สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

My Rose - บทที่ 1 บทที่ 1 โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

My Rose

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า

รายละเอียด

My Rose โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

สารบัญ

My Rose-บทที่ 1 บทที่ 1,My Rose-บทที่ 2 บทที่ 2,My Rose-บทที่ 3 บทที่ 3,My Rose-บทที่ 4 บทที่ 4,My Rose-บทที่ 5 บทที่ 5,My Rose-บทที่ 6 บทที่ 6,My Rose-บทที่ 7 บทที่ 7,My Rose-บทที่ 8 บทที่ 8,My Rose-บทที่ 9 บทที่ 9,My Rose-บทที่ 10 บทที่ 10,My Rose-บทที่ 11 บทที่ 11,My Rose-บทที่ 12 บททึ่ 12,My Rose-บทที่ 13 บทที่ 13,My Rose-บทที่ 14 บทที่ 14,My Rose-บทที่ 15 บทที่ 15,My Rose-บทที่ 16 บทที่ 16,My Rose-บทที่ 17 บทที่ 17,My Rose-บทที่ ๑๘ บทที่ ๑๘,My Rose-บทที่ ๑๙ บทที่ ๑๙,My Rose-บทที่ ๒๐ บทที่ ๒๐,My Rose-บทที่ ๒๑ บทที่ ๒๑,My Rose-บทที่ ๒๒ บทที่ ๒๒,My Rose-บทที่ ๒๓ บทที่ ๒๓,My Rose-บทที่ ๒๔ บทที่ ๒๔,My Rose-บทที่ ๒๕ บทที่ ๒๕,My Rose-บทที่ ๒๖ บทที่ ๒๖

