ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์ โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ


วิปลาสทรชน

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก 

อัพตอนใหม่ ทุกวันพุธกับเสาร์

ปลดตอนอ่านฟรี 1 วันรอแจ้งนะคะ


วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด


แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล



คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต


#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ




นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้


ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ประกาศ หยุดอัพนิยายชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือนหน้า,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ประกาศรีไรท์ ตอนใหม่+เนื้อหาที่เปลี่ยนเล็กน้อย+ติดเหรียญ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-แจ้งวันอัพนิยายอย่างเป็นทางการ และวันปลดอ่านฟรี,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1)

เนื้อหา

ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์

แก้ไขครั้งที่1: 19 กันยายน 2567

ในที่สุดรีไรท์ครบแล้วนะคะ เนื้อหาตอนนี้ไม่มีอะไรค่ะ เสริมในเรื่องตกหล่นที่ปลายฟ้าบาดเจ็บกับอดีตน้องไปหน่อยเท่านั้นค่ะ5555 อ่านอีกรอบได้นะคะ เพื่อความเข้าใจในตอนหน้าๆในอนาคต ถึงในอนาคตเราก็อธิบายซ้ำจี้ตรงนี้อยู่แล้วนะคะ ฮ่าาา เจอตอนใหม่เร็วๆนี้นะคะ 


รถยนต์ตู้คันหรูสีดำได้มาจอดที่หน้าป้ายรถเมล์ของหน้าห้างประตูน้ำ สองหนุ่มสาวปวริศกับปลายฟ้าได้ลงจากรถลงมาด้วยกันทั้งคู่ และรถยนต์นั้นลุงชานนก็ขับออกไปพร้อมกับบอกกับคุณชายปวริศก่อนที่จะลงรถเรื่องจะเอารถไปจอดแล้วเขาจะตามมาทีหลัง

“เอาอันไหนก่อน เสื้อผ้าหรือของใช้” ปวริศถามขึ้นมา

“เสื้อผ้าค่ะ”

“งั้นไปกันได้แล้ว”

พูดเสร็จปวริศก็เดินนำไปโดยที่ปลายฟ้าเดินตามหลังเขาเงียบๆเท่าที่ไหว พลางมองไปรอบๆสถานที่ก็บยังเช้ามากอยู่ ร้านข้างทางบางทีก็พึ่งเปิดเองโดยเฉพาะห้างยิ่งแล้วใหญ่

“คือว่าห้างยังไม่เปิดเลยนะคะ”

“ฉันรู้”

“แล้วพี่ริทจะพาหนูไปซื้อที่ไหนเหรอ?”

“ในห้างนั่นแหล่ะ”

“เอ่อ..รอห้างเปิดใช่ไหมคะ”

“ใช่”

“แล้วเราจะไปไหนกันเหรอคะ?”

“กินข้าวไง เธอยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่”

“ค่ะพี่ริท”

ไม่แปลกที่ฝ่ายชายจะรู้ว่าเธอยังไม่กินข้าวเพราะการกินที่นี่ดูกินเป็นเวลามากๆ ทำให้รู้ว่ายังไม่กินข้าวกินปลานั่นเอง แต่ก็ดีแล้วที่รู้เรื่องนี้เหตุผลนั้นคือปลายฟ้ายังไม่ได้ทานเลยยังไงล่ะ แถมรังสิมันต์เป็นคนคุมอาหารในปริมาณที่พอเหมาะน้ำหนักเธอด้วย บางวันที่อาหารอร่อยแค่ไหนก็ไม่สามารถเพิ่มได้

“ร้านนี้แหละกัน”

ร้านอาหารตรงหน้าสองหนุ่มสาวคือร้านอาหารก๋วยเตี๋ยวที่พึ่งเริ่มเปิดได้เมื่อครู่นี้

“คุณป้าครับ ขายรึยังครับ”

ปวริศถามด้วยรอยยิ้มและใบหน้าเขาสดใสขึ้นทันตาเห็นจากที่เมื่อกี้คุยกับเธอดูเย็นชาไม่คิดจะมีโทนเสียงสดใสแบบนี้เลย

“ขายแล้วจ้า เอาอะไรไหมจ้ะ?”

