สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

My Rose - บทที่ ๒๐ บทที่ ๒๐ โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

My Rose

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า

รายละเอียด

สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

สารบัญ

My Rose-บทที่ 1 บทที่ 1,My Rose-บทที่ 2 บทที่ 2,My Rose-บทที่ 3 บทที่ 3,My Rose-บทที่ 4 บทที่ 4,My Rose-บทที่ 5 บทที่ 5,My Rose-บทที่ 6 บทที่ 6,My Rose-บทที่ 7 บทที่ 7,My Rose-บทที่ 8 บทที่ 8,My Rose-บทที่ 9 บทที่ 9,My Rose-บทที่ 10 บทที่ 10,My Rose-บทที่ 11 บทที่ 11,My Rose-บทที่ 12 บททึ่ 12,My Rose-บทที่ 13 บทที่ 13,My Rose-บทที่ 14 บทที่ 14,My Rose-บทที่ 15 บทที่ 15,My Rose-บทที่ 16 บทที่ 16,My Rose-บทที่ 17 บทที่ 17,My Rose-บทที่ ๑๘ บทที่ ๑๘,My Rose-บทที่ ๑๙ บทที่ ๑๙,My Rose-บทที่ ๒๐ บทที่ ๒๐,My Rose-บทที่ ๒๑ บทที่ ๒๑,My Rose-บทที่ ๒๒ บทที่ ๒๒

เนื้อหา

บทที่ ๒๐ บทที่ ๒๐

บทที่ ๒๐

แพรพรรณรายหายใจหอบโยนหลังกรีดร้องชื่อของผู้ที่อยู่ในห้วงคำนึงสุดเสียง ส่วนชายหนุ่มผู้ครอบครองกายหล่อนก็โน้มตัวลงมาทาบทับแผ่นหลังขาวเนียนหลังส่งหล่อนแตะขอบสวรรค์ เขากดริมฝีปากอุ่นบนต้นคอระหง ลิ้มรสเหงื่อที่ผุดจากผิวนวลราวกับเป็นน้ำทิพย์ ก่อนสอดมือแกร่งเข้าใต้ร่างอรชร ช้อนหล่อนให้นอนตะแคงข้างโดยมีเขาประกบแนบชิดแผ่นหลัง 

“คุณชอบหรือเปล่า”

คำกระซิบชิดใบหูทำให้แพรพรรณรายส่งเสียงหัวเราะในลำคอ แต่ยังไม่ยอมให้คำตอบ จึงถูกมือหนาพลิกตัวให้หันไปประจันจ้องตา 

“ตอบผม”

หล่อนยักไหล่ “คุณถามไม่ละเอียด จะให้ฉันตอบได้อย่างไรกันว่าชอบที่คุณทำ หรือชอบที่ตัวคุณ”

“ผมอยากรู้ทั้งสอง” ไม่ใช่แค่น้ำเสียง แต่แววตาที่จ้องหล่อนบอกว่าอยากได้คำตอบจริงจัง

“อย่างแรก ฉันชอบที่คุณทำ แต่อย่างที่สอง... ตามที่เราตกลงกันแล้วตั้งแต่ตอนที่เรานัดเจอกัน ฉันกับคุณเป็นได้แค่พาร์ตเนอร์เท่านั้น จะให้บอกว่าชอบก็คงไม่ใช่” 

ชายหนุ่มแค่นหัวเราะ “ใช่ เราตกลงกันแล้ว และก็เป็นโชคของผมที่นายจ้างสาวใจป้ำ ให้ทั้งเงินให้ทั้งงาน...” ปากพูดไป แต่สายตาไม่ได้มองหน้า เพราะกำลังจดจ่ออยู่บนเนินอกอิ่มสวย “แต่... ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงยอม...”

ถึงเขาไม่ได้พูดต่อ แต่หล่อนก็เดาใจเขาถูก “เพราะเราต่างเป็นคนแปลกหน้า... แค่ความสัมพันธ์ชั่วครั้งชั่วคราว เสร็จงานต่อกันแล้วก็ต่างคนต่างไป ไม่ต้องมีพันธะผูกพัน คุณได้งาน ฉันได้ปลดเปลื้อง”

“ผู้ชายคนที่คุณครางเรียกชื่อเขาเป็นเหตุผลให้คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือ ให้ตายสิ ถ้าผมเป็นเขา จะคิดไม่ตกเลยว่าตัวเองโชคดีหรือโชคร้าย”

