สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
บทที่ ๘
เรือนร่างอวบอิ่มเคลื่อนเข้าเบียดแล้ววาดแขนเรียวขาวผ่องโอบกอดกายแกร่งแน่น ก่อนประทับเรียวปากหยักที่ใบหู หวังปลุกเร้าอารมณ์ปรารถนาที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าชายหนุ่มกลับดันหล่อนออกแล้วลงจากเตียงทิ้งหล่อนไว้ในความว่างเปล่าไร้เยื่อใยสวาทที่กอดรัดเกี่ยวก่ายกันมาตลอดคืน
“วันหยุดทั้งที ทำไมไม่นอนต่ออีกหน่อยล่ะคะ”
หล่อนส่งเสียงถาม แต่ไม่ได้ยินเสียงตอบนอกจากเสียงสายน้ำของฝักบัว จึงลงจากเตียงเดินเข้าไปหา เห็นเขายืนก้มหน้านิ่งเป็นรูปปั้นปล่อยให้น้ำรดรินร่างกาย
“วันนี้เราขับรถไปเที่ยวทะเลใกล้ๆ กันไหมคะ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วยกันนานแล้ว”
“พี่ต้องไปรับลูกค้าฝรั่งที่สนามบิน ไม่ได้ว่างเหมือนแม่ค้าขายเสื้อ”
แพรพรรณรายพยักหน้ายิ้มเศร้าๆ หันหลังเดินจากมา หยิบเสื้อผ้าทั้งหลายที่เขาเป็นคนปลดเปลื้องเมื่อคืนวานขึ้นสวมใส่ แล้วออกจากคอนโดมิเนียมที่อนุญาตให้หล่อนขึ้นมาพบแค่เวลาที่เขาต้องการให้ร่วมฉาก เป็นแค่ตัวประกอบที่ไม่อาจเป็นตัวเด่นได้เหมือนเพื่อนสาว ผู้หญิงที่เขาต้องการให้มาเป็นตัวเอกของชีวิต
แต่จะให้ตีโพยตีพายตอนนี้ก็สายเกินแก้ เพราะได้มอบหัวใจดวงนี้ให้เขาไปแล้วตั้งแต่สายสวาทพันผูกกัน เพียงแต่เขาจะมองหล่อนแบบคนรักบ้าง เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ดีใจ ไม่ใช่ปฏิบัติกับหล่อนไม่ต่างกับโสเภณีอย่างที่เป็นอยู่
ความน้อยใจทำให้แพรพรรณรายยกมือปาดน้ำตา หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเพื่อเปิดเครื่อง แต่ทันทีที่มันพร้อมทำงาน ข้อความเตือนสายที่ไม่ได้รับจากรสสุคนธ์ก็หลั่งไหลเข้ามา เจ้าตัวคงมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ ถึงได้อยากติดต่อหล่อนมากมายขนาดนี้ จึงเปลี่ยนใจจากที่จะเข้าไปเปิดร้าน เป็นขับรถไปหาเพื่อนสาวที่ออกไซต์ในจังหวัดติดทะเลไม่ห่างจากเมืองหลวง
แต่พอไปถึงไซต์งาน ก็รู้ว่ารสสุคนธ์ออกไปโรงเรียนปลูกปัญญาตั้งแต่เช้า จึงขับรถไปตามเส้นทางที่ธุรการสาวประจำไซต์บอก ทว่ายังไม่ทันถึงที่หมายดี ก็เกิดความผิดปกติบางอย่างกับรถ จึงดับเครื่องจอดริมถนน แล้วก็พบว่ายางรถหลังเส้นหนึ่งถูกน็อตหัวโตปักทะลุจนมิด
“มาซวยอะไรตอนนี้นะ”
แพรพรรณรายทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่น คิดว่าคงต้องทิ้งรถไว้แล้วติดต่อเพื่อนสาวให้มารับ แต่ในตอนนั้นมีรถสปอร์ตสีขาววิ่งตรงเข้ามาแล้วจอดเทียบริมทางฝั่งตรงข้าม
“รถเสียหรือครับ” เจ้าของรถใบหน้าหล่อสะอาดเปิดประตูลงมาถามด้วยรอยยิ้ม