“ผมเอาเส้นใหญ่น้ำใสนะครับ ปลายฟ้า..” ปวริศหันมายิ้มให้ “จะเอาอะไรเหรอ”

หญิงสาวที่เห็นปฏิกิริยาของเขาที่มีท่าทีไม่เหมือนจากที่เห็น ทำให้เธอยิ้มแห้งใส่เขาทันทีก่อนจะมองไปยังป้าที่ยืนรอคำตอบจากเธอ

“เอาเส้นใหญ่น้ำตกค่ะ”

“ได้จ้า ทานนี่น้า”

“ครับคุณป้า”

ปวริศยิ้มและก็เดินไปที่นั่งด้วยกันกับปลายฟ้า หนุ่มผิวน้ำผึ้งนั่งเอามือเท้าคางและมองโทรศัพท์ทำให้เธอพึ่งนึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่มีโทรศัพท์เลยตั้งแต่โดนมัดมือชกมาอยู่บ้านหลังนี้

“คิดอะไรในใจเหรอ?”

“เปล่าค่ะ…”

“บอกแล้วใช่ไหม ห้ามมีความลับกับฉัน”

‘โหว เมื่อกี้ยิ้มแป้นอยู่เลยพอคุยกับฉันถึงกับหน้าเปลี่ยนเหรอเนี่ย’ ปลายฟ้าคิดในใจก่อนที่จะถอนหายใจ

“คือหนูต้องไปทำงานไหมคะ หนูขาดงานหลายวันมากเลย”

ปลายฟ้าหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่าเธอนั้นไม่ได้ออกจากห้องนั้นเป็นเวลา 5วันได้ แถมพึ่งมาอาบน้ำวันนี้ด้วย จนนึกได้ว่าตัวเองนั้นพึ่งทำงานไปได้ไม่กี่สัปดาห์เอง แต่คิดว่าอีกฝ่ายต้องทำอะไรไปบ้างแล้วล่ะ

“ฉันทำเรื่องลาออกแล้ว”

“ลาออก..เข้าใจแล้วค่ะ” ไม่ผิดคาดเท่าไหร่ปลายฟ้าคิดในใจเงียบๆ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอเข้าออกจากห้องได้”

“ออกจากห้องเหรอคะ?”

“ใช่ หมกตัวอยู่ในห้องแบบนั้นออกไปรับแสงแดดบ้างก็ดี”

ปลายฟ้าอยากจะเบ๊ปากเหลือเกิน ออกไปได้ที่ไหนกันพอเอาอาหารมาให้ทานเสร็จก็ล็อคห้องจากด้านนอกต่อ ไม่เคยได้ออกไปไหนเลยนอกจากสำรวจห้องเนี่ยแหล่ะ มีดีแค่แอร์ที่เปิดได้ตลอดแถมที่นอนนุ่มๆ เหมือนอยู่โรงแรม ส่วนทีเหลือนั้นไม่มีอะไรเลยโทรศัพท์หรือทีวีไม่มีสักอย่าง

“ค่ะ..”

หญิงสาวยิ้มบางให้ฝืนใจยิ้มกว้างไม่ได้จริงๆ ส่วนปวริศที่เห็นท่าทางเธอดูสดใสแม้จะไม่เท่าครั้งแรกที่เจอที่ทำงานของปรานปรียาก็ตาม แต่ก็เข้าใจได้เพราะคงฝืนทนอย่างเห็นได้ชัด สำหรับเขาไม่จำเป็นต้องทำให้ปลายฟ้าสบายใจเมื่ออยู่ที่นี่หรืออะไร เขาสนใจแค่ความสามารถเธอเท่านั้นที่มันจะเป็นประโยชน์แน่นอนรวมไปถึงใบหน้าและรูปร่างที่ดูคล่องตัวนั่นด้วย

“ส่วนของใช้เสื้อผ้าอยากได้เท่าไหร่ก็เอาได้เลย ถือว่าเข้าบ้านใหม่”

ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่ ปวริศพูดเหมือนกับว่าสามารถให้ปลายฟ้าทำเรื่องแบบนั้นได้ แต่จะดีมากถ้าภาพตอนที่เขาบีบคอคนตายต่อหน้าไม่มาแทรกในหัวซะก่อน ป่านนี้เธอคงยิ้มเขินดีใจแล้วเพราะตั้งแต่หลังที่พ่อแม่เสียไป เธอไม่ได้มีชีวิตที่สบายเท่าไหร่

แต่ยังดีที่มีผู้ใจบุญ มอบเงินช่วยเหลือที่ซึ่งนั่นก็คือคุณปริญ ในปัจจุบันนี้ปลายฟ้าไม่เคยเจอหน้าเขาเลย ได้ยินจากปากญาติที่รับผิดชอบส่งเงินให้เธอทั้งนั้น อีกอย่างเด็กแบบปลายฟ้าไม่สามารถเปิดบัญชีธนาคารได้ ทำให้ได้รับเงิน 1 หมื่นบาททุกเดือนด้วยเงินสดจำนวนเต็มถึงมือปลายฟ้าไม่ขาดสักใบ

ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่แย่..ตรงเงินนี่แหล่ะ พอโตขึ้นอายุถึงเกณฑ์ที่สามารถเปิดบัญชีออนไลน์ได้ ก็ได้รับเงินโอนเป็นจำนวน 1หมื่นบาทเช่นกัน

ถึงชีวิตในวัยเด็กไม่มีอะไรน่าจดจำ ด้วยความรู้สึกที่ไม่มีที่พักใจเพราะสถานที่และผู้คนด้วยแล้ว พูดตรงๆก็คือไม่มีความสุขหลังจากได้มาอยู่กับญาติ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ปลายฟ้า รินใจเลือกที่จะขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯและออกมาใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนหลังจบมัธยมปลายปีที่6 ถึงได้เรียนรู้คำว่า การดูแลตัวเองจริงๆมันเป็นยังไง

ยังดีที่พวกญาติไม่ลืมโอนเงินเดือนละหมื่นมาให้ จนกระทั่งเรียนจบก็ไม่ได้มันอีกเลย...เพราะพวกเขาบอกว่า

'คุณปริญส่งถึงตอนเรียนจบแล้วเท่านั้น'

สำหรับปลายฟ้า รินในที่เสียฐานที่มั่นไปตั้งแต่เด็กแค่นี้มันก็มากพอแล้ว จนกระทั่งยังไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ดันมาติดแหงกไอ้พวกนี้โดยไม่รู้ว่าตัวเองจะเป็นบ้าหรือตายตอนไหนได้บ้าง

“จริงเหรอคะ เท่าไหร่ก็ได้เหรอ”

ทั้งชีวิตปลายฟ้าไม่เคยมีใครมอบให้แบบนี้ แต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ฆ่าคนอย่างไร้ความเมตตาเสียแทน บ้างครั้งชีวิตก็ตลกเกินไปจริงๆ

“ใช่ เท่าไหร่ก็ได้”

“ขอบคุณนะคะ พี่ริทใจดีมากเลย” ปลายฟ้ายิ้มหวานให้แต่ในใจนั้นยังต้องระวังอยู่ดี

“ใจดีเหรอ?”

หนุ่มผิวน้ำผึ้งกระตุกยิ้มมอง ไม่คิดว่าเธอจะตอบอะไรที่มันสวนทางกับในใจตัวเองเลย

“คะ?”

“เปล่า ก๋วยเตี๋ยวมาแล้วกินกันเถอะ ลุงชานนตอนนี้เขาหาอะไรทานเรียบร้อยแล้วแถวนั้นเราจะไปรอที่หน้าทางเข้าแรกสุดแล้วไปเรื่อยๆ จนกว่าเธอจะพอใจ”

“จนกว่าหนูจะพอใจเหรอคะ?”

“ใช่ เพราะฉันในทีแรกจะมาจัดการเรื่องของเธอเกี่ยวกับเข้าของเธอ แต่กรกฎบอกว่าสู้ให้เธอมาด้วยกันจะดีกว่าเป็นไหนๆ ยังไงมันก็เกี่ยวกับเธอน่ะ”

ปวริศหยิบตะเกียบและช้อนมาในอยู่ในมือและขนก๋วยเตี๋ยวให้เข้าที่โดยไม่ปรุงเครื่องอะไร ก่อนที่จะสบตากลมของหญิงสาวที่นั่งตรงข้ามกัน ซึ่งชายหนุ่มรู้ดีว่าเธอในตอนนี้ยังมีเรื่องกังวลใจไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับเขามันคือเรื่องไม่แปลก ถึงจะแสร้งว่าตัวเองชินทุกอย่างแล้วก็ตาม

แต่แววตาของปลายฟ้า รินใจมันแสดงออกว่า ‘ไม่ใช่’ อย่างเห็นได้ชัด ขนาดแค่สนทนาเรื่องให้ออกจากห้องมันก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเธอนั้นมีเรื่องอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวชายหนุ่มนั่นเอง ซึ่งปวริศรู้ดีในจุดนั้นแต่ก็เขาไม่ใช่เรื่องที่จะปรับความเข้าใจอะไรให้ปลายฟ้า

