สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

My Rose - บทที่ ๒๔ บทที่ ๒๔ โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย,รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า,plotteller, ploteller, plotteler,พล็อตเทลเลอร์, แอพแพนด้าแดง, แพนด้าแดง, พล็อตเทลเลอร์, รี้ดอะไร้ต์,รีดอะไรท์,รี้ดอะไรท์,รี้ดอะไร, tunwalai , ธัญวลัย, dek-d, เด็กดี, นิยายเด็กดี ,นิยายออนไลน์,อ่านนิยาย,นิยาย,อ่านนิยายออนไลน์,นักเขียน,นักอ่าน,งานเขียน,บทความ,เรื่องสั้น,ฟิค,แต่งฟิค,แต่งนิยาย

My Rose

หมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง

รัก,ดราม่า,ผู้ใหญ่,ไทย

แท็คที่เกี่ยวข้อง

รักโรแมนติก,พระเอกหล่อ,พระเอกอบอุ่น,นางเอกเก่ง,นางเอกรุก,ดราม่า

รายละเอียด

My Rose โดย ณ มหรรณพ @Plotteller | พล็อตเทลเลอร์

สำหรับคนที่ปลูกกุหลาบตายมาแล้วอย่างเธอ พอมาเจอเขา คนที่เดิมพันชีวิตเธอด้วยกุหลาบต้นเดียว รสสุคนธ์ก็ชักไม่แน่ใจว่า ระหว่างให้เขาสอนปลูกกุหลาบ หรือปลูกรักในหัวใจ แบบไหนยากกว่ากัน

ผู้แต่ง

ณ มหรรณพ

เรื่องย่อ

สารบัญ

My Rose-บทที่ 1 บทที่ 1,My Rose-บทที่ 2 บทที่ 2,My Rose-บทที่ 3 บทที่ 3,My Rose-บทที่ 4 บทที่ 4,My Rose-บทที่ 5 บทที่ 5,My Rose-บทที่ 6 บทที่ 6,My Rose-บทที่ 7 บทที่ 7,My Rose-บทที่ 8 บทที่ 8,My Rose-บทที่ 9 บทที่ 9,My Rose-บทที่ 10 บทที่ 10,My Rose-บทที่ 11 บทที่ 11,My Rose-บทที่ 12 บททึ่ 12,My Rose-บทที่ 13 บทที่ 13,My Rose-บทที่ 14 บทที่ 14,My Rose-บทที่ 15 บทที่ 15,My Rose-บทที่ 16 บทที่ 16,My Rose-บทที่ 17 บทที่ 17,My Rose-บทที่ ๑๘ บทที่ ๑๘,My Rose-บทที่ ๑๙ บทที่ ๑๙,My Rose-บทที่ ๒๐ บทที่ ๒๐,My Rose-บทที่ ๒๑ บทที่ ๒๑,My Rose-บทที่ ๒๒ บทที่ ๒๒,My Rose-บทที่ ๒๓ บทที่ ๒๓,My Rose-บทที่ ๒๔ บทที่ ๒๔,My Rose-บทที่ ๒๕ บทที่ ๒๕,My Rose-บทที่ ๒๖ บทที่ ๒๖,My Rose-บทที่ ๒๗ บทที่ ๒๗,My Rose-บทที่ ๒๘ บทที่ ๒๘,My Rose-บทที่ ๒๙ บทที่ ๒๙,My Rose-บทที่ ๓๐ บทที่ ๓๐,My Rose-บทที่ ๓๑ บทที่ ๓๑,My Rose-บทที่ ๓๒ บทที่ ๓๒,My Rose-บทที่ ๓๓ บทที่ ๓๓,My Rose-บทที่ ๓๔ บทที่ ๓๔,My Rose-บทที่ ๓๕ บทที่ ๓๕,My Rose-บทที่ ๓๖ บทที่ ๓๖,My Rose-บทที่ ๓๗ บทที่ ๓๗