“จะโชคดีหรือโชคร้าย ฉันก็ทำเพื่อเขา ขอแค่เขาได้เห็นค่าของฉันบ้าง”

ชายหนุ่มหัวเราะลั่น ล้มตัวนอนหงาย “รู้ไหม ครูเคยสอนผมว่าคนอื่นมองเราอย่างไรไม่สำคัญเท่ากับเรามองตัวเราเอง ยังคิดอยู่เลยว่าคำของครูน่ะไม่จริงหรอก แต่ถ้าผมเอาคำครูมาบอกคุณ คุณจะเชื่อหรือเปล่า”

แพรพรรณรายยกยิ้มที่มุมปาก “อย่ามาถามฉันเลย ตัวคุณน่ะมองตัวเองอย่างไร”

“ก็...” ดวงตาของเขามีประกายระยิบระยับ “มองว่าเป็นผู้ชายที่โชคดี จับพลัดจับผลูได้เงินตกเบิกมาใช้ เปลี่ยนชีวิตเซลส์ขายเครื่องฟอกอากาศต๊อกต๋อยให้เป็นคุณชาย ไม่ต้องเสียเกียรติตัวเองให้คนในครอบครัวเมียแก่ แล้วยังได้เจอนายจ้างสาวสวยใจถึง”

ความหวามไหวเกิดขึ้นกับร่างกายตอนที่เขาไต่นิ้วเรียวตามสะโพกโค้งมน ดวงตาคู่นั้นกำลังเรียกร้องของานจากนายจ้างอีกครั้ง แต่การยอมขึ้นเตียงกับชายหนุ่มที่หล่อนจัดให้อยู่ในหมวดรู้หน้าไม่รู้ใจก็เพราะคนที่หล่อนอยากให้เขามาอยู่ร่วมชีวิตนั้นปฏิเสธการพบเจอแบบไม่มีเยื่อใยถ้ายังไม่มีความคืบหน้าหรือผลงานไปฝาก

แค่ความรักไม่พอหล่อเลี้ยงใจของอิทธิฤทธิ์ แต่แพรพรรณรายก็ยังยอมโง่งม เพราะคำว่ารักและหลงในรูปในทรัพย์ของชายหนุ่มผู้เย็นชา ทั้งที่หล่อนมอบให้เขาได้ทุกอย่าง ปรนเปรอเขาทุกครั้งที่เขาต้องการ แต่พอรสสุคนธ์กลับมาหลังจบการศึกษาจากอังกฤษ เขาก็สลัดหล่อนทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย

ถึงรู้อยู่แก่ใจว่าหล่อนมาทีหลังและได้แค่นั่งบนเก้าอี้สำรอง แต่เพราะรสสุคนธ์ไม่เคยมีใจให้เขา เท่ากับหล่อนยังมีโอกาสเรียกคะแนนกลับคืน เพียงแต่วิธีที่หล่อนใช้ไม่ต่างกับการแทงข้างหลังเพื่อนสนิท เช่นเดียวกับสัญชัยที่กำลังวางแผนทำลายโรงเรียนของเพื่อนตัวเอง

“คุณว่าเจ้าเด็กจ้อยนั่น จะยอมทำงานให้เราหรือ”

ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วใช้สองแขนหนุนศีรษะต่างหมอน “เด็กคนนั้นมีนิสัยก้าวร้าวเป็นทุนเดิม โหยหาความรักจากคนใกล้ชิด แล้วถ้าต้นกล้าที่เป็นหลักยึดเหนี่ยวสั่นคลอน เจ้าเด็กนั่นก็จะหาทางยึดหลักให้อยู่ไม่มีทางปล่อย”

“รู้ดีอย่างกับเป็นเด็กมีปัญหามาก่อน”

“ต่อให้เด็กหรือผู้ใหญ่ ปัญหาที่ไม่เคยแก้ได้คือปัญหาหัวใจ”

คำพูดของเขาสะกิดใจหญิงสาว แพรพรรณรายขยับตัวนอนตะแคงข้างหันหน้ามองชายหนุ่มที่จัดว่าหน้าตาดีเทียบเท่านายแบบเชื้อสายเอเชีย แต่ในใบหน้าหล่อเหลานั้น หล่อนเห็นความอ้างว้างกลบประกายจรัสของหนุ่มวัยกำยำ

“แล้วคุณไม่เคยเห็นทีเค มิลเลอร์ เจ้านายของเพื่อนคุณจริงหรือ” 