….ก็ปวริศขังจริงๆ นี่นา…

ด้วยความที่ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่จะใช้งานเลยให้หมกตัวในห้องไปก่อนนั่นเอง จนกว่าจะถึงวันที่ไปเรือเลวี่โรส

“อิ่มแล้วค่ะ”

ปลายฟ้าวางตะเกียบกับช้อนหลังกินก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่น้ำตกจนอิ่ม ถึงจะกินด้วยมือที่ไม่ถนัดก็ตามก็ดีกว่ากินจากคนอื่นป้อนให้ ปวริศเองก็อิ่มเช่นเดียวกัน เสร็จแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็ไปที่ห้างประตูน้ำโดยมีลุงชานนยืนยิ้มรออยู่

‘ไม่ชินหน้ายิ้มของลุงเขาเลย’

หญิงสาวคิดในใจและเลี่ยงมองไปทางอื่นที่ตอนนี้มีของมาขายเยอะมากขึ้นแล้ว แถมเริ่มมีคนเข้าออกในห้างแยะเช่นกัน สำหรับปลายฟ้าแล้วที่ได้ออกมาเจอผู้คนกับบรรยากาศในรอบหลายวันกับบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนไม่ปกติแล้ว มันใจฟูจริงๆ ถึงจะไม่สุดก็ตาม

ในตอนนี้ปลายฟ้าได้แค่เดินตามหลังปวริศโดยมีลุงชานนเดินอยู่ข้างหลังเธอด้วย รู้เลยว่ากันหญิงสาวหนีไปแน่นอน ให้พูดตรงๆ ตอนนี้ปลายฟ้ายังนึกไม่ออกเลยจะหนีพวกเขายังไง

“จะเอาอะไรก่อน เสื้อหรือกางเกง” ปวริศหันมาถาม

“เสื้อก่อนก็ได้ค่ะ”

หลังจากนั้นการเริ่มต้นซื้อของใช้ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหลายแบบได้เริ่มขึ้น ปลายฟ้า รินใจได้แต่เลือกตามที่ฝ่ายชายบอกว่าอันนี้เหมาะและดีกับเธอ ทุกเสื้อผ้าไม่ว่าจะเป็นเดรสทั่วไปเสื้อด้านบนกับกางเกง กระโปรง ล้วนมีแต่ปวริศเลือกให้แล้วเอาอันนั้นทั้งสิ้น ถามความเห็นจากปลายฟ้าแค่ไซส์เสื้อเท่านั้น

'ถามจังเลยแหะ ไซส์ฉันเขาน่าจะรู้อยู่แล้วแท้ๆ ’

เพราะว่าชุดที่ใส่อยู่ตอนนี้มันพอดีกับเธอยังไงล่ะ แต่เรื่องนั้นไม่เท่าไหร่แต่เงินที่ใช้จ่ายนั้นมันไม่น้อยเลย ถึงเสื้อผ้าในที่แห่งนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเสื้อผ้าราคาย่อมเยา มันก็ไม่มีใครบ้าซื้อไปตรงไหนก็ซื้อตรงนั้นเหมือนปวริศ อมาตยกุลแน่นอน แถมถึงเสื้อผ้าหลาย10อันขึ้นไป ให้ลุงชานนที่เป็นคนขับรถถืออีก

เรียกได้ว่าให้มาถือของก็ไม่เกินจริง ส่วนปลายฟ้า รินใจนั้นตัวเปล่าไม่ได้ถืออะไร แจกยิ้มชอบใจแล้วบอกว่า ‘ได้ค่ะ’ แบบนี้ตลอดเดินซื้อของ

“อันนั้นสวยดีนะครับคุณชาย” ลุงชานนพูดขึ้นหลังเห็นร้านขายชุดตรงหน้า

“อยากได้ไหมปลายฟ้า”

“ค่ะ อยากได้มากเลย”

ทั้งสามคนก็ไปที่ร้านนั้น เหมือนเดิมเลยปวริศเลือกชุดให้เธอแน่นอนว่าปลายฟ้าก็ยืนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเหมือนทุกครั้งที่ไปซื้อเสื้อผ้า แต่ทว่าชุดเซ็ตเสื้อกับกางเกงขายาวที่หุ่นสวยโชว์อยู่ได้เรียกความสนใจจากปลายฟ้า

