สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

My Rose - บทที่ ๒๒ บทที่ ๒๒ โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

My Rose

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า

รายละเอียด

My Rose โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

สารบัญ

My Rose-บทที่ 1 บทที่ 1,My Rose-บทที่ 2 บทที่ 2,My Rose-บทที่ 3 บทที่ 3,My Rose-บทที่ 4 บทที่ 4,My Rose-บทที่ 5 บทที่ 5,My Rose-บทที่ 6 บทที่ 6,My Rose-บทที่ 7 บทที่ 7,My Rose-บทที่ 8 บทที่ 8,My Rose-บทที่ 9 บทที่ 9,My Rose-บทที่ 10 บทที่ 10,My Rose-บทที่ 11 บทที่ 11,My Rose-บทที่ 12 บททึ่ 12,My Rose-บทที่ 13 บทที่ 13,My Rose-บทที่ 14 บทที่ 14,My Rose-บทที่ 15 บทที่ 15,My Rose-บทที่ 16 บทที่ 16,My Rose-บทที่ 17 บทที่ 17,My Rose-บทที่ ๑๘ บทที่ ๑๘,My Rose-บทที่ ๑๙ บทที่ ๑๙,My Rose-บทที่ ๒๐ บทที่ ๒๐,My Rose-บทที่ ๒๑ บทที่ ๒๑,My Rose-บทที่ ๒๒ บทที่ ๒๒,My Rose-บทที่ ๒๓ บทที่ ๒๓,My Rose-บทที่ ๒๔ บทที่ ๒๔,My Rose-บทที่ ๒๕ บทที่ ๒๕,My Rose-บทที่ ๒๖ บทที่ ๒๖,My Rose-บทที่ ๒๗ บทที่ ๒๗,My Rose-บทที่ ๒๘ บทที่ ๒๘,My Rose-บทที่ ๒๙ บทที่ ๒๙,My Rose-บทที่ ๓๐ บทที่ ๓๐,My Rose-บทที่ ๓๑ บทที่ ๓๑,My Rose-บทที่ ๓๒ บทที่ ๓๒,My Rose-บทที่ ๓๓ บทที่ ๓๓,My Rose-บทที่ ๓๔ บทที่ ๓๔,My Rose-บทที่ ๓๕ บทที่ ๓๕,My Rose-บทที่ ๓๖ บทที่ ๓๖,My Rose-บทที่ ๓๗ บทที่ ๓๗

เนื้อหา

บทที่ ๒๒ บทที่ ๒๒

บทที่ ๒๒

“เจ้านั่นมันทำเกินกว่าที่พี่ต้องการ!” 

อิทธิฤทธิ์ระเบิดความโกรธใส่แพรพรรณรายทันทีที่รู้ข่าวของครูหนุ่ม แต่ที่มากกว่าความโกรธคือความกังวลว่าเรื่องเดือดร้อนจะมาถึงตัว 

“แต่หงส์ไม่ได้บอกให้เขาทำขนาดนั้นนะคะ”

“จะบอกหรือไม่บอกแต่ผลคือมันก็ไปนอนเดี้ยงบนเตียง!”

“มันยังไม่ตายสักหน่อย อย่างมากก็พิการ!”

“แล้วคิดว่าความพิการของมันทำให้พี่ได้แต่งงานกับโรสหรือไง!” เขาตวาดดังลั่นในห้องรับแขกสุดหรู แล้วก้าวขาไปกระชากแขนให้หญิงสาวลุกขึ้นจากโซฟา “พี่ไม่ได้โง่จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ตอนนี้โรสรู้เรื่องพี่กับหงส์แล้ว และคนที่รู้เรื่องนี้มีแต่หงส์เท่านั้น หงส์กำลังทำลายความสัมพันธ์ระหว่างพี่กับโรสด้วยเชิ้ตตัวที่ไม่ใช่ของพี่!”

