ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

วิปลาสทรชน - ตอนที่ 7 ความรัก (1) โดย myisodore @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

วิปลาสทรชน

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี

แท็คที่เกี่ยวข้อง

แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง

รายละเอียด

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก

ผู้แต่ง

myisodore

เรื่องย่อ


วิปลาสทรชน

ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก 

อัพตอนใหม่ ทุกวันพุธกับเสาร์

ปลดตอนอ่านฟรี 1 วันรอแจ้งนะคะ


วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567

วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567


เรื่องย่อ

ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด


แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล



คำเตือน

ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต


#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ




นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้


ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




ช่องทางการติดตามทั้งหมด AllMyLink

สารบัญ

วิปลาสทรชน-ตอนที่ 1 สิ่งสกปรก #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 2 ความตาย #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 3 เธอมาที่นี่ (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 4 ครอบครัวอมาตยกุล (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (2) #รีไรท์ (อ่านตอน14.15น. สำหรับรีไรท์),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 5 ตัวหมาก (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (1) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (2) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 6 บ้าน (3) #รีไรท์,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (1),วิปลาสทรชน-ประกาศ หยุดอัพนิยายชั่วคราวไปจนถึงสิ้นเดือนหน้า,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 7 ความรัก (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (1),วิปลาสทรชน-ประกาศรีไรท์ ตอนใหม่+เนื้อหาที่เปลี่ยนเล็กน้อย+ติดเหรียญ,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 8 เรื่องของเธอคนนั้น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 9 ผกามาศเพชฌฆาต (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (1),วิปลาสทรชน-แจ้งวันอัพนิยายอย่างเป็นทางการ และวันปลดอ่านฟรี,วิปลาสทรชน-ตอนที่ 10 ดิ้นรนเพื่อคนอื่น (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (1),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (2),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 11 ล่าเหยื่อ (3),วิปลาสทรชน-ตอนที่ 12 พลิกกลับ (1)

เนื้อหา

ตอนที่ 7 ความรัก (1)

เป็นพี่น้องกันจริงไหมคะเนี่ย ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ

สิระ อมาตยกุล ชายวัยแก่ในวัย62ปีและตัวเขานั้นคืออดีตผู้พิพากษาที่เกษียณตัวเองก่อนกำหนดตั้งแต่วัย45ปี ในตอนนี้เขามาถึงบ้านที่เขาใหญ่และตรงหน้าสิระคือผู้กุมบังเหียนใหญ่และค่อยมอบอำนาจหน้าที่จัดการเสร็จสรรพทุกอย่างและเป็นคนสั่งให้จัดการสิ่งสกปรกที่ประเทศนี้ด้วย

ณ ตอนนี้ท่านผู้นี้เขากำลังนั่งอยู่หลังบ้านทัศนีย์ภาพของแม่น้ำไหลผ่านและต้นไม้ใหญ่ล้อมทำให้มันสวยและน่าดูไปตามกัน

“เดินทางเหนื่อยหน่อยนะ สิระ”

หม่อมเจ้าธามัน อยู่สวัสดิ์ ชายแก่วัย61ปี ที่รูปร่างเขาไม่เหมือนคนวัยแก่ที่เดินไม่ไหวเลยสักนิดต่างจากสิระที่เดินทีก็เหนื่อยแล้ว และเขายังเป็นกันเองเสมอแม้ตัวเองจะมีเชื้อสายนามสกุลที่สืบทอดมาอย่างยาวนาวก็ตาม

“ขอบคุณครับคุณธามัน”

“นั่งก่อนสิ ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วล่ะของปวริศ”

“ก็…” สิระนั่งตรงข้ามที่นั่ง “เขาจะเดินทางไปจัดการเป้าหมายแรกแล้วครับ”

“เร็วจังหาตัวมันเจอแล้วเหรอ?”

“ครับ พสุชา แสงอุทัยกำลังเดินทางไปที่เรือเลวีโรสในเดือนหน้าครับ”

“เดือนหน้า…อาทิตย์เดียวเองนี่”

“ใช่ครับคุณธามัน โชคดีที่ปวริศได้ข้อมูลการเดินทางที่ถูกต้องมาครับ ทำให้รู้ว่าเจ้านั่นมันคิดจะหนีไปทางไหนต่อ”

“ทำได้ดีมากเลย สมแล้วที่ฉันได้ส่งรายชื่อให้นายไปจัดการ”

“ไม่หรอกครับ ของแบบนี้ต้องชมปวริศครับที่จับหาได้ทำให้พวกเราเข้าถึงตัวมันได้อย่างรวดเร็วแบบนี้”

“ปวริศ..เด็กที่ตาไม่กระพริบคนนั้นเหรอ”

