ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต
#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
“ในเรือนั้นสามารถบรรจุผู้โดยสารได้ถึง 700คน เจ้าของเรือนี้คือดาห์เมอร์ ฮาร์มมิ่ง ซึ่งในวันนี้เรียกได้ว่าเป็นแหล่งรวมอาชญากรตัวใหญ่อยู่ที่นั่นหลายคน” ปวริศพูดพลางเอาไฟสีแดงชี้ไปยังแต่ละคน
“มีคนธรรมดาไปด้วยสินะ..” กรกฎถาม
“แน่นอน ถ้าพวกนั้นไปกันหมดอาหารโอชะของพวกตำรวจแล้วล่ะ อย่าไปจัดการคนอื่นไม่ใช่เหยื่อของเราก็พอ ที่สำคัญพวกตำรวจนานาชาติแฝงตัวไปในนั้นด้วย เพราะฉะนั้นระวังพวกนี้ด้วยเช่นกัน”
ปวริศเปร่ยเสียงเรียบและเปิดสไลด์หน้าถัดไปซึ่งเป็นรายชื่อและหน้าของเหล่าผู้มีอำนาจในทางผิดกฏหมายล้วนเป็นที่ต้องการของตำรวจทั้งสิ้น โดยพวกเขาเหล่านี้มีความน่ากลัวอย่างหนึ่งคือการอยู่เหนือกฎหมายโดยมีใครสักคนเป็นเบื้องหลัง
แน่นอนหนึ่งในนั้นมันมีชื่อของฟร็องซ์หรือพสุชา แสงอุทัย
“ชายคนนี้คือเหยื่อของเรา” ปวริศเอาไฟเลเซอร์แดงชี้ไปที่จอขึ้นแสดงเขา ”พี่จะจัดการเองคนนี้ส่วนพวกน้อง จัดการคนที่เกี่ยวข้องกับมันทุกคน”
“ฟังดูยากจัง” รังสิมันต์พูดอย่างเหนื่อยใจ
“แค่โยนมันลงทะเลไปก็พอ ถ้าขี้เกียจจัดการ”
“เข้าใจแล้วครับ”
“นี่คือประวัติของพสุชา แสงอุทัยคือคนเดียวกับฌาณกิจ ไตรภาคี”
ปวริศได้เปิดจอไปหน้าถัดไป และมันได้แสดงประวัติของชายวัยกลางคนที่เป็นเป้าหมายของพวกอมาตยกุล ซึ่งปลายฟ้าตาเบิกโพลงขึ้นทันตา
ปลายฟ้าที่อ่านก็ตาโตค้างไปเลยทีเดียว เธอไม่อยากจะเชื่อว่าในโลกใบนี้มีคนเลวแบบนี้ด้วยเหรอ ร่างบางสั่นเทาทันทีเมื่อคิดว่า ตัวเองต้องมาเกี่ยวข้องเรื่องพวกนี้
‘เขาคงไม่ให้ฉัน ไปยุ่งพวกนี้หรอกนะ’
ความรู้สึกเธอบอกอย่างนั้น โดยที่สายตาได้กวาดมองไปรอบๆอย่างไม่ตก เพราะต้องการดูคนรอบข้างคิดยังไงซึ่ง คนในครอบครัวนี้เหมือนรอที่จะไล่ล่าคนพวกนี้อย่างใจจดใจจ่อ ดูยังไงก็เป็นการขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจที่เธอเห็นในหนังเป็นประจำชัดๆ
ถึงอย่างนั้น…เธอเกี่ยวอะไรกับพวกนี้ได้ไง…
เป็นสิ่งที่ปลายฟ้า รินใจเจ้าของผมทองแสบตาคนนี้คิดไม่ตกจริงๆ
“แสดงว่าในเรือนั่นไม่ได้มีแต่พวกอาชญากร แต่มีตำรวจนอกเครื่องแบบด้วยสิแบบนี้” อดิสรณ์เท้าคางมองจอ
“ไปด้วยกันหมดแบบนี้ไม่โดนจับยกแก๊งค์เหรอ” รังสิมันต์ถามพลางมองทุกคนในห้องรอบๆ
“สนใจด้วยเหรอ ถ้าเจอก็ฆ่าแค่นั้นถือว่ามาขัดขวางแผนของเรา”
ปวริศพูดให้กระจ่างด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบไม่อะไร แต่มันสร้างกระอักกระอ่วน ตึงเครียด และขวัญผวาในทุกประโยค แถมเหล่าน้องชายทั้งหลายแลที่ได้ยินก็กระตุกยิ้มชอบใจ เพราะพวกเขาถนัดแบบนี้เสียมากกว่า หากไม่ฆ่าเลยมันก็ทำงานลำบาก ซึ่งเหล่าพี่น้องอมายตกุลทำแบบนี้มาโดยตลอด