“ไม่เคย” เขาตอบเสียงเรียบ

“แล้วนายต้นกล้าไปอยู่อังกฤษได้อย่างไร”

“ผมไม่รู้” สัญชัยตอบห้วนๆ แล้วพลิกตัวลงจากเตียงไปหยิบเบียร์ออกจากตู้เย็น พลางส่งเสียงพูดว่า “รู้แต่ว่าเพื่อนผมมีอคติกับคนรวย”

“อคติกับคนรวย?” หญิงสาวทวนคำพูดด้วยความสงสัย

เขาไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เดินกลับมาขึ้นเตียงแล้วคร่อมร่างหล่อนไว้ ก่อนยกขวดเบียร์ขึ้นดื่ม จากนั้นจ้องมองเรือนร่างขาวผ่องพลางใช้ปลายนิ้วกรีดไปตามส่วนโค้งนูน

“แต่ผมชอบนะ พวกคนรวยน่ะ ยิ่งสวยแล้วก็รวยอย่างคุณ ยิ่งชอบ” สัญชัยพูดแล้วก็ก้มฉกจูบไม่ให้หล่อนตั้งตัว

 “พอเถอะ ฉันต้องไปแล้ว” แพรพรรณรายรีบผลักอกเขาให้ออกห่าง แล้วหย่อนขาลงจากเตียง หยิบผ้าขนหนูขึ้นหุ้มห่มร่างกายเดินเข้าห้องน้ำ แต่ชายหนุ่มก็ตามมากอดรัดจากด้านหลัง ใช้จมูกโด่งซุกไซ้ต้นคอสร้างความรู้สึกสะท้านซ่านอย่างห้ามไม่อยู่

“พอได้แล้ว คุณควรรีบไปทำงานของคุณให้เสร็จไวๆ ภายในสองเดือนหน้าฉันต้องรู้ผล”

แต่ดูเหมือนว่าคำพูดของหล่อนจะไร้ผล เขาถึงยังใช้มือซุกซนไต่ไปตามสะโพกผายกลมกลึง “ก็แค่อยากสร้างความพึงใจให้นายจ้าง ถึงงานหลักไม่สำเร็จ ผมก็ยังทำงานรองให้คุณได้”

หญิงสาวหัวเราะขัน “จริงๆ ฉันเป็นแค่นายหน้าจัดหางาน แต่คนที่จะให้เงินคุณจริงคือผู้ชายที่ทำให้ฉันมาหาคุณ”

“กับนายนั่น ผมคิดค่าจ้างเป็นเงิน...” แววตาเจ้าเล่ห์ที่มองมาทำให้แพรพรรณรายขนลุกชัน “แต่กับคุณ... ผมคิดค่าจ้างเป็นอย่างอื่น” 

สัญชัยบอกแล้วพลิกตัวหล่อนกลับมาปะทะกับร่างแกร่ง ปลดปมผ้าขนหนูให้ร่วงหล่นจากร่างบาง จากนั้นใช้สองแขนช้อนสะโพกขึ้นนั่งบนเคาน์เตอร์หินอ่อนเย็นเฉียบ แล้วโลมเลียร่างเปล่าเปลือยของหญิงสาวให้รู้สึกวาบหวามไปทั้งตัวด้วยดวงตาลุ่มลึก

“มาเถอะ อย่าเพิ่งพูดถึงงานเลย มาพูดถึงความสุขที่เราจะมีด้วยกันอีกสักคืนดีกว่า”

เท่ากับว่าอีกสักคืนของเขารวมแล้วเป็นสองคืนที่หล่อนขลุกอยู่ที่นี่ หลังจากที่เขาไปหว่านพืชให้ แล้วกลับมารายงานผลว่าเจ้าเด็กคนนั้นหลงเชื่อสนิทใจถึงการเปลี่ยนไปของครูผู้เป็นที่รัก

“หวังว่าที่ฉันต้องเปลืองตัวกับคุณมันจะคุ้มค่า” 

สัญชัยคลี่ยิ้มมองหญิงสาวด้วยนัยน์ตาหวานเยิ้มก่อนบรรจงจูบบนเรียวปากอิ่ม ค่อยๆ ไล้ปลายนิ้วไปตามสัดส่วนโค้งมน ก่อนจับเรียวขาทั้งสองให้เกี่ยวกับเอวสอบ แม้ร่องรอยจุมพิตของเขาจะปรากฏเป็นหลักฐานบนกาย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้กระทำป่าเถื่อนเอาแต่ใจ ทว่าเฝ้าพะเน้าพะนอปรนเปรอจนหล่อนเคลิ้มไคล้ใหลหลงในรสรักที่เขามอบให้