“ครับคุณธามัน ผมดีใจนะครับที่จำเขาได้”

“ใครจะไปลืมเด็กที่จ้องผมนาน5นาที ไม่กระพริบกันครับ”

หม่อมเจ้าธามัน อยู่สวัสดิ์ได้พูดปนหัวเราะออกมา เพราะตอนแรกที่ได้เจอนั้นนัยน์ตาสีดำของเด็กชายที่ปวริศจ้องมองมาที่เขานั้นเหมือนถูกนิมิตบางอย่างดูดกลืนให้หายไปจนอยู่ในห้วงภวังค์ที่ไม่สามารถออกไปไหนได้

เหมือนถูกจ้องในทุกฝีก้าวที่เดินไปไหนจะถูกจับตาดูตลอดเวลา นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่หม่อมเจ้าธามันสัมผัสได้ถึงอันตราย

“ก็จริงครับ แต่ปวริศตอนนี้เลิกนิสัยจ้องนานแล้วนะครับมันทำให้เสียบุคลิก”

“ดีแล้วที่เลิกได้ เพราะถ้ายังนิสัยนี้อยู่พวกมันไหวตัวทันแน่”

“เรื่องนั้นผมรู้ดี ไม่งั้นเขาคงไม่อยู่ถึงทุกวันนี้”

สิระพูดเสร็จเขาก็หยิบเอกสารจากกระเป๋ามาวางที่โต๊ะตรงหน้า ซึ่งเป็นเอกสารการขนส่งยาเสพติดทั้งหมดรวมไปถึงธุรกิจอันหนึ่งที่สกปรกไม่แพ้กัน

ค้ามนุษย์ส่งออกไปยังประเทศอื่น

หม่อมเจ้าธามันได้หยิบเอกสารเงินและสัญญาขึ้นมาอ่านเขาก็ยิ้มในทันทีเพราะว่าชื่อนี้คือรายชื่อที่หายไปจากการตามล่าในช่วงปี 25XX นั่นเอง

ในข้อหาส่งออกและค้ามนุษย์นำไปกระทำผิดมนุษยมนาหลากหลายรูปแบบเกินจินตนาการได้ว่ามีคนกล้าทำแบบนี้อยู่บนโลกจริงหรือ

“นี่มัน ไม่น่าเชื่อ…ฌาณกิจ ไตรภาคีคือพสุชางั้นเหรอ”

เพราะชื่อนี้คือตัวพ่อที่ทำการค้ามนุษย์และฆ่าทิ้งตายไปแล้วหลายคน จนเกิดโศกนาฏกรรมนับไม่ถ้วน ทว่าชื่อนี้มันกลับหายสาปสูญไปตอนที่ได้ส่งนักฆ่าอันดับ3 ไปจัดการในช่วงนั้น ภายใต้คำสั่งหม่อมเจ้าธามัน อยู่สวัสดิ์

แต่...ตอนไปรังซ่อนของมันนั้นกลับไม่พบอะไร นอกจากจดหมายลาตาย ตำนานค้ามนุษย์โหดได้จบลงตั้งแต่วันนั้น

ซึ่งแท้ที่จริงแล้วแค่ชุปตัวเป็นชื่อใหม่ และก่ออาชญากรรมข้ามชาติในรูปแบบอื่น เพราะฉะนั้นแล้วตัวคนเหี้ยมที่เคยสร้างความผวาให้กับประเทศไทยในช่วงนั้น มันคือคนเดียวกัน

แถมตอนนี้มันยังมีครอบครัว ใช้ชีวิตได้สุขสบายไปอีก เศษสวะที่ยังมีลมหายใจจนมลภาวะเหม็นหืนไปตามหมด

“ตอนนี้ปวริศเองก็ได้ตัวหมากครบแล้ว พสุชา แสงอุทัยได้โดนลบออกไปโดยไม่มีวันหวนคืนแน่นอนครับ” สิระเอ่ยเสียงเข้ม

“ขอให้เป็นอย่างนั้นนะสิระ เพราะพสุชานั้นจัดการยากมาก”

“ก็จริงครับ พสุชาเป็นคนที่อันตรายไต่เต้าจากศูนย์และทำให้ตัวเองมาถึงในจุดที่อันตรายต่อประเทศ”

“คนอันตรายแบบนั้น ฉันหวังว่า..ลูกชายทั้ง5คนที่เลี้ยงมาเองกับมือจะไม่เป็นไรนะ”

พอเห็นความห่วงใยที่มาจากใจแบบนี้แล้ว สิระ อมาตยกุลเองก็สัมผัสได้ เพราะนักฆ่าที่หม่อมเจ้าธามันส่งไปจัดการนั้นมันมีหลายคนแต่ก็ไม่รอดกลับมา

