ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
แอคชั่น,อาชญากรรม,ไทย,รัก,แฟนตาซี,วิปลาสทรชน,แฟนตาซี,สืบสวนสอบสวน,พล็อตสร้างกระแส,แอคชั่น,นิยายชายหญิง,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
วิปลาสทรชนยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
ยามมนุษย์ที่บิดเบี้ยวและสายเลือดความเลวได้ส่งต่อไปยังบุตรหลาน ได้สร้างฆาตรกรขึ้นมาจากความรัก
วันที่สร้าง 22 มิ.ย 2567
วันที่ลงตอนแรก 29 มิ.ย 2567
ปลายฟ้า รินใจ นิสิตสาวมหาลัยวัย 22ปี จากคณะวิทยาศาสตร์และการกีฬามา ที่กำลังจะจบแล้วไปทำงานต่อที่บริษัทจังเกิ้ลเทคโน แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ตกหลุมรักหนุ่มหล่อเจ้าของรอยยิ้มแสนหวานอย่าง ปวริศหรือไนซ์ เขมทัศที่ทำงานฝ่ายโปรแกรมเมอร์รับผิดชอบระบบการทำงานทุกอย่างเกี่ยวกับโปรแกรมในบริษัททั้งหมด
แต่ยังไม่ทันได้รู้จักอะไรก็ทำให้เธอเจอแต่เรื่องสงสัยและไม่เข้าใจเต็มไปหมดราวกับว่าเหมือนทุกอย่างตั้งใจให้มันเกิดขึ้นเสียอย่างนั้น และไม่น่าเชื่อว่าการที่ได้รู้จักปวริศจะทำให้ชีวิตเรียบง่ายของเธอที่ใฝ่ฝันนั้นเปลี่ยนไปตลอดกาล
ฆาตกรรม / ชำแหละศพ / บังคับขู่เข็ญ / กักหน่วงเหนี่ยว / ทำร้ายร่างกาย / ศีลธรรมครอบครัวในเชิงชู้สาว /นามธรรมความรักให้เหยื่อขาดไม่ได้ /อำพรางศพ / ฝังทั้งเป็น / อาการหลงรักฆาตกร / ฆ่านองเลือด / จิตวิทยาครอบครัว / ฆ่าด้วยหลายวิธีให้เหยื่อสิ้นชีวิต
#นึกออกเท่านี้ค่ะ ไว้นึกออกจะมาเพิ่มนะคะ
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนทั้งสิ้น ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคลที่สาม หากชื่อไปตรงกับใครขออภัยมา ณ ที่นี้
ในส่วนเนื้อหามีความรุนแรงเพศอาชญากรรมและการกระทำไร้ซึ่งความเป็นมนุษย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
“ไปแทนตัวเป็นลูกสาวเขาเหรอคะ?” ปลายฟ้าถามอย่างฉงนใจ
“ใช่ อยากถามอะไรไหม?” ปวริศได้กรอกลูกตามองมาที่หญิงสาวข้างๆ
“อา…ถามเหรอคะ…”
“ถามได้หมดเลย เพราะเธอต้องทำงานนี้นี่นา”
อดิสรณ์มองหน้ายิ้มให้สาวผมทองที่สีหน้าดูวิตก ซึ่งสายตาของเขาดูสนุกที่เห็นปฏิกิริยาเธอเป็นแบบนั้น หนุ่มลูกครึ่งเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนที่ได้ก้าวเข้ามาในโลกสีดำนี้แล้วจะถามอย่างไร
“คือหนูรู้จักพี่ดารินจากปากพี่ลินมา…ไม่รู้เรื่องของเธอหรอกค่ะ”
“พี่ลินใครครับ?” วสันต์ถาม
“เกวลิน คนที่ทำงานในบริษัทของปรานปรียาน่ะ แล้วค่อยสอนงานให้ปลายฟ้าเรื่องเนื้องานของเธอ” ปวริศตอบซึ่งวสันต์ก็เข้าใจ
“แล้วเธอสำคัญยังไงถึงได้เอ่ยมาเหรอ?”