เนื้อหา

บทที่ ๒๔ บทที่ ๒๔

บทที่ ๒๔

ผลงานของเจ้าเด็กนั่นจัดว่าไม่เลวทีเดียว แค่เป่าหูสองสามทีเครื่องก็ติด จากนั้นจะชี้นกก็เป็นนกชี้ไม้ก็เป็นไม้ แต่กระนั้นปัญหากลับย้ายข้างไปทางยายรสสุคนธ์ที่ยังเพียรชุบชีวิตเจ้ากุหลาบเฉาต้นนั้นให้ตื่นอีกครั้ง

และแม้จะไร้เงาของครูผู้ฝึกสอน ก็ยังมีนักเรียนที่ยังคงภักดีต่อสถาบันอีกหนึ่งคนที่คอยช่วยหล่อนประคับประคองกิ่งแห้งๆ ของมัน เขาจึงเกิดความกังขาว่าหล่อนควรปล่อยให้กุหลาบเฉาตายเพื่อจะได้ยึดที่ดินของต้นกล้ามาครอง มากกว่าร่ำร้องเศร้าโศกราวกับคนรักกำลังจากไปมิใช่หรือ

“เหลือแค่ไม่กี่เดือน แผนของคุณจะสำเร็จจริงหรือเปล่า” แต่หญิงสาวที่นอนข้างเขายังขาดความมั่นใจ 

“คุณเห็นรูปถ่ายแล้วไม่ใช่หรือ เจ้าจ้อยก็ยืนยันว่าสภาพแบบนั้นไม่มีทางรอดแน่” สัญชัยตอบเสียงขุ่น แต่พอเห็นแววความกังวลคั่งในดวงตาของหล่อน เขาก็พ่นลมหายใจอย่างระอา “ลองคิดดูให้ดี ถ้าเพื่อนคุณไม่อยากให้บริษัทของพ่อตัวเองเดือดร้อนจริง วันนี้พรุ่งนี้เจ้าหล่อนก็ควรเตรียมยกพลไปล้อมกำแพงโรงเรียนนั่น แล้วทีนี้นายอิทธิฤทธิ์ก็คงได้เห็นประโยชน์ของคุณขึ้นมาบ้างล่ะ”

“ถ้าเขาไม่ต้องแต่งงานกับโรสจะดีที่สุด แต่เขาทำอย่างกับการแต่งงานกับโรสเป็นเหมือนเป้าหมายสำคัญของชีวิต” 

หล่อนตัดพ้อชายอื่นกับเขา สัญชัยจึงแค่นหัวเราะ “ดูคุณจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่านายนั่นไม่เคยแยแสคุณสักนิด”

คำพูดที่เหมือนมีดเสียดแทงหัวใจหญิงสาว หน่วยตาคู่นั้นจึงเผยความเจ็บร้าวในอก ถึงเขาจะพูดปลอบใจก็ไม่อาจฉุดคนที่ยอมทิ้งตัวด่ำดิ่งสู่ก้นเหวแห่งความรักได้ นอกเสียจากทำให้หล่อนลืมความเจ็บชั่วขณะ สัญชัยจึงคว้าผ้าขนหนูขึ้นพันกาย เดินไปหยิบขวดเบียร์เย็นเฉียบจากตู้เย็น แล้วย้อนกลับไปยื่นส่งให้

“ดื่มไหม เผื่อจะรู้สึกดีขึ้น”

“ฉันอยากได้เหล้า” 

น้ำเสียงที่เปล่งออกมาขมขื่นยิ่งกว่าความขมของเหล้า แต่เขาก็ยินดีจัดให้ตามคำขอ เลือกเหล้านอกราคาแพงที่สุดจากชั้นเก็บ เดินกลับไปหาหล่อนพร้อมแก้ว รินของเหลวสีอำพันใสส่งให้หญิงสาว 

แต่เจ้าหล่อนไม่รับไมตรีด้วยแก้วเล็ก ลุกพรวดขึ้นนั่งแล้วฉวยคว้าขวดเหล้าไปกรอกปากราวกับกระหายอยากได้ฤทธิ์สุรามาบรรเทาความเจ็บปวดหัวใจ จนเหล้าในมือหล่อนพร่องลงไปเกือบค่อนขวด สัญชัยก็รีบฉวยคว้าคืน ส่งผลให้ดวงตาชื้นจ้องกลับอย่างโกรธขึ้ง 