เนื้อหา

บทที่ 1 บทที่ 1

บทที่ ๑
ไม่ว่าเคยสูงส่งมากศักดิ์แค่ไหน สุดท้ายก็ต้องก้มหัวกราบกราน ขอคนที่เกิดจากตมอย่างเขามอบโอกาสครั้งสุดท้ายให้
ชายชราผู้นี้ทำราวกับเขาเป็นพระเจ้าที่สามารถประทานพรให้คนตายแล้วเกิดใหม่ได้อย่างไรอย่างนั้น หากรู้ว่าเขาเป็นแค่อดีตเด็กกำพร้าที่ถูกอุปการะมาด้วยความบังเอิญ ไม่ได้เป็นทายาทแท้จริงทางสายเลือดของมหาเศรษฐีละก็ ยังจะยอมคุกเข่าอ้อนวอนเหมือนอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้หรือไม่
“คุณทีเค ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้งเถอะ ยังมีบางส่วนของโรงแรมที่พอฟื้นฟูบูรณะได้อยู่ ขอผมได้ลองสู้อีกสักตั้งเถอะครับ ได้โปรดเถอะคุณทีเค”
ต่อให้อีกฝ่ายพร่ำคำวิงวอนเป็นร้อยเป็นพัน ก็สั่นคลอนการตัดสินใจของเขาไม่ได้ “ผมไม่มีสิทธิ์สร้างโอกาสให้ใครหรอกครับ ที่ผมทำก็แค่ประเมินตัวเลขในงบการเงินของคุณแล้วบอกคุณว่าหนทางที่คุณจะจ่ายหนี้คืนมิลเลอร์โฮลดิ้งก่อนวันหมดสัญญาเป็นศูนย์”
“แต่คุณทีเคก็รู้นี่ว่าธุรกิจของผมพังเพราะภัยธรรมชาติ ใครจะไปรู้ว่าวันหนึ่งพายุหิมะจะซัดถล่มโรงแรมบนเขาจนวินาศ”
อีกฝ่ายยังไม่จำนนต่อคำตัดสิน ก้มหัวจนหน้าผากแนบผืนพรม อ้อนวอนร้องขอโอกาส เป็นภาพน่าสมเพชจนเขาต้องเบือนหน้าหนีหันไปมองกุหลาบสีแดงสดชูช่อเด่นในแจกันที่วางบนเปียโนโบราณเคียงข้างกรอบรูปถ่ายวงศ์ตระกูล
“ไม่มีใครคาดเดาอนาคตได้หรอกครับ วันหนึ่งเราทุกอาจตายไม่รู้ตัว มิลเลอร์ถึงให้คุณวางแผนรองรับการสูญเสียกรณีไม่คาดคิดสำหรับครอบครัวคุณไว้”
พอสิ้นประโยค ดวงตาของชายชราก็เบิกกว้าง “มะ... มันถึงขั้นนั้นแล้วจริงหรือ...”
“ขึ้นอยู่กับคุณ ถ้าคุณคิดว่าซากปรักหักพังนั่นไม่ควรค่าที่จะชุบชีวิตแล้ว คุณก็ยังพอมีทุนสำรองต่อชีวิตให้ครอบครัวที่คุณรัก แต่ถ้าคุณยังยืนกรานต่อไป คุณก็รู้ดีใช่ไหมว่าคนที่ลำบากต่อจากนี้คือครอบครัวของคุณเอง” ทีเคกล่าวพลางลุกขึ้นยืนจากโซฟาหนัง ก้าวขาเดินตรงไปยังเปียโนหลังใหญ่ แล้วยื่นมือไปหยิบสิ่งที่วางประดับอยู่บนนั้น
“ไม่ ผมไม่เลือก แต่เป็นคุณที่ต้องเลือก!”
ฉับพลัน เสียงกรรโชกของชายชราแผดดัง เหล่าคนในชุดสูทสีดำทั้งหลายต่างรีบชักปืนขึ้นเล็งไปด้านหลัง แต่ร่างสูงยังคงยืนสงบหันหน้าเข้าหาเปียโน เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปปลดรูปคู่ของชายแก่กับเด็กชายวัยประถมลงจากผนังแล้วหันกลับไป
“นี่หลานชายคุณหรือครับ ดูเขายิ้มมีความสุขมากทีเดียว”
“วางรูปลงเดี๋ยวนี้!” เจ้าของรูปถ่ายลั่นเสียง แต่มือที่จับกระบอกปืนนั้นสั่นเทาราวกับเป็นไข้
“โตขึ้นเขาอยากเป็นอะไรหรือครับ”
“เขาอยากจะเป็นอะไรมันก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”
ทีเคยกยิ้มมุมปาก หมุนตัวหันไปติดรูปคืนที่เดิม “นั่นสิ เขาอยากเป็นอะไรก็ไม่เกี่ยวกับผม เพราะมันขึ้นอยู่กับคุณตาของเขาทั้งนั้น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาอยากเป็นกำลังจะกลายเป็นเรื่องไร้สาระของเด็กที่ฝันสูงเกินตัว”