“ยางแบนค่ะ น็อตตำเกือบมิดหัว”
เขาฟังแล้วย่อเข่าลงดูจุดเกิดเหตุ จากนั้นเดินกลับไปเปิดกระโปรงหลังรถของตน หยิบเอาแม่แรงออกมา แล้วจัดการยกรถหล่อนขึ้น ใช้ประแจไขน็อตเอาล้อเจ้ากรรมออกจากตัวรถ จากนั้นสลับยางเก่ากับยางอะไหล่
“คุณเปลี่ยนยางได้หรือคะ”
“ผมเป็นเซลล์แมน วิ่งรถส่งของทั่วประเทศก็เลยต้องเรียนรู้การเปลี่ยนยางไว้บ้าง”
แพรพรรณรายเอียงคอมอง เพราะการแต่งตัวกับรถรุ่นที่เขาใช้แล้ว รายได้ของเซลล์แมนทั่วไปไม่น่าเอื้อมถึง
“เรียบร้อย” เขาลุกขึ้นยืนหลังเสร็จสิ้นงานช่วยเหลือ
“อันที่จริง ถ้าคุณไม่ผ่านมา ฉันก็กำลังจะโทรหาเพื่อนที่อยู่ในโรงเรียนปลายซอยนี้ ฉันไม่รู้จะตอบแทนคุณยังไง ขอให้เงินเป็นสินน้ำใจค่าแรงของคุณก็แล้วกันค่ะ” หล่อนบอกแล้วหยิบธนบัตรใบละหนึ่งพันจากกระเป๋าสตางค์ส่งให้ชายหนุ่มจำนวนสามใบ แต่เขากลับยืนนิ่งมองหล่อนด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ต้นกล้าไม่เห็นบอกผมว่ามีเพื่อนสวยขนาดนี้”
“ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงใคร แต่เพื่อนฉันชื่อรสสุคนธ์ เจ้าของห้างสรรพสินค้าที่จะกำลังจะเริ่มก่อสร้างที่นี่”
“อ้อ เพื่อนผมก็เล่าเรื่องคนที่จะมาไล่ที่เขาให้ฟังเหมือนกัน”
“เพื่อนคุณ?”
“ต้นกล้า ครูใหญ่โรงเรียนปลูกปัญญา คนที่เป็นปัญหาของเพื่อนคุณอยู่ตอนนี้” พูดแล้วลากตามองเงินในมือหล่อน “เก็บเงินของคุณไว้เถอะ”
“ฉันลำบากใจ คุณช่วยรับไปหน่อย จะได้ไม่ติดค้างกัน”
เขายกยิ้มที่มุมปาก รับเงินหล่อนไปแล้วหยิบปากกาที่สอดในกระเป๋าเชิ้ตมาเขียนหมายเลขพร้อมลงชื่อกำกับ “ถ้าอย่างนั้น คุณต้องรับนัดกินข้าวกับผมสักมื้อ จะได้ไม่ติดค้างกัน คุณรู้เบอร์ผมแล้ว อยู่ที่คุณว่าจะทำยังไงกับมัน”
วิธีการปิดทางปฏิเสธของเขาช่างแยบยลนัก หรือหล่อนควรเชื่อว่าเขาคือเซลล์แมนตัวจริง “ถ้ามีโอกาส ฉันติดต่อไปนะคะ... คุณสัญชัย”
“แล้วคุณจะไม่บอกชื่อคุณให้ผมรู้จักหน่อยหรือ”
“หงส์!” เสียงเรียกนั้นเป็นของรสสุคนธ์ เพื่อนสาวของหล่อนจอดรถแล้วรีบเดินลงมาหาด้วยใบหน้าประหลาดใจ “อย่าบอกนะว่ามาหาฉันน่ะ”
“ถ้าไม่มาหาเธอ แล้วฉันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังกันล่ะ”
“เพื่อนคุณมาแล้ว ผมขอตัวไปหาเพื่อนผมบ้างนะครับ... คุณหงส์”
ชายหนุ่มคนเดียวในที่แห่งนั้นส่งเสียงแสดงการมีตัวตน เขาขยิบตาหนึ่งข้างพร้อมกับส่งยิ้มให้หญิงสาวเจ้าของรถที่เขาเพิ่งเปลี่ยนยางให้ แล้วหันหลังเดินไปขึ้นรถ ขับตรงเข้าสู่ก้นซอยที่รสสุคนธ์เพิ่งออกมา
“ทำไมเขาขยิบตาให้เธอ” รสสุคนธ์หันมาหรี่ตามอง
“ไม่รู้สิ เขาอาจจะคันตาแต่ขี้เกียจเกาล่ะมั้ง” แพรพรรณรายยิ้มตอบ “แต่ช่างเขาเถอะ คืนนี้ฉันจะค้างกับเธอสักคืน อยากรู้จังว่าลูกสาวท่านประธานเจอศึกหนักอะไรบ้าง”