สันนิษฐานได้อย่างเดียวคือพ่อค้ารายใหญ่แถวหน้าการส่งออกยาเสพติดอย่างพสุชา แสงอุทัยที่ใช้ชื่อในนามฟร็องซ์ สามารถรอดจากการโดนลอบสังหารและถูกฆ่าได้หมดอีกทั้งยังเก็บคนที่มาฆ่าเขาด้วย

แม้จะจัดการด้วยหลายทางแล้วก็ตามไม่ว่าจะเป็นยาพิษหรือฆ่าตอนที่ไม่ทันตั้งตัว

พสุชา แสงอุทัยก็ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ

เหมือนเขามีญาณทิพย์รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองด้วยเหตุผลนี้ทำให้เป็นบุคคลที่ต้องโดนกำจัด แม้หลายต่อหลายครั้งในการตามล่าคนค้ายาเสพติดและค้ามนุษย์จะมีอยู่ถมไป ถึงพยายามมากเท่าไหร่ก็ไม่เคยได้สาวถึงไปที่ตัวพสุชา แสงอุทัย เลยสักครั้ง

ราวกับมีใครบางคนที่ร่วมมือกับเขา..ซึ่งสืบเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

ถึงจะไม่รู้ว่ามีใครเกี่ยวข้องอีกไหม แต่ชื่อพสุชา แสงอุทัย อยู่ในรายชื่อบัญชีดำที่ต้องกำจัดให้หายไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันหวนกลับ

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกครับคุณธามัน ปวริศน่ะเป็นถึงนักฆ่าอันดับ1 ของโลก เขาไม่พลาดที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องยากหรอกครับ”

สิระยิ้มและส่งสายตาเย็นเยือกให้กับหม่อมเจ้าตรงหน้าที่อายุน้อยกว่าตน บรรยากาศรอบตัวของชายแก่วัย62 ปีคนนี้ มันเหมือนถูกดูดและไม่มีวันได้เห็นแสงสว่างอย่างไรอย่างนั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไมหม่อมเจ้าธามัน อยู่สวัสดิ์ถึงส่งรายชื่อบัญชีดำนี้ไปให้เขา

“ฉันจะรอดูความสำเร็จนี้นะ สิระ อมาตยกุล”

ภาพจำครั้งสุดท้ายของหม่อมเจ้าธามัน อยู่สวัสดิ์นั้นปวริศเป็นเด็กน้อยที่มีนัยน์ตาสีดำไร้แวววับเมื่อสบตา ราวกับว่าหากใครได้จ้องดวงคู่นั้นไปแล้ว

คนนั้นจะไม่สามารถหยุดมองจนกว่าตัวเองได้ตายจากไปได้ ให้พูดตรงๆ ขาเสียดายที่นิสัยจ้องนานของปวริศนั้นไม่มีอีกแล้ว

“รอดูได้เลยครับคุณธามัน ผมรับรองว่าคุณไม่ผิดหวังแน่นอน รายชื่อนี้จะเป็นผู้สูญหายไปตลอดกาล”


 

ปลายฟ้า รินใจในชุดเดรสยาวผ้าลูกไม้ปลายกระโปรงสีน้ำตาลแขนสั้นที่ตอนนี้เธอได้อยู่บ้านหลังนี้จะถึง 2 อาทิตย์แล้วตั้งแต่ได้ไปเที่ยวที่ประตูน้ำด้วยกันมากับปวริศ อมาตยกุล เธอก็ได้ใช้ชีวิตโดยไม่โดนขังในห้องอีกต่อไปถึงปากใครต่อใครจะบอกว่าไม่ได้ขัง

แต่การกระทำมันชัดเจนที่ไม่ว่ามองยังไงก็ใช่ แต่ก็ต้องทำตัวให้เหมือนกับว่าเธอนั้นพร้อมใจจะอยู่ที่นี่ไปก่อนเพื่อความปลอดภัยกับตัวเองด้วย

ดังนั้นนี่เป็นโอกาสที่ปลายฟ้าจะได้สำรวจบ้านหลังนี้อย่างเต็มที่ ซึ่งในทีแรกเธอพอรู้ว่าบ้านหลังนี้มันใหญ่มากแล้วก็จริง แต่ไม่คิดว่าจะมีสนามกอล์ฟเป็นของตัวเองที่กว้างมากพอถึงกับมีรถกอลฟ์ไว้บริการให้อีกต่างหาก ขนาดเดินเรื่อยๆแบบไม่คิดอะไรขายังลากได้ขนาดนี้เลย

'เริ่มอยากรู้แล้วสิว่าไอ้คนพวกนี้ไปเอาเงินมาจากไหนกันนะ รวยชะมัด'