“ผมว่าคุณควรเอาเวลากินเหล้าเมาหัวราน้ำแล้วพร่ำพรรณนาถึงเขามาหาความสุขใส่ตัวคุณเองจะดีกว่า”

“ฉันทุ่มความรักให้เขามาหลายปี จะให้ฉันลืมแค่ข้ามคืนได้ยังไงกัน”

ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม ยกขวดเหล้าในมือกรอกปากจนหมด แล้ววาดขาขึ้นไปบนเตียงคร่อมหญิงสาวไว้ด้วยต้นขาแกร่งทั้งสอง มองร่างอรชรเบื้องล่างด้วยดวงตาเปี่ยมความปรารถนาที่ไม่ได้เกิดจากฤทธิ์สุรา 

“อย่างน้อยก็แค่ตอนที่อยู่กับผม” พูดแล้วสะบัดผ้าห่มออกจากเรือนร่างขาวผ่องก่อนทาบทับแทนที่ด้วยเนื้อกายรุ่มร้อนของตน

ดุจดั่งถ่านที่ยังไม่สิ้นความระอุ เปลวเพลิงราคะในตัวหญิงสาวลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ความเร่าร้อนของหล่อนยังสร้างความหฤหรรษ์ให้เขาได้ไม่รู้เบื่อ ทว่าความสุขสมที่เขามอบกลับไม่ทำให้หล่อนลืมชายคนนั้น แพรพรรณรายสะอื้นไห้อีกครั้งเมื่อความน้อยเนื้อต่ำใจเข้าถาโถม สัญชัยจึงรวบร่างบางมากอดนอนฟังเสียงร้องไห้ของหญิงสาวจนหล่อนเหนื่อยอ่อนแล้วหลับไป

แต่เขายังไม่รู้สึกง่วงงุน เพราะอยากใช้ความคิดตรึกตรองถึงต้นกล้า เขารู้แค่ว่าเพื่อนวัยเยาว์ถูกบุญหล่นทับ บังเอิญผ่านไปช่วยเศรษฐีชาวอังกฤษจากการถูกอันธพาลจี้ชิงทรัพย์ตอนขากลับจากทำงานพิเศษ แล้วเศรษฐีผู้นั้นจึงขออุปการะไปเป็นเด็กรับใช้ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมาชีวิตของต้นกล้าเป็นอย่างไร เขาไม่เคยได้รับข่าวคราว ต้นกล้าเสมือนหายตัวไปจากโลกโดยสิ้นเชิง แม้แต่กับครูผู้มีพระคุณก็ยังไม่คิดจะติดต่อมาหา และนั่นเองที่ทำให้เขาเคืองขุ่นเพื่อนคนนี้อยู่ในใจไม่คลาย กระทั่งเจอกันอีกทีก็ในวันเลี้ยงลาโรงเรียนของครูเพ็ญ

แต่หลายปีผ่านไปเพื่อนของเขาก็ยังยึดอคติเก่า หรือการไปอยู่ต่างแดนใต้ใบบุญเศรษฐีไม่ได้เปลี่ยนความเป็นอยู่ของต้นกล้าให้ดีขึ้นหรอกหรือ ถึงได้ใส่เสื้อผ้ายืดกับกางเกงยีนส์มอซอแล้วยังหยัดยืนสู้เพื่อโรงเรียนปลูกปัญญา

 ซึ่งถ้าคิดให้ดี ต้นกล้าเคยบอกว่าทำงานให้นาย แล้วถ้านายที่ว่าคือทีเค มิลเลอร์ ก็ไม่น่าปล่อยให้เพื่อนของเขาที่เป็นแค่ครูใหญ่ไปสร้างสัญญาอะไรกับรสสุคนธ์ หรือถ้าเป็นคำสั่งของนายทีเค มิลเลอร์จริง ทำไมต้องหวงที่ดินขนาดไม่ยอมให้ใครเข้าไปบุกรุก  

เว้นแต่ว่าเพื่อนของเขาคือนายทีเค มิลเลอร์...

