สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย
My Roseสำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน
บทที่ ๒๓
ถ้าไม่รวมวิสกี้นอกอย่างดีที่พนักงานสาวรุ่นยกเข้ามาบริการรับหน้าก่อนนายใหญ่ผู้เป็นเจ้าของกิจการจะมาพบเขาตามเวลานัดซึ่งก็ล่วงเลยมาแล้วไม่ต่ำกว่าสามสิบนาที แสงสลัวจากหลอดไฟสีแดงหม่นกับกลิ่นฉุนกึกของน้ำหอมปรับอากาศราคาถูกไม่ได้ทำให้อิทธิฤทธิ์รู้สึกสุนทรีย์กับห้องวีไอพีของร้านคาราโอเกะที่พยายามตกแต่งให้เทียบเท่าผับหรูในเมืองหลวงสักเท่าไร
“ให้ผมโทร.ตามนายประชาอีกรอบไหมครับ คุณอิท”
ชายหนุ่มส่ายหน้าเป็นคำตอบ ยกแก้วจิบเหล้าจากโรงบ่มชั้นดี แล้วปล่อยให้ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบสนิทจนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกครืดคราดของนายวิชัยที่หยิบแก้ววิสกี้ด้วยท่าทางประหม่าตามพื้นนิสัย
กระทั่งเสียงร้องเพลงที่ฟังคล้ายคนโหยหวนดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ผลักประตูเข้ามา โดยหนึ่งในนั้นมีบุคคลที่เขากำลังเฝ้ารอรวมอยู่ด้วย นายวิชัยจึงเด้งร่างท้วมของตัวเองลุกขึ้นยืน ผายมือแนะนำคนทางฝั่งตน
“นี่คุณอิทธิฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ของคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ครับ”
ผู้มาใหม่ยกยิ้มที่มุมปาก จับจ้องใบหน้าของเขาก่อนเดินเข้ามาย่อตัวนั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้าม “พอดีผมมีเรื่องยุ่งๆ ตามประสาคนเป็นพ่อค้าเลยมาผิดเวลาไปมาก หวังว่านักธุรกิจใหญ่อย่างคุณจะให้อภัย”
“ผมเป็นฝ่ายนัด ไม่ได้คิดอะไรถ้าหากต้องเป็นผู้รอ” อิทธิฤทธิ์เก็บความรู้สึกได้สนิท ไม่มีทั้งความโกรธหรือยินดีในดวงตาเรียว
“หรือไม่ก็ข้อเสนอที่คุณจะยื่นให้ผมคงคุ้มค่าที่จะรอถ้าผมยอมตกลง”
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แบบผู้ทรงอิทธิพลกับประโยคที่เอ่ยออกมาเพียงพอให้อิทธิฤทธิ์รู้ว่านายประชาเก๋าเกมกว่า ฉายามาเฟียท้องถิ่น
“จะคุ้มหรือไม่คุ้มก็อยู่ที่คุณประชาจะพิจารณา แต่ผมรับรองว่าคุณประชาจะมีแต่ได้มากกว่าเสีย”
“น่าสนใจ” นายประชาเอนหลังพิงพนัก ยกมือทั้งสองประสานกันใต้คาง “ไหนลองบอกให้ผมฟังสักหน่อยสิ”
อิทธิฤทธิ์ยกยิ้มมุมปาก หันไปสั่งคนของตน “คุณวิชัย คุณออกไปรอผมด้านนอก”
จากนั้นก็ส่งสายตามองเหล่าผู้คุ้มกันของผู้ทรงอิทธิพลเจ้าถิ่น นายประชาเข้าใจความหมาย จึงโบกมือไล่ลูกน้องของตัวเองออกไป เพื่อให้พวกเขาได้พูดคุยกันเป็นการส่วนตัว