จากนั้นชายหนุ่มก็คว้ากุหลาบหนึ่งก้านจากแจกัน หันไปทางชายชรา “ตัดสินใจให้ดี มิลเลอร์ให้โอกาสคุณมามากแล้ว แต่ครั้งนี้คนที่จะให้โอกาสเป็นตัวคุณเอง และพวกเขาจะช่วยคุณทำจนสำเร็จ รับรองว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย ไม่มีใครสงสัย”
ชายหนุ่มฝากคำพูดสุดท้ายไว้ แล้วก้าวเดินออกจากคฤหาสน์ของคนที่กำลังกลายเป็นอดีตนักธุรกิจรีสอร์ตกลางหุบเขา พาร่างสูงสง่าผ่านแนวกำแพงกุหลาบเลื้อยที่สร้างเป็นทางยาวขนาบสองข้างของถนนหินแกรนิตแผ่นใหญ่ ตรงไปขึ้นรถลีมูซีนสีดำมันวาวที่จอดรออยู่นอกรั้วเหล็กดัดลายเถากุหลาบ
“ครั้งต่อไปคุณอาจตายก่อนพ้นประตูบ้านของลูกหนี้ ผมเคยเตือนคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าอย่าหันหลังให้หมาจนตรอก” เจ้าของคำเตือนคือเคย์แมน บอดีการ์ดประจำตัวที่ตามมาทำหน้าที่สารถี ก่อนจะขับเคลื่อนรถออกจากคฤหาสน์ด้วยความเร็วราวกับต้องการทำเวลา
“จะพูดอะไรก็ให้เกียรติเขาบ้าง ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นลูกค้าเงินกู้ชั้นดี”
“ก็แค่เคย แต่สุดท้ายพอมันหมดสิ้นหนทางก็แว้งกัดคุณอย่างที่มันทำ แล้วก็เป็นคุณที่แสดงความอ่อนแอให้มันเห็น มันถึงได้กล้าชักปืนออกมานั่นไง หรือว่าเป็นคุณเองที่ต้องการให้เป็นแบบนั้น”
เจ้านายหนุ่มแค่นหัวเราะ จ้องผู้ใต้บังคับบัญชาผ่านกระจกมองหลังด้วยดวงตาคมเข้มสีน้ำผึ้งป่า “ถ้าผมอยากให้เป็นแบบนั้นจริง ก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ มันยังมีงานสำคัญที่ผมต้องทำให้ลุล่วงเสียก่อน”
ราวกับรู้ว่าผู้เป็นนายต้องการอะไร เคย์แมนจึงพ่นลมหายใจแล้วเล่าความคืบหน้าของงานที่ได้รับมอบหมาย “เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของมาเฟียรัสเซียในพัทยาสนใจอยากเข้าร่วมโครงการเงินทุนหมุนเวียนกับมิลเลอร์โฮลดิ้ง แต่อีกสามสิบเปอร์เซ็นต์จะขอพบคุณทีเคเพื่อต่อรองเพิ่มเงื่อนไขผลประโยชน์ ผมเลยบอกพวกเขาว่าทีเค มิลเลอร์จะไปพบพวกเขาหลังเสร็จสิ้นงานศพของท่านโธมัส”
“แล้วเจ้านั่นล่ะ”
“มันยังไม่รู้ว่ากำลังถูกเราตีท้ายครัว” แต่ผู้ใต้บังคับบัญชายังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงข้อความเข้าขัดจังหวะ จึงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าสูทเพื่ออ่านข้อความด่วนที่เพิ่งส่งเข้ามาแล้วรายงานต่อว่า “ปิดเคสเศรษฐีผู้ดีเก่าเรียบร้อย”
วินาทีนั้น กุหลาบในมือเขาก็ปลิดกลีบตัวเองทิ้งลงบนหน้าตัก ราวกับรับรู้ถึงการจากไปของเจ้าของเก่า คล้ายหญิงสาวที่หลั่งน้ำตาโศกเศร้าอาดูรใจให้คนรักที่จากไปตลอดกาล
“เดดลิสต์คนต่อไปนักธุรกิจต่อเรือยอชต์ เจ้านี่มันลื่นเหมือนปลาไหล คุณต้องระวังตัวหน่อย”