 

น้ำสะอาดหลั่งรดลงดินสร้างความสดชื่นแก่ราชินีดอกไม้ที่จัดวางไว้ริมหน้าต่างให้แดดเช้าส่องถึง จากนั้นชายหนุ่มก็ไล่ตรวจตราดูสุขภาพของกิ่งก้านใบว่าไร้โรคและแมลงรบกวน การแตกยอดใหม่ที่แต่ละยอดมีสีแดงก่ำสดใสพร้อมสำหรับการออกดอกผลิกลีบบานในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า

ถ้าหากหล่อนได้เห็น หล่อนจะดีใจกระโดดตัวลอยหรือร้องไห้ขี้มูกโป่งกัน พอจินตนาการใบหน้าของหญิงสาวในใจแล้วก็อมยิ้ม มองกุหลาบที่หล่อนเปลี่ยนชื่อพันธุ์ไปเป็นชื่อหล่อนตามอำเภอใจ 

ในทางกลับกัน กุหลาบต้นลวงกลับร่อแร่ ไม่น่ารอดเกินสองวันจากคำบอกของฝ้าย แม้รสสุคนธ์จะเปลี่ยนดินกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็มีแต่จะแย่ลง ต้นกล้าจึงมั่นใจเต็มร้อยว่ามีใครบางคนไม่ต้องการให้ ‘เจ้าโรส’ ออกดอกเบ่งบาน 

“ผมมาช้าไปหน่อย โทษที” นายเผ่าเปิดประตูห้องพักเข้ามา แล้วเข้ามากล่าวขอโทษขอโพย “กว่าจะหลบนางหนูมุกมาได้ ต้องให้พี่แพร้วพาไปซื้อเค้กของโรงแรมนู่นแน่ะถึงยอม”

เพราะเคย์แมนจะมาได้เพียงแค่ช่วงกลางคืน แล้วเขาจำเป็นต้องเข้าโรงเรียนให้ทันก่อนมืด จึงไหว้วานนายเผ่าให้มาช่วยพาไปส่ง ทั้งนี้ก็เกรงใจชาวประมงที่คอยให้ข่าวความเคลื่อนไหวของนายประชาด้วยเช่นกัน

“ผมก็ต้องขอโทษพี่เผ่าด้วย ขอให้ปิดเป็นความลับแล้วยังรบกวนให้มารับอีก”

เขาว่าพลางก้าวขาเดินไปหาโดยมีไม้ค้ำยันที่ต้องสร้างความคุ้นชินไปสักพักประหนึ่งอวัยวะของร่างกาย “ของมีไม่มากครับ นอกจากเสื้อผ้าตัวเก่าวันที่ถูกชน ก็โน้ตบุ๊กกับกระถางต้นไม้ต้นนั้น”

“เอ้อ แล้วครูกล้าจะกลับไปนอนโรงเรียนจริงหรือ” 

“ที่อยู่ที่กินของผมคือโรงเรียนครับ”

“มันอาจจะ... ไม่เหมือนเดิมเท่าไรนะ”

คำพูดของนายเผ่าทำให้ต้นกล้าย่นคิ้ว แต่ชายชาวประมงไม่อธิบายอะไรต่อ เดินไปอุ้มกระถางกุหลาบที่วางริมหน้าต่างขึ้น

“ไม่อยากบอก ไปเห็นก็รู้เอง” แล้วเดินออกจากประตูไปทิ้งปริศนาไว้ให้เขางุนงง 

จนเมื่อได้ไปเห็นกับตา ครูหนุ่มก็ตกตะลึงกับสภาพของโรงเรียนที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นหนาจากการทุบทำลายตึกและอาคารบ้านเรือนรอบด้าน ซึ่งกลายเป็นว่ามีเพียงโรงเรียนแห่งนี้เท่านั้นที่ยังยืนตระหง่านกลางซากคอนกรีตเกลื่อนกลาด

“มันอันตรายเกิน ผมเลยไม่ให้หนูมุกมาให้อาหารไก่” นายเผ่าบอกพลางจอดรถเทียบแปลงกุหลาบ “แต่คุณโรสกับยายฝ้ายมาช่วยกันรดน้ำล้างฝุ่นให้กุหลาบกับให้อาหารไก่ทุกวัน” 