“ผมรู้ว่าตอนนี้คนของผมทำความเดือดร้อนให้คุณประชา ซึ่งจริงๆ แล้ว การสร้างห้างสรรพสินค้าไม่ควรมีอะไรกระทบต่อธุรกิจของคุณประชาเลย” อิทธิฤทธิ์เริ่มต้นเจรจา
“ในทีแรกผมก็ไม่คิดว่าจะมี...” ดวงตากร้านโลกเขม้นมองชายหนุ่ม
“ทุกคนในคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ก็คิดแบบนั้น รวมถึงรสสุคนธ์ ผู้หญิงที่ทำให้คุณเดือดร้อนด้วยเช่นกัน แต่ตัวต้นเหตุที่สร้างปัญหาให้คุณไม่ใช่รสสุคนธ์ เพราะเธอไม่มีทางยอมเสียผลประโยชน์ค่าเช่าที่ของห้างสรรพสินค้าแน่นอน ถ้าไม่มีคนขวางผลประโยชน์”
“คุณหมายถึงโรงเรียนปลูกปัญญา?” นายประชาหรี่ตาแคบ
“ผมหมายถึงนายต้นกล้า”
มาเฟียเฒ่ากระตุกยิ้ม สอดมือเข้ากระเป๋าเชิ้ตล้วงเอาซองบุหรี่ยี่ห้อนอกออกมาเคาะบนมือแล้วจับปลายมวนที่โผล่พ้นจากซองจุดไฟสูบเอาควันเข้าปอด ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เขาเป็นตัวปัญหาของคุณ ไม่ใช่ของผม” ดวงตาจับจ้องราวกับต้องการล้วงลึกความคิดของชายหนุ่มผู้ฟัง “ถ้าเขาอยู่ ห้างสรรพสินค้าของคุณก็ไม่ได้สร้าง พ่อค้าแม่ค้าก็ยังต้องเช่าแผงตลาดของผมต่อไป คิดๆ แล้วก็ไม่เห็นว่าผมจะต้องเดือดร้อนอะไร”
อิทธิฤทธิ์ยกยิ้มที่มุมปาก “ผมบอกในตอนต้นแล้วนี่ว่าคุณประชาจะมีแต่ได้ แม้ในตอนนี้คุณประชาจะคิดว่าไม่ได้เสียอะไร แต่ทั้งหนี้ค่าแผงกับหนี้ที่ชาวบ้านกู้ไปเสี่ยงดวงในบ่อนก็ยังไม่ย้อนกลับเข้ากระเป๋าของคุณประชามิใช่หรือ”
อีกฝ่ายหัวเราะในลำคอ “คุณทำการบ้านมาดี”
“นั่นเป็นเพราะผมถือคติรู้เขารู้เรา และที่ผมกล่าวไปก็มิได้ตั้งใจละลาบละล้วงสิ่งที่คุณประชาทำ แต่ผมเห็นว่าเราทั้งสองต่างก็ทำธุรกิจ และต่างก็กำลังเดือดร้อนในเรื่องเงินที่ต้องนำไปต่อยอดทำทุน อุปสรรคของผมคือนายต้นกล้า อุปสรรคของคุณประชาคือหนี้สูญ ผมจึงอยากให้เรามาร่วมกันเปลี่ยนอุปสรรคให้เป็นโอกาสของกันและกัน”
ประกายไฟปลายมวนบุหรี่สว่างวาบเพียงวูบหนึ่งก่อนจางหาย หรือไม่ก็เปลวไฟนั้นได้เคลื่อนย้ายเข้าสู่ดวงตาของนายประชา ถึงได้เพ่งเขม็งมองเขาเหมือนพยัคฆ์แก่กำลังสำแดงเดชข่มขวัญผู้ที่บังอาจลองดี แต่อิทธิฤทธิ์ก็หาได้เกรงกลัว
“ผมจะซื้อหนี้ทั้งต้นและดอกทั้งหมดจากชาวบ้าน”
“คุณจะรีไฟแนนซ์หนี้?” คิ้วของราชสีห์แก่ย่นเข้าหากัน หลังพ่นควันนิโคตินให้ลอยคลุ้งโขมงทั่วห้อง
“ใช่ครับ คุณประชาจะได้เงินคืนเป็นต่อที่หนึ่ง แล้วคุณประชายังนำเงินก้อนนี้ไปขยายธุรกิจที่คุณประชาต้องการเป็นต่อที่สอง”
“มีแต่ได้กับได้?”
