ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต
#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
การเดินทางไปย้งร้านเสริมสวยนั้นก็ไม่ได้ไกลมากเท่าไหร่ เป็นร้านแถวบ้านชายหนุ่มที่ขับรถออกมาก็ใช้เวลาแค่ 30นาทีในการเดินทางมาถึงที่นี่ หน้าร้านทำผมที่ตกแต่งด้วยสีหวานชมพูสวยเด่น
และเมื่อสองหนุ่มสาวเดินลงมาจากรถที่จอดตามป้ายที่จอดรถสำหรับลูกค้าของร้านตรงหน้าแล้วปลายฟ้าได้มองไปยังร้านสีชมพูตกแต่งโทนหวานกรุบทำเอาเธอถึงกับเหล่มองชายหนุ่มในชุดดำล้วนทั้งตัวอย่างแปลกใจเป็นอย่างมาก
‘ร้าน SweetBerry Salon พี่ริทเขาพาฉันมาที่ร้านที่โคตรหวานไม่เข้ากับหน้าตัวเองเลย’
ปลายฟ้าคิดในใจพร้อมกับเดินตามหลังปวริศเข้าไปในร้าน เมื่อได้เข้าไปนั้นก็เจอพนักงานสาวสองที่เหมือนผู้หญิงสวยมากๆ เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“พี่ปวริศ สวัสดีค่ะวันนี้พาสาวไหนมาคะเนี่ย”
สาวสองคนสวยคนได้เอ่ยพลางเดินมาใกล้ต้อนรับชายหนุ่มผิวน้ำผึ้งร่างสูงด้วยท่าทางสนิทสนม
“วันนี้พาแฟนมาครับน้องเวนดี้ ช่วยแปลงโฉมให้เธอหน่อย..ขอผมทองแสบตาทีนะครับ”
“แฟน?!”
ปลายฟ้าตกใจเมื่อปวริศใช้คำนี้แต่เหมือนชายหนุ่มจะไม่สนท่าทีของเธอเลย เวนดี้ที่เห็นเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงสาวถึงโพล่งแบบนั้น
“แฟนเหรอคะพี่ริท ดูเธอไม่อยากเป็นแฟนพี่นะคะ” เวนดี้ถามพลางมองเธอที่ทำสีหน้าวิตก
“ไม่ต้องสนใจหรอก เธอประจำเดือนมาครับแล้วงอนพี่ที่ไม่ตามใจเฉยๆ น่ะ”
“ตายจริง ก็ว่าอยู่ทำไมหน้าน้องดูไม่จอยเท่าไหร่”
“ปกติของยัยตัวเล็กครับ ผมก็เลยจะง้อเธอให้มาทำผมสีทองแสบตาที่ปลายฟ้าเขาบ่นว่าอยากทำมาหลายวันให้น่ะครับ”
คนฟังบทสนทนาที่ลื่นไหลของสองคนนี้ทำให้ปลายฟ้า รินใจไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาถึงพูดอะไรที่มันไม่จริงสักอย่างด้วย แถมประจำเดือนเธอก็ไม่ปกติที่นานๆ จะมาทีด้วยซ้ำ ที่สำคัญตั้งแต่ไปซื้อของเข้าบ้านด้วยกันจนถึงตอนนี้
ปวริศไม่มีแม้แต่จะมาพูดคุยอะไรเลย มากสุดแค่มองหน้ากันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ตัวเองกันต่อ แล้วทำไมถึงต้องมาแสดงตัวว่าเป็นแฟนเธอด้วยนะ ปลายฟ้าต้องทำตัวให้ทันเขาด้วยรึเปล่าในจุดนี้
“ผมทองเลยเหรอจ้ะ ได้สิคะสำหรับพี่ริทแล้วน้องเวนดี้คนนี้ทำให้ทุกอย่างเลย”
“ฝากดูแลน้องหน่อยนะครับ เพราะผมอยากพาเธอชมเรือสำราญสวยด้วยกันเดือนหน้าครับ”