ต่อให้เป็นคนบริสุทธิ์หรืออีกฝ่ายมีอำนาจมากมายแค่ไหนหากขัดขวางการทำงาน ผู้นั้นชีวิตย่อมสิ้นมลาย
ในทางกลับกันปลายฟ้า รินใจเป็นเพียงคนเดียวที่ไปไม่เป็น เมื่อทราบว่าปวริศ อมาตยกุลคนนี้เขาบอกว่าฆ่าพวกตำรวจนอกเครื่องแบบ แถมพวกพี่น้องทั้งหลายแลดูไม่อะไรด้วยและยังมีความรู้สึกผ่อนคลายดูดีใจมากกว่าเครียด
‘ฆ่าตำรวจเหรอ คิดอะไรอยู่เนี่ย…’
เรื่องจะหาทางหนีทีไล่คงต้องทำในเร็ววันเสียแล้วหรือ ปลายฟ้า รินใจไม่อยากเอี่ยวเรื่องพวกนี้เลยสักนิดเพราะเธอโดนบังคับมาอยู่ที่แห่งนี้อย่างไม่เต็มใจ ไหนแขนข้อมือที่หักด้วยฝีมือของปวริศ ต้นขาที่ถูกยิงยังไม่หายดีมากและการที่ลากเธอมาประชุมด้วยกันแบบนี้ ลางสังหรณ์ไม่ดีจะเป็นจริงตั้งแต่เมื่อครู่
คือการใช้ความสามารถพิเศษของเธอในการฆ่าใครพสุชา แสงอุทัย
ดูเหมือนหญิงสาวจะต้องเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในสักวันหากเธอไม่รีบทำอะไรสักอย่างก่อน ทว่าชายหนุ่มเจ้าของผิวน้ำผึ้งเหมือนจะรู้ว่าปลายฟ้ากังวลอะไร เนื่องจากสีหน้าไม่ชอบดีของเธอมันแสดงออกอย่างเห็นได้ชัด
“ปลายฟ้า วันนี้เธอสวยมากเลยนะ”
อยู่ๆ ปวริศก็พูดชมเธอเอาดื้อๆ เธอก็เงยหน้ามองชายหนุ่มที่แววตาเขายังคงดำสนิท ที่ไม่ว่าจะจ้องสักกี่ครั้งก็ขนหัวลุกได้ตลอด แน่นอนว่ามันทำให้ปลายฟ้า รินใจรู้สึกใจเต้นรัวกลัวจนเหงื่อตกลงเม็ดแม้ในห้องนี้จะเปิดแอร์เย็นฉ่ำก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวตอบโต้โดยไม่รู้ว่าจะตอบอะไรอย่างอื่นนอกจากอันนี้ ราวกับมันบังคับให้เธอเลือกได้แค่คำตอบนี้เท่านั้นพร้อมกับใบหน้าที่เปื้อนยิ้มเท่าที่เสแสร้งได้
“รู้ไหมทำไมฉันถึงให้เธอไปทำเสริมสวย”
“เพราะอยากให้หนูสวย…ใช่ไหมคะพี่ริท?”
“นั่นก็ถูก แต่มีมากกว่านั้น…”
มือหนาของชายหนุ่มได้เปิดหน้าสไลด์ต่อไปเป็นรูปหญิงสาวผมสีทองยาวตรงแสบตา และใบหน้าที่ใกล้เคียงกันไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูกและทั้งหมดของใบหน้ารวมไปถึงสีผิวที่ขาวเนียนนั้น มันเหมือนกับปลายฟ้า รินใจในรูปโฉมตอนนี้ แค่เพียงเห็นแล้วเธอตาโตตกใจ ปากเม้มสั่นโดยยังยิ้มแบบนั้นให้กับปวริศ อมาตยกุลตรงหน้า และชื่อที่แสดงตรงจอนั้น
“ดาริน แสงอุทัย…”
ปลายฟ้าอ่านชื่อตามจอมอนิเตอร์ด้วยเสียงสั่นเบาๆ เธอจำได้ว่าชื่อนี้คือลูกสาวของปรานปรียา แสงอุทัยที่ปวริศเคยบอกว่าเธอได้ฆ่าตัวตายไปตอนที่รู้แฟนตัวเองนอกใจ
แล้วทำไมเขาถึงเปิดให้เธอดูกัน?