เสื้อคาร์ดิแกนตัวสีน้ำตาลไม้ กางเกงยีนส์ขายาวสีฟ้า และเข็มขัดพาดเอวสีดำ รวมๆ แล้วเป็นสีและสไตล์เอิร์ธโทนที่เธอชอบมากที่สุด แน่นอนว่าอีกฝั่งของสายตาปวริศ อมาตยกุล ได้ชำเลืองมองหญิงสาวที่จ้องไปยังชุดหุ่นโชว์ตรงนั้น เขารู้ทันทีว่าปลายฟ้าชอบสีหรือสไตล์นั้น แต่แปลกที่ไม่เอ่ยปากขออะไรทุกเสื้อผ้าที่ได้วันนี้เป็นของที่ชายหนุ่มเลือกให้หมด ซึ่งปลายฟ้าก็ชอบและตกลงว่าได้หมดทุกอัน

‘จ้องนานแต่ไม่คิดจะขอให้ซิ้อ แปลกคนดีนะ’

ทั้งทีในตอนนี้ปลายฟ้า รินใจสามารถเอ่ยขอได้แท้ๆ แต่กลับไม่ทำเสียอย่างนั้น ปวริศก็เป็นพวกชอบตามใจคนอื่นหากคนนั้นเป็นคนที่ตัวเองให้ความสำคัญ

“ชุดโชว์ตรงนั้นมีขายไหมครับ”

“มีค่ะพี่” เจ้าของร้านสาวทักตอบทันที

“เอาตัวนั้นครับทั้งเซ็ต เสื้อไซส์ M กางเกงเอว 26 ครับ”

“ได้ค่ะ”

“ขอบคุณครับ ชำระเงินกับตัวนี้ด้วยนะครับ” ปวริศยื่นชุดที่หยิบมาให้เจ้าของร้านสาว

ปลายฟ้า รินใจ ที่ยืนมองชุดหุ่นโชว์ถึงกับหันไปมองร่างสูงทันที เพราะชุดที่เขาพูดนั้นเป็นอันเดียวกับที่เธอมองนั่นเองแถมยังซื้อทันทีพร้อมกับตัวอีกอันที่เหมือนกันแต่คนละแบบอีกต่างหาก

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นไม่อยากได้เหรอ?”

“เปล่าค่ะ…ไม่คิดว่าพี่ริทจะเทสดีกับเขา”

“เทสดี?”

“ไม่มีอะไรค่ะ..”

“เทสดี แปลว่ารสนิยมดีครับคุณชาย” ลุงชานนได้พูดขึ้นมา

“งั้นเหรอ คำวัยรุ่นเหรอเนี่ย”

“ใช่ครับ อยู่กับคุณหนูต้องอัพเดตคำพวกนี้ไม่งั้นจะไม่ทันกระแสนะครับ”

“จำเป็นด้วยเหรอ”

“จำเป็นสิครับ เดี๋ยวจะคุยกับสาวไม่รู้เรื่องนะครับ”

“จะจำไว้แล้วกัน”

บทสนทนาที่ฟังดูยังไงเหมือนปวริศ อมาตยกุลไม่รู้จักคำพวกนี้จริงๆ ปลายฟ้าขมวดคิ้วงุนงงไม่น่าเชื่อว่าคนที่ดูทันสมัยแบบเขาจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วย จนเธอเผลออมยิ้มเอ็นดูไปไม่รู้ตัว

“ขำอะไรของเธอ” ปวริศถามนิ่งๆ

“ไม่มีอะไรค่ะ แค่อมยิ้มเฉยๆ ไม่รู้จักเหรอคะ”

“ก็ได้ อมยิ้มก็อมยิ้ม”

ปลายฟ้ารู้สึกได้ว่าเธอปล่อยใจให้ตัวเองผ่อนคลายมากเกินไป จากนี้ไปเธอต้องระวังให้มากขึ้นเพราะเขาไม่ใช่คนดี เป็นคนเลวที่สามารถสังหารคนได้อย่างไร้ความรู้สึก

“เสื้อผ้ามีอะไรอยากได้อีกไหม”

“คือพอแล้วค่ะ เราแทบจะเดินทุกร้านแล้วในชั้นนี้”

แถมซื้อทุกร้านที่ไปจนพนักงานหรือเจ้าของร้านมองตาเป็นมันราวกับรอให้พวกเขามาอุดหนุนเลย สำหรับปลายฟ้ามันเป็นเรื่องที่โคตรไม่อยากให้ตัวเองเผลอใจเลยด้วยซ้ำ น่ากลัวจริงๆ ความรู้สึกของคนเราทั้งทีเห็นอะไรน่ากลัวแบบนั้นแล้วแท้ๆ