ละอองน้ำที่ยังเกาะบนใบเขียวเป็นหลักฐานยืนยันแก่ครูหนุ่มว่าพวกเธอมาทำภารกิจไปแล้วในเช้าวันนี้

“อ้อ แล้วก็...” นายเผ่ายกกระถางของ ‘โรส’ มาวางไว้ที่ปลายเท้าของเขา แล้วเท้าเอวบอกเล่าอีกเรื่องสำคัญ “ยายฝ้ายบอกว่าคุณโรสเขาพาพวกวิศวกรกับเครื่องไม้เครื่องมือเข้าไปทำอะไรไม่รู้ในตึกเรียน”

ต้นกล้าลอบถอนหายใจ ทำแค่พยักหน้าเบาๆ จากนั้นก้าวเดินสามขาเข้าไปดูภายในจนประจักษ์แจ้งถึงหตุที่อาคารเรียนยังไม่ทรุดลงมาเพราะโครงเหล็กที่ถูกสร้างเสริมน้ำหนักเน้นจุดสำคัญเพื่อพยุงที่เต็มไปด้วยรอยร้าวเป็นทางยาวน่ากลัว

ในระหว่างที่เขาพักฟื้นที่โรงพยายาลเกือบเดือนคือเวลาที่หล่อนล่วงล้ำเข้ามาช่วยประคองอาคารเรียนไว้ แต่ระยะเวลาหลังจากนี้อีกหนึ่งเดือน จะเป็นช่วงสุดท้ายในการตัดสินจุดจบของสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างเขาและหล่อนที่มีเพียงการรอให้กุหลาบบาน

ทว่าสัญญาที่แอนเจลฟลายจะต้องชดใช้หนี้คืนทั้งหมดภายในหนึ่งเดือนเท่ากันนั้น รอแค่คำตัดสินใจจากเขาว่าจะเชื่อมั่นในตัวผู้บริหารของบริษัทลูกหนี้หรือไม่ 

“ผมว่าครูไปอยู่บ้านผมสักพักดีกว่า ถึงจะเสริมโครงเหล็กแต่ตอนที่เครื่องจักรทำงานก็สั่นไปทั้งตึก”

“ขอบคุณครับ แต่ผมอยากอยู่ที่นี่” เขาบอกปัดน้ำใจ ไม่ใช่เพราะดื้อด้านไม่ห่วงความปลอดภัยในชีวิต แต่ห่วงว่าจ้อยอาจหนีหายไปหากเขาไปพบเจอ “แล้วจ้อยกับจ๊ะจ๋าเป็นยังไงบ้างครับ เด็กสองนั้นทำความลำบากอะไรให้พี่เผ่ากับพี่แพร้วหรือเปล่า”

“จ้อยก็ขยันช่วยงานดีอยู่ เห็นคุยโวกับลูกจ้างผมเป็นคุ้งเป็นแควเลยนะว่าจะเก็บตังค์ให้มากพอส่งจ๊ะจ๋าเรียนโรงเรียนฝรั่งในเมืองหลวง” นายเผ่าพูดระคนเสียงหัวเราะ

คนฟังยิ้มได้แค่ตรงมุมปาก “พี่เผ่า...อย่าให้จ้อยรู้ว่าผมอยู่ที่นี่”

นายเผ่ามองเขาด้วยดวงตาประหลาดใจ “รวมถึงคนอื่นด้วยหรือเปล่า”

“ใช่ครับ พี่แพร้ว จ้อย จ๊ะจ๋า หนูมุก ฝ้าย แล้วก็... คุณรสสุคนธ์”

นายเผ่าพยักหน้าหงึกๆ ตอบรับ แล้วก็เล่าข่าวล่าสุดเกี่ยวข้องกับหญิงสาวที่ได้ยินมา “เรื่องที่คุณเขาให้พวกแม่ค้าพ่อค้าในตลาดเช่าที่ห้างน่ะ ผมได้ยินพวกในตลาดคุยกันว่าเขาเปลี่ยนเป็นรีไฟแนนซ์หนี้ให้โดยไม่ต้องใช้อะไรค้ำ”