ที่สำคัญบ้านหลังนี้ยังอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเป็นอย่างมาก ขนาดพื้นที่ก็ใหญ่และกว้างสุดลูกหูลูกตาที่มองด้วยตาเปล่าแล้วไม่สามารถบอกได้ว่ามีพื้นที่เท่าไหร่ อีกทั้งตัวบ้านยังอยู่บนเนิ่นเขาที่ต้องขับรถขึ้นมาเท่านั้นขาออกก็เช่นกัน

พิสูจน์ได้จากตอนที่ไปซื้อเสื้อผ้าและเข้าของเครื่องจำเป็นสำหรับผู้หญิง ปลายฟ้าจำได้ขึ้นใจว่าใช้เวลานานพอตัวกว่าจะถึงบ้านหลังนี้ 

ทำให้รู้เลยว่าบ้านหลังนี้นอกจากจะหนียากแล้วต้นสายปลายทางก็ไม่รู้ว่าที่แห่งนี้คือที่ไหนด้วย 

“จะทำยังไงดีเนี่ย..”

เรียกได้ว่ามืดแปดด้านไปหมดจริงๆ ปลายฟ้าไม่คิดว่าตัวเองจะมาอยู่ในที่แบบนี้เลยในชีวิต แต่ยังดีที่เหล่าผู้คนในบ้านอมาตยกุลรู้ความสามารถเธอไม่เท่าไหร่

เพราะความสามารถจริงๆของเธอคือ รู้ศักยภาพของร่างกายคน ซึ่งเรื่องอาการเจ็บปวดอะไรนั่นเป็นหนึ่งในสิ่งที่เธอทำได้เพียงแค่มองพริบตา แต่อีกอย่างหนึ่งคือจุดเด่นของร่างกาย ที่ปลายฟ้านั้นต้องใช้เวลาพอสมควรในการมองและสังเกตระยะหนึ่งถึงจะรู้ว่าเด่นจุดไหน

 

ปวริศ อมาตยกุล

 

ให้พูดตรงๆนี่มันแทบจะไม่ใช่คนแล้ว ก็ว่าทำไมถึงหักแขนเธอได้ง่ายขนาดนั้น ทั้งทีกระดูกนั้นเดิมทีมันแข็งมากถ้าแรงไม่มากพอก็ไม่สามารถหักได้ง่ายๆ ถึงจะจำไม่ได้ก็ตามว่าทำไมปวริศถึงแขนหักเธอ

เอาเถอะมันเกิดขึ้นแล้ว ใช่เรื่องที่ต้องไปนึกถึง…

“ท้อว่ะ…”

หญิงสาวในชุดเดรสนั่งลงกับม้านั่งข้างนอกที่หันหน้าให้กับบ่อปลาที่เลี้ยงดูแลไว้อย่างดี แม้เธอจะไม่มีความรู้ด้านนี้ก็ตามแต่ก็สัมผัสได้ถึงการเอาใจใส่

รวมไปถึงองค์ประกอบอื่นๆ ตามอย่างสวนหลังบ้านที่ตกแต่งเป็นสไตล์ที่มองแล้วสบายตา ดูโล่งแล้วกว้างไปตามกัน

“สวนแบบนี้เขาแต่งกันเรียกว่าอะไรนะ..”

น่าเสียดายที่เธอได้มาอยู่บ้านหลังนี้ ปลายฟ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์หรือมีครอบครองได้เลยแม้แต่นิดเดียว ปกติเห็นอะไรสวยๆ หรือบรรยากาศที่ใช่เธอมักจะถ่ายลงโซเชี่ยลต่างๆ ในอินเตอร์เน็ตเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ

ยิ่งไปกว่านั้นสวนที่สวยแบบนี้มันน่าถ่ายอวดมากๆ ขนาดตอนนี้เป็นเวลากลางวันที่แดดจ้าแต่มีต้นไม้ต้นใหญ่ที่พัดโชยกลิ่นหอมแตะจมูก ที่สัมผัสดมแล้วจิตใจเธอผ่อนคลายอย่างน่าอัศจรรย์ ลืมเรื่องความร้อนของประเทศนี้ไปได้เลย

และในสวนแห่งนี้มีต้นนี้เยอะมากมันทำให้บ้านร่มรื่นน่าอยู่ไม่อยากไปไหนเลยจริงๆ ถ้าปลายฟ้าเป็นเจ้าของสวนนี้ แน่นอนว่ายังไม่รวมดอกไม้นานาพันธุ์ที่เธอไม่รู้จักอีกมากที่มันมีสีของดอกไม้มันหรือสีม่วงกับฟ้าสลับกันไป หญิงสาวจะไม่มีวันออกจากบ้านเลยเสพสัมผัสบรรยากาศให่ชุ่มปอดได้อย่างไร้กังวล

“หาเจอแล้ว มาเดินเล่นที่สวนนี้เองเหรอ?”