“ถ้างั้นเราจะไปซื้อพวกสกินแคร์และชุดชั้นในที่ห้างเซ็นทรัลต่อ”

ปวริศมองนาฬิกาที่เวลาตอนนี้เริ่มบ่าย2แล้ว ซึ่งตอนนี้เรียกได้ว่าทั้งวันของวันนี้เพื่อปลายฟ้า รินใจโดยเฉพาะเลยก็ว่าได้

“ไม่ได้ซื้อแค่เสื้อผ้าเหรอคะ…”

“ก็บอกไปแล้วไง ของจำเป็นสำหรับผู้หญิงมีแค่เสื้อผ้าพวกนี้เหรอ”

“จริงด้วยค่ะ…”

“อีกอย่างห้องนั้นฉันให้เป็นห้องนอนของเธอแล้วกัน นอนได้ใช่ไหม”

“สบายมากค่ะ”

“ดี ลุงชานนครับเอาของพวกนี้ไปไว้ที่รถแล้วค่อยตามผมมาที่โซนเครื่องสำอางค์ชั้น 2 ด้วยนะครับ”

ปวริศยื่นถุงที่พึ่งรับมาจากเจ้าของร้านเสื้อผ้าที่เอาเมื่อกี้มาให้ชายแก่วัย 52ปี

“ได้ครับ ไว้ถึงแล้วผมจะติดต่อคุณชายนะครับ”

พูดเสร็จเขาก็จากไป ปลายฟ้าที่เห็นคนแก่ทำงานงกๆ อะไรแบบนี้เต็มมือแล้วเธออยากช่วยเขาถือจริงๆ แต่มาคิดดูคนในบ้านนี้มีแต่พวกฆ่าคน ลุงคนนี้คงไม่ธรรมดาอีกแน่ๆ เพราะปลายฟ้าจำตอนที่สังเกตุแววตาที่เขาจ้องมาได้

แววตาที่เหมือนถูกจับตามองแล้วพร้อมที่จะฆ่าเสมอ

แค่คิดตอนนั้นหัวใจเธอสั่นผวาแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นคนแบบไหนแต่ปลายฟ้า รินใจขอเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองก่อน

“ไปกันได้แล้ว”

“คือ..จะเดินไปเหรอคะ” เธอถามโดยที่เดินตามให้ทันกับขาที่ยาวของร่างสูง

“มันไม่ได้ไกลอะไร”

“งั้นเหรอคะ…”

‘ใช่ที่ไหนเล่า จะไปก็ไปทันทีเลยเหรอเป็นคนที่คิดแล้วทำเลยรึไง’ ปลายฟ้าคิดในใจ

“เหนื่อยเหรอ ถ้างั้นกินอะไรก่อนไหม”

“ไม่ค่ะ เดินไปเลยดีกว่าคือหนู..”

ปลายฟ้านิ่งไปหลังจากที่ตัวเองจะต่อคำต่อจากนี้ว่า ‘กลับบ้าน’ ไม่ออก ส่วนปวริศที่มองก็ยิ้มมุมปากมองชอบใจที่เธอมีอาการเหมือนตัวเองจะฝืนพูดบางคำออกมาไม่ได้

“ถ้างั้นไปกันเลยแล้วกัน”

หลังจากนั้นการเดินทางมาที่ห้างเซ็นทรัลเวิร์ดโดยใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ และมาถึงโซนเครื่องสำอางค์โดยราคาพวกนี้เท่าที่จำได้คือพวกเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ทั้งชีวิตปลายฟ้า รินใจคนนี้ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เพราะเงินเป็นสิ่งมีค่าเลยใช้แต่ของจำเป็นที่ถูกและคุณภาพตามราคาไปก่อนเสมอ

“เอาแบรนด์ไหน” ปวริศถาม

“หนูไม่รู้จักสักอันเลยค่ะ” เธอตอบยิ้มแห้ง

“งั้นเอาหมดเลยละกัน”

“มันจะไม่แพงไปหน่อยเหรอคะ”

“เธอเลือกได้แล้วเหรอ?”