กรกฎได้ถามขึ้นหลังจากที่เงียบมานาน เพราะในแผนนี้ดันมีบุคคลที่ไม่รู้จักได้ถูกกล่าวถึงซะอย่างนั้น ซึ่งคนฟังอย่างปลายฟ้าได้แต่ปวดหัว ทำไมถึงกล้าถามเธอแบบนั้นกันดูไม่เข้าใจบริบทที่เธอพูดเลยหรือ
“เพราะว่า…หน้าก็ไม่เคยเห็น ตัวจริงก็เห็นอีกทีคือเป็นศพในถุงไปแล้ว ทั้งชื่อกับเรื่องราวไม่เท่าไหร่ของเธอ มาจากพี่ลินทั้งนั้น”
ปลายฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชัดถ้อยชัดคำ แม้ตาจะมองพื้นไม่คิดจะสบตาใครสักคนในห้อง
“ดาริน แสงอุทัยเป็นลูกสาวที่น่าผิดหวังของพสุชากับปรานปรียา แม้เธอจะอายุถึง 30ปี แต่อายุจิตใจของเธอเหมือนเด็กน้อยที่ต้องการความรักตลอดเวลา”
ปวริศเล่าเรื่องหญิงสาวที่ลาโลกไปด้วยมือตัวเอง ปลายฟ้าได้ฟังแล้วความรู้สึกที่ให้คือเวทนาจับใจ
“แม้ภายนอกที่ทุกคนเห็น จะเป็นเด็กร่าเริงและชอบเที่ยว เข้าหาคนอื่นเก่งดูมีความมั่นใจในตัวเอง” ปวริศเว้นคำพูดตัวเอง “แต่ภายจิตใจเธอนั้นแทบจะแตกสลายเป็นเหมือนกระจกที่แตกแล้วพยายามต่อใหม่ให้ประคองได้นานที่สุด ดาริน แสงอุทัยเป็นลูกสาวที่โชคร้ายดันมาเกิดเป็นลูกของมัจจุราชในคราบที่เรียกว่า พ่อแม่ ซึ่งมีเรื่องไม่น่าเชื่อตรงที่เด็กคนนั้นดันไม่มีความเลวในสายเลือดเลย ทั้งทีพ่อแม่เขาเหมือนพวกเดนนรกส่งมาเกิด”
“...”
ปลายฟ้านิ่งและตาค้างทันทีหลังได้ยินเรื่องไม่น่าเชื่อแบบนั้น เธอเคยเห็นคนชอบพูดว่าลูกคนรวยมีทัศนคติที่แปลกแต่สำหรับกรณีนี้คือไม่สามารถบรรยายได้ เพราะตัวเธอสัมผัสได้ถึงความจริงในคำพูดนั้นไร้คำโป้ปด
“ผู้เป็นแม่ชอบด่าถอเธอ ลงโทษลูกสาวไม่เอาไหนด้วยการขังในที่แคบและมืดหากทำตัวไม่ถูกใจ”
“คุณปรานปรียาน่ะเหรอ?”
“ใช่”
“ขอโทษนะคะ คุณกำลังกล่าวหาว่าพี่ปรานที่ตามหาศพลูกสาวตัวเอง เคยทำแบบนั้นกับลูกตัวเองตอนมีชีวิตเหรอ?!”
“ถูกต้อง”
“ถ้าฉันไม่เชื่อล่ะคะ”
ปลายฟ้ามองหน้าชายหนุ่มอย่างขมุกขมัว น้ำเสียงก็สั่นเทาตอนที่ถามไปโดยที่ใจของหญิงสาวปักธงในเรื่องของปรานปรียา แสงอุทัยที่ตอนเจอกันนั้นไม่มีทางทำแบบนี้แน่นอน
ยิ่งตอนไปสมัครงานเธอคนนั้นก็รับเด็กสาวจบใหม่ไร้ประสบการณ์ทำงานจบไม่ตรงสายก็ยังรับมาทำงาน โดยไม่สนใจว่าจะทำได้หรือไม่ ถึงตอนเจอกันอีกทีในวันเกิดเหตุนั้นจะจำไม่ได้ก็ตามที แต่มันไม่สามารถพิสูจน์ได้อยู่ที่ว่าคำพูดของปวริศ อมาตยกุลจะถูกต้องทั้งหมด