“ความสัมพันธ์ของพี่กับโรสมันไม่เคยเกิดขึ้น โรสไม่เคยรักพี่อิท ตาสว่างบ้างสิคะ” 

“คนที่ต้องตาสว่างน่ะคือเธอ!”

แพรพรรณรายเม้มปากแน่น “เพราะอะไรคะพี่อิท เพราะอะไรพี่อิทถึงอยากแต่งงานกับโรสขนาดนั้น”

“จะด้วยเพราะอะไร มันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ” เขานิ่งงันไปชั่วขณะก่อนสะบัดหน้าหนีดวงตาร้าวรานที่เพิ่มระดับความขุ่นเคืองให้โดยไม่รู้เหตุผล

“ค่ะ ไม่เกี่ยวกับหงส์ ไม่เกี่ยวเลย” แพรพรรณรายยิ้มขื่น มองเขาด้วยดวงตาโศกที่มีน้ำรื้นเอ่อนอง แล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องพักไป

“ปัดโธ่เว้ย!” 

อิทธิฤทธิ์สบถลั่น ทิ้งตัวกระแทกโซฟาแล้วคว้าแก้ววิสกี้ที่ดื่มค้างไว้กระดกรวดเดียวจนหมด หวังให้ความขมละลายความรู้สึกเจ็บในอก รู้ดีว่าคำพูดของตนสร้างแผลใจให้แพรพรรณราย แม้หล่อนจะทำให้เขาพึงใจมากแค่ไหน แต่รสสุคนธ์มีสิ่งที่เขาต้องได้มาไว้ในมือ และสิ่งนั้นมันกำลังหลุดลอยไป หากยอมให้เป็นแบบนั้นชีวิตเขาคงจบสิ้น ทั้งเกียรติและศักดิ์ศรีที่มารดาใช้เป็นตั่งนั่งชูคอเหนือคนอื่นเป็นอันต้องสั่นคลอน

ชายหนุ่มไม่อาจนั่งนิ่งเฉยได้อีก เขาตัดสินใจฉับพลัน ขับรถมุ่งสู่จังหวัดทางชายฝั่งตะวันออก เป้าหมายคือโรงแรมที่พักของรสสุคนธ์ แต่เมื่อไปถึงก็รู้จากพนักงานต้อนรับว่ารสสุคนธ์ออกจากโรงแรมไปตั้งแต่เช้า 

หล่อนคงไปดูแลนายต้นกล้าที่โรงพยาบาล คิดแบบนั้นแล้วอิทธิฤทธิ์ก็ร้อนรุ่มเหมือนมีไฟสุมในอก จึงโทรศัพท์ตามตัวนายวิชัยให้มาพบ ไต่ถามถึงความเป็นไปต่างๆ รวมถึงความคืบหน้าของการก่อสร้าง จากการบอกเล่าของนายวิชัยชี้ให้เห็นว่ารสสุคนธ์ไม่ได้ทำงานย่ำแย่ แต่การไล่ที่โรงเรียนปลูกปัญญาเป็นประเด็นใหญ่ที่ผูกขาหล่อนไว้กับความมั่นใจของพนักงานทั้งบริษัทรวมถึงผู้ถือหุ้นอย่างนายเรมอนด์

“คุณโรสเขากำลังทำตามแผนเรียกคะแนนนิยมอยู่ครับ เขายื่นข้อเสนอให้พ่อค้าแม่ค้าในตลาดเช่าที่ในห้างสรรพสินค้าฟรีหนึ่งปี แล้วยังรับซื้ออาหารทะเลจากชาวประมงโดยตรงไม่ต้องผ่านพ่อค้าคนกลาง” นายวิชัยรายงานเสียงขันแข็ง ใบหน้าเบ่งบานเมื่อถูกนายใหญ่เรียกใช้งาน 

“แล้วผลเป็นอย่างไร” ผู้เป็นนายเอ่ยเสียงทุ้มถาม

“ก็ได้รับความสนใจดีครับ มีพ่อค้าแม่ค้าหลายคนมาลงชื่อจองที่จองทางในห้างฯ แล้ว แต่...” นายวิชัยหยุดพูด ก่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ก็มีคนต่อต้านอยู่”