“ว้าย น้องเวนดี้จัดให้ค่ะพี่ริทเชื่อมือน้องได้เลยค่ะ”
“ขอบคุณครับน้องเวนดี้ ฝากปลายฟ้าด้วยนะครับ เอาให้สวยพร้อมกับฮานีมูนที่เรือทีนะ”
ปวริศสั่งด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร ที่ใครเห็นแล้วก็ต้องชอบอย่างแน่นอนด้วยใบหน้าที่หล่อคม สันกรามชัดที่มองมุมไหนก็รู้ได้ทันทีว่าเป้นเบ้าหน้าฟ้าประทาน แต่สำหรับปลายฟ้า รินใจแล้วหากใครสักคนสังเกตที่แววตาของเขาก็จะรู้ได้ว่าเป็นดวงตาที่จ้องนานๆ ช่างเหมือนกับจะถูกมีดมาบาดคออย่างไรอย่างนั้น
แค่นึกตอนที่เขาเอาลูกดอกมาแทงดวงตาของปรานปรียาจนเลือดทะเลักในตอนนั้นแล้ว หัวใจของปลายฟ้าสัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามาแม้จะไม่เกิดขึ้นในตอนนี้ ทว่ามันต้องเกิดขึ้นในสักวันหากเธอไม่ทำตามใจในสิ่งที่เขาต้องการ
‘ปลายฟ้าอย่าตื่นตระหนกสิ ทำตัวให้ชินเข้าไว้’
หญิงสาวเตือนสติตัวเองในใจ เวนดี้ได้มองมาที่หญิงสาวที่แขนใส่เฝือกและสีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ก็ระบายยิ้มหวานให้เธอผ่อนคลาย
“ได้เลยค่ะพี่ริท น้องปลายฟ้าตามพี่มาเลยค่ะ”
“ค่ะพี่เวนดี้”
ปลายฟ้าเดินตามสาวสองคนสวยไปโดยเหลือบหันหลังมามองชายหนุ่มที่ยิ้มเข้ากับหน้าตัวเองแบบนั้น พอเห็นคนที่หน้านิ่งและไม่แยแสคนมาระบายยิ้มแบบนี้แล้ว
ช่างเป็นรอยยิ้มที่ไม่จริงใจเอาซะเลย..
แต่จะพูดแบบนั้นก็ไม่ได้เพราะว่าชายหนุ่มเรียกเธอว่าแฟน แล้วพี่สาวกะเทยตรงหน้าดูเชื่อไปอีกก็คงต้องมีแต่ตามน้ำเท่านั้น
“โชคดีจังเลยนะได้พี่ริทเป็นแฟนเนี่ย พี่น่ะเคยเรียนมหาลัยเดียวกับเขา เขาเรียนเก่งมากเลย”
เวนดี้ได้จัดแจงเธอทำสีผมทองแสบตาให้เธอที่เก้าอี้ทันที อยากจะบอกว่าตั้งแต่เกิดมานั้นปลายฟ้า รินใจไม่เคยได้ย้อมผมเลยสักครั้งในชีวิต ทำให้ผมนั้นดูสุขภาพดีจนได้คำชมจากเวนดี้ไม่หยุดเลยทีเดียว
แต่มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจปวริศ อมาตยกุลเรียนหนังสือเก่ง
ให้พูดจากใจคนที่ทำงานด้านไอทีสำหรับเธอแล้วคือคนเก่งหมด เพราะปลายฟ้าไม่ใช่คนมีหัวด้านคอมพิวเตอร์เท่าไหร่ โดยเฉพาะทำโปรแกรมหรือโค้ดอะไรทำนองนี้ เลยเลือกสอบเข้าวิทยาศาสตร์และการออกกำลังกายแทน ซึ่งสาเหตุที่เข้านั้นมีเหตุผลง่ายมากๆ คือ อยากสุขภาพดีเฉยๆ ถึงการเรียนจะหนักมากก็ตาม
“พี่เวนดี้คะ พี่รู้จักพี่ริทตอนเรียนมหาลัยเหรอ?” ปลายฟ้าถามในขณะที่รอให้สีผมแห้ง
“ใช่จ้า พี่ลงวิชาเดียวกับเขาถึง2 เทอมตั้ง4 วิชาเลยนะ พี่เจอเขาทุกคาบเลย”
“เรียนที่ไหนเหรอคะ?”