เสียงอันคุ้นเคยที่เธอจำได้ดี หนุ่มตี๋ที่ค่อยเอาอาหารมาให้เธอกินตอนที่ยังใช้ชีวิตในห้องเงียบๆ

รังสิมันต์ อมาตยกุลที่ปลายฟ้าเห็นทีไรก็ต้องระวังอีกคน เพราะเป็นคนที่ชอบพูดไปเรื่อยไม่รู้ว่าอันไหนจริงหรือไม่จริงจากทีเธอสังเกตตอนที่คุยกับตัวเองแล้วก็คำเตือนของปวริศอีกเช่นกัน

“ค่ะ” ปลายฟ้ายิ้ม “พอดีเดินเหนื่อยเลยมาที่สวนนี้ค่ะ”

“สวนที่พี่ริทชอบนี่น่า เธอเข้าใจมาพักนะ”

“เหรอคะ พึ่งรู้เลยนะคะ”

…ที่จริงไม่ได้อยากรู้เลยค่ะ… ปลายฟ้าคิดในใจแต่ก็ยิ้มเป็นมิตรต่อไป รังสิมันต์ อมาตยกุลที่เห็นใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอแล้วก็รู้ทันทีว่าเป็นผู้หญิงที่แปลกและยอมรับสถานภาพตัวเองอย่างรวดเร็วจนน่าแปลกใจ

โดยปกติแล้วคนที่ถูกขังที่แห่งนี้ส่วนมากจะเป็นบ้าเป็นบอ พยายามหนีจนคนอย่างรังสิมันต์ต้องตามเก็บตลอด

แต่มันก็ดีที่ไม่มีใครต่อต้าน เพราะเขาขี้เกียจจัดการอยู่พอดี แม้ความจริงแล้วคนที่ชอบพาคนนอกเข้ามา จะมีแต่รังสิมันต์ อมาตยกุลก็ตาม การที่ปลายฟ้าดูอยู่สงบได้ เหมือนที่นี่เป็นบ้านก็นับว่าดี ถึงจะดูพยายามจนฝืนก็ตาม

“พอเห็นเธอดูมีความสุขแล้ว ดอกพิกุลก็บานจนร่วงพอดี”

“ดอกพิกุลเหรอคะ?”

“เห็นต้นไม้ใหญ่ๆ ที่มีหลายต้นนั่นไหม นั่นคือต้นพิกุลล่ะ พ่อของเราบอกว่าต้นพิกุลคือสัญลักษณ์ของตระกูลเรา เลยปลูกไว้เพื่อสิริมงคล”

“แล้วดอกไม้นั่นล่ะคะ” ปลายฟ้าใช้แขนที่ไม่ได้หักชี้ไปยังดอกไม้สีฟ้าและม่วงสลับกัน

“ดอกพยับหมอกกับดอกหลิวไต้หวันน่ะ เป็นดอกไม้ที่บ้านเราทุกคนชอบมากเลย”

คำพูดและน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากใจของรังสิมันต์ อมาตยกุล เป็นสิ่งหนึ่งที่หญิงสาวรู้สึกได้ถึงความจริงใจนี้

“สวนที่พี่ริทชอบเพราะมีดอกไม้พวกนี้เหรอคะ” ปลายฟ้าถามพลางมองดอกไม้เหล่านั้น

“ชอบไหมน่ะเหรอ..."

รังสิมันต์ถึงกับคิดทันทีเพราะที่ผ่านมาเขาไม่ได้ถามอะไรเลยเกี่ยวกับพี่ชายเขา มีแต่เรื่องงานหรือไม่ก็งานฆ่าในส่วนเรื่องส่วนตัว หนุ่มตี๋รู้แค่ว่าพี่ริทเขาชอบสัตว์นกฮูกกับอาหารอย่างแกงเขียวหวาน ขนมจีนน้ำยาเท่านั้น ดังนั้นคำถามของสาวน้อยตาสีเขียวคนนี้ถือว่ามีประโยชน์สำหรับเขา

 "ไม่รู้สิ" เขายักไหล่ตอบ

"เป็นพี่น้องกันจริงไหมคะเนี่ย ทำไมถึงไม่รู้ล่ะ?"