“ใคร”

ลูกน้องร่างท้วมหันซ้ายหันขวา แล้วเขยิบตัวเข้ามาหา เอ่ยพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่ตัวเองกับคู่สนทนา “มาเฟียท้องที่... นายประชา”

อิทธิฤทธิ์ย่นคิ้ว ทวนคำพูดของนายวิชัยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “มาเฟียท้องที่อย่างนั้นหรือ”

“นายประชาเป็นเจ้าของตลาดแล้วก็แอบเปิดบ่อนที่มีหุ้นส่วนเป็นมาเฟียต่างชาติทางพัทยาด้วย แต่ไอ้เรื่องที่คุณโรสไปดึงพวกพ่อค้าแม่ขายมา ทำให้นายประชาหัวเสียมากอยู่ เพราะลูกค้าบ่อนก็เป็นพวกพ่อค้าแม่ค้านั่นแหละครับ พอไม่มีเงินจ่ายค่าแผงก็ไปเข้าบ่อนเล่นพนัน ถ้าโชคดีชนะก็ได้เงินคืนค่าแผง ถ้าโชคร้ายก็ต้องกู้เพิ่ม เป็นหนี้วนเวียนไปอีก”

ชายหนุ่มปรับเพิ่มระดับความลึกซึ้งในแผนการของหญิงสาว หล่อนต้องการช่วยพวกเขาปลดหนี้ทางอ้อม แล้วผลพลอยได้คือการเห็นดีเห็นงามไปกับการสร้างห้างสรรพสินค้า เท่ากับใช้พลังของคนหมู่มากเป็นอาวุธสู้กับโรงเรียนปลูกปัญญาที่ยึดคติว่าปากท้องต้องมาก่อนการเรียน นับว่าเป็นแผนแยบยลที่น่าเชยชม 

แต่สิ่งสำคัญคือกุหลาบต้นที่หล่อนไปทำสัญญิงสัญญาไว้ต้องไม่บาน รูปถ่ายที่ส่งมาจากแพรพรรณรายถือเป็นคำตอบว่านายสัญชัยทำงานได้ดี กระนั้นก็ยังไม่เข้าเป้าอย่างที่เขาต้องการ เพราะนอกจากจะต้องได้เก้าอี้ประธานบริษัทคุณากรพร็อพเพอร์ตี้มาครอบครองแล้ว รสสุคนธ์ก็ต้องตกเป็นของเขาเพียงผู้เดียวเช่นกัน 

ถึงอิทธิฤทธิ์จะไม่เคยเห็นครูหนุ่มในสายตา แต่การมีอยู่ของอีกฝ่ายนั้นขวางทางการแต่งงานระหว่างเขากับรสสุคนธ์ และถ้าคำพูดของแพรพรรณรายตอนนั้นไม่ได้เป็นแค่การยุยงให้เขาใส่อารมณ์กับรสสุคนธ์ละก็ เขาจะต้องกำจัดหนามแหลมคมอย่างนายต้นกล้าออกไป

“คุณติดต่อนายประชาให้ผมที” อิทธิฤทธิ์กล่าวกับนายวิชัยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “บอกเขาว่าผมมีข้อเสนอดีๆ ให้”

 

รสสุคนธ์รู้สึกสดชื่นเหมือนหลับเต็มอิ่มมาทั้งคืน นับเป็นวันแรกในรอบปีเลยกระมังที่หล่อนตื่นมารับแสงอรุณด้วยรอยยิ้มจนเกือบลืมความทุกข์ยากที่สะสมในใจ