“ไม่ค่ะ..คือมันราคาแพงน่ะค่ะ หนูเกรงใจ”

“ฉันมีเงิน ของพวกนี้ไม่เท่าไหร่หรอก”

คำพูดสั้นๆ ของเขาทำให้หญิงสาวอ้าปากเหวอตกใจเลย ซึ่งมันปฎิเสธไม่ได้นั่นเองแค่ดูจากบ้านก็รู้ฐานะแล้ว แถมปวริศ อมาตยกุล ชายหนุ่มร่างสูงเดินลิ่วไม่สนใจคนตัวเล็กแบบปลายฟ้าเลยสักนิด ตอนนี้เธอเริ่มสงสัยแล้วว่าชายหนุ่มซื้อของให้โดยไม่สนเม็ดเงินหมดเท่าไหร่แบบนี้

‘พี่ริทเขาชอบเราเหรอ’

ความเข้าข้างตัวเองขั้นสุดจนเอามือมาเขกหัวตัวเองทันที

‘คิดอะไรอยู่เนี่ย เขาจะใช้ประโยชน์จากฉันต่างหาก!! หยุดๆๆๆๆๆ ’

อยากจะบ้าตายไม่น่าเชื่อว่าคนเราเวลาเจอใครทำแบบนี้ให้มันก็ยากที่จะปฏิเสธเพราะเธอมาจากคนที่ไม่มีอะไรมาก่อน ที่มาถึงจุดนี้ได้คือความมุมานะกัดฟันสู้ทั้งนั้น

และในตอนนี้เวลาผ่านไปไม่นานสักเท่าไหร่การซื้อเครื่องสำอางค์ ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม ตลับแป้ง รองพื้นหรืออีกต่างๆ มากมายที่เกี่ยวกับการแต่งหน้า ชายหนุ่มร่างสูงเจ้าของผิวน้ำผึ้งคนนี้แทบจะเรียกได้ว่าเดินไปตรงไหนก็ซื้อตรงนั้นหมด ขนาดบางอย่างมีซ้ำเหมือนแบรนด์อื่นแล้วแท้ๆ เขาก็เอาโดยไม่สนว่าจะหมดเท่าไหร่เลย แถมยังได้ยินเสียงพนักงานยิ้มเอ็นดูอีกว่า

‘แฟนป๊ามาก’

ซึ่งจริงๆ แล้วแทบไม่เป็นความสัมพันธ์นั้นเลย และตลกอย่างหนึ่งคือวันนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยสักคนมีแค่เขากับเธอ เอาล่ะรายชื่อนักช้อปคงมีชื่อปวริศ อมาตยกุลกับปลายฟ้า รินใจเป็น Top Spender แน่…ไม่รู้วันนี้จะถึงไหมแต่ปลายฟ้าคิดไปก่อน

“คุณชายปวริศ ซื้อเยอะมากเลยนะครับ”

ลุงชานนพูดพร้อมกับมองถุงที่มากกว่าหลาย 10ถึงตรงหน้า

“ก็ปลายฟ้าอยากได้น่ะ”

“เอ๊ะ..คือว่า”

‘ยังไม่ได้พูดเลยค่ะคุณพี่!!’ ปลายฟ้าตะโกนในใจแต่ลุงชานนเหมือนจะรู้ว่าเธอไม่ได้พูดแน่นอน

“งั้นเหรอครับ สมกับเป็นคุณชายเลยนะครับไม่สนใจอะไรเหมือนเดิม”

“เลิกพูดมากแล้วไปซื้อพวกเครื่องอาบน้ำกับดูแลผิวต่อได้แล้ว”

“ยังซื้ออีกเหรอคะ..” ปลายฟ้ามองหน้าชายหนุ่มทันที

“ทำไม..อยากอาบน้ำแบบไม่ใช้อะไรเหรอ”

“ค่ะ..ไปซื้่อกันเถอะค่ะ”

ไม่รู้ว่าวันนี้เป็นวันของเธอหรือวันของอีกฝ่ายกันแน่ ช้อปเก่งจนปลายฟ้ากลัวเงินจะไม่เหลือเองของแท้ทั้งทีมันเป็นเงินในกระเป๋าของเขาแท้ๆ แต่รอบนี้ดีหน่อยเธอยังขอเสนอตัวเลือกเองซึ่งชายหนุ่มไม่ว่าอะไร ทำให้ได้ของที่พอเหมาะพอดี

“เอาแค่นี้เหรอ”

“ค่ะ มันครบแล้วทั้งครีมอาบน้ำ ยาสระผมบำรุงทุกแบบและก็ครีมทาตัว 2สูตรกันแดดกับบำรุงค่ะ”

“ไม่เอาพวกให้ชุ่มชื้นเหรอ”

“อา..เดี๋ยวไปเอาก่อนนะคะ!”