เจ้านายหนุ่มฟังโดยไร้เสียงตอบ ไม่ใช่เพราะใจลอยคิดเรื่องอื่น แต่รู้อยู่แล้วว่าจะจัดการปลาไหลตัวนั้นอย่างไร หากแต่ในตอนนี้เขาอยากพักใจและวางทุกความคิดไว้ก่อนเริ่มงานครั้งใหม่
“ยังเหลือเวลาอีกมากก่อนไปพบเบนที่โบสถ์เย็นนี้ คุณจะให้ผมพากลับมิลเลอร์โฮลดิ้งก่อนหรือเปล่า”
“ไม่ ผมจะไปสวนเอเดนระหว่างรอเบนไปถึงโบสถ์”
เขาออกคำสั่งแล้ววางดอกกุหลาบไว้ข้างกาย หันไปมองท้องฟ้าเหนือยอดคฤหาสน์ที่กำลังมีเมฆเทาเรี่ยลงมากลืนกินจนจางหายไปจากสายตา กระทั่งผู้รับใช้พามาส่งยังที่หมาย เจ้านายหนุ่มก็ก้าวขาลงจากรถ เดินอ้อมไปที่กระโปรงหลังซึ่งถูกเปิดรอไว้ราวกับรู้หน้าที่
“คนของเบนส่งข่าวมาบอกว่าเบนกับครอบครัวจะมาถึงโบสถ์ก่อนเวลา เห็นว่าการประชุมภาคระหว่างมิลเลอร์กรุ๊ปกับนักลงทุนฝั่งอเมริกาไม่ได้ข้อสรุปที่เบนพอใจนัก” เคย์แมนเดินตามมาบอกขณะที่ผู้เป็นนายหยิบกีตาร์โปร่งออกจากกระโปรงรถ
“ผมว่าวันนี้เบนคงอารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก”
ความสำคัญอยู่ที่ประโยคหลัง เขาจึงพยักหน้ารับรู้แล้วเดินผ่านไหล่บอดีการ์ดผมทองเข้าสู่ประตูซุ้มกุหลาบเลื้อยสีแดงก่ำที่กำลังออกดอกบานสะพรั่ง โดยไม่ลืมหยุดมองส่งยิ้มให้เป็นการทักทาย แล้วเดินเข้าสู่ใจกลางสวนอันมีน้ำพุประติมากรรมปูนปั้นเทพสวรรค์ผู้เฝ้าสวนเอเดนประดับอยู่ ณ ใจกลาง
แม้ท้องฟ้าวันนี้ไม่ใสกระจ่าง แต่สายลมอ่อนที่พัดพากลิ่นดอกไม้หอมก็สร้างความสดชื่นให้แก่หัวใจชายหนุ่ม เขาทรุดตัวลงนั่งบนผืนหญ้า จับกีตาร์ให้ถนัดมือแล้วเริ่มพรมนิ้วเรียวลงบนเส้นสายสร้างเสียงเพลงตามตัวโน้ตที่บันทึกในหัวใจ จากนั้นก็เปล่งเสียงร้องเพลงแสนหวานให้ก้องกังวานไปทั่วสวน
“คุณอาทีเคขา” เสียงเรียกหวานใสปานระฆังแก้วหยุดบทเพลงได้ชะงักงัน คนธรรพ์จำแลงจึงหันไปทางเด็กหญิงผมสีทองดั่งรวงข้าววัยแปดขวบที่วิ่งตรงเข้ามาหาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“ว่าไงครับหนูโรซี่ คุณพ่อให้มาตามผมแล้วหรือครับ” เขาวางกีตาร์ลงข้างกาย แล้วอ้าแขนรับร่างเล็กที่โผเข้ากอด
“เปล่าค่ะ โรซี่จะเล่นซ่อนหากับพี่แมกซ์เวลในสวนเอเดนค่ะ คุณอาช่วยหาที่ซ่อนให้โรซี่หน่อยได้ไหมคะ”
แม่หนูเล่าความเสียงเจื้อยแจ้วน่าเอ็นดู คนเป็นอาจึงช้อนตัวหลานสาวตัวผอมบางขึ้นอุ้มตามคำขอ แล้วกวาดตาหามุมเหมาะๆ สำหรับเป็นที่ซ่อนกายเจ้าตัวน้อย
“ผมว่าใต้พุ่มการ์เดียนแอนเจิลนั่นเหมาะทีเดียว พี่แมกซ์เวลไม่มีทางหาหนูโรซี่เจอแน่ครับ”
เด็กหญิงยิ้มร่า ขอลงพื้นวิ่งไปมุดเข้าใต้พุ่มกุหลาบสีขาวบริสุทธิ์เพื่อหลบซ่อนพี่ชายตามคำบอก เขาเห็นแล้วก็ยิ้มขันในความไร้เดียงสา
“คุณเบนเรียกพบแล้วครับ”
เสียงนั้นบอกว่าเวลาส่วนตัวของเขาได้หมดลงแล้ว ชายหนุ่มจึงหันไปพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามเคย์แมนเข้าสู่โบสถ์ที่ใช้เป็นสถานประกอบพิธีส่งความอาลัยแด่ดวงวิญญาณของโธมัส มิลเลอร์ ผู้อุปการะเขาเป็นลูกบุญธรรม ส่วนทายาทที่แท้จริงนั้นคือชายหนุ่มผมทองร่างสูงใหญ่ที่กำลังยืนมองเขาด้วยดวงตาสีฟ้าอย่างสุขุมหน้าโลงศพประดับดอกกุหลาบจากสวนเอเดน