“เดาว่าเมียแก่ของคุณคงเรียกใช้บริการทุกคืน” แพรพรรณรายหยัดเกร็ง หายใจหอบสั่นทุกครั้งที่เขาเคลื่อนสะโพกเข้าหา

“ผมเป็นแค่ผัวเด็กไว้บำเรอตัณหาให้เขาเท่านั้น แต่โทษที ไม่ได้ตังค์สักบาท” ใบหน้าของเขาขุ่นมัวเหมือนหล่อนไปจี้ถูกจุด เรียวปากอิ่มจึงถูกริมฝีปากร้อนบดขยี้รุนแรงคล้ายว่าเขากำลังทำโทษสถานเบาเป็นการเตือนก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะกระชั้นถี่

“แต่ถ้าคุณอยากได้แบบเขาบ้าง ผมยินดีปรนนิบัติเป็นฟูลแพ็กเกจให้ฟรีด้วยความเต็มใจ” 

ราวกับผีเสื้อล้านตัวในท้องน้อยกำลังโบยบิน แพรพรรณรายกัดฟันแน่น แอ่นตัวรับการปรนเปรอจากชายหนุ่มเต็มที่ เขาทำให้หล่อนมีความสุขล้นกายได้ แต่ไม่ได้สุขล้นใจเท่ากับชายคนเดียวในหัวใจที่หล่อนเฝ้ารอเขามานาน

แม้ร่างกายจะกำลังสะท้านเพราะสัมผัสจากเขาผู้นี้ แต่หัวใจหล่อนกลับเพรียกหาเขาคนนั้น คนที่ทำให้หัวใจเต้นถี่ยิ่งกว่ากลองรัว คนที่ทำให้เนื้อตัวร้อนรุ่มราวถูกเผาด้วยไฟ จนมิอาจกัดฟันข่มเสียงในความคิดได้จึงเปล่งชื่อเขาออกมา

“พี่อิท...”

แต่สัญชัยอนุญาตให้หญิงสาวครางชื่อนั้นได้แค่ครั้งเดียว เพราะหลังจากนั้นเรียวปากหยักก็กลืนกินเรียวปากบางดูดกลืนทุกเสียงให้หายสิ้นแม้เสียงแห่งความสุขสมก็ไม่ปล่อยให้เล็ดลอดออกมา

 

เสียงกรนเบาๆ กับการหายใจเป็นจังหวะที่สงบลงทำให้ต้นกล้ามั่นใจว่าจ๊ะจ๋าหลับสนิทดีแล้วหลังจากอิ่มหนำสำราญกับนมอุ่นขวดใหญ่ จึงอาศัยจังหวะนี้ปลีกตัวออกมาพบเคย์แมนที่ปล่อยให้รอนานแล้วในแปลงกุหลาบ

นับจากคืนนั้นจ้อยก็ไม่กลับมาที่โรงเรียนอีกเลย ต้นกล้าออกตามหาทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่พบตัวเด็กชาย กระทั่งเช้าวันต่อมา นางแพร้วมาบอกตอนมาส่งหนูมุกที่โรงเรียนว่าจ้อยไปขออาศัยอยู่ด้วย

คำว่าทรยศที่จ้อยตะโกนใส่ยังคงติดอยู่ในใจเขาชวนให้คลางแคลงสงสัย แม้จะไม่รู้ว่าจ้อยประณามตนด้วยเรื่องอะไร แต่ถ้าหากเป็นเรื่องที่จ้อยเห็นคืนนั้น เขาก็ยอมรับโดยดุษณี เขาทรยศต่อความมั่นคงทางจิตใจแบบไม่น่าให้อภัย และคำถามที่เขาถามหล่อนในคืนนั้น ควรเป็นคำถามที่เขาต้องใช้ถามใจตัวเอง

“คุณมาช้า” ไม่ต้องให้บอกเลยว่าบอดีการ์ดของเขารอนานแค่ไหน เพราะเปลวไฟสีแดงนั้นจวนเจียนจะชิดขอบก้นกรองแล้ว

“ขอโทษที ผมต้องรอให้เด็กหลับสนิทก่อน” 

