย”

“พวกเหี้ยเนี่ยจริงๆ ไปเดินแถวอันตรายรึเปล่า ทีหลังอย่าไปนะ”

“ไม่ไปแล้ว ถ้าไม่มีงานคาร์นิวัลฉันคงไม่ไปหรอก”

ถึงจะเป็นเรื่องโกหกแต่เอษรา แซนเดอร์ชอบงานริโอ คาร์นิวัลมาก ถ้าวันไหนตัวเองไม่มีงานหรือภารกิจอื่นใด เจ้าตัวไม่พลาดแน่นอน

“จ้า พ่อคนห่วงเที่ยวแล้วนายจะอยู่ไทยกี่วันเหรอ?”

“ตามวีซ่าน่ะ”

“เที่ยวได้เยอะอยู่นะ นานๆ ทีนายจะมา เราสองคนไปเที่ยวที่ไหนกันหน่อยไหม”

“ไม่รู้สิ ไว้นึกออกจะบอกนะ”

“ได้เลย”

จรณ์กินต่อไปโดยไม่สนใจอะไร เอษราก็นั่งดูโทรศัพท์ตัวเองที่ตอนนี้เขาไถ่ฟีดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งข่าวทางทีวีเกี่ยวกับปรานปรียา แสงอุทัย ที่เขาได้ดูนั้นมันได้ขึ้นมาหน้าฟีดของชายหนุ่มพอดี ถึงเขาจะอ่านภาษาไทยไม่ออกแต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเพียงแค่กดแปลภาษาข่าวในนั้น พร้อมกับไล่ดูภาพประกอบต่างๆ เกี่ยวกับการตายของเธอ

จนกระทั่งรูปที่ปรานปรียาได้แขวนคอตายนั้นเข้าสะกดสายตาของชายหนุ่ม มือหนากดไปที่รูปภาพและขยายรูปที่ศพอย่างพิถีพิถันทำให้เขาได้พบร่องรอยที่ทิ้งไว้บนศพของปรานปรีนาซึ่งโดนผูกคอตายแขวนบังประตูไว้คือ

ลายเสื้อในกับข้อความ BYE <3

ดูแบบผิวเผินจะเหมือนกับลายเสื้อเล็กๆ น้อยๆ ตามแฟชั่นแถวตลาดไม่มีแบรนด์แต่คนที่ศึกษาและค้นข้อมูลเกี่ยวกับชายปริศนาที่เจอกันในภารกิจเนเธอร์แลนด์วันนั้น เฟเทิ้ลจะมีลายมือเป็นเอกลักษณ์ เห็นได้ชัดเลยว่าตัวอักษรลายมือข้อความ BYE <3 คือของเฟเทิ้ล

การตายของปรานปรียา แสงอุทัย ไม่ใช่การตายแบบฆ่าตัวตาย

พอรู้แบบนี้แล้วเขาไม่รอช้า เพราะตัวเฟเทิ้ลนั้นอยู่ที่เมืองไทยตามที่สืบจริงแสดงว่าเขาต้องมีการล่าอีกแน่นอน

“นี่ จอห์นถามไรหน่อย ด่วนมากๆ”

“ว่ามาเลย”

“ปรานปรียา แสงอุทัยมีครอบครัวไหม”

“ทำไมเหรอ?”

“ก็ฉันอยากรู้น่ะ นายรู้ไหม”

“ไม่รู้สิ ทำไมเหรอ มีอะไรรึเปล่า?”

จอห์นไม่เข้าใจเพื่อนตัวเองเท่าไหร่แต่สีหน้าเขาดูไม่ดีมากๆ

“ไม่สบายเหรอ ดูร้อนรนนะเอษรา”

“ไม่มีอะไร เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

“ได้เลย ห้องน้ำไปถูกนะ”

“อยู่แล้วถึงจะอ่านภาษาไทยไม่ได้ แต่ฉันพูดไทยได้น่า”

พูดเสร็จเอษราก็เดินออกจากห้องไป เขามองไปรอบๆ แล้วไม่เจอใครเดินผ่าน ชายหนุ่มไปที่เปลี่ยวตาไม่มีคนจากนั้นก็กดโทรศัพท์โทรหาฝ่ายข้อมูลที่ทำงานด้วยกันซึ่งเธอรับสาย

“ไมล่า ตอนนี้ฉันเจอเป้าหมายต่อไปของเฟเทิ้ลแล้ว ช่วยตรวจสอบครอบครัวของคุณปรานปรียา แสงอุทัยให้ฉันหน่อยเพราะเหยื่อคนต่อไปคือคนในครอบครัวเธอ”

เอษราพูดเป็นภาษาสเปนใส่คนในสาย

‘นายหาเจอแล้วเหรอ’

“ไม่ แค่มั่นใจว่าเหยื่อของมันคนต่อไปเป็นใคร”

‘ครอบครัวปรานปรียา แสงอุทัยเดี๋ยวฉันตามหาให้นะ แล้วก็ถ้าเจอมันแล้วอย่าลืมเอาเอกสารวิจัยมาจากมันด้วย’

“รู้แล้ว”

‘ระวังตัวด้วยล่ะ เฟเทิ้ลไม่ใช่คนที่จัดการง่าย’

“ฉันรู้มันฆ่าเพื่อนในทีมฉันไปหมด ฉันต้องล้างแค้นให้เพื่อนฉัน”

แม้เขาจะรอดกลับมาได้ แต่เพื่อนในทีมเขาตายอย่างทรมานต่อหน้าต่อตาซึ่งพวกเขาเหล่านั้นคือคนที่สนิทและร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันมาหลายภารกิจ เอษรา แซนเดอร์จะตามล่าเฟเทิ้ลและจัดการมันให้ได้

To be continue

ตอนที่5จบลงไปแล้วนะคะเจอกันตอนที่6 นะคะ (≧ᗜ≦) ที่จริงชื่อของเอษรา ในภาษาอังกฤษเขียนว่า Ezra เพราะฉะนั้นแล้วชื่อเลยอ่านว่าเอซร่าได้เช่นกันนะคะ อิอิ