“มหาวิทยาลัยสาสน์สาจ้า”
“จริงเหรอคะเนี่ย”
ไม่น่าเชื่อคนที่มีฐานะอะไรแบบนั้นเลือกมหาลัยเปิดที่วิชาเสรี แต่มันก็คงไม่แปลกเท่าไหร่ที่จะเรียนที่นั่นเพราะไม่ต้องเช็คชื่อเรียน เวลาจะไปฆ่าใครคงมีเวลาพอตัว
“อ้าวล่ะ ไปล้างสีออกกันจ้า วันนี้เธอต้องสวยมากแน่ๆ เห็นอย่างนี้พี่ริทเขารักใครรักมากเลยนะ”
“ทำไมมั่นใจจังคะ..”
“ก็ไม่รู้สิ คนที่ทำอะไรเต็มที่ทุกอย่างต้องเต็มที่กับความรักด้วยสิ ถูกไหมคะน้องปลายฟ้า”
“นั่นน่ะสิคะ..”
ก็เต็มที่จริงๆ ดูจากไปซื้อของซื้อแต่ละอันใช้ได้ไม่กลัวหมดเลย ปลายฟ้า รินใจได้เหล่ไปมองปวริศที่นั่งรอเธอจากที่นั่งในร้านเตรียมให้พร้อมกับขนมเล็กน้อย ตัวเขาไม่ได้มองหรือสบตาอะไรเธอเลยตั้งแต่ทำสีผมจนถึงจะไปล้างหัวและเป่าให้แห้ง
ในทีแรกปลายฟ้านึกไม่ออกหรอกว่าตัวเองในเวอร์ชั่นผมสีทองแสบตามันเป็นยังไง พอได้เห็นขั้นตอนสุดท้ายตอนผมแห้งแล้วเธอตาเบิกโพลงตะลึงในความเปลี่ยนไปของตัวเอง
ผมสีทองยาวตรงกลางหลังกับความเงาสวยประกายแค่กระทบแสงก็มีเงาผมไล่ตามมา บวกกับผิวที่ขาวขับออกมาทำให้ภาพรวมทุกอย่างของปลายฟ้า รินใจนั้นสวยไม่เหมือนที่เคยเป็นมาดูต่างออกไปจากเมื่อก่อนพอตัว หญิงสาวมองตัวเองแล้วรอยยิ้มสวยเผยขึ้นมาใบหน้าอย่างปลื้มปริ่ม
“เรียบร้อยแล้วสินะ”
ปวริศที่อยู่ที่นั่งหน้าร้านได้เดินเข้ามา ก็เห็นปลายฟ้าในรูปลักษณ์ใหม่ที่ดูดีอย่างที่เขาต้องการได้ ซึ่งรอยยิ้มที่มาจากใจของชายหนุ่มจนหญิงสาวรู้สึกได้เผยให้เห็นบนใบหน้าที่นิ่งไร้อารมณ์ของเขา
“ใช่ค่ะพี่ริท ตอนนี้น้องปลายฟ้าเป็น NEW WOMEN ที่เลิศที่สุดเลยค่ะ” เวนดี้ชมจนปลายฟ้าเขินแทน
“พี่เห็นด้วย ปกติก็เป็นนางฟ้าอยู่แล้วน้องเวนดี้ทำให้ปลายฟ้าสวยเกินกว่าจะเอื้อมถึงอีกนะครับ”
“แหม ตอนนี้พี่ก็เอื้อมถึงนะคะ เพราะพี่ริทรับนางฟ้าตกสวรรค์คนนี้ทันไงคะ”
คำหยอกล้อแซวชมไปมาของสองคู่รุ่นพี่รุ่นน้องคนนี้เป็นภาพที่น่ารักจริงๆ แต่ถ้าไม่ติดว่าปลายฟ้าได้เห็นเบื้องหลังของปวริศ อมาตยกุลแล้ว ป่านนี้จะเป็นภาพที่ไม่ขัดตาอะไรเลย
“ไปกันได้แล้ว เราต้องไปทำสปาและเล็บต่อนะ”
“สปาเหรอคะ”
“หลังจากสปาเสร็จแล้วก็ทำเล็บ เสร็จแล้วก็กลับบ้านเลย”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
“ขึ้นรถและไปที่ร้านทำเล็บต่อ”
“ค่ะ..”