และภาพการตายของปรานปรียาได้เข้ามาแทรกในหัวปลายฟ้าเป็นฉากๆอีกครั้ง มือบางได้ยกมาปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้รู้สึกคลื้นไส้จนอยากอ้วกตอนนี้
แย่เหลือเกินพยายามลืมเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้เลย ยิ่งไปกว่านั้นศพในถึงนั่นเช่นกันทุกอย่างมันติดปลายฟ้าไปหมดที่เลวร้ายกว่านั้นเธอจำสีผมของศพนั่นได้
'ศพลูกกูอยู่ที่ไหน'
ทั้งภาพและคำพูดในวันนั้นของคนเป็นแม่ที่ตามหาลูกตัวเอง ทั้งเสียงแห่งความเสียใจ แตกสลายและความทรมานจากความเจ็บปวดได้เข้ามาในสมองไม่หยุด หน้าสวยของหญิงสาวซีดเผือก ดวงตาเริ่มเมื่อยล้าอยากจะหลับหนีไปจากตรงนี้อีกครั้ง ทั้งเลือดและเสียงกรี๊ดร้องที่แทรกมาในความทรงจำที่ไม่มีวันลบออกไปได้
'ทำไมเขาถึงเอาภาพคนตายในถุงนั่นมาให้ดูแบบนี้กันล่ะ? อิตานี่คิดอะไรอยู่' ปลายฟ้าคิดในใจ
"พี่ว่าเธอคงรู้จักอยู่แล้ว เดี๋ยวให้ดูอะไรอีก"
ปวริศเปิดสไลด์ต่อไป แล้วทุกอย่างมันชัดเจนไปหมดทั้งเสื้อผ้า การแต่งกาย ห้องนอนรวมไปถึงบรรยากาศรอบตัวดาริน
ปลายฟ้าที่มองจออย่างพูดไม่ออกก็เอามืบางจับผมสีทองที่ย้อมมาวันนี้ มันไปตรงกับจุดเด่นของดาริน แสงอุทัยพอดี แล้วเรื่องต่างๆที่ผ่านมาไม่นานนี้เช่นกันที่ปวริศ อมาตยกุลพาเธอไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอางค์และตกแต่งห้องของเธอทั้งหมดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่เหมือนดาริน แสงอุทัยทั้งสิ้น
พอรู้แบบนี้แล้วปลายฟ้าอยากจะหยิบมีดตรงไหนมาแทงให้คนตรงหน้าตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไป
'อิสันดาน อิเวรมันไม่ได้ทำดีให้ฉันแต่แรกแล้วเหรอ แค่อยากหาตัวแทนถึงกับแปลงโฉมฉันเพื่อให้เหมือนกันเหรอ?!'
แต่ตอนนี้จะทำอะไรไม่ได้ปลายฟ้าปั้นหน้ายิ้มแม้ในใจแทบจะไม่ไหวแล้วเมื่อความจริงมันกระจ่างตรงหน้าแบบนี้ก็ตาม อีกฝ่ายเป็นฆาตกรและเป้าหมายต่อไปคือพ่อของดาริน..จะทำยังไงดีนะ
“เหมือนเธอเลยว่าไหม?”