แม้กระนั้นเจ้าของร่างสูงผิวน้ำผึ้งมองไปยังนัยน์ตาสีเขียวที่สั่นเหมือนกระต่ายแม้เธอจะมองสู้ด้วยแรงที่เธอเชื่อแบบนั้นสุดหัวใจ
“ไม่ว่าอะไรถ้าเธอไม่เชื่อ เพราะยังไงเธอก็ต้องเป็นดาริน แสงอุทัยเพื่อไปหาพ่อของเธออยู่ดี” ปวริศพูดโดยที่ตายังนิ่งแบบนั้น
“แล้วทำไมไม่ฆ่าเขาไปเลยล่ะคะ? ในเมื่อพี่ริทก็น่าจะทำได้ไม่ยาก”
“เป็นคำถามที่น่าสนใจดี ตรงที่ทำไมถึงไม่ฆ่าไปเลย อาจจะเป็นเพราะฉันมันก็โรคจิตที่อยากให้คนบ้าเหมือนกันดูร้อนรนละมั้ง”
คำพูดคำจาที่ฉีกยิ้มบางฉายแววดูชอบใจเมื่อได้ทำในสิ่งที่ชอบ หญิงสาวที่เห็นมใบหน้านั้นก็ได้แต่มองอ้ำอึ้งจนเม็ดเหงื่อใสเล็กๆ หนึ่งเม็ดไหลจากหน้าผากลงแก้ม
ในความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น แต่ปวริศไม่คิดจะบอกอะไรเธอหมด เพียงเพราะว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่ปลายฟ้าต้องรู้ขนาดนั้น
'พวกบ้า’ เธอด่าทอในใจเมื่อเห็นชายหนุ่มพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องสนุก
“พี่กำลังจะบอกว่าพวกเขาเป็นโรคจิตเหรอ?”
“ใช่ แต่มีแค่ยัยแก่นั่นล่ะนะ”
“แค่ยัยแก่เหรอคะ?” ปลายฟ้าให้เดาชายหนุ่มคงหมายถึงปรานปรียาแน่ๆ
“ก็อีกคนมันวิปริตเลยนี่น่า ปรานปรียามีรสนิยมเห็นคนชอบเปลื่อยเฉยๆ”
ไม่รู้ว่าที่อีกฝ่ายพูดมันจริงหรือไม่ แต่สีหน้ากับแววตาของปวริศไม่วอกแวกเลยสักนิด เหมือนกับที่ว่าสิ่งที่เขาพูดมาไม่มีทางที่จะโกหกแน่นอน ปลายฟ้าแอบกังวลไขว้เขว้พอสมควร อาจเป็นเพราะอีกฝ่ายมันก็ไม่ปกติเข้าขึ้นบ้าเหมือนคนสติไม่ดีอีกเช่นกัน
“แล้วอีกคนนี่ใครคะ พ่อพี่ดารินเหรอ?”
“ใช่ เขาเป็นพวกวิปริตเลยก็ว่าได้ เพราะเขาได้กระทำชำเราดาริน แสงอุทัยจนร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ดารินปกปิดรอยนั้นด้วยเครื่องสำอางค์ราคาแพงและชอบบอกใครต่อใครว่าแผลนั้นได้จากความซุ่มซ่ามตัวเอง”
“พ่อแท้ๆ เลยเหรอ..”
“แน่นอน สายเลือดเดียวกันแต่สันดานเป็นบ้าเป็นบอวิปริตแบบนั้น กลับไม่มาตกทอดมาเลย นับว่าอัศจรรย์ใจดี”
“...”
ปลายฟ้าพูดอะไรไม่ออก มีแต่เรื่องไม่น่าเชื่อเต็มไปหมด ยอมรับจากใจว่ายากมากที่มันไม่น่าจะจริง ถึงอย่างนั้นสายตามันก็ไมโกหกอีกแล้ว หญิงสาวเองต้องการอะไรที่มันสามารถพิสูจน์ความรู้สึกนี้ได้มากกว่าอีกครั้งนั่นก็คือ..