ปลายฟ้ามองปวริศที่ไปเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งข้างคนขับอย่างฉงนใจ ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกเหรอจนถึงตอนนี้เธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมต้องดูแลดีแบบนี้ด้วย ราวกับว่าเหมือนมีจุดประสงค์บางอย่าง
ซึ่งปลายฟ้า รินใจเองก็คงคิดในแง่ลบอยู่ดีแต่การแสดงเบื้องหน้าเธอต้องดีใจและมีความสุขตลอดเวลา เพื่อไม่ให้ชายหนุ่มที่มีสายตาเย็นชาและนัยน์ตาสีดำที่ไร้แวววับคนนี้จับได้ว่า..เธอนั้นกำลังเสแสร้งอยู่
เธอต้องอดทนไปจนกว่าจะหาทีหนีทีไล่ได้ ทว่าปวริศ อมาตยกุลที่เพียงแค่มองหญิงสาวตัวเล็กตัวน้อยแล้วทำให้ชื่นชมจากใจจริงๆ ที่ยังทำตัวเหมือนจริงใจให้เขาตลอดเวลา มันน่าเอ็นดูจริงๆ เวลาเห็นใครสักที่พยายามไม่แสดงออกมา
มันตลกเสียจนเขาเองก็ต้องพยายามกลั้นขำไม่ให้หญิงสาวรู้ว่าตัวเขานั้นจับได้นานแล้ว
ในสวนหย่อมหลังบ้านของอมาตยกุล ที่เต็มไปด้วยต้นไม้พิกุลและดอกไม้ที่ร่วงหล่นตามพื้นประปรายตามทาง สิระ อมาตยกุลชายแก่วัย65ปี อดีตผู้พิพากษาที่เกษียณตัวเองตอนนี้เขาได้มานั่งรับลมชมบรรยากาศร่มรื่นของบ้านตัวเอง โดยมีแสงแดดพระอาทิตย์ตกดินเสริมบรรยากาศให้สวนนี้สมบูรณ์แบบต่อการชมทิวทัศน์นี้
“ถึงบ้านตอนไหนเนี่ย”
น้ำเสียงขี้เล่นและติดสนุกของอดิสรณ์ อมาตยกุล หนุ่มลูกครึ่งเจ้าของดวงตาสีเฮเซลนัทสีอ่อนสวยได้มาหาพ่อตัวเองที่นั่งรับลมที่ประจำ
“เมื่อ20นาทีก่อนเอง กรกฎไม่ได้บอกเหรอ?” สิระถามเอ็นดูเพราะคนที่เปิดประตูบ้านให้คือลูกชายคนเล็กนั่นเอง
“ไม่เลยครับพ่อ คนเล็กเรามันไม่ค่อยคุยเพราะตอนนี้กรกฎไม่อยู่”
“ไม่อยู่…” สิระทวนคำพูดหลังจากนั้นก็เข้าใจทันที “อย่างนั้นเหรอ เอาเถอะถ้าเป็นเจ้านั่นน่าจะคุยยาก”
“วันนี้พี่ริทพาสาวไปเสริมสวย คิดว่าพ่อคงตกใจถ้าเห็นสาวสวยคนนั้น”
“ปลายฟ้าเหรอ”
“อ้าว พ่ออะให้ผมเฉลยก่อนสิ ไม่สนุกเลย”
หนุ่มลูกครึ่งงอนแก้มป่องตามประสาคนที่ทำตัวไม่โตคนหนึ่ง คนเป็นพ่อที่เห็นลูกสูง2เมตร ที่เหมือน2เซนติเมตรก็หัวเราะเบาๆ ชอบใจ
“แล้วปวริศพาปลายฟ้าไปทำสวยทำไมเหรอ?”
“ก็พ่อเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม”
อดิสรณ์ยิ้มเจ้าเล่ห์ให้พ่อตัวเองแล้วสายลมเย็นค่ำได้พัดผมดำของเขาอย่างแผ่วเบา สิระที่มองด้วยความก็อยากรู้ก็ยิ้มบางรับ
“เรื่องอะไร?”
“ก็เวลามีคนตายไปแล้ว เราต้องหาตัวตายตัวแทนเพื่อให้ชีวิตนั้นไปเกิดใหม่ พ่อเคยได้ยินรึเปล่า?”