“คราวนี้เป็นพี่เลี้ยงเด็ก” เคย์แมนแค่นหัวเราะ ทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าเหยียบจนจมดิน “อาซ้อช่วยเราได้จริง บรูโน่ติดต่อมาแล้ว เขายินดีเข้าร่วมโครงการกับเรา แล้วเขาต้องการพบคุณคืนพรุ่งนี้ ฉะนั้นงานต่อไปเราไม่จำเป็นต้องใช้อาซ้ออีก คุณก็ควรตีตัวออกหากจากหล่อนได้แล้ว” 

“มันเสียหายตรงไหนถ้าผมอยากผูกมิตรกับเธอต่อ” แม้จะไม่เชิงปฏิเสธคำเตือน แต่น้ำเสียงกับแววตาของต้นกล้าแสดงออกว่าต่อต้านชัดเจน 

บอดีการ์ดหนุ่มใหญ่พ่นลมหายใจเสียงยาว ด้วยรู้ว่าไม่อาจเปลี่ยนความคิดเจ้านายหนุ่มได้ “เบนจะมาเมืองไทยหลังจากที่เราส่งสัญญาณความสำเร็จของงานครั้งสุดท้าย แล้วเขาจะกลับอังกฤษพร้อมคุณ พาคุณไปฉลองตำแหน่งรองประธานมิลเลอร์โฮลดิ้ง” 

“ผมตั้งใจอยู่เมืองไทย ไม่กลับไปรับตำแหน่ง เบนทราบดีอยู่แล้ว”

เคย์แมนกระตุกยิ้ม มองเขาราวกับว่ากำลังพูดเรื่องตลกขบขัน “งั้นก็รอดูกัน” 

บอดีการ์ดของเขากลับไปได้พักใหญ่แล้ว แต่ชายหนุ่มยังคงยืนใช้ความคิดอยู่กลางแปลงกุหลาบ พลันนั้นก็มีเสียงผิดแปลกดังมาจากในโรงเรือน ทั้งที่ในตอนนี้มีแค่เขากับจ๊ะจ๋าเท่านั้น จึงค่อยๆ ย่างเท้าเข้าไป พอใกล้โรงเรือนก็พบว่าประตูถูกเปิดอ้าค้าง 

ทว่าในขณะที่เขากวาดตามองไปรอบๆ ก็สะดุดกับความผิดปกติของเจ้าโรส จึงตรงเข้าไปสำรวจ เห็นใบเจ้าโรสเปลี่ยนจากเขียวไปเป็นเหลืองไหม้ที่ปลายใบ ชายหนุ่มรีบนำเครื่องวัดค่าความเป็นกรดปักดินในกระถาง ซึ่งค่าตัวเลขที่ปรากฏก็ทำให้เขาย่นคิ้ว แล้วนำเครื่องวัดไปวัดค่าดินที่เขาสอนรสสุคนธ์ผสมเพื่อพิสูจน์ความคิด แต่ค่าความเป็นกรดด่างก็แสดงเท่ากัน

เป็นไปไม่ได้... ต้นกล้าค้านสิ่งที่ตาเห็น เขาดูหล่อนทำการผสมดินตามสูตรตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ทำไมค่าความเป็นกรดด่างถึงไม่ถูกต้องตามที่ควรจะเป็น ทั้งประสบการณ์บวกกับความมั่นใจทำให้เขาต้องหาทางพิสูจน์ 

เย็นวันถัดมา ครูหนุ่มพาจ๊ะจ๋าไปฝากนางแพร้ว แล้วกวาดตามองหาจ้อย แต่ก็ไม่เห็นเด็กชายจึงลากลับ ทว่านายเผ่ารั้งตัวไว้ด้วยข่าวใหม่ของนายประชา

“เด็กที่ผมส่งเข้าสืบในบ่อนนายประชาบอกว่านายประชาหัวเสียมากที่พวกพ่อค้าแม่ค้าในตลาดจะไม่ต่อสัญญาเช่าแผงปีหน้า”

ครูหนุ่มเลิกคิ้ว “ทำไมพวกเขาถึงไม่ต่อสัญญากันล่ะครับ”

นายเผ่าถอนลมหายใจเสียงยาว “ก็พูดกันว่าคุณรสสุคนธ์ส่งคนไปยื่นข้อเสนอว่าจะให้เช่าร้านในห้างฯ ของเขาฟรีหนึ่งปี แถมค่าเช่าก็ถูกกว่าตั้งเยอะ แล้วก็ไม่ใช่แค่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดนะ คุณเขาส่งคนลงมาเจรจากับชาวประมง บอกว่าจะรับประกันราคาอาหารทะเลสดแล้วรับไปขายในซูเปอร์ของเขาแบบไม่ต้องผ่านคนกลาง”