“มีแต่ได้กับได้” อิทธิฤทธิ์ย้ำคำพูด
บุหรี่หมดมวนลงในตอนที่ปากหยักกระตุกยิ้มร้าย นายประชาขยี้ปลายไฟลงในจานรอง แล้วเอนหลังพิงพนักมองชายหนุ่มที่ยื่นข้อเสนอได้สองต่อให้ แต่ในดวงตาเจ้าเล่ห์นั้นคล้ายยังไม่พึงใจเต็มที่ อิทธิฤทธิ์จึงได้ยินคำพูดเหนือความคาดคิด
“ผมอยากได้สามต่อ”
ชายหนุ่มปั้นเสียงให้นิ่งสนิท “เชิญพูด”
“ผมอยากให้คุณประกันตัวคนสองคนออกจากคุกในนามของคุณ”
“คนสองคน?”
“พวกเขาเป็นคนงานก่อสร้างของคุณที่ติดหนี้พนันบ่อน แล้วถูกจับข้อหาพยายามข่มขืนผู้หญิง”
“ไม่มีใครรายงานผมเรื่องนั้นเลย” อิทธิฤทธิ์เสียงขรึมขึ้นมา
นายประชาโน้มตัวเข้ามา ราวกับอยากให้เขาได้ยินชัดๆ “อาจเป็นเพราะผู้หญิงเจ้าทุกข์คนนั้นคือ... คุณรสสุคนธ์”
อิทธิฤทธิ์สูดเอาอากาศที่มีแต่กลิ่นบุหรี่เข้าปอดอย่างห้ามไม่ได้ ความกดดันที่เกิดขึ้นในใจมีต้นเหตุเพราะท่าทางนิ่งขรึมของมาเฟียเจ้าถิ่น แต่เมื่อคิดจะขี่หลังเสือแล้วก็อย่าหวังว่าจะลงง่ายดาย และหากเจ้าของรอยยิ้มร้ายไม่ได้คำตอบที่พึงใจ ก็คงไม่รอดจากเขี้ยวคมที่พร้อมจะขย้ำเขาได้ทุกเมื่อ
“ได้” ชายหนุ่มตกปากรับคำ “แต่คุณต้องรับรองว่าผมจะไม่เห็นโรงเรียนปลูกปัญญาบนที่ดินตรงนั้น”
“นั่นหมายความว่าคุณต้องไม่เห็นเจ้าต้นกล้าบนที่ดินผืนนั้นก่อน”
“ผมไม่อยากให้ถึงขนาดทำอะไรรุนแรง” อิทธิฤทธิ์กล่าวน้ำเสียงจริงจัง
นายประชาหัวเราะในลำคอ “ผมเองก็ไม่ได้อยากยุ่งกับคนคนนี้ แต่ดูเหมือนเขากำลังคืบเข้าหาผม ตอนนี้ผมเฝ้าดูอยู่ว่าเขากำลังทำอะไร แต่ถ้าคุณจะมาเป็นพันธมิตรผมก็ยินดี และผมมีทางทำให้เขาระหกระเหินออกจากที่นี่ไปด้วยตัวเขาเอง ผลที่ได้คือคุณจะไม่ได้เห็นทั้งเขาและโรงเรียนของเขาด้วยวิธีที่ดีกว่าที่นายวิชัยทำ”
คิ้วที่ขนานไปตามรูปตาเรียวของชายหนุ่มย่นเข้าหากัน “ผมมั่นใจว่ายังไม่ได้สั่งให้นายวิชัยทำอะไร”
“คุณไม่ได้สั่ง แต่คนอื่นสั่ง แล้วคนคนนั้นก็กำลังเนื้อเต้นให้นายวิชัยมาขอให้ผมช่วยกำจัดสิ่งปฏิกูลที่ตัวเองถ่ายไว้”
“นายวิชัยทำอะไร” คำพูดปริศนาของนายประชาสร้างเครื่องหมายคำถามบนใบหน้าชายหนุ่ม
“ก็ทำให้” คนพูดคลี่ยิ้มร้าย จ้องตาเขาแน่วนิ่ง “อุปสรรคของบริษัทคุณหายไปจากโลก แต่ดวงมันแข็งเลยยังไม่ถึงฆาต”
อิทธิ์ฤทธิ์พ่นลมหายใจแรง แต่ไม่ได้สืบคำถามต่อเพราะเขาจะไปเค้นคอถามจากคนของตัวเอง แต่ในตอนนี้เขาอยากรู้ว่านายประชาจะใช้กลใดจัดการกับขวากหนามให้สิ้นไปจากทางเดินของเขา
เพราะงานครั้งสุดท้ายถูกเลื่อนออกไปด้วยเหตุสุดวิสัยของทีเค มิลเลอร์ นายบรูโน่ก็มีเหตุต้องกลับอิตาลีกะทันหัน สองอย่างนี้จึงทำให้คิ้วสีบลอนด์ทองของเคย์แมนชิดกันกว่าแต่ก่อน ไม่รวมสภาพของเจ้านายหนุ่มบนเตียงพักฟื้น ซึ่งคนที่ควรเครียดน่าจะเป็นเขาที่ยังขยับเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้นอกจากใช้มือข้างเดียวทำงานบนเตียง แต่เคย์แมนรู้ว่าพูดอะไรก็ไม่เป็นผล จึงทำได้แค่นั่งเงียบแล้วส่งสายตากดดันจากโซฟา