"ก็พวกเราทำงานตั้งแต่เด็กแล้ว รู้แค่ไม่กี่อย่างเอง"

"ทำงานแต่เด็กเหรอคะ คงรวยแล้วล่ะสิแบบนี้"

ปลายฟ้าแอบเหน็บนิดหน่อยใส่เขา ถึงจะใส่เสียงที่หวานปานน้ำผึ้งแสนเป็นกันเองลงไปก็ตาม ทว่ารังสิมันต์ก็มองหางตาพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างให้คนตัวเล็กที่นั่งม้านั่งตรงนั้น

"ก็นะ ทำงานแต่เด็กก็รวยเร็วน่ะ แต่ไม่ใช่ทุกคนหรอกเพราะของแบบนี้คือความสามารถอย่างหนึ่ง"

"ค่ะ.." 

ปลายฟ้าสัมผัสได้ถึงความมั่นใจออกมา มันก็เป็นความจริงที่ใช่ว่าทุกคนทำงานแต่เด็กแล้วจะรวยเร็วแบบที่เขาพูด ซึ่งงานที่ทำเงินได้มหาศาลในชั่วเวลาอันสั้นคงไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับการฆ่าใครสักคนแน่นอน

"พอมาคิดดูแล้วสวนนี้ก็สวยจริงนะ"

อยู่ๆรังสิมันต์พูดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยขึ้นมา ปลายฟ้าเหลือบมองคนข้างๆที่พินิจสวนพลางยิ้มไปด้วย ให้พูดตรงๆชายคนนี้เป็นที่มีเสน่ห์ตรงที่ยิ้มและพูดจาน่าฟัง แถมดูชอบเอาใจใส่คนอื่นโดยเฉพาะตอนที่ป้อนข้าวให้เธอโดยไม่ขอ น่าเสียดายที่ดันมาเป็นพวกโรคจิตเฉยเลย

ยิ่งไปกว่านั้นร่างของชายหนุ่มคนนี้ก็เรียกได้ว่าไม่ได้โดดเด่นอะไร เขาเด่นแค่ขากับแขนที่ยาวเหมือนนายแบบ ทำให้การยืนของรังสิมันต์ อมาตยกุลดูมีเอกลักษณ์ อาจจะเป็นเพราะการแต่งตัวที่ทันสมัยดูมีสไตล์เลยสร้างภาพรวมน่ามองไปหมด

ถ้าไม่รู้เบื้องหลังเขาซะก่อนล่ะก็นะ...แต่จุดที่เจ็บไม่มีแหะ

"นึกออกแล้ว" รังสิมันต์โพล่งขึ้น

"อะไรคะ?"

"ว่าทำไมพี่ปวริศถึงชอบสวนนี้ไง"

"ชอบเพราะอะไรคะ?" 

ถามไปงั้นแหล่ะ เพราะยังไงมันอยู่หัวข้อการสนทนาแล้วถึงไม่อยากรู้ก็ต้องทำเหมือนสนใจ

"ที่ชอบเพราะมันร่มรื่นน่ะ เขาทำงานเสร็จกลับบ้านจะชอบมานั่งม้านั่งตรงนี้แล้วงีบน่ะ”

“ม้านั่งตรงนี้?”

“ใช่”

รังสิมันต์ยิ้มและมองไปยังม้านั่งที่ว่ามันคือที่ปลายฟ้า รินใจนั่ง เมื่อเธอรู้ก็รีบลุกขึ้นพรวดทันที

“รังเกียจเหรอเนี่ย พี่ริทเสียใจแย่”

“เปล่าค่ะ คือแค่รู้สึกว่านั่งพักพอแล้วเฉยๆ ค่ะ”

ปลายฟ้ายิ้มเก้อตอบทันควัน หนุ่มตี๋ก็ยิ้มมุมปากมองให้เหมือนทุกครั้งโดยไม่จับผิดสังเกตอะไร

“ข้อมือที่หักกับแผลที่โดนยิงต้นขาเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็ดีแล้วค่ะ คิดว่าไม่นานคงหาย”

“ไม่นานแต่ใช้เวลาอย่างต่ำก็ 2-3 เดือนทั้งสองอย่างเลยนะ”

“ค่ะ..” 

มันก็จริงอย่างที่รังสิมันต์พูด ตั้งแต่แขนหักด้วยมือของปวริศเองนั้นปลายฟ้าก็แทบจำไม่ได้เลย รู้แค่ว่าเธอแขนหักเพราะเขา พอยิ่งนึกความทรงจำในหัวมีแต่เรื่องมืดบอดราวกับว่าสมองสั่งการไม่ให้เห็นภาพตอนนั้น

‘ตั้งแต่มาอยู่นี่ก็ไม่ได้กินยาแก้เครียดเลยแหะ ประครองไว้ก็ไม่แย่หรอกแต่เหนื่อยชะมัด’

ถึงปลายฟ้าจะอยากขอความช่วยเหลือจากคนในบ้านนี้ก็ตาม แต่มันก็ยากมากๆ ที่จะอดทนเช่นกัน

เพราะฉะนั้นแล้วการเดินออกมาสำรวจบ้านหาทีหนีทีไล่ ก็ถือว่าไม่เลวเท่าไหร่อีกอย่างบ้านหลังนี้มันก็กว้างเสียเหลือเกินบางทีถ้าเกิดปลายฟ้ามีของแบบนี้มาตั้งแต่เกิดเธอคงมีความสุขกับการใช้เงินแบบถลุงไม่สนใจอะไรแน่นอน

“วันนี้พี่ริทจะพาเธอไปย้อมผมน่ะ อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยด้วยนะ” รังสิมันต์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“วันนี้เหรอคะ? ฉันไม่อยากย้อมผมนะคะ”

“ไม่อยากย้อมเหรอ?”