“ว่าไง ทีเคน้องรัก” เสียงทักทายของเบนเรียบนิ่งแต่ก้องกังวาน “ได้ยินว่านายเกือบมีปัญหากับเดดลิสต์เคสล่าสุด”
น่าชื่นชมความฉับไวของเคย์แมนที่รายงานทุกสิ่งให้แก่นายใหญ่ได้รวดเร็วเสมอ ฉะนั้นเขาจึงไม่มีอะไรต้องพูดอีก
“นายควรระวังตัวให้มากกว่านี้”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงผม แต่เมื่อผมรับปากว่าจะทำเคสไหน นั่นหมายถึงผมรู้ว่าต้องเสี่ยงกับอะไร แล้วผมก็รู้ว่าจะยังเป็นอะไรไปไม่ได้จนกว่างานใหญ่เสร็จสมบูรณ์”
ทว่าในนาทีนั้น พี่ชายบุญธรรมก็ยกนิ้วแตะที่ปากตัวเอง ส่งสัญญาณบอกให้เขาหยุดพูด เพราะโรซี่ ลูกสาวตัวน้อยวิ่งเข้ามาหาพร้อมกุหลาบสีขาวหมดจดในมือ
“กุหลาบในสวนเอเดนค่ะคุณพ่อ หนูเอามาฝาก” เพราะยังอยู่ในวัยไร้เดียงสา แม่หนูจึงไม่รู้ว่าไม่ควรเข้ามาขัดบทสนทนาของผู้ใหญ่
“พ่อสั่งห้ามไม่ให้เข้าไปเล่นในสวนไม่ใช่หรือ ทำไมถึงขัดคำสั่ง”
“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพ่อ พี่แมกซ์เวลก็อยู่ด้วย แล้วคุณอาทีเคเคยสอนหนูว่าถ้าถูกผึ้งต่อยต้องทำอย่างไร”
“หนูจะไม่ถูกผึ้งต่อย นี่คือความต้องการของพ่อ” เสียงเข้มของบิดาทำให้เด็กหญิงหน้าเจื่อน เดินคอตกออกไป
“ถ้าวันหนึ่งฉันทำลายสวนเอเดนนั่น ก็อยากให้นายเข้าใจเหตุผล” เบนสบตาเขาเพียงชั่วเสี้ยวนาที ก่อนหันไปเสียบกุหลาบของฝากที่โลงศพบิดา “เสร็จงานศพของพ่อแล้ว ฉันคงไม่ได้เห็นหน้านายอีกนาน แต่พอนายทำงานสำเร็จ ฉันจะเตรียมตำแหน่งรองประธานมิลเลอร์โฮลดิ้งไว้พร้อมเงินทองมากมายนอกเหนือจากมรดกที่พ่อมอบให้ในโกดัง”
“ผมไม่รับตำแหน่ง”
“นายต้องรับตำแหน่ง!”
เสียงของเบนสะท้อนก้องไปทั่วโบสถ์ แต่ทีเคยังไม่แสดงสีหน้ายินดียินร้าย เขาหันไปโค้งตัวคำนับศพมหาเศรษฐีที่กรุณาอุปการะเขาเป็นบุตรบุญธรรม แล้วก้าวเดินออกจากโบสถ์ ทว่าประโยคถัดมาของเบนทำให้เขาหยุดขาชะงัก
“เคย์แมนได้บอกนายเรื่องบริษัทลูกหนี้ของมิลเลอร์โฮลดิ้งในเมืองไทยหรือยัง”
“ยังครับ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ฟังจากฉันตอนนี้เลย ฉันกำลังส่งบริษัทนี้ไปอยู่ในเดดลิสต์ของนาย”
หมายความว่ามิลเลอร์กำลังจ้องจะเชือดลูกกวางบาดเจ็บตัวใหม่ แล้วผู้รับหน้าที่นำลูกกวางหมดหนทางเยียวยามาสังเวยก็คือเขา
“ผมจะรอรับคำสั่ง” เพราะรู้หน้าที่ดีแล้วก็จึงค้อมศีรษะรับทราบ จากนั้นก็หมุนตัวเดินกลับเข้าสู่สวนเอเดน หยิบกีตาร์โปร่งคู่ใจที่วางทิ้งไว้ขึ้นแล้วมองมันอย่างนั้นเนิ่นนาน ก่อนเงยหน้ากวาดตาไปทั่วสวนที่เขาใช้เงินส่วนตัวสร้างขึ้นมาเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงผู้หญิงคนสำคัญในชีวิตสองคนที่หนึ่งในนั้นจากเขาไปแล้วตลอดกาล
บทเพลงรักเริ่มบรรเลงอีกครั้ง ทว่าน้ำเสียงขับร้องของชายหนุ่มสุดหม่นเศร้า ไม่ต่างกันเลยกับความทึมเทาของท้องฟ้าที่เริ่มโปรยสายฝนเย็นเฉียบลงมา