“หนูอยากได้หลักฐานค่ะ…”
เสียงหวานพูดเสร็จ มือหนาของชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์สีชมพูกับเคสใสพวงกุญแจน่ารักกุ้งกิ้งให้ปลายฟ้า เธอมองเขาอย่างพินิจราวกับไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายทำ
“อันนี้คือ…” ปลายฟ้าถามพลางมองโทรศัพท์หวานนี้
“โทรศัพท์ของดาริน หลักฐานอะไรนั่นทั้งหมดอยู่ที่นี่”
“คือไม่ใช่พวกคลิปเสียง—”
“หลักฐานที่ดีที่สุดก็คือเรื่องราวความเจ็บปวดที่ถูกถ่ายทอดลงตรงไหนมากที่สุดต่างหาก ก็เธออยากได้ไม่ใช่เหรอ..หลักฐานทั้งหมดจริงหรือไม่”
มือบางรับโทรศัพท์จากปวริศอย่างประหม่า และเปิดทุกอย่างข้างในนั้นด้วยใจที่เต้นสั่นกลัวไปด้วย เหมือนเรื่องราวความเจ็บได้ไหลเข้ามาในจิตใจของปลายฟ้า รินใจอย่างช้าๆ สิ่งที่ได้เผยให้เห็นต่อหน้าของเธอนั้นมันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดจากชายหนุ่ม
ทุกความเจ็บปวด บาดแผล ไร้ที่พึ่ง อยากได้ความรักที่ทำให้โลกใจดีกับดาริน แสงอุทัย ทั้งข้อความและรูปภาพที่เธอเก็บไว้ล้วนมีแต่แผลและความโศกเศร้าที่ไม่สามารถพูดออกไปให้ใครฟังได้เลยสักคน
เธอก็เลยโหยหาความรักอยู่ตลอดเวลา เหมือนตุ๊กตาที่ต้องการใครสักคนมากอดให้พ้นความเจ็บปวดและเติมเต็มมันด้วยรักจากใจจริงไป
ดาริน แสงอุทัยนั้นทั้งชีวิตเรียกได้ว่าโชคร้ายที่เธอเกิดมาจากพวกวิปริตทั้งคู่ แต่สายเลือดไม่เคยส่งผ่านไปยังกมลสันดานเธอเลยสักนิด ผิดแปลกจนน่าสงสัยว่านั่นใช่ลูกตัวเองจริงหรือ
ทุกอย่างแย่ไปกว่าเดิม ดารินเป็นที่รองรับความไม่ปกติจากพ่อแม่ จิตใจของหญิงสาวแตกสลายเหมือนแก้วที่ไม่สามารถประกอบให้สัมบูรณ์ได้อีกครั้งและความเจ็บปวดนี้ไม่สามารถเล่าให้ใครฟังได้เพราะคิดว่าชีวิตการที่ได้เป็นลูกของมหาเศรษฐีอย่างนามสกุลแสงอุทัย คือโชคดีที่ไม่มีใครหาเทียบ
ทว่ามันคือขุมนรกที่มาในคราบบุพการี ที่ทุกคนคิดไปเองด้วยภาพเบื้องหน้าชีวิตเหมือนโสมนัสแต่ความจริงโสมมจนไม่สามารถชะโลมให้หายไปจากมลทินนี้ได้
พวกเขาทั้งสองกระทำเธอราวกับไม่ใช่ลูกของตัวเองหลายต่อหลายครั้ง แล้วสิ่งที่น่าขยะแขยงที่สุดที่ปลายฟ้าเจอในโทรศัพท์นั่นคือที่ตรวจครรภ์ และเด็กในท้องนั้นคือ ลูกกับพ่อของเธอ
ถึงจะแท้งไปด้วยความตั้งใจ แต่ปลายฟ้ามือสั่นจนโทรศัพท์ร่วงหล่นจากมืดรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าปวริศก็รับทันก่อนมันลงพื้นด้วยเท้าของเขาและเด้งมันกลับมาที่มืออย่างโดยง่าย
“ทุเรศที่สุด…”
ปลายฟ้าพูดด้วยเสียงที่รับไม่ได้ออกมา เขาวิปริตอย่างที่ปวริศพูดจริงๆ รวมไปถึงปรานปรียาที่โรคจิตชอบเห็นลูกสาวเป็นสนามอารมณ์ ทำร้ายจิตใจนับครั้งไม่ถ้วนอย่างที่เขาพูดไป
“นี่คือพวกกาบุรุษ ที่เราต้องกำจัด”
ปวริศลุกออกจากที่นั่งขอบโซฟาข้างของหญิงสาวแล้วไปอยู่เบื้องหน้าปลายฟ้าด้วยท่าคุกเข่า
“นี่คืองานของเราปลายฟ้า รินใจ ตอนนี้เธอพร้อมจะเป็นดาริน แสงอุทัยเพื่อให้พวกเราไปฆ่าพสุชาได้ไหม?”