รังสิมันต์มองตานิ่งและเอียงคอไปด้วย ปลายฟ้าที่สบตาเขาก็กลืนน้ำลายลงคอเพราะแววตาเมื่อกี้มันทำให้เธอเหมือนโดนกดดันและคอของเธอเหมือนจะถูกแทงอย่างไรอย่างนั้น

“เปล่าค่ะ..ไม่ได้หมายความอย่างนั้น หนูแค่..มันดูเปลืองเงินน่ะค่ะ”

“ไม่เห็นต้องสนใจเลย ไม่ใช่เงินเธอนี่”

“เออ ก็ใช่ค่ะแต่ช่วงนี้พี่ริทใช้เงินเยอะมากตั้งแต่ทำตกแต่งห้องให้หนู ทำพื้นใหม่..ไหนจะห้องน้ำอีก พี่ริททำอ่างให้ด้วยนะคะ หมดไปเป็นแสนแล้ว”

ที่มั่นใจตัวเลขเพราะเธอแอบดูรายการที่ปวริศเขาเขียนลงกระดาษรายจ่ายของเธอซึ่งมันวางอยู่บนโต๊ะห้องนั่งเล่น ทำให้รู้ว่านอกจากเสื้อผ้าและของใช้หลายอย่างนั้นรวมไปถึงทำห้องนอนให้เธอก็หมดไป 6หลักเลยทีเดียว

ถึงปวริศจะดูไม่สะทกสะท้านก็ตาม

แต่คนฟังอย่างหนุ่มตี๋คนนี้ก็รู้สึกได้ถึงความเกรงใจที่มีต่อพี่ชายคนโตของบ้าน แม้จะเต็มไปด้วยความกลัว หวาดระแวงด้วยก็ตาม

“เป็นเด็กดีจังเลยอันไหนที่พี่ริทไม่บ่น เธอไม่ต้องกังวลหรอกนะ”

มือหนาจับข้อมือบางที่ไม่หักอีกข้างของหญิงสาวและลากเดินไปทันทีโดยไม่สนใจเสียงหลงตกใจของหญิงสาวเลยสักนิด ขาของชายหนุ่มก็ยาวเดินทีแทบจะกว้าง ต่างจากปลายฟ้าที่ตัวเล็กกว่าไม่พอยังตามจังหวะไม่ทันเลยสักนิด

‘เดินเร็วชะมัด เขารู้ไหมเนี่ยว่าฉันเจ็บขาอยู่!?'

ทำได้แค่บ่นในใจถึงจะนิ่วหน้าเจ็บแบบนั้น แต่ปลายฟ้าได้มองสัดส่วนร่างช่วงล่างของเขาอย่างพินิจ ก็พบว่ารังสิมันต์มีขาที่ยาวและข้อเท้านั้นมีความยืดหยุ่นมาก ทำให้เขาเดินเร็วโดยไม่รู้ตัว ปลายฟ้าเริ่มคงต้องสังเกตุร่างกายพวกเขาให้มากกว่านี้

เพื่อที่จะระวังแล้วก็ได้หนีไปได้โดยไม่ต้องให้พวกเขามาตามล่า…

'ถึงจะคิดแบบนั้น...แต่ขาฉันเจ็บจริงๆ อดทนไว้อย่าร้องครวญ'



ปวริศ อมาตยกุล ชายหนุ่มร่างสูงอยู่ในชุดเช่นเคยทุกวันคือเสื้อคอเต่าดำแขนยาวและกางเกงยีนส์ขายาวสีดำ ซึ่งเป็นชุดที่ใส่ซ้ำบ่อยครั้งจนชินตาเหมือนเป็นเอกลักษณ์เจ้าตัวไปแล้วและเขาก็ยืนรอปลายฟ้าที่แต่งตัวด้วยเดรสยาวสีฟ้าอ่อนกับรองเท้าผ้าใบสีขาวที่กำลังเดินออกมาพร้อมกับลูกชายคนที่3ของบ้านด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มเหมือนเคย