ปวริศมองตากลมของปลายฟ้าที่สะท้อนภาพคนที่คล้ายตัวเอง ร่างบางสั่นเทาเหมือนกระต่ายเลยก็ว่าได้ถึงพยายามกลั้นยังไงก็ไม่สามารถพ้นสายตาจากชายที่ฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแบบเขา
ชายหนุ่มได้เดินไปหาหญิงสาวที่นั่งอยู่โซฟาของตัวเองเป็นจังหวะที่เท้ากระทบพื้นดังฟังชัด ปลายฟ้ารู้ทันทีว่านี่คือการขู่ให้เสียขวัญ
“ค่ะ..แล้วทำไมเหรอคะ”
เธอเบื่อนหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้ตัวเองหลุดสีหน้ากลัวอีกฝ่ายจนแทบอยากจะหัวใจที่ดังโครมครามด้วยความกลัวนี้ ในเวลานี้ปลายฟ้าต้องแกล้งไม่รู้อะไรสักอย่างไปก่อน
“อ้าว เธอไม่รู้เหรอยัยตัวเล็ก ดาริน แสงอุทัยน่ะตายไปแล้วไงที่จอก็เขียนอยู่” อดิสรณ์พูดหลังเห็นปลายฟ้าหลบหน้า
“เห็นค่ะ ก็เธอฆ่าตัวตายนี่…เพราะพี่ริทหรือพี่ไนซ์นอกใจเธอนี่คะ”
ปลายฟ้าพูดตามความจริงที่ตัวเองรู้ไปทั้งหมด ถึงความจริงจะรู้ทั้งหมดจากเมื่อกี้แล้วก็ตาม แต่กลับกลายเป็นว่ามันดันไปโดนเส้นอารมณ์ของอดิสรณ์ กรกฎและรังสิมันต์จนพวกเขาหัวเราะเสียงดังเหมือนไม่เคยเจอเรื่องที่ตลกแบบนี้มาก่อน เพราะสีหน้าหญิงสาวตอนที่เห็นรูปของดารินก็ดูออกแล้วว่าปลายฟ้า รินใจรู้เรื่องหมดแล้วแต่แค่แกล้งไม่รู้เท่านั้น
“ข..ขำอะไรคะ มันตลกเหรอ!” ปลายฟ้าขึ้นเสียงถามคนที่หัวเราะเธอ
“ตลกสิเพราะว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตายไง เธอโดนพี่ปวริศฆ่าต่างหาก” อดิสรณ์เอ่ยอย่างเอ็นดูหญิงสาวแล้วแววตาเฮเซลนัทของเขาได้จ้องไปยังดวงตากลมที่สั่นกลัวของปลายฟ้า “ไม่สิ…ตลกที่เธอพยายามแกล้งทำเป็นไม่เข้าใจมากกว่า”
“อะไรนะคะ แกล้งไม่เข้าใจเหรอ?”
“อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้สิ..คนที่หัวไวถึงกับรู้ว่าร่างกายคนอื่นเจ็บตรงไหนแบบเธอ มีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้คือสถานการณ์อะไร?
อดิสรณ์บอกปลายฟ้าไปและมองแววตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์คุ่นเคืองใจจนอยากลงไม้ลงมือใครสักคน เพียงแต่เธอรู้ว่าตัวเองมีกำลังได้แค่ไหน เลยไม่ลงมือทำจนมือบางที่ไปทำเล็บมาได้กำแน่นสั่น
“ปลายฟ้าเหมือนเธอจะลืมสิ่งที่ฉันเคยบอกไปนะ”
ปวริศเอ่ยพร้อมกับทิ้งตัวลงนั่งขอบโซฟาเดียวที่ปลายฟ้านั่ง หญิงสาวก็รีบขยับห่างไปชิดที่อีกมุมแทนด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงคนบ้าคนนี้เท่าที่ทำได้
“เคยบอกอะไรไปเหรอคะ?”
“ไม่อนุญาตให้เธอเก็บไปคิดคนเดียว ห้ามมีความลับหรือสิ่งที่ไม่บอกกับฉัน”
“หนูยังไม่มีความลับกับพี่นะคะ”
“ทำไมจะไม่มี…เธอพยายามหนีไปจากที่นี่ไม่ใช่เหรอ?”