น้ำเสียงนั้นราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความนุ่มนวลไถ่ถามเธอ หญิงสาวจ้องไปยังใบหน้าที่เชยขึ้นมองเธอไม่ปานให้ ปลายฟ้าได้น้ำตาไหลอาบแก้มหลังจากรับรู้ทั้งหมดของดาริน แสงอุทัย
“พี่ริทรักพี่ดารินไหม…”
ปลายฟ้าถามพร้อมน้ำตาให้เขา เพราะในโทรศัพท์เธอมีความสุขเมื่อได้อยู่กับปวริศ ไม่สิ ไนซ์ เขมทัศ ชายที่เป็นโลกทั้งใบให้เธอ ความเจ็บปวดและเสียใจได้ถูกเยียวยาเมื่อเจอเขาเข้ามาในชีวิต
เพราะฉะนั้นเธออยากได้ยินอะไรสักอย่างจากชายที่ไปอยู่ในชีวิตเธอด้วยตัวตนคนอื่นจนทำให้นรกนั้นยังมีความสุขที่สัมผัสได้ แม้จะหายไปด้วยมือของเขา
ปวริศ อมาตยกุลที่จ้องไปยังใบหน้าหวานน่ารักที่เลอะน้ำตา เขาก็เอามือปาดน้ำตาอย่างเบามือ
“พี่รักเธอในฐานะไนซ์ เขมทัศและปลิดชีพเธอด้วยปวริศ อมาตยกุล”
“ตอนเธอตาย…เขาได้บอกอะไรเป็นครั้งสุดท้ายไหม?”
“พี่ไนซ์รักหนูไหมคะ”
อดิสรณ์แทรกกลางทันที ทั้งปลายฟ้าและปวริศหันไปก็เจอหนุ่มลูกครึ่งตาฟ้ายิ้มให้
“เธอพูดแบบนั้นเหรอคะ?” ปลายฟ้าถามด้วยเสียงสั่นเครือ
“อืม เธอพูดตอนที่ก่อนลมหายใจจะหมดไปน่ะ”
แม้กระทั่งตอนที่จะตายดาริน แสงอุทัยยังคงถวิลหาความรักอยู่อย่างนั้นจนหมดสิ้นชีวา ปลายฟ้า รินใจถึงกับร้องไห้ออกมามันเจ็บปวดแทนเธอคนนั้นเสียเหลือเกิน ทั้งทีเธอไม่ได้เป็นดาริน แสงอุทัยแท้ๆ ยังรู้สึกได้ถึงความทรมานนี้ได้เลย
“แล้วพี่ริท ฮึก..ได้พูดอะไรกับเธอไหมคะ?” หญิงสาวผมทองมองหน้านิ่งชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่าเธอ
“ไม่เลยพี่ไนซ์เขาไม่พูดอะไรเลย” อดิสรณ์ยังพูดแทนโดยที่ปวริศเงียบ
“หนูถามพี่ริทไม่ใช่คุณค่ะ เอดดี้” เธอเสียงเข้มใส่แต่เจ้าของชื่อเล่นเย้ยยิ้มใส่
“พี่ริทเขาไม่ชอบพูดถึงคนที่หมดประโยชน์แล้วน่ะ”
“อะไรนะคะ หมดประโยชน์?!”