“ไม่ต้องใช้อะไรค้ำ?” ต้นกล้าย่นคิ้วทวนคำพูดนายเผ่าอีกครั้ง

“ดอกเบี้ยก็แสนต่ำยิ่งกว่าธนาคารของรัฐอีกนะ พวกก็ดีใจใหญ่ขอเปลี่ยนสัญญาจากเช่าที่ในห้างเป็นรีไฟแนนซ์หนี้กันหมด แล้วเอาเงินจากรีไฟแนนซ์ไปจ่ายค่าแผงตลาดของนายประชาแล้วขายของต่อได้อีก” นายเผ่าเล่าความต่อด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อย “แต่เรื่องรับประกันราคาปลายังเหมือนเดิม ไม่ได้ยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงอะไร”

เธอเปลี่ยนแผนทำไมกัน? ต้นกล้าถามตัวเองในใจ แล้วเอ่ยถามนายเผ่าถึงความเคลื่อนไหวของนายประชา “แล้วฝั่งนายประชาล่ะครับ”

“เห็นเขายิ้มระรื่นดีนะ ก็เพราะได้รายได้ทั้งจากค่าเช่าแผงแล้วก็จากบ่อน นี่พวกพ่อค้าแม่ค้ายังไปเสี่ยงโชคในบ่อนอยู่บ่อยๆ ไม่รู้จักเข็ดหลาบ ก็คงเห็นว่าไม่ต้องจ่ายดอกแพง แทนที่จะเอาเงินไปทำทุนต่อ ดันเอามาลงบ่อนเสียฉิบ” นายเผ่าพูดไปส่ายหน้าไป

หล่อนคงจะไม่ถูกระรานจากนายประชาอีกต่อไป แต่พวกผู้ปกครองจะส่งบุตรหลานกลับมาเรียนกับเขาเหมือนเดิมหรือไม่ ไม่มีอะไรบอกได้ชัดเจน แต่เท่าที่ประเมินสถานการณ์จากนายเผ่าเอง ก็ไม่วางใจให้หนูมุกมาร่ำเรียนในโรงเรียนที่ปักป้ายเขตก่อสร้างอันตราย คงเหลือแค่ฝ้ายกับรสสุคนธ์ที่เขาก็ไม่อยากให้ทั้งคู่มาเสี่ยงภัย แต่การที่เขาต้องอาศัยในสถานที่แห่งนี้ก็เพื่อรอพิสูจน์ความจริง

เย็นวันนั้น หลังดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ทุกอย่างในโรงเรียนก็ถูกความมืดห่มคลุม แต่ต้นกล้ายังไม่คิดเปิดไฟ แล้วซ่อนกายใต้เงาไม้ตั้งแต่หัวค่ำ กระทั่งได้ยินเสียงความเคลื่อนไหว จึงค่อยๆ คลานเข้าไปใกล้โรงเรือนมุ้งให้เงียบเสียงที่สุดเท่าที่สภาพร่างกายตอนนี้จะทำได้ จนเห็นว่าบานประตูที่ปิดล็อกโรงเรือนมุ้งถูกเปิดออก ตามด้วยร่างเล็กของเด็กชาย 

จ้อย? ชายหนุ่มรำพึงชื่อของเด็กชายในหัว

กุหลาบที่เห็นชัดเจนว่าไม่น่ารอด ถูกมือน้อยๆ เทเกลือจนหมดซองลงดิน ตามด้วยน้ำให้เกลือละลายซึมกลายเป็นพิษต่อดอกไม้มีหนามแต่ไร้ปากร้องวอนขอชีวิต ก่อนถูกทิ้งให้ใช้เวลาช่วงสุดท้ายของมันหลังจากมีแสงจ้าคล้ายไฟหน้ารถสว่างวาบเป็นจังหวะจากหน้าโรงเรียน มือสังหารกุหลาบในร่างผู้เยาว์จึงหมุนตัวเดินจากตรงนั้นแล้วหายไปพร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ดังค่อยเลือนรางห่างไกลออกไป