“เบนเชื่อว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แล้วไอ้คนที่ทำมันก็ต้องการเอาคุณถึงตาย”
ต้นกล้าเองก็ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ เท่าที่จับความทรงจำได้ เขาได้ยินเสียงเร่งเครื่องยนต์ใกล้เข้ามา ภาพที่เห็นจากกระจกมองหลังคือการเล็งเป้าแล้วพุ่งชน ไม่ใช่การหลับในหรือเสียหลักอะไรทั้งสิ้น
“ไม่ว่ามันจะเป็นใคร บาดหมางกับคุณหรือมิลเลอร์ด้วยเหตุผลอะไร เบนสั่งให้ผมจัดการมันให้เรียบร้อย”
คำว่า ‘จัดการให้เรียบร้อย’ ทำให้ต้นกล้าเงยหน้าจากข้อมูลทางการเงินของลูกหนี้ สบกับความมาดร้ายหมายใจตามประโยคที่เปล่งออกมาในดวงตาของเคย์แมน
แต่หากหน้าที่ของเคย์แมนคือมัจจุราช หน้าที่ของเขาก็คือผู้ส่งสารจากยมบาล และงานต่อไปที่ต้องทำร่วมกันคือตัดสินชะตากรรมของแอนเจลฟลาย ลูกหนี้เงินกู้ที่รอโยกย้ายเข้าสู่บัญชีรายชื่อเดดลิสต์
แม้ชื่อไฟล์ที่ถูกระบุมาจะใช้คำว่าลับสุดยอด แต่ในวงการการเงินนั้นไม่มีคำว่าลับหากคนต้องการเป็นบริษัทเงินทุนยักษ์ใหญ่ และไฟล์ที่เขาต้องการก็สำคัญต่อการตัดสินใจควบคู่กันไปกับข้อมูลของแอนเจลฟลาย เขาจึงต้องมีงบการเงินย้อนหลังสิบปีของคุณากรพร็อพเพอร์ตี้เพื่อดูการไหลของกระแสเงินสด
แล้วต้นกล้าก็พบสิ่งน่าสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับจำนวนเงินก้อนหนึ่งที่รั่วออกจากคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ เป็นจำนวนก้อนเท่ากันกับเงินที่เข้าไปปรับมูลค่าทรัพย์สินของแอนเจลฟลาย แล้วมันก็ไม่ใช่การปันผลตามสัดส่วนที่ระบุในสรุปการประชุมผู้ถือหุ้น
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอย่างรสสุคนธ์จะรู้เห็นเรื่องนี้หรือไม่ คนนอกอย่างเขาไม่อาจรู้ ซึ่งหากความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัทจะแน่นแฟ้นขนาดช่วยพยุงกันและกันก็ไม่แปลก แต่ควรอยู่ในรูปแบบการกู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ไม่ใช่แค่โอนถ่ายเงินให้กันง่ายๆ แบบนี้ เพราะมันจะทำให้ผลประกอบการของคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ที่ยังทำกำไรได้ในระดับหมิ่นเหม่ดิ่งลงเหวอย่างถาวร
และถ้าวิเคราะห์ตัวเลขผลประกอบการย้อนหลังห้าปีที่ผ่านมาของบริษัทการบินแอนเจลฟลายก็อธิบายได้ถึงการตัดสินใจผิดพลาดของทีมผู้บริหารซึ่งลงขันซื้อหุ้นของสายการบินต้นทุนต่ำแห่งหนึ่งในยุโรป
แม้จะทำกำไรได้ในช่วงปีแรก แต่ด้วยภัยธรรมชาติบวกกับวิกฤตการเมืองในประเทศส่งผลต่อธุรกิจท่องเที่ยวให้ตกต่ำจนขาดทุนติดต่อกันถึงสี่ปี จึงเป็นที่มาของการกู้ยืมจากมิลเลอร์โฮลดิ้ง สถาบันการเงินที่สามารถอนุมัติภายในยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบไร้หลักทรัพย์ค้ำประกัน ทั้งนี้ ลูกหนี้ต้องยอมรับในเงื่อนไขพิเศษด้วยเช่นกัน