สำหรับปวริศแล้วตอนที่เห็นสภาพเธอมันเหมือนกับว่าเธอนั้นแกล้งทำให้เหมือนตัวเองชินชากับที่นี่ ซึ่งมันก็ดีที่เธอปรับตัว ดูเสียสติไปแล้วดี..ถึงยังไงภาพตอนที่เธอบอกว่ากลัวเลือดแล้วก็พุ่งตัวจะมาบีบคอเขาในตอนนั้นเรียกได้ว่าปลายฟ้าต้องการจะฆ่าโดยที่ไม่มีจิตสังหารอะไรใส่ไป

ที่สำคัญกว่านั้น..เธอลืมเรื่องที่ตัวเองทำไปเหมือนกับว่าเธอไม่เคยทำ

และตอนพาไปซื้อของก็เห็นได้ชัดยิ่งกว่าเดิมเธอจำไม่ได้จริงๆ สัมผัสได้แต่ความเกรงใจไม่กล้าปฏิเสธใดๆ ปวริศเองก็ต้องการใช้งานเธอให้ถึงที่สุด เขาต้องจับมัดแกะให้แน่นมากกว่านี้ รวมไปถึงต้องให้เชื่อฟังเช่นกัน

“ผมพาเธอมาแล้วพี่ริท”

รังสิมันต์โบกมือทักทายพี่ตัวเองที่ยืนรอพร้อมรถเก้งคนโปรดของเขาสีดำ

“ขอบใจมาก”

ปวริศตอบน้องชายไป เขาก็เห็นปลายฟ้าแสดงสีหน้าที่เหนื่อยและเจ็บปวดออกมา ต้นขาของเธอยังไม่หายดีนัก เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะยังไงปลายฟ้า รินใจจำเป็นต้องมีแผลเป็นอยู่ดีในตอนนี้

“วันนี้ฉันจะพาเธอไปทำสปาและย้อมผมกับทำเล็บนะปลายฟ้า”

“ทำเสริมสวยเหรอคะ”

ปลายฟ้ามองคิ้วขมวดให้ปวริศไม่รู้เลยว่าทำไมถึงทำแบบนี้กับเธอด้วย ตั้งแต่ซื้อของให้ไหนจะเรื่องห้องนอนนั่นทำใหม่ให้เธออีก หญิงสาวที่ไม่เข้าใจก็ทำได้แค่ทำหน้าตกใจปนตื่นเต้นไปก่อน

“ใช่ ฉันจะย้อมผมบลอนด์ให้เธอ”

“พี่ริทเลือกให้เหรอคะ?”

“แล้วก็ลายเล็บเจล เลือกลายเองได้เท่าที่อยากทำ ไปกันได้แล้ว”

ชายหนุ่มเปิดประตูรถยนต์ของเขาและปลายฟ้าก็เข้าไปนั่งแต่โดยดีปวริศก็ปิดประตูให้

“เธอมีอะไรผิดปกติไหม” ปวริศถามรังสิมันต์

“ไม่มี แต่เรื่องเสียสติคงเป็นอย่างที่พี่ว่าแหล่ะมั้งที่ยอมรับสถานภาพตัวเองง่ายๆ น่ะ”

“คนไม่เคยมีก็เป็นแบบนี้แหล่ะ”

“ก็จริงนะ ฐานะเธอก็ไม่ได้มีเงินเยอะจริงๆ นั่นแหล่ะ”

“ฝากดูแลบ้านด้วย”

“ได้ครับเดินทางดีๆ นะครับพี่ริท”

ลูกคนที่สามของบ้านได้โบกมือบอกลาพี่ชายตัวเองที่เขาได้เข้าไปในรถและขับออกจากบ้านไปเรียบร้อย

“วันนี้ดอกพิกุลร่วงเยอะนี่นา..เก็บมาทำแยกสารสกัดที่จะไปเรือสำราญหรูดีกว่า”

สิ่งหนึ่งที่รังสิมันต์ อมาตยกุลถนัดคือการทำแลปสารสกัดคัดแยก เขาจะมีห้องแลปทดลองเป็นของตัวเองและอุปกรณ์นำเข้ามาจากประเทศชั้นนำคัดเกรดมาอย่างดี นอกจากรักษาและตกแต่งศพได้แล้วก็คือการทำสารสกัดคัดแยกออกมาลงในบรรจุพันธ์นั่นเอง

 

 

To be continued

สวัสดีค่าา คิดถึงกันไหมคะ อยากจะบอกว่าเราก็คิดถึงทุกคนค่ะ5555 หลังจากหายไปนานเพราะติดภารกิจใจชีวิตจริงเยอะมาก ตอนนี้ยาวมากๆ อีกตอนต่อไปก็คงยาวอีกเช่นกัน5555