ปลายฟ้าตาเบิกโพลงทันทีหลังได้ยินคำพูดเมื่อกี้ของปวริศ ไม่น่าเชื่อว่าการที่เธอพยายามเสแสร้งว่าตัวเองชินกับที่แห่งนี้จะถูกดูออกมาตั้งแต่แรก
“แบบนั้นไม่ใช่ความลับค่ะ” เธอรีบแกต่างด้วยการยิ้มหวานให้ชายหนุ่มแทน “เขาเรียกว่าแค่คิดเฉยๆ แต่ไม่จำเป็นต้องพูดออกไปเพราะหนูชอบที่นี่ค่ะ ไม่อยากไปไหนเลย”
“ดีแล้วที่เธอชอบเพราะตลอดที่ผ่านมาฉันดูแลเธอดีมากเลยนะ ฉันดีใจจริงๆที่ได้ยินแบบนั้น”
“ค่ะพี่ริท”
ดีแบบไหนฟะ?! ไอ้พวกโรคจิต! ปลายฟ้าต่อว่าในใจโดยที่ใบหน้ายังยิ้มเจือนให้ ถึงจะพยายามให้มันดูสดใสก็ตาม และเหมือนจะไปโดนเส้นอดิสรณ์กับรังสิมันต์ที่พยายามกลั้นขำอยู่อย่างนั้น
ช่างไม่มีศีลธรรมกับมนุษยธรรมเลยจริงๆ เรื่องแบบนี้คงเป็นอะไรที่ตลกสำหรับพวกเขาซึ่งไม่ใช่สำหรับปลายฟ้าถึงจะโมโหไม่พอใจยังไงก็ต้องใจเย็น ข่มอารมณ์ให้ได้มากที่สุด เพราะตอนนี้สถานที่เธออยู่มันเรียกได้ว่าไม่ปลอดภัยด้วยตัวบ้านที่อยู่ห่างไกลจากผู้คนเป็นอย่างมาก
เป็นที่กบดานได้ดีสำหรับพวกอาชญากรแต่ในขณะเดียวกันก็เป็นที่ปิดตายด้วย
“เรามาต่อเรื่องงานดีกว่า ดาริน แสงอุทัยเป็นลูกสาวคนแรกของสองสามีภรรยาที่ชื่อพสุชากับปรานปรียา ตอนนี้เราจัดการทุกคนไปแล้ว เหลือแต่พสุชาเท่านั้น”
ทั้งประโยคที่พูดมาจากปากของปวริศ…มันช่างกระดากปากตรงที่ใช้คำว่า ‘เรา’ ในประโยค ตีตนว่าทั้งเธอและเขาต่างลงเรือเดียวกันอย่างที่คิดไม่ผิดจริงๆ
“พี่ริทฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัวเลยเหรอ..คะ?”
“ยัง เหลือแค่พสุชาคนเดียว”
“เหรอคะ แต่เราต้องทำขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“ขนาดนั้น? แบบไหน?”
น้ำเสียงนุ่มของชายหนุ่มได้เอ่ยถามอย่างเยือกเย็น ปลายฟ้าสะดุ้มโหย่งทันทีเมื่อเห็นสีหน้าที่จ้องมองเธอราวกับว่าเหมือนมีบางอย่างไปขัดใจเขา หญิงสาวรีบสูดลมหายใจตัวเองเบาๆเพื่อให้ตัวเองใจเย็นก่อน
“คือ…ก็ฆ่าไปเยอะแล้ว เราไม่ไปหาคนใหม่เลยเหรอ?”
“พี่ปวริศ ฮ่ะๆฮ่าๆๆ” อดิสรณ์ขำดังอีกแล้ว “เมื่อกี้เธอบอกว่าไปหาคนใหม่ เป็นใครเหรอถึงมาสั่งเรา?”
“ก็..แค่เสนอความเห็นค่ะ” ปลายฟ้าตอบเสียงแน่นไป
“สำหรับเธอมันอาจจะพอแล้ว แต่พี่ริทไม่พอนะเพราะว่าคนกาบุรุษไม่สมควรที่จะมีชีวิตอยู่” น้ำเสียงของอดิสรณ์แปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง
“กาบุรุษ..คืออะไรคะ?”
“พี่ปวริศไม่ได้บอกเธอหรอกเหรอ ก็พวกจัญไรที่ทำลายชีวิตคนอื่นแล้วยังหน้าด้านมีที่ยืนในสังคมไง แถมกฏหมายทำอะไรพวกเขาไม่ได้ นี่คือพวกกาบุรุษแบบให้เข้าใจง่ายๆในเวลานี้ล่ะนะ”
อดิสรณ์เอ่ยเสียงชัดเจนทุกประโยค ซึ่งปลายฟ้านั่งฟังก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นหมายถึงพสุชา แสงอุทัยหรือ ที่จะบอกว่าพวกเขาคือกาบุรุษ
หญิงสาวไม่เข้าใจแล้วสิ่งที่พูดนั้นจริงหรือเท็จ แต่ตอนนี้พวกคนในบ้านจะใช้งานให้ไปทำเรื่องผิดนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
‘กาบุรุษเหรอ? พวกเขาปั้นเรื่องอะไรอีกเนี่ย?!’