ร่างบางเด้งผึงจากเตียง ทำกิจวัตรยามเช้าเร็วไว หยิบเสื้อและกางเกงตัวสบายสำหรับวันหยุดมาสวมใส่ แล้วออกจากโรงแรมเพื่อหาซื้อผลไม้สดในตลาดก่อนเดินทางไปเยี่ยมครูหนุ่มที่ถูกย้ายตัวจากโรงพยาบาลรัฐไปรักษาในโรงพยาบาลเอกชนตามความต้องการของหล่อนเอง

ต้นกล้าโกรธหล่อนน่าดู แต่เพราะความพร้อมของเครื่องไม้เครื่องมือกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เขาจึงต้องยอมอย่างจนใจแล้วปล่อยให้รสสุคนธ์จัดการตามความประสงค์ ซึ่งผลพลอยได้ก็คือเขาได้พักผ่อนในห้องพักฟื้นส่วนตัวที่สงบกว่า

และในตอนที่รสสุคนธ์ไปถึงห้องพัก ก็เป็นเวลาที่แพทย์ผู้รักษาออกตรวจพอดี หล่อนจึงได้ทันฟังข่าวที่สร้างความแช่มชื่นใจว่ากระดูกที่ร้าวนั้นใช้เวลาเพียงแค่สามอาทิตย์ก็ประสานกันดี ไม่ได้ร้ายแรงถึงขนาดทำให้เป็นคนพิการเดินเป๋ 

“ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ” รสสุคนธ์กล่าวกับนายแพทย์ตอนเดินไปส่งที่ประตูห้อง แล้วหันมาส่งยิ้มกว้างให้ผู้ป่วยบนเตียง 

“อีกไม่กี่สัปดาห์ คุณก็จะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”

“นั่นหมายถึงคุณจะต้องกลับไปรบกับผมที่โรงเรียนอีก” ครูหนุ่มยิ้มอ่อน

“งั้นคุณก็ต้องพักฟื้นให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นไวๆ เพราะฉันบอกเลยว่าคุณจะได้เจอศึกหนักแน่” รสสุคนธ์ตอบโต้ด้วยใบหน้าทีเล่นทีจริง แล้วหันไปหยิบลูกพลับจากตะกร้าผลไม้มาถือไว้ในมือ

“ลูกพลับจะสร้างพลังงานให้คุณ”

หญิงสาวหมุนตัวไปเปิดลิ้นชักหยิบมีดออกมาปอกเปลือกผลไม้เนื้อฉ่ำส่งกลิ่นหอมน่ากิน พลางชวนครูหนุ่มพูดคุย “เมื่อเช้าฉันเจอนางพยาบาลที่ดูแลครูเพ็ญที่ตลาด เขาบอกว่าอาการของครูยังทรงๆ เมื่อคืนก็มีไข้ต่ำ”

เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากคนฟังก็หันไปมอง ชายหนุ่มนั่งนิ่งด้วยกำลังคิดเป็นห่วงครูชรา รสสุคนธ์จึงลอบถอนลมหายใจ แล้วยกจานพลับไปหยุดยืนข้างเตียง

“ฉันรู้ว่าคุณห่วงครูเพ็ญ แต่ถ้าครูเพ็ญรู้ว่าคุณเองก็กำลังเจ็บ ครูเพ็ญก็คงห่วงคุณไม่แพ้กัน”

แม้จะกระดากปากที่ต้องปลอบเขาทั้งที่รู้เรื่องที่มารดากับนายวิชัยทำ แต่การดูแลครูหนุ่มให้ฟื้นตัวเร็วไวขึ้นก็ช่วยให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นจากความรู้สึกผิด รสสุคนธ์จึงตัดความคิดทั้งหมดให้ออกจากหัว แล้วใช้ส้อมจิ้มชิ้นลูกพลับยื่นส่งให้ด้วยรอยยิ้ม

“ทานลูกพลับดีกว่าค่ะ เขาว่าความหวานช่วยทำให้จิตใจสดชื่น”

“ผมยังไม่หิว”

“ไม่ต้องรอให้หิวก็ทานได้ค่ะ นี่ดูสิ ฉันตั้งใจแกะเป็นรูปกระต่ายเลยนะ ที่สุดของงานแกะสลักผลไม้”