ทว่ารายได้จากการขายเที่ยวบินทั้งปีก็ไม่พอหนุนกระแสเงินสด ตัวช่วยที่ทำให้แองเจลฟลายประคองตัวอยู่ได้จึงเหลือแค่เงินปันผลจากคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ที่อิทธิฤทธิ์ถือหุ้นอยู่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ร่วมกับการถ่ายโอนเงินแบบผิดสังเกต ซึ่งหมายความว่า...
“อิทธิฤทธิ์ไม่อาจบริหารแอนเจลฟลายให้มีศักยภาพพอที่จะทำกำไร เลยเสนอการขายหุ้นคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ให้กับเรมอนด์แลนด์เพื่อเอาเงินมาคืนหนี้” ต้นกล้าบอกความคิดนี้กับเคย์แมน
“นี่อาจเป็นเหตุผลให้นายอิทธิฤทธิ์เร่งสร้างห้างสรรพสินค้าเพื่อทำตัวเลขผลประกอบการก่อนขายหุ้นคุณากรพร็อพเพอร์ตี้ส่วนที่ไม่ใช่ของตัวเอง...” เคย์แมนเสริม “ซึ่งก็เท่ากับโรงเรียนของคุณทีเค อ้อไม่สิ ของคุณครูต้นกล้าต้องหายไปตามความต้องการของแม่กุหลาบ”
ใบหน้าของหญิงสาวลอยเคว้งคว้างในความคิด หล่อนมุมานะทุบโรงเรียนเขาเพียงเพื่อให้ผลสุดท้ายคือการถูกขายหุ้นของบริษัทหรือ
“ผมขอเวลารวบรวมข้อสรุปแล้วจะให้คำตัดสินกับมิลเลอร์โฮลดิ้งในอีกสามวันข้างหน้า” ต้นกล้าเลือกยืดเวลาออกไป ด้วยหวังว่าอาจทำให้เขาเข้าใจอะไรถ่องแท้มากขึ้น โดยเฉพาะอะไรบางอย่างที่อยู่ในใจของรสสุคนธ์
“ให้ตายสิ ข้อมูลชัดขนาดนี้ คุณน่าจะฟันธงอย่างที่เคยทำไม่ใช่หรือ”
และเพราะเจ้านายหนุ่มไม่ตอบ เคย์แมนจึงพ่นลมหายใจแรง “รู้ไหมคุณทีเค แววตาของคุณตอนนี้เหมือนตอนที่คุณมองนายโรเจอร์วันนั้น ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าคุณไม่ตายด้วยมือของลูกหนี้ คุณก็อาจตายด้วยมือของตัวเอง”
แต่ในตอนนั้นเองก็มีสายเรียกเข้าจากโรงพยาบาลที่ครูเพ็ญพักรักษาตัว ชายหนุ่มจึงรีบรับสายแต่ใจความของข่าวที่ถ่ายทอดจากปลายสัญญาณทำให้เขาอกสั่น
“ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
แม้แขนยังไม่เอื้อต่อการขยับมากเกินไปกว่าจับช้อนกินข้าวด้วยตนเอง แต่การฟื้นตัวของร่างกายตอนนี้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทางไปเยี่ยมครูผู้เป็นที่รัก เขาจึงขอออกจากโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อให้เคย์แมนพาไปส่งถึงที่หมาย ทว่าในตอนที่เขาหมุนวงล้อวีลแชร์ให้เคลื่อนไปตามโถงทางเดินที่นำสู่ห้องไอซียู ก็ต้องรีบถอยหลบเข้าตรงมุมตึกเพราะหญิงสาวคนที่เคย์แมนเรียกว่าแม่กุหลาบก้าวขาออกจากห้องพักผู้ป่วยด้วยชุดป้องกันเชื้อทั้งตัว
“ไม่มีวิธีการรักษาอื่นที่พอช่วยได้แล้วหรือคะ” เสียงสั่นเครือของรสสุคนธ์ยิ่งเพิ่มพูนความหวั่นวิตกให้มากขึ้นทวีคูณ
“เราทำทุกอย่างที่ต้องทำแล้วครับคุณโรส ที่ต้องทำต่อจากนี้คือรอเวลา...”