เรียกได้ว่าความีไว้วางใจที่มีต่อคนในบ้านนี้ปลายฟ้า รินใจให้ศูนย์ ตอนนี้เธอต้องตั้งสติก่อนว่าตัวเองต้องทำยังไงในตอนนี้ จะทำอะไรวู่วามอย่างเช่นหนีก็ไม่ได้
หรือให้เลวร้ายมากที่สุดก็คือต่อต้าน ทว่าร่างกายและไหวพริบของชายฉกรรจ์ในบ้านล้วนไม่มีความธรรมดาสักคน ยกเว้นกรกฎ อมาตยกุล น้องชายคนเล็กที่ดูไม่มีวิเศษอะไรหากเทียบกับคนทีเหลือ
'พวกเขารู้แค่ว่าฉันมองร่างกายแล้วเจ็บตรงไหนอย่างเดียว..สินะ’
ถึงจะเป็นเรื่องที่ดีที่รู้ไม่หมด แต่หญิงสาวจำเป็นรวบรวมความคิดที่จะต่อรองอีกฝ่ายให้ได้เท่าที่ตัวเองยังปลอดภัยก็คงไม่พ้นเรื่องนี้ คือยอมทำตามไปก่อน
“แล้วกาบุรุษเนี่ย..มันต้องจัดการโดยไม่พึ่งฉันไม่ได้เหรอคะ?”
“ปลายฟ้า รินใจ”
วสันต์เอ่ยขึ้นปลายฟ้าหันไปตามเสียง ชายหนุ่มที่อยู่ตรงมอนิเตอร์ได้เดินมาหา ทำให้ปลายฟ้าได้มองรูปร่างทุกสัดส่วนของวสันต์ อมาตยกุล
ส่วนสูงที่คาดว่า180 ขึ้นไปอย่างแน่นอน ผิวขาวเหลืองแต่ก็ขาวกว่าทุกคนในบ้าน รูปลักษณ์กล้ามเนื้อที่แน่นจากที่เห็นลำแขนผ่านเสื้อผ้าโชว์แขน และจุดเด่นคือข้อมือกับไหล่ของเขาที่แข็งแรงมากพอจะยกของหนักได้สบาย
จุดที่เจ็บ ไม่มี
'เดี๋ยวสิ ไม่มีเหรอ..แล้วฉันต้องทำยังไงเนี่ย?!’
ถึงสัมผัสได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่ว่องไวเหมือนปวริศจากที่เห็นกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นแล้ว มันก็อันตรายอีกอยู่ดี ทำไมคนในบ้านนี้ไม่เหมือนคนปกติเลยสักคน
‘เหมือนอยู่ในดงคนผิดมนุษย์แม้กระทั่งจิตใจเลย’
นอกจากไม่อยากจะเชื่อแล้วแต่เบื้องหน้ามันคือความจริง ดังนั้นวสันต์ อมายตกุลคือชายที่ต้องพึ่งระวังไม่ต่างกันแม้ใบหน้าของเขาดูเป็นมิตรมากกว่าคนในบ้านหลังนี้ทั้งหมดก็ตามที ยกเว้นตอนอารมณ์ไม่ดี หน้าเหวี่ยงชัดเจน
“คะ ว่าไงคะ?”
“รู้ตัวรึเปล่าครับ ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ในสถานะไหน?”
“เป็นคนในครอบครัวค่ะ” ปลายฟ้าตอบความจริงไปตามที่สิระเคยให้ไว้
“ถูกครับ แต่คุณไม่ได้มีอำนาจอะไรมาปฏิเสธหรือไม่อยากทำ…หากพวกเราไม่ได้ร้องขอ”
“ร้องขอ?”
“เช่นที่คุณปฏิเสธเมื่อกี้ไงครับ ‘จัดการโดยไม่พึ่งฉันไม่ได้เหรอ’ ซึ่งคุณมีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้นด้วยเหรอครับ?”