ไม่รู้มันดียังไงแต่ทำตามที่เขาบอกก่อนดีกว่า ปลายฟ้าเองก็อยากให้วันนี้จบโดยไม่ค้างคาอะไร ทว่าปวริศถอนหายใจแล้วพิงหลังกับเสากำแพงไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงแบบปลายฟ้า รินใจจะเป็นคนที่ไม่มีหัวเรื่องพวกนี้ด้วย ทั้งทีหน้าตาเธอก็พิมพ์นิยมแท้ๆ

“แปลกนะครับ ที่วันนี้ผมได้เห็นคุณชายถอนหายใจ” ลุงชานนยิ้มให้

“อย่างนั้นเหรอครับ”

“จะทำยังไงกับเธอต่อเหรอครับ”

“ผมจะพาเธอไปที่เรือเลวีโรสด้วยกัน”

“เธอจะไหวเหรอครับ”

“ไม่แน่ใจ แต่ผมเป็นคนพาเธอมาเองก็ต้องดูแลไม่ให้เป็นอะไร”

“ให้ผมพูดตรงๆ นะครับ เธอไม่เหมาะที่เจอเรื่องแบบนี้เลย”

“...”

“ผมเข้าใจว่าคุณชายมีจุดประสงค์เพื่อครอบครัวและเต็มที่กับงานเสมอ แต่ผมอยากจะบอกว่าการที่เราดึงคนไม่เกี่ยวข้องมาในโลกนี้ จะมีแต่เจ็บปวดนะครับ”

“ตลกชะมัด”

“ตลกเหรอครับ”

“ผมไม่สนใจหรอกว่าเธอจะรู้สึกยังไง ผมสนแค่ว่าเราจะสังหารพวกนั้นให้หมดได้ยังไงโดยที่ไม่ต้องลงแรงมากต่างหาก จะเจ็บปวดหรือไม่นั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องสนใจ”

“...” ลุงชานนมองนัยน์ตาสีดำของปวริศที่สะท้อนตัวเขา

“อีกอย่าง..” ปวริศยิ้มบาง “ปลายฟ้าเองก็เหมือนจะตระหนักรู้ได้อย่างหนึ่ง”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“ไม่เห็นผมที่ซื้อของจนล้นเหรอครับ เพราะว่าคนที่ไม่มีอะไรพอมีคนหยิบยื่นให้ คนพวกนั้นจะปฏิเสธยากแล้วจะจำบุญคุณในเรื่องที่ทำดีแม้เธอจะเห็นผมฆ่าคนต่อหน้าก็ตาม”

“แบบนี้เองเหรอครับ เข้าใจแล้ว”

“ใช่ เรื่องความรู้สึกจะเป็นอะไรไหมตัดทิ้งไปได้เลย”

ปวริศพูดเสียงเรียบแล้วมองไปนาฬิกาโทรศัพท์ตัวเองที่ตอนนี้อยู่ที่ 2ทุ่มได้และแชทจากน้องชายคนเล็กอย่างกรกฎก็ส่งมาเรื่องความเรียบร้อยของห้องนอนปลายฟ้าที่เปลี่ยนกลอนประตูตามสั่งให้

“ผมแค่จะให้เธออยู่กับผมโดยที่เธอเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้และก็หนีไปไหนก็ไม่ได้เช่นกัน เพราะบ้านอมาตยกุลคือบ้านของเธอ โดยมีผมเป็นคนดูแลเธอยังไงล่ะ”

ชายหนุ่มพูดไปโดยที่พิมพ์ตอบกลับกรกฎด้วยสติ๊กเกอร์ยิ้มให้

“นี่แหล่ะมนุษย์เวลาเห็นใครทำดีให้ ก็จะไม่สนใจพฤติกรรมก่อนหน้าที่เคยเจอหรอก ถึงจะจำได้แต่หากมันไม่เกิดกับตัวเอง..พวกเขาพร้อมปิดตาให้เสมอ”

ลุงชานน สีตาแสงที่ได้ฟังคำพูดของคุณชายคนโตของบ้านแล้ว ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมเขาถึงเป็นลูกรักของนายท่านสิระ อมาตยกุลได้ แค่ฟังสิ่งที่เขาจะทำแม้จะเป็นน้ำเสียงที่นิ่งไม่มีโทนอะไร แต่เต็มไปด้วยนิสัยที่ชอบบังคับโดยใช้จิตวิทยาง่ายๆ แบบนี้แล้ว

…ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ...

เพราะสิระผู้เป็นบิดาของปวริศ อมาตยกุลนั้นเหมือนอย่างกับถอดมาเลยยังไงล่ะ

To be continued