“คุณหมอพอบอกได้ไหมคะว่าจะช้าหรือเร็วแค่ไหน”
เขาไม่ได้ยินเสียงตอบจากผู้เป็นหมออีก หรือการไม่ตอบคือคำตอบที่ดีที่สุดแล้วสำหรับอาชีพแพทย์ที่เลือกใช้แทนคำว่าสิ้นหวัง แล้วปล่อยความเศร้าซึมผ่านเข้าสู่จิตใจญาติผู้ป่วยช้าๆ ให้คุ้นเคยกับความทุกข์ก่อนกล่าวคำลาครั้งสุดท้ายแด่ผู้ห่วงหาอาทร
ทว่าในความทรงจำทั้งหมดทั้งมวลไม่มีใครเข้ามาสร้างรอยประทับไว้แก่เขามากมาย จำความได้ก็เห็นครูเพ็ญอยู่ข้างกาย คอยปลอบโยนหัวใจเด็กกำพร้าที่เคยร้องไห้อยากพบหน้าพ่อแม่ของตัวเอง
“ครูกล้าคะ”
เสียงเรียกปลุกต้นกล้าให้ตื่นจากห้วงคำนึงถึงอดีต ก่อนหันไปมองฝ้ายที่ยืนมองมาด้วยดวงตาฉงน ครูหนุ่มจึงยกนิ้วชี้ส่งสัญญาณให้นักเรียนสาวเงียบเสียง แล้วกวักมือเรียกให้เข้ามาใกล้
“เห็นคุณโรสบอกหนูว่าครูกล้ายังต้องอยู่โรงพยาบาลอีกเกือบสามอาทิตย์นี่คะ” ฝ้ายยิงคำถามใส่เขาก่อน
“โรงพยาบาลโทร.ไปบอกครูว่าอาการครูเพ็ญไม่ดี ครูก็เลยมา”
“คุณโรสก็ขอให้หนูขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งที่นี่ค่ะ”
“แล้วรถของคุณรสสุคนธ์ล่ะ” ต้นกล้าย่นคิ้วถาม
เด็กสาวทำท่าไม่ค่อยอยากบอก “คือ... ถูกเจาะยางค่ะ ตั้งแต่เมื่อคืนตอนที่คุณโรสไปดูกุหลาบที่โรงเรียน พอเดินออกจากโรงเรียนก็ถูกมือดีที่ไหนมาไม่รู้มาเจาะยางทั้งสี่ล้อเลย”
ความกังวลเดิมยังไม่ถูกทำให้คลายลง ความกังวลใหม่ก็เข้ามาถาโถมไม่ให้เวลาเขาตั้งตัวรับ มั่นใจว่าแม่กุหลาบกำลังถูกคุกคามอยู่เป็นแน่ แล้วจะเป็นใครได้เล่านอกจากคนที่หล่อนไปขัดขวางผลประโยชน์
“แต่เช้านี้คุณโรสก็ยังขอให้หนูไปดูสภาพกุหลาบที่โรงเรียนเป็นเพื่อนค่ะ”
“แล้วกุหลาบเป็นอย่างไร”
“ใบไหม้ กิ่งแห้ง ยอดอ่อนกุด อาการแย่ค่ะครู” เด็กสาวตอบเสียงเศร้า “ใช้ที่วัดดินตรวจแล้วก็รู้ว่าดินเค็มมาก”
“แล้วคุณรสสุคนธ์เขาทำอย่างไร”