วสันต์มองหน้าหญิงสาวที่สั่นเทาตรงแววตาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินคำพูดถึงสถานะของเธอ รู้เลยว่ามันคงจี้ใจดำไม้น้อยที่เอ่ยถึงแบบนั้น เพราะคนอย่างปลายฟ้า รินใจเป็นเพียงแค่ไม้ประดับในตระกูลเฉยๆ ถึงจะเป็นคนของปวริศ พี่ชายคนโตแต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอขนาดนั้นแม้จะมีซื้อของให้
แต่ทุกอย่างมันก็อยู่ในงานและภารกิจในตอนนี้ ต่อให้ระดับความสัมพันธ์ของเธอจะสำคัญยังไงสำหรับปวริศ อมาตยกุลแต่หญิงสาวเพียงแค่ไม้ประดับ เพื่อใช้งานและถูกจัดวางให้เหมาะสมกับหน้าที่ควรจะเป็นเท่านั้น
ยังดีที่ปวริศ พี่ชายคนโตเป็นพวกไม่สนใจใคร ทำให้การดูแลขาดๆเกินๆแบบที่เห็น วสันต์พอรู้ว่าพี่คนใหญ่ซื้อของมาให้เข้าบ้านมากมายจนมากเกินพอดีแล้ว ก็รู้แล้วว่าตัวเขาเป็นพวกที่พึ่งมาใส่ใจหากตัวเองนั้นจะทำอย่างไรกับมัน
ถ้าคิดไม่ออกก็ปล่อยทิ้งไว้ นี่คือนิสัยเสียของปวริศที่คนในบ้านเหนื่อยใจ
ส่วนปลายฟ้า รินใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้ ช่างน่าขันเสียจนเธอแค้นใจเหมือนเธอเป็นคนผิดในหลักการตรงนี้ ทั้งทีความจริงแล้วเธอคือผู้เสียหายคนหนึ่งต่างหาก
อีกทั้งคำพูดเขามันดูกระแทกกระทั้นเหมือนไม่พอใจใส่เธออีก แต่ทำไงได้กับสถานการณ์ตอนนี้
“ขอโทษด้วยค่ะ หนูแค่พูดออกไปโดยไม่คิด คราวหลังหนูจะระวังค่ะ”
เธอพูดเสียงที่สั่นไปในบางคำ ให้ดูเหมือนกับตัวเองสำนึกผิดจริงๆแม้ในใจจะปฏิเสธเต็มฝา
“ดีมากครับ จำไว้ให้ขึ้นใจด้วย”
“ค่ะ คุณวสันต์”
“อ้าวล่ะ มาต่อเรื่องงานกันดีกว่า ในจอนั่นคือดาริน แสงอุทัย” วสันต์พูด “สิ่งที่พวกเราจะต้องทำในเป้าหมายสุดท้ายคือจัดการมันด้วยวิธีไหนก็ได้ ให้มันตายได้เร็วที่สุด”
“ตามหลักแล้วพสุชา แสงอุทัยเป็นคนที่หาจับตัวได้ยาก เขาว่องไวและหลบหลีกเก่งมีทางเดียวที่เราจะเข้าใกล้ได้คือหาคนที่มีรูปลักษณ์ใกล้เคียงกับลูกสาวเขา” ปวริศเสริม
“ใช่ครับ คงเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมพี่ริทถึงแปลงโฉมคุณ เพื่อให้เหมือนดาริน”
วสันต์พูดพลางกรอกสายตาของเขามาที่หญิงสาวที่นิ่งไป ถึงไม่บอกปลายฟ้าก็รู้ว่าเจ้าตัวหมายถึงใคร
“ตอบให้ชื่นใจหน่อยสิ น้องปลายฟ้า” อดิสรณ์พูดขึ้นด้วยเสียงที่ร่าเริง
‘อีห่านี่ ใครน้องมึง’ ปลายฟ้าด่าทอในใจ
“หน้าที่ของเธอคือไปแทนตัวลูกสาวที่ตายไปแล้ว เพื่อเข้าใกล้พสุชาจากนั้น…ก็ทำตัวให้เหมือนดาริน แสงอุทัยให้มากที่สุดอย่าให้พสุชาสงสัย เข้าใจไหม?”
ปวริศพูดเสียงเรียบขึ้นมา ปลายฟ้าได้ชำเลืองมองหนุ่มผิวน้ำผึ้งเล็กน้อยก็เห็นใบหน้าเขายังคงนิ่งและไม่กระพริบตามาตั้งแต่ตอนที่ทักเธอเรื่อง สวย เมื่อครู่แล้ว
เรียกได้ว่าตอนนี้เผยที่มาของดาริน ลูกสาวพสุชาตัวร้ายที่เยอะมาก เป็นตอนที่ตั้งใจสุดๆเลยค่ะ เพราะเขียนหลายรอบ55555