เจ้าของดวงตาคมสวยก้มดูลูกพลับในจานแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้า “มองไม่เห็นว่าเป็นกระต่าย เหมือนแมลง... แมลงภู่”

เจ้าของผลงานชิ้นโบแดงหุบยิ้ม “มันเป็นกระต่าย ตรงนี้เป็นหูกระต่าย หูยาวๆ สองหูนี่ไง เห็นไหม”

“เห็นเป็นปีกแมลงภู่”

รสสุคนธ์ส่งตาค้อนใส่คนที่ยังยืนยันตาใสว่ากระต่ายลูกพลับของเธอเป็นแมลงภู่ แต่หากช่วยให้เขากลืนลูกพลับที่หล่อนเฟ้นหาอย่างตั้งใจจากแผงขายผลไม้ได้ละก็ จะเห็นเป็นตัวอะไรก็ยอม

“แมลงภู่ก็แมลงภู่” หญิงสาวตัดใจไม่โต้เถียงต่อ ใช้ส้อมจิ้มชิ้นลูกพลับยื่นส่งให้ตรงริมฝีปาก แต่เรียวปากหยักยังปิดสนิท

“ฉันไม่ได้ใส่ยาอะไรหรอก ยอมทานเถอะนะคะ” 

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำขอร้องเสียงอ่อนใจหรือเปล่า ถึงได้เห็นเรียวปากหยักเผยออ้ารับลูกพลับที่หล่อนตั้งใจแกะสลักเป็นรูปกระต่ายแต่ดันกลายเป็นแมลงภู่

“เป็นไงคะ หวานไหม” รสสุคนธ์ถามต่อด้วยดวงตาแจ่มใส

“ถ้าอยากรู้ คุณก็ชิมดูสิครับ”

“ฉันซื้อมาให้คุณนี่คะ ไม่แย่งคุณทานหรอก” รสสุคนธ์ตอบกลั้วเสียงหัวเราะ รีบป้อนชิ้นต่อไปทันที “เย็นนี้ ฉันจะไปดูสภาพเจ้าโรส ไม่ได้ไปดูมันสองวันแล้วตั้งแต่กลับมา คุณอยากได้อะไรจากโรงเรียนหรือเปล่าคะ”

“คุณจะไปดูมันทำไม”

หญิงสาวเบิกตากว้าง ประหลาดใจในคำถามของครูหนุ่ม “ก็ไปดูว่ามันยังแข็งแรงดีอยู่หรือเปล่าไงคะ”

เขามองหล่อนด้วยดวงตาครุ่นคิด “ผมนึกว่าคุณอยากให้มันตาย คุณจะได้เข้ามายึดที่ดินของโรงเรียน เหมือนกับที่ผมถูกรถชน ถ้าผมเป็นอะไรไป มันอาจจะง่ายสำหรับคุณมากขึ้น” 

รสสุคนธ์ฟังแล้วรู้สึกฉุนพิลึก “แล้วมันก็ง่ายสำหรับคุณเหมือนกัน ถ้าคุณปล่อยให้ฉันถูกทำร้ายคืนนั้น แต่ทำไมคุณถึงเข้าไปช่วยฉันล่ะคะ”

เขาไม่ตอบ ได้แต่จ้องหล่อนด้วยดวงตาคู่งาม หญิงสาวเองก็ยังไม่อยากทะเลาะตอนนี้ เพราะมีเวลาแค่ไม่กี่วันที่จะได้พักรบกับเขาชั่วคราว ฉะนั้นหล่อนจะทำเป็นว่าไม่เคยเกิดเรื่องบาดหมางระหว่างกัน