“โอ๊ย ฉันเล่าให้เธอฟังได้ทั้งคืนเลยล่ะหงส์ เรื่องของนายต้นกล้านั่นน่ะ”
แพรพรรณลอบยิ้มในใจ ดูเหมือนชายหนุ่มนามต้นกล้ากำลังคืบเข้ามามีอิทธิพลต่อความสำเร็จของเพื่อนสาว ซึ่งนั่นหมายถึงนายคนนั้นก็จะเป็นอุปสรรคขัดขวางความสมหวังในรักของหล่อนด้วยเช่นกัน เพราะหากโครงการสร้างห้างสรรพสินค้าไม่สำเร็จ อิทธิฤทธิ์ก็จะได้สวมแหวนแต่งงานให้รสสุคนธ์ดังที่เขาต้องการ
กระแสเงินทุนก้อนใหญ่ของมิลเลอร์เริ่มแทรกซึมเข้าสู่ธุรกิจให้ความบันเทิงยามราตรีทั่วพัทยากลาง ซ้อใหญ่นำเงินไปต่อเงินได้ดีเกินคาด และยังช่วยเป็นสื่อกลางชักนำลูกค้าเงินกู้ที่เน้นเงื่อนไขสุดพิเศษมาให้ ชื่อของทีเค มิลเลอร์จึงขยายวงออกไป
แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นตัวจริงของชายหนุ่ม เพราะนอกจากลูกค้าระดับวีไอพีที่เขาดูแลเองแล้ว ที่เหลือจะถูกมอบหมายให้เป็นงานของผู้ใต้บังคับบัญชา ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับยมทูตแห่งมิลเลอร์ผู้สวมหน้ากากครูใหญ่ของโรงเรียนปลูกปัญญา
“บ่อนใหญ่หลังตลาดนั่นเปิดมาได้นานหลายปีแล้ว เจ้าหน้าที่ก็หาทางจับมันแบบคาหนังคาเขาอยู่ แต่ยังไม่มีโอกาสกับยังไม่มีหลักฐานชัดเจน” นายเผ่า อาของหนูมุกนักเรียนหญิงวัยประถมเล่าให้เขาฟังตอนไปรับปลามาเป็นอาหารกลางวันให้เด็ก
ด้วยความที่ไม่อยากให้ชุมชนถิ่นอาศัยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมอบายมุขและค้ายา นายเผ่าจึงเป็นสายให้ตำรวจ แต่ในช่วงหลังอิทธิพลของนายประชาแผ่กว้างมากขึ้น ชาวบ้านแม่ค้าพ่อค้าที่ติดหนี้เงินกู้ต่างพร้อมใจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
“นานวันเข้ามันยิ่งจะทำให้พวกชาวบ้านเห็นชอบกับสิ่งที่มันทำ คราวนี้ล่ะอนาคตลูกหลานแย่แน่” นายเผ่าเล่าต่อด้วยสีหน้ากังวล
“พี่เผ่าเองต้องระวังตัวด้วยเวลาไปสังเกตุการณ์ เราไม่รู้ว่ามีคนของมันแทรกซึมที่ไหนบ้าง” ครูหนุ่มเตือน
“อ้อ ใช่ พอครูกล้าพูดเรื่องคนของมัน ผมก็ตงิดใจบางอย่าง ผมเห็นผู้จัดการไซต์ของห้างนั่นเข้าๆ ออกๆ บ่อน ไม่รู้ว่าบริษัทนั้นรู้เห็นเป็นใจกับนายประชาด้วยหรือเปล่า”
ชายหนุ่มครุ่นคิดในใจ มันเป็นไปได้ทั้งสองอย่าง อย่างแรกคือผู้จัดการไซต์คนนั้นชอบเล่นการพนันเป็นทุนเดิม และอย่างที่สองคือถูกผู้บริหารสั่งให้เข้าไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับเจ้าถิ่น ก็คล้ายกับที่เขาทำเพื่อปูทางไปสู่การล้างแค้น
แต่ถ้าหากเป็นเหตุผลที่สองละก็ แม่กุหลาบนั่นจะเป็นทั้งศัตรูของโรงเรียนปลูกปัญญา และศัตรูของทีเค มิลเลอร์ อย่างแท้จริง