หนุ่มตาฟ้ามองยิ้มมุมปากให้ เขารู้สึกเอ็นดูหญิงสาวจริงๆ จากที่แรกนึกว่าจะเป็นพวกน่าเบื่อแต่ไม่คิดว่าปลายฟ้า รินใจจะมองเขาไม่พอใจทั้งทีน้ำตานองแก้มแบบนั้น กระนั้นเธอเหมือนจะตกใจคำพูดของเขาเช่นกันก่อนที่หันไปพี่ชายคนโตของบ้าน
“ดาริน แสงอุทัย ฉันเข้าหาเธอเพียงเพราะต้องการเข้าหาพ่อแม่ของเธอเท่านั้น” ปวริศตอบ
“ใจร้าย รู้ไหมว่าเธอต้องการความรักมากแค่ไหน จวนสุดท้ายพี่ก็ยังใจร้ายกับเธออีกเหรอ”
“แล้วไงต่อ”
“อะไรนะ แล้วไงต่อเหรอ”
“เธอเป็นลูกพวกเขา ยังไงสายเลือดอุบาดนั่นต้องส่งต่อไปยังลูกหลานแน่นอน ฉันก็แค่จัดการให้หมดเท่านั้น”
ปวริศลุกขึ้นเต็มส่วนสูงมองเธอจากมุมต่ำด้วยแววตาที่นิ่งเยือกเย็นแสนเสียดแทงเข้าไปในหัวใจอันดวงน้อยๆ ที่ยังคงเจ็บปวดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นดาริน แสงอุทัยที่ทรมานกับชีวิตของพ่อแม่ทำร้ายเธอเหมือนไม่ใช่ลูกตัวเอง และยังต้องมาตายด้วยน้ำมือคนที่รักอีก
น่าขันที่สุดคือปลายฟ้า รินใจ ยังต้องไปแทนตัวดารินเพื่อเข้าใกล้พสุชา แสงอุทัย เจ้าคนใจทรามที่ทำกับลูกสาวแสนน่ารังเกียจแบบนั้น
ไม่ต่างอะไรกับโยนเธอให้ไปตายเลย
“ในเมื่อเข้าใจเรื่องของดารินหมดแล้ว มีอะไรจะถามไหม”
ปวริศเอ่ยและมองหญิงสาวที่ห้มหน้ามองพื้นโดยที่ไหล่บางกระตุกสั่นด้วยน้ำตาและสะอื้น ถ้าเป็นคนอื่นชายหนุ่มแทบจะไม่แยแสด้วยซ้ำ แต่คนตรงหน้าคือปลายฟ้า รินใจหญิงสาวที่จะต้องใช้งานไปจนกว่าจะถึงจุดสุดท้าย
“ที่จริง ฉันไม่ชอบคนร้องไห้หรอกนะ แต่เธอจะเป็นข้อยกเว้น”
“ค่ะ..”
'ข้อยกเว้นเหรอ...ไปบอกพี่ดารินเถอะ' ปลายฟ้าคิดในใจ
“อ้าวล่ะ หยุดร้องไห้ได้แล้วนะ พรุ่งนี้ต้องเตรียมตัวไปที่บ้านของดาริน เพื่อให้พ่อมารับหนีไปน้า” อดิสรณ์พูดเชิงปลอบใจให้
“ถ้าไปหนูจะตายไหมคะ?”
“ทำไมเหรอ?” หนุ่มลูกครึ่งถามคิ้วขมวด
"ก็พสุชา เป็นคนอันตรายไม่ใช่เหรอ ถ้าเขาจับได้ว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง หนูไม่ตายก่อนเหรอ"
"ก็ไม่ผิดนะ"
"ไม่รู้สิ ฉันไม่ใช่เธอที่ต้องไปทำเรื่องนี้นี่นา" อดิสรณ์พูดเอียวคอให้
เหมือนเป็นการบอกว่ายังไงงานแบบนี้ต้องมีตายแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้นสินะ ช่างเป็นการโยนให้คนอื่นมารับหน้าแทนของแท้
“ก่อนจะไปทำงานตรงนี้ หนูขอพูดเป็นคำอำลาสุดท้ายได้ไหมคะ”
“เชิญ”
ในเมื่ออดิสรณ์เองก็อยากรู้ว่าคำอำลานั้นคืออะไรเลยอนุญาตให้พูดจากใจสิ่งที่คิดออกมา มันก็คงไม่พ้นคำอ้อนวอนหรือไม่ก็บอกลาคนที่ตัวเองรักเช่น ญาติพี่น้องหรือหมาแมว เป็นต้น คงเต็มไปด้วยใบหน้าที่เศร้าโศรกไม่น้อย ทว่าปลายฟ้ากลับเชิดหน้าพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจแทน
“ควย สัส เย็ดแม่ม ใช้กูไปตายหาพ่อมึงเหรอ ไอ้เหี้ย ไอ้ห่า ควยพ่อมึงเถอะไอ้ฟาย!!!!!!”
ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้วขอด่าจากใจไปเลย เพราะตายไปก็คงไม่ได้ด่าพวกบ้านนี้แน่ๆ ปลายฟ้า รินใจไม่ต้องรอเป็นผีมาหลอกหรอก ทำตอนเป็นๆ อยู่เนี่ยแหล่ะ
ใช่ หลังจากที่ได้ด่าไปเธอภาพตัดทันที