“ทานลูกพลับอีกชิ้นนะคะ” รสสุคนธ์ส่งพลับชิ้นต่อไปให้ 

คราวนี้เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกผสมยอมเผยอเรียวปากอ้ารับชิ้นลูกพลับสุกกลิ่นหอมโดยไม่มีท่าทีเกี่ยงงอน พลางจ้องคนป้อนด้วยดวงตานิ่งทำเอารสสุคนธ์ใจเต้นผิดจังหวะ 

กระทั่งชิ้นสุดท้ายถูกเรียวปากหยักกลืนเข้าไป หญิงสาวก็รีบเอาจานไปล้างแล้วเดินไปเปิดม่านออกให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามาไล่ความมืดทึมของห้องพักฟื้น เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์เป็นท้องทะเลสงบกว้างเต็มตา แล้วหันไปบอกครูหนุ่มว่า

“นอนได้แล้วนะคะ ร่างกายคุณต้องการการพักฟื้น” 

ต้นกล้าหลับตาลงอย่างว่าง่าย รสสุคนธ์จึงพาตัวเองไปที่โซฟาข้างหน้าต่าง จ้องมองสายฝนโปรยเป็นฝอยบาง ดูสวยงามลึกล้ำ ดึงหล่อนเข้าสู่ภวังค์ความสงบ 

จวบจนได้เวลาที่ควรกลับไปทำงานต่อ หญิงสาวหันไปทางเตียงผู้ป่วยเพื่อกล่าวลาก็เห็นว่าเขายังหลับอยู่ จึงย่องเข้าไปเพื่อมองหน้าครูหนุ่มใกล้ๆ สีหน้าของเขาดูดีขึ้นมากแม้จะมีไรหนวดขึ้นครึ้มตามกรอบหน้า แต่ก็ยังน่ามองจนรสสุคนธ์ใช้เวลาเนิ่นนานหลายนาทีถึงตัดใจยอมถอนสายตาได้ 

“ฝันดีนะคะ คุณครูต้นกล้า” 

รสสุคนธ์ก้มหน้าลงเข้าไปใกล้อีกหน่อยแล้วกระซิบเสียงแผ่ว หากแต่คำบอกลากลับกลายเป็นเสียงปลุกให้เขาขยับเปลือกตาลืมแล้วสบมองในระยะที่หล่อนสัมผัสถึงไออุ่นของลมหายใจ และเห็นดวงดาวกะพริบแสงในดวงตาคู่สวย คล้ายกับร่างกายหล่อนถูกดึงเข้าสู่ห้วงวงโคจรลึกลับอัศจรรย์

เพียงแค่ต้นกล้ายกมือข้างที่เป็นอิสระจากสายน้ำเกลือโอบแก้มนวลไว้ หัวใจของรสสุคนธ์ก็เต้นแรงราวกับมันกำลังจะกระโจนออกจากอก ดวงตาสองคู่ประสานกันนิ่งนาน 

“บอกแล้วใช่ไหมว่า...” เรียวปากหยักเปล่งเสียงทุ้มนุ่มหู ร่างกายสาวร้อนผ่าวราวกับเป็นไข้ยามนิ้วเรียวค่อยๆ เลื่อนลงมาไล้กลีบปากบาง

“ไม่ให้เรียกครู”

สิ้นคำนั้นนิ้วแกร่งที่รสสุคนธ์เคยแอบมองอย่างใหลหลงยามเขาจับก้านกุหลาบหรือในยามไล่ลงบนสายกีตาร์ก็บีบกลีบปากบนและล่างของหล่อนแน่นจนแบนบี้เหมือนปากเป็ด เจ็บจนหญิงสาวส่งเสียงร้อง ยกมือทุบหน้าอกเขาเต็มแรง

“ฉันเจ็บนะ บีบปากฉันทำไม” พอหนีจากความทารุณได้ รสสุคนธ์ก็ลูบริมฝีปากตัวเองป้อยๆ

“ทำโทษ” ต้นกล้าพูดยิ้มๆ “ถ้าเรียกครูอีก ครั้งต่อไปจะทำโทษหนักกว่านี้” 