“เคยสิ..สมัยก่อนพวกวิญญาณที่ตายไม่ดีจะหาตัวตายตัวแทนเพื่อให้ตัวเองไปเกิด หรือก็คือขโมยบุญคนอื่นมานั่นเอง ซึ่งมันแปลกดีที่บุญบาปนั่นเหมือขโมยมาได้อย่างง่าย” สิระถอนหายใจกับความเชื่อสมัยก่อนที่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้ ”แล้วทำไมเหรอ?”
“พี่ริทจะทำแบบนั้นแหล่ะครับ ตัวตายตัวแทนที่จะได้ไปต่อในงานของเรา”
“อย่างนั้นเองเหรอ ใช้ยังไม่ทันคุ้มเลยนะ”
“คุ้มไหมไม่รู้หรอกนะครับพ่อ แต่เธอ..คือตัวแทนที่ว่านั่น”
“พ่อจะรอดูผลลัพธ์นะ ถ้าไปที่เรือนั่นแล้วอย่าตายซะล่ะ”
"ปลายฟ้าเหรอพ่อ?"
"ไม่ พวกลูกน่ะห้ามตาย"
“ไม่ตายหรอก พวกผมน่ะเก่งจะตาย”
ความมั่นใจของอดิสรณ์ที่ส่งมาให้พ่อของเขาอย่างมุ่งมั่นผ่านแววตาและใบหน้าที่ยิ้มเห็นฟัน สิระเองก็อยากให้เป็นอย่างนั้นแต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายคือพสุชา แสงอุทัยแล้ว ความกลัวที่จะเสียลูกเขาไปสักคนมันก็ทำใจไม่ได้เช่นกัน
“พี่ริท ส่งข้อความมาว่าเขากลับมาแล้ว ตอนนี้พี่ปวริศเขาอยากให้ทุกคนไปที่ห้องเธียเตอร์ด้วยกัน…เหรอ?”
“ไปกันเถอะ ปวริศพี่คนโตรวมประชุมกัน คงได้เวลาแล้วสินะ”
อดิสรณ์ได้พยุงตัวชายแก่ให้มานั่งวีลแชร์แล้วเข็นรถไปที่ห้องเธียเตอร์ชั้นล่างที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่และประตูได้เปิดออกมาโดยหนุ่มลูกครึ่งสิ่งหนึ่งที่ประทับสายตาให้แก่ชายหนุ่มต่างวัยทั้งสองคือหญิงสาวที่มีผมยาวตรงสีทองสวยแสบตาและผิวที่เนียนสวยและเล็บที่ทำมาลายไม่มากแต่พอดีเข้ากับเธอ การแต่งกายที่แสนเรียบง่ายด้วยสีเอิร์ธโทนของเธอ ปลายฟ้า รินใจกับลุคใหม่
คนที่ตาค้างก็คืออดิสรณ์ อมาตยกุล ลูกชายคนที่4ของบ้านนั่นเอง ส่วนสิระนั้นไม่รู้สึกแปลกใจเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาน่ารัก แค่แต่งนิดแต่งหน่อยก็สวยแล้ว
“ตกใจความสวยเลยเหรอ?”
กรกฎที่นั่งอยู่โซฟาเดี่ยวใกล้จอทักขึ้น หลังเห็นพี่ชายตัวเองตาค้างอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในทีแรกตอนที่เขาเห็นก็รู้สึกไม่ต่างกัน สองพ่อลูกอย่างสิระกับอดิสรณ์ก็มองหน้ากันรู้แล้วว่าตอนนี้ลูกคนเล็กที่พวกเขาคุยอยู่คือ กรกฎ น้องชายแสนหัวดื้ออีกคน
“ใช่ ดูดีขึ้นจากเป็ดขี้เหร่เป็นหงส์เลยล่ะ”
อดิสรณ์ยิ้มกวนและเข็นวีลแชร์ไปที่ประจำของพ่อเขาด้วย ชายหนุ่มก็เลือกที่นั่งข้างปลายฟ้า รินใจที่นั่งโซฟาเดี่ยวของเธอ แม้ตัวหญิงสาวจะนั่งแขนวางตักเรียบร้อยแบบนั้น
“สวยมากเลยนะ ทำเอาว้าวเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