หรือนี่เองที่เป็นแผนเข้าถึงชาวบ้านของหล่อน ต้นกล้าคิดแล้วเอ่ยบอก “เขาไม่รู้ตัวว่ากำลังสร้างศัตรู”

“นี่ละ ผมก็เลยชักไม่แน่ใจแล้วว่า ที่ไอ้พวกนั้นไปทำร้ายคุณเขาแค้นส่วนตัวจริงหรือเปล่า”

ต้นกล้าขมวดคิ้วมุ่น ที่เคยคิดว่าหล่อนจับมือกับนายประชาเพื่อหาทางไล่ที่โรงเรียนนั้นกลายเป็นเรื่องที่เขาคิดไปเอง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขายินดีเห็นรสสุคนธ์ยื่นมือเข้าปากเสือ แม้หล่อนจะเข้มแข็งแต่ก็เป็นผู้หญิงที่กำลังกายด้อยกว่าผู้ชาย ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเสือร้ายก็มีแต่จะเดินเข้าไปให้มันขย้ำ

เขากล่าวขอบคุณนายเผ่าสำหรับข่าว แล้วขับมอเตอร์ไซค์ไปโรงพยาบาลเพื่อฟังความคืบหน้าของอาการครูเพ็ญจากแพทย์ผู้รักษา แต่คำพูดของนายแพทย์ก็ทำให้ครูหนุ่มต้องพยายามครองสติให้อยู่บนอานมอเตอร์ไซค์ขากลับโรงเรียน

นายแพทย์บอกไม่ได้ว่าเวลาที่เขามีช้าหรือเร็วแค่ไหน แต่เขาไม่อยากให้เวลานั้นมาถึง ดูจากปริมาณอาหารกลางวันของครูที่ถูกเข็นออกมาวันนี้ลดลงไปมาก หมายความว่าครูกินได้เยอะเหมือนทุกวัน ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ความคิดของรสสุคนธ์ที่บันทึกการแสดงของเขากับหล่อนส่งเป็นกำลังใจแด่ครูชรา

นางพยาบาลผู้ดูแลเล่าให้ต้นกล้าฟังว่าครูเพ็ญจะขอให้เปิดคลิปตอนกินอาหารกับก่อนนอน แล้วจะหัวเราะขำทุกครั้งตอนที่รสสุคนธ์เล่าถึงจังหวะหลบกระทะที่ลอยมาหา และเมื่อถึงตอนที่เขาเล่นกีตาร์ให้หล่อนร้องเพลง ก็จะได้เห็นรอยยิ้มอิ่มเอมใจ

ไม่ใช่แค่ครูเพ็ญที่ชอบฟังรสสุคนธ์ร้องเพลง ต้นกล้าเองก็ชอบเล่นภาพบันทึกนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในทุกคืนเพราะเสียงแปร่งเพี้ยนที่ร่ำร้องออกจากหัวใจ แม้ไม่ถึงกับใช้เป็นยานอนหลับขนานดี แต่ก็ทำให้เขาได้ยิ้มก่อนนอน 

ทว่าในวินาทีที่ความทรงจำเรียงลำดับไปถึงตอนที่เขากล้าขยับตัวเข้าไปใกล้หล่อน เสียงเร่งเครื่องยนต์ก็ดังจากด้านหลัง และเมื่อเขาเหลือบมองกระจกมองหลัง รถกระบะคันโตก็พุ่งกระแทกใส่เต็มแรง มือหนาหลุดจากมอเตอร์ไซค์ ร่างลอยเคว้งกลางอากาศก่อนตกกระแทกพื้นดินแล้วกลิ้งตกลงไปในนอนหงายริมคูน้ำข้างทาง

ความเจ็บรวดร้าวทั้งสรรพางค์เข้าเล่นงานต้นกล้าแทบจะทันที แต่ในสภาพมึนงงจนคล้ายคนเมาหนักนั้น ทุกภาพในอดีตก็ฉายชัดในห้วงคำนึง เหมือนสมองกำลังขย้อนเอาทุกความทรงจำออกมาจากหลุมลึกของความทรงจำ 

ภาพสุดท้ายก่อนสติพร่าเลือนนั้น เขาเห็นใบหน้าของอันนาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดแดงฉาน จ้องมองเขาด้วยแววตาทุกข์ตรม