หญิงสาวย่นจมูกใส่ นึกฉุนที่สัมผัสแรกจากปลายนิ้วของเขาทำให้หล่อนคิดเตลิดไปไกล แถมยังทำหน้าระรื่นเหมือนสุขใจที่ได้แกล้งหล่อนเสียอย่างนั้น เห็นแล้วอยากเอาคืนบ้างเสียจริง แต่นางพยาบาลที่เคาะประตูเข้ามาขอวัดไข้ก็เป็นระฆังช่วยเขาไว้ได้ก่อน พอหล่อนหมดโอกาสเอาคืนจึงขอตัวกลับ แม้จะอยากเอาคืน แต่อีกใจหนึ่งก็อยากให้เขาพักผ่อนเต็มที่

รสสุคนธ์ขับรถมาถึงโรงเรียนทันก่อนฝ้ายกลับ หล่อนรีบลงจากรถแล้วเดินไปหาเด็กสาวในแปลงผัก เห็นเด็กหญิงกำลังรดน้ำอย่างขยันขันแข็งน่าชื่นใจแทนคนเป็นครู 

“อ้าว สวัสดีค่ะคุณโรส” ฝ้ายหันมาทักทาย “ครูกล้าเป็นไงบ้างคะ”

พอถูกถามถึงคนที่สร้างรอยแดงเหนือริมฝีปาก หญิงสาวก็ฉุนขึ้นมานิดหน่อย “ครูกล้าของฝ้ายแข็งแรงดีเชียวละ”

“ดีจังค่ะ ขอบคุณคุณโรสมากนะคะที่ช่วยดูแลครูกล้า”

รสสุคนธ์รีบโบกไม้โบกมือเป็นการใหญ่ “ดูลงดูแลอะไรกัน ฉันกับเขามีเรื่องต้องสะสางกันน่ะสิ เลยต้องให้เขารีบหายไวๆ แต่พอคิดอีกที ให้เขานอนพักยาวเลยก็ดีนะ จะได้ไม่ต้องเห็นเขายืนวางท่า ปั้นหน้าเครียดใส่ฉัน ดูสิ แค่คิดก็รู้สึกปวดไมเกรนแล้ว”

ฝ้ายมองหล่อนยิ้มๆ “แต่ครูกล้าก็เป็นห่วงคุณโรสนะคะ ทุกเช้าก่อนคุณโรสจะมาเรียนปลูกกุหลาบ ครูกล้าเขาต้องไปเดินตรวจแปลงกุหลาบเองว่ามีผึ้งหรือแมลงมีพิษอะไรหรือเปล่า”

ได้ยินแล้วหน้าอกหล่อนก็พองโตเป็นลูกโป่ง แม้ไม่รู้ว่าเขาห่วงหล่อนจริงหรือห่วงว่าสัญญาจะฟาวล์กันแน่ “อ้อ จริงสิ ฉันอยากให้ฝ้ายช่วยไปดูกุหลาบที่ฉันปลูกด้วยกันได้ไหม”

“เอ่อค่ะ ได้ค่ะ... แต่กุหลาบของคุณโรสมัน...” 

“มันทำไม” สีหน้าไม่ดีของฝ้ายทำให้รสสุคนธ์ย่นคิ้ว รีบก้าวขาตรงเข้าไปในโรงเรือนมุ้ง จนพบต้นเหตุแห่งความกังวลที่อยู่บนใบหน้าเด็กสาว

เจ้าโรสของหล่อนปลิดใบตัวเองจนโหรงเหรง บางใบที่ยังยึดติดกับก้านก็เหลืองซีด บางกิ่งก้านก็ดำคล้ำ ไม่สดใสเหมือนตอนที่ยังมีครูหนุ่มช่วยดูแล 

“เกิดอะไรขึ้นกับมัน” ในขณะที่รสสุคนธ์ถามเสียงสั่น ใบของเจ้าโรสก็ปลิดตัวเองแล้วร่วงผล็อยลงดิน