ครูหนุ่มอ่อนแรงเกินกว่าจะพาร่างกายที่ยังเดินไม่มั่นคงตามออกไปเรียกตัวศิษย์รักให้กลับมาฟังความจริงว่าหากกุหลาบไม่บาน ก็เท่ากับไม่มีโรงเรียนปลูกปัญญาอีกต่อไป ซึ่งมันไม่ใช่ความต้องการของเด็กชายที่รักโรงเรียนยิ่งกว่าบ้านของตัวเอง

คืนนั้นเขาหลับไม่สนิท ฝันเห็นใบหน้าเละเทะของเจ้าลาย ลูกตาหลุดออกจากเบ้าร้องโหยหวนทรมานฟังคล้ายเสียงร้องของคนกำลังขาดใจตาย แต่ฝันร้ายก็ทำให้เขาตื่นแต่เช้ามืดโดยไม่พึ่งนาฬิกาปลุก แล้วรีบเก็บข้าวของที่บ่งบอกถึงการมีตัวตนอยู่ในห้องพักครูจนเรียบร้อยไร้ร่องรอย จากนั้นหาที่หลบซ่อนตัวตรงจุดที่เห็นทุกอย่างในโรงเรือนมุ้งก่อนรสสุคนธ์และฝ้ายจะมาถึง

เสียงเปิดประตูรั้วดังตามด้วยเสียงรถเป็นเครื่องแจ้งเตือนว่าทั้งสองกำลังจะก้าวเข้าสู่โรงเรือนกุหลาบ เขาได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ไม่ชัดนัก แต่เสียงหัวเราะของหญิงสาวกระตุ้นเร้าความอิ่มเอิบในใจประหลาด 

หากทว่าในตอนที่รสสุคนธ์เปิดประตูโรงเรือน เสียงหัวเราะสดใสก็หยุดชะงักราวกดปุ่ม แล้วบังเกิดความสลดประทับใจดวงหน้าหม่น ถึงจะไม่มีน้ำตา แต่ความเศร้าของหล่อนก็ส่งมาถึงหัวใจของคนที่ลอบมองอยู่ ร่างบางในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สบายก้าวเข้าไปดูสภาพความเป็นไปของกุหลาบที่หล่อนทุ่มเทความตั้งใจทั้งหมดในการเลี้ยงดูอุ้มชู แต่ความทุ่มเทนั้นได้สลายไปแล้วต่อหน้าต่อตา

“หนูว่าคุณโรสบอกลามันดีกว่าค่ะ ถ้ามันมีชีวิตจริง มันคงขอบคุณและซึ้งใจคุณโรสมากอยู่” ฝ้ายพูดด้วยใบหน้าเห็นอกเห็นใจ

“ฉันทำอะไรผิดไปหรือเปล่า” เสียงสั่นเครือของหล่อนสะเทือนถึงชายหนุ่ม

“ไม่ผิดแน่นอนค่ะ สิ่งที่ครูกล้าบอก คุณโรสทำมาหมดทุกอย่างแล้ว แต่บางครั้งมันก็อาจจะมีเรื่องเหนือความคาดหมาย” ฝ้ายปลอบใจได้ดีสมกับเป็นลูกศิษย์มือขวา

“อะไรล่ะ” แต่หญิงสาวยังไม่เข้าใจ “อะไรบ้างที่เธอคิดว่าเหนือความคาดหมาย”

ฝ้ายเม้มปากแน่น จ้องมองหญิงสาวนิ่ง คงจะคิดหาคำตอบให้หล่อนไม่ได้ แต่รสสุคนธ์ก็ไม่ได้คะยั้นคะยอต่อ หล่อนยืดอกสูดลมหายใจเข้าลึก 

“แต่ที่ฉันคาดไว้ ในที่สุดมันก็เกิดขึ้นจริง นั่นคือกุหลาบต้องไม่บาน ฉะนั้นฝ้าย... โรงเรียนปลูกปัญญาของเธอจะต้องย้ายออกไปภายในสิ้นเดือนหน้า”