คนฟังอย่างปลายฟ้ารู้สึกจักจี้เลยทีเดียวเมื่อโดนชม ไม่คิดว่าจะได้รับคำชมจากคนที่เหมือนจะไม่ชอบหน้าเธอแต่แรก สำหรับสาวผมทองในตอนนี้แล้วมันก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่เพราะวันนี้แทบจะเรียกได้ว่าสร้างเธอให้เป็นคนใหม่ด้วยเม็ดเงินล้วนๆ มันทั้งเหนื่อยแต่ก็รู้สึกดีในเวลาเดียวกันที่เห็นตัวเองสวยขึ้น
นี่สินะ ความสวยมาพร้อมกับเงินที่เสียไป ซึ่งปลายฟ้าไม่อยากใส่ใจ
เพราะคนจ่ายอย่างปวริศ อมาตยกุลดูไม่สะทกสะท้านอะไรเลย
แต่ถึงอย่างไรแม้เธอกับอดิสรณ์จะไม่ได้คุยกันเท่าไหร่แต่ก็ต้องจับสังเกตุอยู่ดี ปลายฟ้าได้สบตาเฮเซลนัทน้ำตาลอ่อนตรงหน้าพลางมองร่างกายของเขาก็รู้ได้ว่า
‘ร่างกายยืดหยุ่นมาก…ทั้งทีสูงน่าจะเกิน 2เมตรหน่อย นี่ก็อันตรายอีกคน’
เธอวิเคราะห์ในใจก่อนที่จะหลบสายตาอีกครั้งอย่างแนบเนียนแล้วหันไปยิ้มหวานให้ปวริศที่ตอนนี้เขากำลังเอาคอมมาเชื่อมกับมอนิเตอร์พร้อมกับวสันต์ อมาตยกุลลูกคนที่2 ของบ้านด้วยกัน
“พร้อมนะทุกคน วันนี้เราจะประชุมกันในเรื่องไปที่เรือเลวี่โรส เป้าหมายของเราคือพสุชา แสงอุทัย”
วสันต์พูดบอกน้องๆ ที่นั่งโซฟาตัวเองเรียบร้อยรวมไปถึงพ่อของเขาที่รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ และมอนิเตอร์ได้ฉายภาพเรือหรูเลวี่โรสซึ่งเป็นเป้าหมายให้ทุกคนได้เห็น ปลายฟ้า ที่ได้มีโอกาสมานั่งชมก็เห็นภาพชายหนุ่มขึ้นจอและเรือคู่กัน ยิ่งไปกว่านั้นนามสกุลนั้นเธอจำได้ดี
‘แสงอุทัย’
สาวผมทองถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเพราะภาพที่ปรานปรียาที่ถูกลูกดอกแทงตาจนเลือดกระเซ็นได้ผุดขึ้นมาในหัวเธอรวมไปถึงศพในกระเป๋าที่ถูกยัดเข้าไปเช่นกัน จนมือเธอสั่นเทาพร้อมกับหัวใจที่เต้นรัวจนจับจังหวะไม่ได้แต่ก็ต้องทำให้มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘เขาจะไปฆ่าทั้งครอบครัวเลยเหรอ นี่ถ้าเราเกี่ยวข้องไปด้วย เราจะเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดรึเปล่าเนี่ย’
มืดแปดด้านนี่คือสถานการณ์เหมือนบังคับให้เธอต้องมาอยู่กับคนพวกนี้ที่คิดจะฆ่าคนอย่างมีขบวนการเลยชัดๆ
‘อยากจะหนีไปจากตรงนี้จัง แต่ก็..’
ไม่มีความกล้าเลยเพราะบ้านหลังนี้นอกจากจะกว้างแล้ว ยังห่างจากตัวเมืองเป็นอย่างมาก ต่อให้หนีไปเธอไปไม่ถึงไหนอยู่ดีเพราะบ้านหลังนี้มันอยู่บนเนินเขา ที่ต้องขับรถมาเท่านั้นถึงจะมาที่นี่ได้และออกไปก็ไม่ต่างกัน
‘ทำไงดีเนี่ย เขาคงไม่ใช้ฉันไปฆ่าคนหรอกนะ ฉันไม่อยากมีคดีติดตัว!’
ตอนเขียนถึงตอนเสริมสวยทำเล็บ แล้วนึกถึงตัวเองที่นั่งนานมาก ปวดเมื่อยไปหมดเลย นี่ก็ดันกระแดะทำเล็บยาวมาก ใช้ชีวิตลำบากแต่คนมันติดแกลมไง 5555555555555555555