“คืนนี้ผมขอตัวก่อน แล้วนี่ไข่ของโรงเรียนรอบนี้ครับ รอบนี้แม่ไก่ออกไข่กันทุกวัน พวกหนูมุกก็ดีใจกันใหญ่” ชายหนุ่มขอตัวกลับพร้อมกับแลกไข่ไก่กับปลาทะเลสดตัวเขื่องที่เรือของนายเผ่าจับได้
จากบ้านนายเผ่า เขาเดินเลียบไปตามซอกซอยแคบๆ ที่แสดงอาณาบริเวณของชุมชนชาวประมงผู้ตั้งรกรากในที่แห่งนี้แต่โบราณนานมา หมู่บ้านไม้ชั้นเดียวที่ปักเสาแน่นหนาจึงเป็นภาพคุ้นตาของเขาตั้งแต่เยาว์วัย ดังนั้นกำแพงสังกะสีที่บอกเขตก่อสร้างศูนย์การค้า ไฟสปอตไลต์ที่สว่างจ้าจนกลบประกายแสงดาว และเสียงเอะอะมะเทิ่งของคนงานที่ล้างเสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งจึงเป็นสิ่งขัดตาขัดใจชายหนุ่มยิ่งนัก
เมื่อถึงโรงเรียน ต้นกล้านำมาปลาเข้าเก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็น แล้วจะเข้าไปพักผ่อนในห้องพักของตน แต่แสงไฟของห้องเรียนยังสว่างอยู่ ในทีแรกคิดว่าเป็นจ้อยก็จะเข้าไปเตือน แต่พอเดินเข้าไปกลับพบว่าคนที่อยู่ภายในคือครูเพ็ญที่กำลังนั่งดูรูปวาดระบายสีของนักเรียน
“ครูยังไม่นอนหรือครับ คุณหมอบอกว่าต้องพักผ่อนมากๆ ไม่ใช่หรือ”
“ครูจะรอบอกเธอว่ามีลูกค้ามาสั่งกุหลาบให้ไปส่งที่งานแต่งน่ะ กลัวว่ารอถึงพรุ่งนี้ก็จะลืมจนไม่ได้บอกกัน” ครูเพ็ญยื่นกระดาษที่มีพันธุ์กุหลาบที่ต้องการกับหมายเลขโทรศัพท์เขียนไว้ส่งให้ “ว่าแต่ออกไปไหนมาล่ะ บางทีครูตื่นมาเข้าห้องน้ำ ก็เห็นเดินออกไปนอกโรงเรียนกลางค่ำกลางคืน”
“เอ่อ...” เพราะไม่ได้เตรียมใจถูกตั้งคำถามนั้น จึงกุเรื่องอื่นมาใช้เป็นคำตอบ “ผมออกไปดูเจ้าลายน่ะครับ วันก่อนเห็นมันเดินเป๋ๆ ก็ว่าจะพามันไปหาหมอ สงสารมัน”
“แล้วเจอมันไหมล่ะ”
ต้นกล้ายังอ้ำอึ้ง ไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร แต่จู่ๆ ครูเพ็ญก็คลี่ยิ้มออกมา ไม่ใช่ยิ้มสุขใจแต่เป็นยิ้มที่เจือความเศร้า
“เจอก็บ้าแล้วล่ะ เจ้าลายน่ะมันตายแล้ว”
“แค่ขาเป๋ ไม่น่าทำให้หมาสู้ชีวิตอย่างเจ้าลายตายนี่ครับ” ครูหนุ่มได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ
“มันไม่ได้ตายเพราะขาเป๋หรอก แต่มันถูกตีจนตาย”
“ใครกันใจร้ายได้ถึงเพียงนั้น”
ครูชราไม่ได้ให้คำตอบ แต่ผ่อนลมหายใจเสียงยาว แล้วใช้ไม้เท้าค้ำตัวยืนขึ้นจ้องตาเขานิ่ง ก่อนเดินออกจากห้องเรียนไป ชายหนุ่มรู้สึกกังวลจนอยากเข้าไปถาม แต่พอเหลือบตาไปทางภาพวาดระบายสีที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ ก็หยิบขึ้นมาดู
มันคือรูปวาดเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กจูงมือกัน มีผู้ชายอีกคนยืนยิ้มกว้างอยู่หน้าโรงเรียน เหนือขึ้นไปเป็นภาพโรงเรียน แต่หัวข้อการบ้านวาดภาพระบายสีครั้งนี้คือ
‘บ้านของฉัน’