“คุณโรสเขาก็รีบเอาดินจากถังเก็บที่ผสมไว้ตอนที่เขาเรียนกับครูมาเปลี่ยนแล้วก็รดน้ำจนชุ่ม แต่ไม่รู้ว่าดินชุ่มเพราะน้ำประปาของโรงเรียนหรือน้ำตาของคุณโรสมากกว่ากัน”
ต้นกล้าถอนลมหายใจ แอบทอดตามองไปทางห้องพักครูชราที่หญิงสาวยืนตาละห้อยยกมือเกาะผนังกระจก
“แต่ก็แปลกนะคะครู ต้นอื่นไม่เป็นอะไรเลย จะว่าเป็นไวรัสลงก็ไม่ใช่”
ครูหนุ่มหันกลับไปทางลูกศิษย์อีกครั้ง ชั่งน้ำหนักความคิดบางอย่างจนในที่สุดก็ตัดสินใจ “ฝ้าย ครูอยากให้เธอช่วยอะไรครูสองเรื่อง แต่ต้องเก็บเป็นความลับอย่าให้คุณรสสุคนธ์รู้เรื่องนี้เด็ดขาด”
ดวงตากลมใสซื่อของลูกศิษย์มองอย่างสงสัย แต่จนกว่าจะได้ยินการรับปาก เขาจะยังไม่บอกความต้องการแก่ผู้ใด
“ค่ะครู”
ต้นกล้าโล่งใจที่ได้ยินคำตอบนั้น และดีเหลือเกินที่ยังเหลือเด็กคนนี้เป็นนักเรียน แต่เมื่อแม่หนูบอกเงื่อนไขออกมา เขาก็เริ่มหวั่นเกรงในพลังการเข้าถึงหัวใจคนของหญิงสาว
“แต่ต้องไม่เป็นการหักหลังคุณโรสนะคะ เพราะคุณโรสเธอติวภาษาอังกฤษให้หนู แล้วเธอจะส่งชื่อหนูสอบชิงทุนมหาวิทยาลัยที่อังกฤษ”
ครูหนุ่มลอบถอนหายใจ เจ้าหล่อนช่างหาแผนการเข้าถึงนักเรียนของเขาได้ตรงตามเป้าจริงๆ กับหนูมุกใช้ขนมอร่อย ส่วนกับฝ้ายก็ใช้เรื่องการเรียนมาชักจูง
“ครูไม่ให้เธอทำเรื่องผิดศีลธรรมแน่นอน” เขาต้องพูดมั่นเหมาะจึงได้เห็นเด็กสาวยิ้มพยักหน้า จากนั้นค่อยบอกถึงสิ่งที่ต้องการให้เด็กสาวทำ
“เรื่องแรก ห้ามบอกชื่อพันธุ์ของ ‘โรส’ ให้คุณรสสุคนธ์รู้เด็ดขาด”
เด็กสาวแย้มยิ้ม “คุณโรสเขาเป็นฝ่ายห้ามหนูเองค่ะ เธอบอกว่าถ้ากุหลาบต้นที่เธอปลูกไม่รอด เธอจะไม่ขอรู้จักชื่อของมัน แต่ท่าทางมันก็ร่อแร่เหลือเกินค่ะครู หนูดูแล้วไม่น่ารอด สงสัยคุณโรสจะไม่มีโอกาสได้รู้จักชื่อของมันแน่นอน”
ครูหนุ่มคลี่ยิ้มบาง แล้วเอ่ยประโยคต่อมาที่สร้างความประหลาดใจให้ลูกศิษย์ “แต่ต้นที่อยู่ในโรงเรือนนั่นไม่ใช่ต้นที่เธอปลูกน่ะสิ”